คำสารภาพถึงแม่ จากลูกบาปหนาคนหนึ่ง
|
 |
วันนี้ผมมีโอกาสได้ทานข้าวเย็นกันสองคนกับคุณแม่ครับ
คุณแม่... ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์
ท่านเริ่มมีอาการป่วยมาหลายปีแล้วครับ แรกเริ่มเราก็ไม่ได้เอะใจ เพราะอาการในช่วงแรกก็เหมือนกับหลงๆลืมๆนิดๆหน่อยๆ ลืมง่ายกว่าที่เคยเป็นนิดนึง ทุกคนก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ จนกระทั่งอาการเป็นมากขึ้นและเราก็ได้พาท่านไปตรวจตามโรงพยาบาลต่างๆหลายที่ ขอความเห็นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่าน และในที่สุดข้อสรุปที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
ปัจจุบันท่านยังจำเรื่องราวในอดีตส่วนใหญ่ได้นะครับ เรื่องใหม่ๆก็พอจำได้บ้างถ้าเป็นเรื่องสำคัญ เช่นเจ้าหลานชายตัวน้อยลูกชายของผมที่ตอนนี้อายุห้าเดือนท่านก็จำได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องที่ไม่ได้สำคัญมากจริงๆล่ะก็คงจะยากล่ะครับ เรื่องความจำจริงๆแล้วก็ดูจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะจริงๆแล้วชีวิตเราขอแค่จำเรื่องสำคัญๆไม่กี่เรื่องได้ก็มากกเกินพอที่จะอยู่ได้อย่างมีความสุขแล้ว ไม่จำเป็นต้องจำได้หรอกครับเรื่องในสังคมว่าใครทำอะไร เกิดเหตุการณ์อะไรที่นอร์เวย์ เอาเป็นว่ารู้ว่าตัวเองมีหลานและตอนนี้หลานพลิกคว่ำได้แล้ว จำได้ว่าทุกเย็นวันเสาร์เราจะไปรวมญาติกันที่บ้านคุณยาย(แม่ของแม่) และทุกเย็นวันอาทิตย์ครอบครัวเรา(พ่อ แม่ ผม ภรรยา ลูกชาย และน้องของผมสองคน)จะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะกินข้าว แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว
แต่ก็ยังไม่วายมีปัญหาใหม่คือมา นั่นคือความสามารถต่างๆของคุณแม่เริ่มลดลงเรื่อยๆ เริ่มจากอ่านหนังสือไม่ค่อยออก เขียนหนังสือเองไม่ได้ ลายเซ็นต์โย้ไปเย้มาไม่เหมือนเดิม ใช้ช้อนส้อมไม่ค่อยถูก หรือแม้กระทั่งต้องมองหน้าคนที่ตัวเองรู้จักอยู่สักพักถึงจะนึกออกว่าคนนั้นเป็นใคร
วันนี้เป็นวันประหลาดครับเพราะไม่มีคนอื่นอยู่บ้านเลย ผมนึกไม่ออกแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เคยได้ทานข้าวกับคุณแม่สองคนคือเมื่อไหร่ หรือบางทีมันอาจไม่เคยเกิดขึ้นเลยก็ได้เพราะตระกูลผมมีญาติเยอะมากและก็ปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆกันเกือบทั้งหมด(คุณยายมีลูกเก้าคน และคุณย่ามีลูกสี่คน เกือบทุกคนแต่งงานมีลูก นึกดูว่าวันรวมญาติคนจะยั้วเยี้ยขนาดไหน) แต่วันนี้คุณพ่อมีนัดทำฟันในเมือง น้องชายยังไม่กลับจากที่ทำงาน น้องสาวไปเรียนภาษา ภรรยาและลูกชายของผมก็ไปเยี่ยมยายและยายทวด(ของลูกผม)ที่ต่างจังหวัด ผมจึงมีโอกาสได้อยู่กับแม่สองคน
ปกติแล้วเราก็จะทานอาหารกันง่ายๆที่บ้านเพราะไม่อยากออกไปเจอรถติด แต่ด้วยความที่โอกาสอย่างนี้ไม่เคยเกิดเลยผมจึงคิดว่าเราน่าจะออกไปทานข้าวข้างนอกกัน ผมจึงพาคุณแม่ไปทานปีกไก่ทอดที่ท่านโปรดปราน
สิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึก ทั้งที่จริงๆก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว ก็คือตอนนี้บทบาทของเรากลับกันเสียแล้ว ที่ผมไม่เคยรู้สึกทั้งที่ก็เห็นอยู่ตลอดเวลาก็อาจจะเป็นเพราะผมมัวแต่มุ่งความสนใจไปที่เรื่องอื่น หรืออาจจะเป็นเพราะมีคนอื่นที่แบ่งๆความรับผิดชอบกันไปทำให้ผมเห็นไม่ชัด หรืออาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยมีโอกาสมุ่งความสนใจไปที่เรื่องนี้เพราะเราไม่เคยได้อยู่ด้วยกันแค่สองคนมาก่อนก็เป็นได้
ผมต้องเป็นจูงมือแม่ไปที่รถ เปิดประตูรถให้ สังเกตว่าท่านนั่งที่ดีแล้วแล้วจึงปิดประตูให้ คาดเข็มขัดนิรภัยให้ จูงมือไปยังร้านอาหารและพาไปนั่งที่โต๊ะ ระหว่างนั้นในใจของผมก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่คือสิ่งที่แม่เคยต้องทำให้เราเมื่อเรายังเล็ก?
