Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สำคัญที่กล่อง ติดต่อทีมงาน

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม
                                   สำคัญที่กล่อง
                                                          " เล่าเซี่ยงชุน "

                   ขณะเมื่อเปาบุ้นจิ้นได้ตรวจราชการไปถึงเมืองโซวจิ๋ว วันหนึ่งออกนั่งว่าราชการตามปกติ ก็มีผู้มายื่นฟ้องความว่า ตนเองชื่อ เมงเหลง ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองเตงจิ๋ว เป็นพ่อค้าผ้าแพร ได้รวบรวมทุนจำนวนหนึ่ง เดินทางมาซื้อสินค้าที่เมืองโซวจิ๋วกับคนใช้  เมื่อได้ผ้าแพรตามที่ต้องการแล้ว จึงว่าจ้างเรือของ หอตั๋นกุ้ย กับ ฮวยซิน ให้บรรทุกสินค้าเพื่อเอาไปขายที่เมืองตังไซ ครั้นเดินทางไปได้ประมาณห้าวันถึงตำบลเจียงอ๋อง เป็นเวลาจวนค่ำเจ้าของเรือจอดเรือเข้าที่ริมฝั่ง หุงต้มอาหารกินกันทั้งสี่คน หอตั๋งกุ้ยและฮวยซินชวนเมงเหลงกับคนใช้เสพสุรา จนถึงเวลาดึกประมาณสองยาม  ทั้งเมงเหลงและคนใช้เมาสุราไม่ได้สติ หอตั๋งกุ้ยกับฮวยซินก็ช่วยกันหาม      เมงเหลงกับ      คนใช้โยนลงน้ำ แล้วก็ออกเรือเอาสินค้าหลบหนีไป

                   ทั้งสองนายบ่าว เมื่อถูกโยนลงไปในน้ำก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น แต่คนใช้ว่ายน้ำไม่เป็นจึงจมน้ำหายไป ส่วนเมงเหลงพอจะว่ายน้ำได้ แต่แม่น้ำนั้นกว้างและลึก ว่ายพยุงตัวไปจวนจะสิ้นกำลัง เผอิญมีขอนไม้ลอยน้ำมาใกล้ จึงเกาะขอนไม้นั้นลอยไปตามกระแสน้ำถึงสามคุ้ง ได้พบเรือใหญ่แจวสวนมาก็ร้องเรียกให้ช่วยรับ บังเอิญเจ้าของเรือเป็นลูกพี่ลูกน้อง ทางฝ่ายมารดาชื่อ เตียจิ้น   เมื่อช่วยเหลือขึ้นมาบนเรือแล้ว เมงเหลงก็เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นให้ฟังโดยตลอด เตียจิ้นจึงแนะนำให้มาฟ้องร้องต่อศาลนี้

                   เปาบุ้นจิ้นจึงให้พนักงานสองคนถือหมายไปคุมตัว หอตั๋นกุ้ย และฮวยซินที่บ้าน แต่ปรากฎว่ายังไม่กลับมา เปาบุ้นจิ้นจึงให้จับตัวบุตรภรรยาของทั้งสองคนมาขังไว้ เป็นตัวจำนำก่อน แล้วก็ให้เอาเมงเหลงไปขังไว้เสียด้วย และสั่งให้ เซียน้ง กับ หลีกิว เจ้าพนักงานพร้อมด้วยพลตระเวน เฝ้าตรวจเรือตามลำแม่น้ำ คอยดักจับกุมหอตั๋นกุ้ยและฮวยซินให้ได้

