Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
"นินรินทร์" เรื่องอ่านเล่นยามฝนพร่างพรู ติดต่อทีมงาน

หลังจากอ่านหัสนิยายชุด "พลนิกรกิมหงวน" ได้จบเล่ม
นินรินท์ถึงได้มีโอกาสหุบยิ้ม จากการที่ต้องหัวเราะแบบไม่มีเสียงที่เกิดจาก
การอ่านเรื่องตลกนั้นมาเนิ่นนาน

เหลือบตามองผู้คนที่นั่งบ้างยืนบ้างในห้องสมุดนั้น เพื่อสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มี
ใครเห็นอาการนั่งหัวเราะน้ำหูน้ำตาไหลอยู่เพียงคนเดียว หล่อนก็นำหนังสือ
สามสี่เล่มนั้นมารวมกันไว้ แล้วยกมือกราบงาม ๆ ไปหนึ่งครั้ง

รำลึกถึงบรมครูงานเขียนท่านหนึ่งในชื่อ "ป.อินทรปาลิต" ที่ท่านได้ทิ้งงานดี
ๆ ให้หล่อนได้อ่านอย่างรื่นรมย์ ร่มรื่นอารมณ์จนกระทั่งหล่อนลืมเรื่องเศร้า
หมองไปได้ แม้เพียงชั่วคราวก็ถือว่าเป็นพระคุณ

หลังจากคืนหนังสือให้ท่านบรรณารักษ์ ผู้ครองบุคลิกภาพด้วยแว่นตาที่หนา
เตอะ ผมเกล้าเป็นมวย และใส่ชุดเชยแสนเชยนั้นไว้ได้มาตั้งแต่อดีตกาล
หล่อนก็เดินออกมาบริเวณภายนอกหอสมุดแห่งชาติ
เหลือบตามองนาฬิกาที่ข้อมือในครั้งแรก
หล่อนยังไม่เห็นว่ากี่โมง
ต้องมองอีกครั้ง จึงจะรู้ได้ว่าเกือบบ่ายสามโมงแล้ว
โดยหล่อนไม่ลืมจะยิ้มเป็นการขอบคุณให้กับเจ้าของนาฬิกาผู้นั้น

ยังเหลือเวลาอีกนานพอดูที่หล่อนจะเถลไถลไม่กลับบ้าน
บ้านซึ่งเป็นสถานที่อันอบอุ่นอย่างเหลือเกินจนหล่อนรู้สึกร้อนนั้น
หล่อนจึงเดินเรื่อยเปื่อยไปทางท่าน้ำซึ่งอยู่ติดกันนั้น
หล่อนเป็นคนชอบแม่น้ำลำคลอง
หล่อนชอบมองคลื่นระยับอันเกิดจากการสะท้อนแสงของท้องฟ้า
ชอบลมเย็นที่จะเลือกพัดเฉพาะริมน้ำเท่านั้น
และก็ชอบมองคลื่นที่เกิดจากเรือด่วนบ้างไม่ด่วนบ้างซัดเข้าหาฝั่ง
สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้หล่อนผ่านเวลาไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกเหนือเสียจากการฆ่าเวลาไปกับการอ่านหนังสือ
เวลาพาบางสิ่งบางอย่างมา และเวลาก็พาสิ่งนั้นจากไป
ทิ้งไว้แต่ความเศร้าตรมระทมใจ
ซึ่งหล่อนก็หวังว่า แล้วเวลาก็จะพาความเศร้านั้นจากไปอีกที
แต่ครั้งนี้มันนานเหลือเกิน..

