 |
ผมอยากให้ออกกฏหมายพิเศษ ที่ตราออกมาเพื่อใช้กับนักการเมือง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่โดยเฉพาะครับ
เพราะการโกงไม่ได้มีแค่นักการเมือง แต่ข้าราชการประจำนั่นก็ตัวแสบพอๆกัน
เอาแบบชนิดที่ว่าคดีที่เกี่ยวกับคอรัปชั่น ไม่ต้องมีการกำหนด "อายุความ" ใดๆทั้งสิ้น
และอยากให้องค์กรอิสระทั้งหลาย ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง หากอะไรที่ชี้แจงได้สมเหตุสมผล ก็ต้องปบ่อยเขาไป แต่หากอะไรที่ชี้แจงที่มาที่ไปไม่ได้ ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าคอรัปชั่น
ไอ้ครั้นจะใช้วิธีอย่างประเทศที่เจริญแล้ว ด้วยการตั้งเงินเดือนแพงๆให้กับนักการเมือง โดยหวังว่าจะไม่โกงบ้านโกงเมืองในตอนที่บริหาร ก็เป็นไปได้ยากสำหรับประเทศสารขัณฑ์ของเรา ตราบใดที่ระบบตรวจสอบของเรายังอ่อนปวกเปียกอยู่แบบนี้
นักการเมืองบางคน ก่อนเล่นการเมืองก็ไม่ได้รวยแบบทุกวันนี้ แต่พอได้เป็นเสนาบดี ก็มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่มาที่ไป
แล้วระบบตรวจสอบมัวไปทำอะไรอยู่ครับ ????
หรือบางคนก็เล่นละคร "ดัดจริต" ชนิดที่เว่อร์เลย ผมจำได้ว่า นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ในตอนที่เป็น รมว.อุตสาหกรรม พี่แกแสดงบัญชีทรัพย์สินในตอนที่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ว่ามีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่ 6 หมื่น, ไม่มีบ้าน, รถยนต์ยืมเขามาใช้ หรือแม้กระทั่งสูทที่ใส่ไปประชุม ครม.ก็หยิบยืมมาจากญาติพี่น้อง
นี่มันคิดว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศเขากินฟางแทนข้าวหรือไงขอรับ ???
แต่หากว่าจะคิดอีกแง่นึง เราจะให้คนที่ไม่มีปัญญาแม้กระทั่งจะทำชีวิตตนเองให้สบายตามสมควร มาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีบริหารประเทศให้ขับเคลื่อนเพื่อให้เราอยู่ดีกินดีได้หรือ
ก็ไม่เมื่อตัวเองยังแทบเอาตัวไม่รอดเลย
หรือแม้แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็เถอะ ยิ่งทหารระดับผู้นำเหล่าทัพนี่ตัวดีเลยครับ
เอ้าาาา.....เอาซะหน่อย...
-สนธิ บุญยรัตกลิน มาจากครอบครัวชนชั้นกลางแน่ๆ
แต่เปิดทรัพย์สินออกมาแล้ว รวยยิ่งกว่านักธุรกิจที่ทำงานสายตัวแทบขาด จำได้ว่าทรัพย์สินที่ "แสดง" ออกมามีประมาณ 90 ล้านบาท
เรื่อง "งบลับ" และเรื่อง "ซื้ออาวุธ" ยังอยู่ในใจของคนไทยที่เขาเสียภาษีนะครับ
-อนุพงษ์ เผ่าจินดา นี่ก็ครอบครัวชนชั้นกลาง รับเงินเดือนอย่างเดียว โดยไม่ใช้ไม่จ่ายยันเกษียณ ผมว่ายังไงก็มีไม่น่าจะเกิน 30 ล้าน
แต่ในความเป็นจริงใครจะไปรู้ว่ามีมากมายก่ายกองขนาดไหน ทั้งๆที่ไม่ได้ทำมาค้าขาย ไม่ได้ทำธุรกิจอะไรกับใครเขาเลย เพราะประกาศตัวเป็นทหารอาชีพมาโดยตลอด
เรื่องรถหุ้มเกราะยูเครน และเรือตรวจการณ์ที่รั่วแล้วรั่วอีก ตกลงว่าจะตอบสังคมเขาได้หรือเปล่า ???
-สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ที่เคยประกาศตัวว่าเป็น "ผมเป็นวีระบุรุษ และไม่สมควรโดนตรวจสอบ" รวมเงินเดือน+เบี้ยหวัดบำนาญ+เบี้ยประชุมบอร์ดการท่าฯที่นั่งเป็นประธานอยู่ ผมว่าดูยังไงก็ไม่น่าจะมีเงินมากมายมหาศาลอีกเช่นกัน
-สุรยุทธ์ จุลลานนท์ อดีตนายกฯเขายายเที่ยง ก็อย่างที่ทราบกันทั่วไปว่าเคยมีบ้านพักตากอากาศหรูหรา อยู่ที่ "เขายายเที่ยง" ที่มีวิวสวยงาม สบายตา มีรถปอร์เช่คันงามตามประสาคน พอเพียง ทั้งๆที่ภาพพจน์ของสุรยุทธ์เป็นคนที่สมถะอย่างมาก
-มนูญ รูปขจร (นามเดิมสมัยโน้น) อดีตนายทหารที่เป็น "กบฏ" แบบซ้ำซาก เพราะปฏิวัติทีไร มีอันต้องพ่ายแพ้ทุกที คนนี้ก็ไม่น่าจะรวยได้อย่างที่เป็นอยู่
-ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกษียณไปจนคนลืมไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่บ้านหลวงแบบไม่รู้สึกอะไร
แบบนี้จะไม่รวยทนไหวหรือ เบียดเบียนเงินภาษีของผม ที่ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟให้
-ชลิต พุกผาสุข ผมว่าเงินเดือนตอนเกษียณ ก็ไม่น่าจะเกิน 7 หมื่น รวมค่าตำแหน่งแล้ว..เอ้า...ให้แสนห้าเลย ทำไมตอนนี้ถึงได้รวยสะดือปลิ้นขนาดนี้
อย่าลืมนะครับ ว่าผู้บริหารสูงสุดของประเทศ คือคุณอภิสิทธิ์...ยังมีเงินเดือน ที่รวมค่าตำแหน่งไปแล้วอยู่ที่ประมาณไม่เกินสองแสนเอง
ทหารพวกที่ผมเอ่ยชื่อมา กว่าจะขั้นเงินเดือนทะลุมมาจนสูงสุด ต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบปี
เป็นทหารใหม่ๆเงินเดือนไม่กี่พันเอง
ระยะเวลาที่จะเก็บสะสม มาจนถึงวันที่เกษียณอายุ เก็บจนปวดกระเบนเหน็บ...ยังไงก็ไม่รวยกันได้ขนาดนี้หรอกครับ
ทั้งนักการเมือง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เหล่านี้แหละครับ ที่สมควรมีกฏหมายออกมารองรับแบบไม่มีการหมดอายุความ
และที่สำคัญ... ระบบตรวจสอบของ "องค์กรอิสระ" ทั้งหลาย ก็ต้องทำงานให่มันอิสระจริงๆให้สมกับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญด้วย
ผมอาจตอบไม่ตรงคำถามของพี่เฉิ่มฯ หากแต่เป็นประเด็นที่ใกล้เคียงกันแน่ๆขอรับ....
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 54 15:11:25
จากคุณ |
:
ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney)
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ค. 54 14:43:23
|
|
|
|
 |