Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
+ + + + + คิ ด ถึ ง " ยุ โ ร ป " + + + + + ติดต่อทีมงาน

อืมมมมมมม.......

จู่ๆผมก็เปิดยูทูปไปเจอพวกเขา
และอยากเขียนถึงขึ้นมาแบบดื้อๆเลยครับ....

หากจะมีงานในยุค 80
ที่ออกแนวจิ๊กโก๋ๆแต่เท่แล้วละก็
ผมว่า The final count down ของวง "ยุโรป"
เป็นงานที่มีลักษณะที่ว่านั้นเลยครับ

ในตอนนั้นไม่มีวัยรุ่นคนไหนไม่รู้จักเพลงนี้
ท่อนอินโทรที่ใช้ซินธีไซเซอร์ เป็นท่อนที่ติดหูที่สุด
และตามมาด้วยท่อนโซโล่ตอนกลางจากกีต้าร์ "เฟนเดอร์" ของ จอห์น นอรั่ม

เป็นลูกโซโล่ที่เท่มากครับ

ในขณะที่เสียงร้องของ โจอี้ เทมเพ็สท์ ก็ทำได้มาตรฐานเพลงร็อค

"ยุโรป" เป็นวงร็อคจากสวีเดน
พวกเขาเป็นความภูมิใจของพวกสวีดิช
และเป็นหัวหอกของวงร็อคจากแดนฟรีเซ็กส์ในการบุกอเมริกา

พูดถึงเรื่องฟรีเซ็กสืแล้ว
ผมขัดใจสื่อสารมวลชนไทยในยุคซัก 30 ปีที่แล้วจริงๆ
ที่จู่ๆไปตั้งฉายาให้สวีเดนเป็นประเทศฟรีเซ็กส์ โดยไม่มีเหตุผล

ทั้งๆที่พวกสวีดิชเองก็มีพฤติกรรมเฉกเช่นฝรั่งทั่วไป
ที่มีการเปิดกว้างในเรื่องเพศตามสมัยนิยมของพวกเขา
และก็ไม่ได้ฟรีเซ็กส์แบบที่เป็นอยู่ในความหมายของคนไทย

แตสื่อในยุคนั้นนิยามพวกเขาแบบนี้จริงๆครับ
ไม่ว่าจะเป็นนักเทนนิสอย่าง "บียอร์น บอร์ก"
หรือวงดนตรีป๊อบชือก้องโลกอย่าง ABBA
หรือทีมฟุตบอลทีมชาติสวีเดน หรือทีระดับสโมสร

ต่างก็ได้รับคำ "สร้อย" ต่อท้ายจากสื่อไทยแบบนี้เสมอๆ

ผมเองยังจำติดใจจนเอามาเรียกด้วยเช่นกัน แหะ แหะ...

ทำเป็นเล่นไปนะครับเรื่องฉายาเนี่ย
ครั้งนึงในช่วงฟุตบอลโลกกำลังเข้มข้น
สื่อไทยพาดหัวเรียกทีมชาติโคลัมเบียว่า "ทีมโคเคน"

ปรากฏว่าโดนตอกกลับจากประเทศโคลัมเบียว่าพวกเขาไม่ได้แย่ขนาดนั้น
และไทยเราเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขาเท่าไรนักหรอก (โว๊ยยย)

โห....อายโคลัมเบียเขามั๊ยล่ะ.....???!!!!!

กลับมาที่ The final count down ต่อครับ

เพลงนี้ของพวกเขา
ขึ้นอันดับ 1 ในอังกฤษ และ 8 อเมริกาครับ

โจอี้ เทมเพ็สท์ เขียนเพลงนี้
จากแรงบันดาลใจในเพลงๆหนึ่งของ เดวิด โบวี่

แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาคิดว่าเพลงมันน่าจะไปไม่รอดครับ
เพราะในตอนที่พวกเขาคิดท่อนอินโทรด้วยการใช้เสียงซินธีไซเซอร์นั้น
พวกเขาคิดว่า "เฮ๊ยยย...สงสัยจะไม่ไหวว่ะ ท่วงทำนองมันห่วยจริงๆ"

แต่เสียงซินฯของ มิค มิคเคลลี ก็ได้กลายมาเป็นสัญญลักษณ์ของเพลงในที่สุด

ทั้งนี้ก็ต้องยอกความดีให้ จอห์น เลเว็น เบสแมนของพวกเขาที่ได้บอกกับโจอี้ว่า
"โจอี้โว๊ยย..เอ็งควรเขียนเนื้อเพลงตามทำนองของเสียงซินฯของไอ้มิคมัน"

จริงๆแล้วพวกเขาไม่คิดจะตัดเพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลครับ
เพราะมีแผนที่จะตัดเพลงเอกที่เตรียมไว้อีกเพลงหนึ่งเป็นซิงเกิีลอยู่แล้ว
แต่ที่พวกเขาเขียน The final count down ขึ้นมาก็เพราะอยากใช้ในคอนเสิร์ท

โดยกะว่าจะใช้เปิดโชว์ให้อลังการไปเลย ก็เลยทำเสียงซินฯซะเท่ขนาดนั้น

และที่สำคัญ...พวกเขาไม่คิดเลยว่าเพลงมันจะ "ฮิต" ขนาดนี้

แม้ตอนหลัง "ยุโรป" จะเปลี่ยนสไตล์ของพวกเขา
จากร็อคแบบที่เป็นอยู่ไปมีกลิ่นของบลูส์ร้อคแบบอเมริกันในอัลบั้มหลังๆ
แต่แฟนๆไม่มีทางลืม The final count down ที่แสนจะดุดัน และติดหูอย่างแน่นอน

ผมติดว่ามันคือเพลงที่ถูกจดจำมากที่สุดของยุโรปครับ....

ผมเองในตอนนั้นอยู่ในช่วงวัยรุ่นนมแตกพาน
จำได้ว่าวัยรุ่นที่เป็นนักกีต้าร์ในยุคนั้นหัดเล่นเพลงนี้กันค่อนเมือง

ตอนที่ยุโรปเริ่มดังใหม่ๆ
พวกเขายังไม่ได้รับการยอมรับมากครับ
เพราะพวกเขาโดนค่อนขอดว่าเป็น "แฮร์ แบนด์"
หรือพวกนักดนตรีผมยาวที่ขายหน่้าตาและการแต่งตัว

แต่เมื่อเวลาผ่านไป
พวกเขาทำให้นักวิจารณ์หุบปากซะสนิท
ด้วยการทำงานคุณภาพออกมาให้ได้เห็น

และพิสูจน์ให้ผู้คนเห็นว่า
นักวิจารณ์เหล่านั้นนั่นแหละที่คิดผิด

ขอพลังแห่งร็อคจงอยู่คู่คุณๆครับ

แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 20:51:38

จากคุณ : Toom McCartney
เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 20:21:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com