กินไก่ซะสิลูก ของชอบลูกไม่ใช่เหรอ กลับกลายเป็น แม่ทานปีกไก่สิครับ ของชอบของแม่นี่ นี่ ช้อนส้อมเค้าใช้กันอย่างนี้นะ กลับกลายเป็น อันนี้ช้อนครับแม่ อันนี้ส้อม ค่อยๆพยายามตักข้าวนะ กินเยอะๆสิลูก จะได้โตไวๆ กลับกลายเป็น ทานเยอะๆสิครับแม่ ร่างกายจะได้แข็งแรง อิ่มรึยังลูก อยากกินอะไรอีกมั้ย กลับกลายเป็น แม่อยากทานอะไรอีกมั้ยครับ เดี๋ยวผมสั่งเพิ่มให้ ผมอยากกินขนมครับแม่ แม่ซื้อให้หน่อยสิ กลับกลายเป็น แม่อยากกินเฉาก๊วยสักหน่อย สั่งให้แม่หน่อยสิ มือเปื้อนนะลูก มานี่แม่พาไปล้างมือ กลับกลายเป็น ไปล้างมือหน่อยนะครับแม่ เดี๋ยวผมพาไป
ผมกลับกลายเป็นคนดูแลคุณแม่ในทุกๆเรื่องที่คุณแม่เคยทำให้ผม ทุกๆสิ่งที่แม่เคยทำให้ด้วยความรัก ความห่วงใย บัดนี้ผมต้องเป็นคนทำให้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว
แต่ถึงกระนั้นก่อนหน้านี้ผมกลับรู้สึกว่าการที่ต้องทำสิ่งเหล่านี้มันช่างเป็นภาระเหลือเกิน
ก่อนนี้ผมเคยคิดว่าผมต้องเรียนหนังสือ และมาถึงตอนนี้ก็มีงานที่ต้องทำ ภาระหน้าที่ในงานที่ทำก็มากมายเหลือเกิน ไหนจะเวลาที่ต้องให้กับภรรยาและลูก ไหนจะเวลาที่จะปันให้ความสุขส่วนตัว จนผมไม่เคยคิดเลยว่าควรจะแบ่งเวลามาดูแลแม่ให้มากกว่านี้ ควรจะให้ความสนใจกับแม่มากกว่านี้ และควรจะรักแม่ให้มากกว่านี้
จนกระทั่งวันนี้ที่ฟ้าดลใจ ให้โอกาสให้ผมได้เห็นแม่อย่างใกล้ชิด ในวันที่ไม่มีคนอื่นมาดึงความสนใจไป ไม่มีเหตุการณ์อะไรมาทำให้ผมละสายตาออกไปจากแม่ วันที่ผมเพิ่งจะสำนึก ว่าสิ่งที่ผมควรทำจริงๆแล้วคืออะไร
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เราจอดรถที่หน้าบ้านและแม่ก็กำลังจะเดินเข้าบ้าน ผมชวนแม่ไปเดินเล่น
ในความมืดของหมู่บ้านที่มีโคมไฟถนนสลัวๆส่องทางอยู่ เราสองคนแม่ลูกเดินจูงมือกันไป แม่เริ่มพูดถึงเรื่องนู้นเรื่องนี้ในอดีต เรื่องที่แม่ยังจำได้ดี ตอนที่ผมเข้าโรงเรียนเป็นครั้งแรก ตอนที่ผมต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ต่างจังหวัด แม่ถามถึงการงาน ทำงานลำบากไหม เข้ากับคนที่ที่ทำงานได้รึเปล่า เหนื่อยไหมกับการที่ต้องดูแลลูกตัวน้อย แม่พูดถึงเรื่องนู้นเรื่องนี้มากมาย แต่สิ่งที่แม่ไม่เคยจะเอ่ยถึงหรือทวงถามเลยก็คือบุญคุณมากมายที่แม่มีกับผม สิ่งดีๆมากมายที่แม่เคยทำให้ ความห่วงใยที่ส่งมาโดยไม่เคยขาด ความรักล้นเหลือที่ไม่เคยจางหายไป
ในความมืดผมกอดแม่ไว้แน่น แม่สะดุ้งด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย คงเป็นเพราะผมไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน ยังไม่สายไปใข่ไหมสำหรับการชดใช้ความผิดที่เคยทำ ยังไม่สายไปใช่มั้ยที่จะทดแทนบุญคุณ ยังไม่สายไปใช่มั้ยที่จะลบล้างเรื่องที่ไม่สมควรในอดีตและสร้างสิ่งดีๆในวันใหม่
ขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมรักแม่ครับ ลูกของแม่
จากคุณ |
:
ShinyMan
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ย. 54 11:55:58
|
|
|
|