โทสะทุกอย่างผิดทั้งนั้นหรือ?
เมื่อไรจึงถือว่าการบันดาลโทสะนั้นหักห้ามไม่อยู่?
ตอนไหนถือว่าเลยเถิด?
***************************************************************
นับว่าโทสะที่มีการควบคุมอาจชอบด้วยเหตุผล.
ยกตัวอย่าง พระพิโรจของพระเจ้าพลุ่งขึ้นต่อเมืองโซโดมและโกโมณ์ราห์ที่ผิดศีลธรรม.(เยเนซิศ 19:24) เพราะเหตุใด? เนื่องจากชาวเมืองเหล่านั้นพัวพันกับกิจปฏิบัติทางเพศอันต่ำทรามและรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ร่ำลือทั่วดินแดนแถบนั้น. ด้วยเหตุผลอันสมควร พระยะโฮวาพระเจ้าทรงพิโรจพวกเขาที่ประพฤติตัวเลวทรามผิดศิลธรรม.-เยเนซิศ 18:20;19;4,5,9。
พระเยซูคริสต์มนุษย์สมบูรณ์ก็เคยสำแดงความพิโรจเช่นเดียวกันกับพระบิดาของพระองค์. พระวิหารในกรุงยะรูซาเล็มถือว่าเป็นศูนย์นมัสการสำหรับไพร่พลที่พระเจ้าเลือกสรร. วิหารหลังดังกล่าวควรเป็น "ที่อธิษฐานอ้อนวอน" ซึ่งปัจเจกบุคคลสามารถนำเครื่องบูชามาถวายแด่พระเจ้าเป็นการส่วนตัวได้ และเป็นที่ซึ่งพวกเขาจะได้รับการสั่งสอนตามมรคาของพระองค์ และได้รับการอภัยบาป. ถ้าจะว่าไปพวกเขาสามารถเฝ้าทูลจำเพาะพระยะโฮวา ณ พระวิหารนี้. ทว่า พวกผู้นำศาสนาสมัยพระเยซูได้ทำให้พระวิหารกลายเป็น "ที่ค้าขาย" และ "ถ้ำของพวกโจร" (มัดธาย 21:12,13;โยฮัน 2;14-17) ด้วยเหตุนี้ พระบุตรของพระเจ้ามีเหตุผลเต็มที่เมื่อพระองค์ขับไล่คนโกงเหล่านั้นออกไปพ้นพระวิหารแห่งพระบิดา. เป็นที่เข้าใจได้ทีเดียวว่าพระเยซูพิโรธ!
เมื่อมนุษย์ไม่สมบูรณ์เกิดโทษะ
มนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์ก็อาจมีเหตุอันควรแก่การโกรธเคืองเป็นครั้งคราวได้เหมือนกัน. ด้วยเหตุที่มีความแตกต่างระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์. พระยะโฮวาสามารถ "หน่วงเหนี่ยวความกริ้วของพระองค์ และเป็นการพรรณาอย่างถูกต้องว่าทรง "ช้าในการโกรธ" เนื่องด้วยคุณลักษณะเด่นของพระองค์คือความรัก ไม่ใช่การโกรธ. การโกรธของพระองค์ชอบธรรมเสมอ ชอบด้วยเหตุผลเสมอ อีกทั้งข่มห้ามได้เสมอ.(เอ๊กโซโด 34:6;ยะซายา 48:9;1 โยฮัน 4:8) พระเยซูคริสต์มนุษย์สมบูรณ์ทรงสามารถคุมการแสดงความโกรธของพระองค์ได้เสมอ; มีการพรรณาถึงพระองค์ว่าทรงมี "จิตใจอ่อนโยน." (มัดธาย 11:29)
ในทางตรงกันข้าม มุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์ ถึงแม้อยู่ในจำพวกมีความเชื่อเหมือนโมเซ แต่ก็ข่มห้ามโทษะได้ยาก.