ท่าน้ำแห่งนั้นเป็นสถานที่ต้องห้ามของทางราชการ
หล่อนจึงเลี่ยงเดินเลาะริมน้ำไปอีกทาง
ลมเย็นโชยพัดผ่านใบหน้าและร่างกายจนรู้สึกได้ถึงความสดชื่น
ผมยาวปลิวไสวระแก้มขาวนวลใสนั้นไปมา
นาน ๆ ครั้งหล่อนจะยกมือขึ้นปัดด้วยความรำคาญ
ริมฝีปากแดงชัดตัดกับความขาวของสีผิวนั้นอวบหนา
หากขณะนี้กำลังยิ้มอย่างเต็มที่
ให้กับอะไรอย่างหนึ่งที่ส่ายหางแทบหลุดเดินมุดหัวเข้ามา
มันไม่น่าจะเป็นคุณทองแดง แม้ว่ามันจะเป็นหมาไทย
มันน่าจะเป็นนังทองป่องมากกว่า
นมเจ็ดแป้นเต้านั้นบวมย้วยเกือบระพื้น
ท้องที่ยื่นแทบติดดินทำให้ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเดินได้ไหว
มันส่งสายตาเป็นเชิงถามไถ่
หล่อนส่ายหน้า
มันมองอีกครั้งโดยปรับแววตาให้น่าเวทนาสงสาร
หล่อนถอนใจ เปิดกระเป๋าถือแล้วมองเข้าไปค้นหาอะไรบางอย่าง
แล้วหล่อนก็ยิ้มออกมา
ล้วงมือหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ด
หล่อนหวังว่าฮอล์ลเม็ดนี้จะช่วยให้มันรู้สึกเย็นได้
ไม่ต้องถึงกับขึ้นจากนรกมาอยู่ในน้ำตกอย่างในหนังโฆษณาหรอก
แค่ให้มันหายกลุ้มใจที่อีกไม่กี่วันมันก็จะต้องคลอดเจ้าตัวเล็ก ๆ ออกมาแล้ว
ให้มันเย็นชื่นใจก่อนที่มันจะต้องทนเจ็บหัวนมและทนหาอาหารมาจุนเจือให้
กับลูก ๆ ของมันในอีกไม่นานข้างหน้านี้

นินรินท์นั่งให้ลมพัดเพื่อผ่อนคลาย
กระเป๋าถือวางอยู่ที่ตัก เสื้อนักศึกษาสีขาวกับกระโปรงดำนั้นปลิวไสวจน
หล่อนต้องคอยคว้าคอยจับไม่ให้มันเตลิดไกลจนใครเห็นว่าโป๊

มองบนฟ้าเห็นฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล..
พร้อมจะเทสายฝนลงมาได้ทุกเมื่อ
หล่อนเหลียวมองหาข้อมือเพื่อจะดูเวลา
มีแต่นังทองป่องตัวเดียวที่มากระทั่งบัดนี้ยังเลียฮอล์ลเม็ดเดียวนั้นยังไม่หมด
หล่อนอยากจะถามมันว่ากี่โมงแล้ว
แต่หล่อนกลัวมันตอบขึ้นมา
หล่อนขี้เกียจวิ่งหนีหมาพูดได้..

ด้วยความเกรงใจสายฝน
หล่อนจึงเดินหาที่หลบฝน
เป็นศาลาริมน้ำเก่า ๆ ที่ใครมาปลูกไว้ก็ไม่รู้
มองไปก็เห็นมีแต่บ้านร้างไร้ผู้คน
เก่าจนหลังคาบางแผ่นหล่นมากองอยู่กับพื้น
หล่อนทรุดตัวลงนั่งลงบนตั่งไม้ในศาลานั้นที่ส่งเสียงดังกรอบแกรบ
ใจหายอยู่ครามครันว่าหล่อนอ้วนถึงเพียงนี้เชียวรึ
เมื่ออาทิตย์ก่อนยังชั่งได้สี่สิบเจ็ดโล
วันนี้ไม่น่าจะขึ้นมาได้อีกนะเพราะตั้งแต่เช้ามีแต่กาแฟเย็นและก็ฮอล์ล
ยกมือขึ้นลูบท้องก็ไม่มีไขมัน
ยกแขนขึ้นดูก็ยังไม่มีส่วนใดตกท้องช้าง
คลำลำคอก็ยังไม่เป็นปล้อง ๆ
คางกับหน้าอกก็ยังคงทิ้งระยะห่างไกลกันได้ตั้งคืบกว่า ๆ
แก้มก็ยังไม่ยุ้ย ตาก็ยังไม่ตี่
นึกหน้าตาตัวเองในกระจก..
เราอาจจะไม่สวยพอก็ได้...จึงไม่มีค่าอะไรให้เขาใส่ใจ
คิดขึ้นมาทีไร..น้ำตาพาลจะไหลทุกที
เฮ้อ..


