ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เสียนะครับ แตะลิ้นดู่ว่าเปรี้ยวหรือเปล่า "น้ำผึ้งที่เก็บไว้นานจะมีสีเข้มจนดำ  ยิ่งเก็บในที่ร้อนยิ่งดำเร็วขึ้น  เพราะมีปริมาณสาร เอชเอ็มเอฟ (HMF) สูง เอชเอ็มเอฟ  เป็นชื่อย่อของสารเคมีชนิดหนึ่ง (hydroxy methylfur furaldehyde) ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา  จนเกิดปฏิกิริยาเคมีของ การย่อยสลายน้ำตาลฟรุกโทสในน้ำผึ้ง ความร้อนและแสงแดดจะเป็นตัวเร่งให้ปฏิกิริยานี้ เกิดเร็วขึ้นดังนั้นจึงควรเก็บน้ำผึ้งไว้ในที่มืดและเย็น  แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ตู้เย็น อย่างไรก็ตาม สารเอชเอ็มเอฟนี้ จะมีปริมาณน้อยมาก จนไม่น่าจะเกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ....... น้ำผึ้งใหม่คุณค่าทางอาหารจะมีมากกว่าน้ำผึ้งเก่า  และไม่ควรเก็บน้ำผึ้งนานเกิน 2 ปี เพราะน้ำผึ้งที่เก็บไว้นานคุณค่าทางอาหารจะลดลงเรื่อย ๆ" การอ้างอิง [1] การเก็บรักษาน้ำผึ้ง(เว็บ) aopdb03.doae.go.th จากคุณ : กรกฏ (Stranger in your heart) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 15:56:17

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าไม่สามารถกินได้แล้ว      เอามาผสมกับข้าวโอ๊ตทำสครับขัดผิวก็น่าจะได้อยู่นะคะ ป.ล. แก้ไขคำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 54 16:03:46 จากคุณ : ซำพอริมรั้ว เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 16:00:29

ความคิดเห็นที่ 3 สาร เอชเอ็มเอฟ (HMF) เป็นสารเคมี ที่มีพิษ ค่ะ การเกิดปฏิกิริยาเคมีของการย่อยสลายน้ำตาลฟรุกโทสในน้ำผึ้ง ความร้อนและแสงแดดจะเป็นตัวเร่งให้ปฏิกิริยานี้ ยิ่งเก็บนาน ยิ่งเพิ่มสารพิษตัวนี้้ ส่วนใหญ่จะเก็บในอุณหภูมิห้อง แต่มืดและไม่โดนแสงแดด ไม่ควรเก็บนานเกินสองปี เพราะความ สามารถทนต่อสาร HMF ในร่างกายของแต่ละคนไม่เท่ากัน อีกอย่าง การเก็บนาน ทำให้เอมไซม์ ในน้ำผึ้งลดน้อยลง ไม่เหลือประโยชน์ ทางยาแล้วค่ะ ยกตัวอย่าง เหมือนน้ำผลไม้คั้นสด ต้องทานภายใน สิบห้านาที ถ้ายิ่่งปล่อยนานไป เอมไซม์ลดน้อยลง แถมเชื้อจุลินทรีย์เพิ่มมากขึ้น เมื่อทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ที่สี่ชั่วโมง มีภาวะเสี่ยงต่อปัญหาเชื้อซัลโมเนลลา ปนเปื้อน ทำให้เกิด อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ในรายที่ มีความต้านทาน ต่ำเชื้ออาจรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดและมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้. ... เรื่องน้ำผึ้ง เป็นยาพิษ นี่ไม่ใช่แค่ในนวนิยายนะคะ อาจารย์ จากคุณ : nupvs เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 16:26:52

ความคิดเห็นที่ 4  ถ้าผมคิดถึง CH group ของน้ำมันเครื่อง ผมคิดถึงกลุ่ม unsaturated CH  ตัวที่รู้จักกันดี คือกลุ่ม Aromatic  สูตรโครงสร้างเคมี = C6H6  จะเห็นได้ว่าแขนของ C ยังจับกันไม่ครบ มันคล้ายแขนที่คอยไล่คว้า สาวๆ เวลาเดินมาใกล้ ตัวที่มันจะจับได้ง่าย คือ O ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีเรียก  Oxidation  ทดลองได้ง่ายๆในครัวที่บ้าน เอากระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันทิ้งให้ร้อนจนน้ำมันเกิด Oxidation จะไหม้เป็น"สีดำ"  หากทิ้งไว้ต่อไปจะแห้งดำติดกระทะ เรียก Soot ครับ ผมเล่าให้ฟังสนุกๆ คงไม่ดุผมนำวิชาการมาเล่า ส่วนน้ำตาล Fructose เป็น 1 ใน 3 ชนิดน้ำตาลในกระแสเลือด มีใน "กล้วยหอม" ในสัดส่วนที่พอเหมาะ และมันจะดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้ทันที โดยมีค่า Glycemic Index ต่ำ คือ GI=32   vs  Glucose มีค่า GI=100  เนื่องจากค่า GI ต่ำน้ำตาล Fructose เหมาะกับคนเป็นเบาหวาน หมายเหตุ. เราจะเห็นนักกีฬาโดยเฉพาะ เทนนิสและมาราธอน พกกล้วยไว้กินเป็นแหล่งพลังงาน เพราะกล้วยมีโปรตัสเซี่ยม ?? ช่วยให้ไม่เหนื่อยง่าย ผมคงเป็นนักพัฒนา ผมจับกล้วยมาตากทำให้แห้ง ใช้เป็น Power Bar เวลาผมขาดน้ำตาล หมดแรงทำท่าจะวูบ ผมจะคว้ามาเติมพลัง  จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 17:10:41