อนึ่ง ผู้คนโดยทั่วไปไม่ค่อยจะคำนึงถึงผลสืบเนื่องของการไม่ข่มห้ามโทสะ. อาจต้องจ่ายด้วยราคาแพงเมื่อขาดการข่มห้ามโทสะ. ยกตัวอย่าง ผลที่ตามมาซึ่งเห็นได้ชัดคือ ถ้าสามีโกรธภรรยาถึงขนาดที่เขาเหวี่ยงหมัดชกผนังห้องเป็นรูโหว่? ทรัพย์สินเสียหาย. เขาอาจเจ็บมือก็ได้. แต่ยิ่งกว่านั้น อารมณ์เกรี้ยวกราดของเขาจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อความรักและความนับถือที่ภรรยามีต่อเขา? ผนังห้องอาจซ่อมให้เรียบร้อยได้ภายในสองสามวันและมือของเขาคงหายเจ็บชั่วระยะไม่กี่สัปดาห์; แต่เขาต้องใช้เวลานานเท่าไรเพื่อจะได้ความเชื่อใจและความนับถือจากภรรยาคืนมาเหมือนเดิม?
ในทำนองเดียวกัน คริสเตียนสมัยนี้ต้องให้การสำหรับการกระทำของตน ทั้งต่อพระเจ้าและในระดับหนึ่งต่อเพื่อนร่วมความเชื่อ เรื่องนี้จะเห็นได้ง่ายจากการใช้คำศัพท์ภาษากรีกที่แสดงความหมายของโทสะในคัมภีร์ไบเบิล.หนึ่งในจำนวนสองคำที่ใช้บ่อยมากคือ ออร์เก. โดยทั่วไปแปลว่า "ความโกรธ" ซึ่งบ่งชี้การรู้ตัวและถึงกับจงใจกระทำด้วยซ้ำไป บ่อยครั้งพร้อมด้วยแง่คิดจะแก้แค้น. ด้วยเหตุนี้ เปาโลได้กระตุ้นเตือนคริสเตียนในกรุงโรมว่า "พี่น้องที่รัก อย่าทำการแก้แค้นเสียเอง แต่จงละความโกรธ[ออร์เก]ไว้;เพราะมีคำเขียนไว้ว่า 'พระยะโฮวาตรัสว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทน.' แทนที่จะเก็บความเจ็บแค้นต่อพี่น้องของตนไว้ในใจ เขาได้รับการสนับสนุนให้ "เอาชนะความชั่วด้วยความดี."-โรม 12:19,21.
อีกคำหนึ่งซึ่งมักจะใช้กันบ่อยได้แก่ ไทโมส. รากศัพท์ "แต่เดิมทีบ่งชี้การเคลื่อนตัวอย่างรุนแรงของอากาศ,น้ำ,แผ่นดิน,สัตว์,หรือมนุษย์." ดังนั้น คำนี้จึงได้รับการพรรณาต่างกันไป "ความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์เดือดพล่านด้วยอารมณ์ร้อนรุ่ม." "อารมณ์พลุ่งพล่านฉับพลัน" หรือ "ความรู้สึกรุนแรงที่รบกวนความสงบภายในจิตใจ และเป็นเหตุให้เกิดโทสะและความไม่สบายภายในครอบครัวและในหมู่สาธารณชน." เฉกเช่นที่ภูเขาไฟที่อาจระเบิดขึ้นโดยปราศจากสัญญาณบอกเหตุและพ่นเถ้าถ่าน,หิน,และลาวา ซึ่งอาจทำให้คนบาดเจ็บ ทุพพลภาพ และถึงแก่ชีวิตได้ฉันใด ชายหรือหญิงที่ไม่อาจข่มห้ามอารมณ์ตัวเองก็เป็นฉันนั้น. มีการใช้รูปพหูพจน์ของคำ ไทโมส ที่ฆะลาเตีย 5:20 ซึ่งในข้อนั้นเปาโลจัดเอา "การโกรธกัน" รวมไว้กับเนื้อหนัง (ข้อ 19)
ด้วยเหตุนี้ โทสะซึ่งปราศจากการข่มห้ามย่อมก่อผลเสียหาย และนำไปสู่การกระทำที่รุนแรงได้ง่าย. เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น. หลายคนที่อยู่ภายใต้สภาพการณ์ที่คล้ายกันสามารถควบคุมความโกรธของตนได้. เปาโลตักเตือนพวกเราทุกคนว่า "โกรธเถิด, แต่อย่าให้เป็นการบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่."(เอเฟโซ 4:26) ฉะนั้น ด้วยการยอมรับอย่างถ่อมใจว่าเราเป็นมนุษย์ซึ่งมีข้อจำกัด และเราหว่านอะไรเราก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น เราจึงมีเหตุผลมากมายที่จะข่มโทสะไว้.