ฝนเทลงมาตามความคาดหมาย
ในขณะที่หล่อนหยิบไดอารี่เล่มบาง ๆ ขึ้นมานั่งเขียนอะไรเล่น
สายฝนที่สาดหนาเป็นสายลงบนพื้นน้ำ
ดูน่ากลัวและน่าอภิรมย์ไปในขณะเดียวกัน
ปากกาเล่มน้อยสีสันสดใสนั้นขยุกขยิกไปมา
“วันนี้เดินเล่นมาจนถึงท่าน้ำ..
แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าเดินมาทำไม..
คงเพราะคิดถึงเธอมั๊ง..เวลาฉันคิดถึงเธอฉันมักจะใจลอยอย่างนี้เสมอ
ทำอะไร ๆ โดยไม่ค่อยรู้ตัว..
จริง ๆ แล้วฉันก็ยังแปลกใจตัวเอง..ว่าทำไมถึงลืมเธอไม่ได้สักที
คนใจร้ายอย่างเธอ..ฉันไม่ควรจะจดจำให้หนักหัวใจ
แต่ไม่เป็นไรหรอก..สักวันหนึ่งฉันจะต้องลืมเธอให้ได้
ฉันสัญญา...”


เขียนได้แค่นั้นศาลาก็ไหวยวบ
หล่อนตกใจเงยหน้าหาสาเหตุ
นั่นไง..ใครก็ไม่รู้
ผมยาวปรกต้นคอ และผอมสูง
ใส่เสื้อเชิร์ตแขนยาว กางเกงยีนส์สีซีด
ดวงตาถูกบดบังด้วยแว่นตาสีชาที่ทึบจนแทบมองไม่เห็น
เพียงแว่บเดียวที่หล่อนเหลือบมอง
หล่อนสรุปในใจได้ประโยคหนึ่งว่า
หมอนี่ต้องบ้าแน่ ๆ ฟ้ามืดออกยังงี้ยังใส่แว่นดำ

เขายืนเก๊กอยู่นานจนหล่อนเป็นห่วงว่าจะเมื่อย
แต่แล้วเขาก็คลายเก๊กทรุดตัวลงนั่งบนตั่งตรงข้ามซึ่งส่งเสียงกร่อบแกรบไม่แพ้กัน

เขายังไม่ถอดแว่น
เขาเหม่อมองไปที่ท้องน้ำ ท้องฟ้า และสายฝน
เขามองหล่อนหรือเปล่าไม่รู้ เพราะแว่นดำนั้นปกปิดดวงตาของเขาเอาไว้
และหล่อนก็มองเขาด้วยหางตา

"ฝนตกหนักอย่างนี้คงอีกนานกว่าจะหยุด.."
นั่นไง..พูดแล้ว
"มาหลบฝนเหมือนกันเหรอ?"
เรื่องไรฉันจะตอบ ไม่ได้รู้จักกันนี่นะ
"เปียกปอนมาเชียว.."
ไร?..ใครเปียก? ฉันมาถึงศาลานี้ก่อนฝนตกย่ะ
"ไม่ต้องสะบัดนะ..ขอร้อง นอนเฉย ๆ.."
เอ๊ะ..
"ดีมาก..ท้องแก่ด้วยนะเรา..เมื่อไหร่จะคลอดล่ะ?"
เขาคุยกับนังทองป่องรึนี่? มันก็มาหลบฝนที่นี่เหมือนกันรึ??
แป่ววววววว
……………………..

จากคุณ : รันนรา
เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 21:35:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com