ความคิดเห็นที่ 5  ถ้าดูจาก "สีดำ" เพียงอย่างเดียวยังบอกไม่ได้ชัดเจนว่า มันเกิดจาก Anaerobically fructose fermentaion ทำให้เกิด Ethanol + CO2 ===> HMF  หรือ เกิด Oxidation  เท่านั้น เราจะทดสอบได้จาก รส ที่เปลี่ยนแปลงเป็น เปรี้ยว ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 17:23:31

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีค่ะ ลุงอ่ำที่เคารพ :) หนูก็มีน้ำผึ้งเก็บไว้เหมือนกันค่ะ...ขออนุญาตเข้ามาอ่านคำตอบนะคะ มีเพลงมาฝากเพื่อเข้ากับบรรยากาศ เรื่อง น้ำผึ้ง ค่ะ อิอิ ^_^ เพลง น้ำผึ้งหรือยาพิษ - ก้อย พรพิมล จากคุณ : Sandy ^_^ (Zand) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 17:43:54

ความคิดเห็นที่ 7 ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับความรู้ที่สำคัญครับ แม่อีหนูเขาบอก ลุงอ่ำ ว่า หากเราไม่รู้ว่าเสียหรือยัง ควรตัดสินใจเอาไปทำเชื้อปุ๋ย EM หรือปุ๋ยชีวภาพของดอยคำ (มีอยู่) แทนกากน้ำตาลที่กำลังจะหมด ดังนั้น สิ่งที่ ลุงอ่ำ กำลังจะตัดสินใจปฏิบัติ คือ เปิดขวด แล้วเทออกมาหน่อยหนึ่ง เอามาแตะลิ้นชิมดู ถ้ายังหอมหวาน...ก็จะเก็บไว้ แล้วรีบกินเมื่อยังหวาน (ทางเลือกที่ ๑) ถ้ามีรสอมเปรี้ยว...คงจะเอาไปทำปุ๋ยชีวภาพ (ทางเลือกที่ ๒) ในกรณีปฏิบัติตามทางเลือกที่ ๑ คือ กิน... อยากทราบว่า มีเมนูอะไรสำหรับคนแก่บ้างครับ จากคุณ : ลุงอ่ำ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 18:03:15

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีตอนเย็นค่ะ ลุงอ่ำที่เคารพ :) ถามว่า มีเมนูอะไรสำหรับคนแก่บ้างใช่มั๊ยคะ หนูหาเจอแล้วค่ะ...เมนู กล้วยแช่น้ำผึ้ง เป็นยาสมุนไพรด้วยนะคะ อิอิ :) >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>                 นอกจากปฏิบัติตัวตามวิถีดั้งเดิมที่ช่วยสร้างสุขภาพที่ดีแล้ว คนโบราณมักมีตำรับยาอายุวัฒนะ หมายถึงกินแล้วร่างกายมีความสมดุล แข็งแรง มีความพร้อมไว้ต้านทานโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ยกตัวอย่างให้ทำกินใช้เองได้ ดังนี้      ตำรับที่ ๑ ตัวยาประกอบด้วย กล้วยน้ำว้าสุก โบราณท่านว่าให้ใช้จำนวนเท่ากับอายุผู้กิน และน้ำผึ้ง หาน้ำผึ้งแท้จากป่าธรรมชาติยิ่งดี    วิธีทำ เลือกกล้วยน้ำว้าไม่สุกไม่ดิบ ปอกเปลือกออก แช่น้ำผึ้งในขวดโหลนาน สัก ๒ สัปดาห์ เคล็ดลับ อย่าปิดฝาโหล ให้ใช้ผ้าขาวบางปิดเพื่อกันฝุ่นและแมลงลงไป ถ้าปิดฝาสนิท จะทำให้เกิดการหมัก คล้ายการหมักผลไม้เพื่อทำไวน์ จะทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยว     วิธีกิน ให้กินทุกวันๆ วัน ๑ ลูก โบราณท่านแนะว่า โดยเฉพาะผู้สูงอายุ กินแล้วทำให้ผิวพรรณผ่องใส ขับถ่ายคล่อง และมักมีคนสงสัยว่า กล้วยดองน้ำผึ้งนี้กินเฉพาะกล้วย หรือกินน้ำผึ้งที่แช่ในโหลได้ด้วย คำตอบคือ จะกินน้ำผึ้งด้วยวันละ ๑ ช้อนชาก็ไม่ผิดกติกาอะไร ขอบคุณข้อมูลจาก ตำรับยาอายุวัฒนะ จากประสบการณ์ชาวบ้าน http://www.thaihof.org/frontherb/%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B0-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99 จากคุณ : Sandy ^_^ (Zand) เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 18:16:13

