เรื่องนี้..ดิฉันได้รับจาก E-mail ของเพื่อนคนหนึ่ง..อ่านแล้วประทับใจค่ะ
(หากท่านใดเคยอ่านข้อคิดนี้แล้วต้องขออภัยด้วยค่ะ)

ที่เมืองไทย.......เมื่อหลายปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก
คือ....มีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก เป็นคนดำเนินรายการ "คนค้นคน"
ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร นะ มาเรียนที่อเมริกา
เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุด
แม้กระทั้งล้างจาน ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู ว่าสะอาดจริงมั้ย
กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย ต้องให้ดีที่สุด
เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ เขียนไว้สามแผน
แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ
แกเสนอแผนที่สอง
แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม
ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย
แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา
มีธุรกิจ มีชื่อเสียงทุกอย่าง แกมีทุกอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน
วันหนึ่ง...แกพักผ่อน หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย
ลูกเมียไปขอพบ แกบอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิตนะ
วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป
ภรรยาพาเข้าโรงพยาบาล ตรวจพบ "มะเร็ง"
พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย
จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด
แต่แกไม่มีเวลาไปตรวจ มันก็เลยแก้ไม่ได้
แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
แล้วก็สารภาพให้รายการ คนค้นคน บันทึกชีวิตแก
ก่อนจะเสียชีวิต แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
แกก็บอกว่า สังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่
กลับมาเป็นว่า พ่อแม่ต้องมาดูแลลูก
ก่อนจะเสียชีวิต
แกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
พ่อผมเคยบอกว่า เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ
ปริญญาใบที่หนึ่ง " ปริญญาวิชาชีพ"
เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่น
พูดง่าย ๆ ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้
อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่นี้คือ " ปริญญาวิชาชีพ "
แต่ "ปริญญาวิชาชีวิต"
ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สอง...ที่พ่อแกบอกไว้
แกบอกว่า...ผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ ปริญญาวิชาชีพ
แต่ " ปริญญาวิชาชีวิต " สอบตก
เพราะอะไร เพราะทำงานจนป่วยตาย
ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่า
ผมได้เตรียมทุกอย่าง บ้าน รถ
มอบมันให้กับลูกและภรรยา
แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่าง ให้กับลูกและภรรยา
สิ่งที่ว่านี้คือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
ผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย
เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย
นี่คือ " ปริญญาวิชาชีวิต "
เราจะต้องมี ธรรมะ
ถ้าเราไม่มีธรรมะเราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
ที่ทำงานแทบล้มประดาตาย แล้วสุขภาพไม่ดี
ดังนั้น เมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว
อย่าลืมมีเวลาดูแลสุขภาพของตัวเอง ในแต่ละวันด้วยนะ
แต่ละวันควรจะมีเวลาให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง
ว่า เอ๊ะ มันทุกข์ มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ หนักเกินไปหรือเปล่า
พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ
เพื่อที่ว่าอะไร
เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต
หนึ่ง " ป ริ ญ ญ า วิ ช า ชี พ "
เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่
แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง
คือ " ป ริ ญ ญ า ชี วิ ต "
สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือดร้อนเกินไป
ทำอะไรให้พอดี
พอดีอยู่ดีมีสุข
อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว
อยากพักให้ได้พัก
อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง
อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด
และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี
เพราะอะไร
เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา
เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า
ว่าอะไรคือ สิ่งสูงค่าที่สุด
บางคนก็ตอบ เงิน
บางคนก็ตอบ เพชร
บางคนก็ตอบ ทอง
บางคนก็ตอบ อำนาจ
บางคนก็ตอบ ราชบัลลังก์
พระพุทธเจ้าบอก
ไม่ใช่
สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือ
สุขภาพและชีวิต
สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
คนที่สุขภาพดี ดื่มน้ำธรรมดา ก็อร่อยนะ

ป.ล. อุทธาหรณ์ของเรื่องนี้ก็คือ...อย่าทำงานหนักจนป่วยตาย เจ้าค่ะ :)
10 วิธีสร้างความสุขด้วยตนเอง