ความคิดเห็นที่ 9 ลุงอ่ำตั้งคำถามได้ถูกใจ กำลังสงสัยอยู่ทีเดียวค่ะ ว่าน้ำผึ้งเก่ากับใหม่อันไหนดีกว่ากัน ญาติทางเชียงรายเอามาฝากแม่ตอนดำหัวสงกรานต์ทุกปี เห็นแม่เก็บไว้ก็หลายขวด(แม่โขง)อยู่ เลยขอที่เก่าๆเอามาผสมทานาคาทาหน้า หมดไปขวดหนึ่งแล้วค่ะ แม้จะมีสีดำแต่ก็ยังมีรสหวานอยู่นะคะ ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 18:44:17

ความคิดเห็นที่ 10 เลยขอที่เก่าๆเอามาผสมทานาคาทาหน้า หมดไปขวดหนึ่งแล้วค่ะ แม้จะมีสีดำแต่ก็ยังมีรสหวานอยู่นะคะ ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว ************** มิน่า....สาวพม่าไม่กล้าเฉียดกราย....!! จากคุณ : ~นายเฉิ่มศักดิ์~ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 19:55:36

ความคิดเห็นที่ 11 ทานน้ำผึ้งดำไปหลายขวดแล้วค่ะคุณ: ลุงอ่ำ ไม่ได้ทานเองนะคะให้สามีทาน จากคุณ : tintila เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 20:30:13

ความคิดเห็นที่ 12 5555 เธอคงคิดว่าเจอคนป่วยดีซ่านมังคะคุณเฉิ่มศักดิ์ เลยไม่อยากเฉียด เพราะนอกจากทานาคาแล้วยังมีผสมขมิ้นผงลงไปด้วย ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:19:33

ความคิดเห็นที่ 13   ตอนแรกผมสงสัย ทำไมนักเทนนิส ไม่กินกล้วยน้ำว้า ผมทดลองเอา "กล้วยน้ำว้า" มาตากแห้งทำเป็น Power Bar ปรากฏว่า .... รสหวานจัดมาก แสดงว่ากล้วยน้ำว้ามี ปริมาณน้ำตาล Fructose   สูงมาก  ต่างกับ "กล้วยหอม" ที่มีปริมาณน้ำตาลฟรุตโตส พอเหมาะ ไม่หวานจัดจ้านเกินไป  ระดับน้ำตาลในเลือดจึงไม่วูบวาบ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:36:50

ความคิดเห็นที่ 14 จากประสบการณ์รับราชการ(ส่วนกลาง)ไปราชการต่างจังหวัด มาร่วม 30 ปี ปัจจุบันใกล้เกษียนอายุราชการแล้ว ได้น้ำผึ้งเดือน 5 มามากมาย ซึ่งขณะนี้น้ำผึ้งดังกล่าวทั้งดำและข้น ผมก็ยังใช้บริโภคอยู่ ความเชื่อส่วนตัวของผมนะถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ๆและเก็บรักษาอย่างดี สามารถใช้บริโภคได้ตลอดครับ รอดูความเห้นอื่นๆครับ จากคุณ : bkksc.1 เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 21:49:11

ความคิดเห็นที่ 15  ผมมาช่วยยืนยันตาม คห. 5 ที่บอกว่า สาร เอชเอ็มเอฟ (HMF) เป็นสารเคมี ที่มีพิษ การเกิด HMF จากกระบวนการ Anaerobically fructose fermentaion ทำให้เกิด Ethanol + CO2 ===> HMF   คำว่า Anaerobic แปลว่า WithOut Air  การหมักตัวไม่ต้องใช้ O2 มันเกิดผลผลิตเป็น CO2  ..... ซึ่งเราจะสังเกตได้ง่ายๆ ตอนปิดขวดจะได้ยินเสียงแก็สดัง ฟู่ ชัดเจน ได้ยินอย่างนี้ + รู้อย่างนี้ อย่าเอาชีวิตเข้าแลกเลย จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 22:36:23

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเคยเจอแต่สาร FHM หวานกว่าน้ำผึ้งอีกฮะ จากคุณ : จ่าหมาน เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:35:50