                   พนักงานทั้งสองนายก็ให้พลตระเวนลงเรือไปตรวจทางน้ำ ส่วนตนเองเดินไปทางบก เมื่อถึงตำบลเจียงอ๋องก็พบหอตั๋นกุ้ยกับฮวยซินจอดเรืออยู่ จึงว่าจ้างให้นำเรือกลับมาส่งที่เมือง       โซวจิ๋ว พอเรือกลับมาจอดที่ท่าแล้ว พนักงานทั้งสองก็จับหอตั๋นกุ้ยกับ ฮวยซิน ล่ามโซ่ใส่กุญแจควบคุมตัวมาที่ศาล  เปาบุ้นจิ้นก็ซักว่าไปจับมาได้จากที่ไหน หลีกิวก็รายงานว่า

"....ข้าพเจ้าไปสืบถามทุกตำบลรายทางตลอดไป  ถึงตำบลเจี๋ยงอ๋องได้ความว่าอ้ายผู้ร้ายทั้งสองคนนี้ไปเมืองน่ำเสีย ข้าพเจ้าหวังใจว่าจะตามไปถึงเมืองน่ำเสีย ก็เผอิญไปประจวบพบเข้าที่ตำบลเจียงอ๋อง หอตั๋นกุ้ยกับฮวยซินถามข้าพเจ้า ก็ลวงบอกว่าไปราชการกลับมาจากเมืองสงกังจะกลับบ้าน หอตั๋นกุ้ยกับฮวยซินจึงให้ข้าพเจ้าโดยสารมา ครั้นถึงท่าข้าพเจ้าจึงจับตัวมาส่งท่าน...."

เปาบุ้นจิ้นจึงสั่งให้พนักงานสี่คนไปเฝ้ารักษา เรือของหอตั๋นกุ้ย และตรวจค้นด้วยว่าจะมีสิ่งของอันใดที่จะเป็นของกลางได้บ้าง

                   แล้วเปาบุ้นจิ้นก็ให้ถามผู้ต้องหาทีละคนว่า  ทั้งสองได้ฆ่าเมงเหลงตาย แล้วเก็บทรัพย์สิ่งของเงินทองไปได้มากน้อยเท่าใด  จงให้การรับเสียโดยดี อย่าให้ต้องเฆี่ยนตี  จะได้รับความเจ็บปวดมากไปเปล่า ๆ  หอตั๋นกุ้ยก็ให้การปฏิเสธว่า เป็นผู้แจวเรือจ้างไปส่ง พอถึงกลางทางก็ถูกพวกผู้ร้ายมาปล้น ยึดเอาเรือและทรัพย์สิ่งของไป ซึ่งตนเองก็แทบจะไม่พ้นความตายด้วยฝีมือโจร หาได้เป็นผู้ร้ายไม่ เปาบุ้นจิ้นก็ว่า

"...มืงเป็นผู้ร้ายปากกล้าใจแข็งไม่รับโดยดี จะยอมตายในอาญาก็ตามแต่ใจ...."

ว่าแล้วก็สั่งให้พนักงานตีผู้ต้องหาทั้งสอง คนละสี่สิบที แล้วก็ให้พนักงานขนของในเรือขึ้นมาจนหมด และให้คุมตัวเมงเหลงมาดูสิ่งของ  ถ้าสิ่งใดจำได้แน่นอนว่าเป็นของตนก็ให้บอก จะได้ยึดไว้เป็นของกลางต่อไป

                   ปรากฎว่าของนั้น มีเพียงเงินตำลึงหนึ่งกับผ้าแพรผืนหนึ่ง  ซึ่งไม่ใช่ของเจ้าทุกข์          เมงเหลงจึงพูดกับผู้ต้องหาทั้งสองว่า

"....ท่านนี้เอาสุรามอมข้าพเจ้าให้เมา แล้วจับตัวข้าพเจ้ากับคนใช้ของข้าพเจ้า    โยนลงในน้ำ แล้วเอาสิ่งของข้าพเจ้าไป ไม่ควรเลยที่จะมากระทำแก่ข้าพเจ้าถึงเช่นนี้...."

หอตั๋นกุ้ยก็เถียงว่า

"......ข้าพเจ้าเป็นลูกจ้างแจวเรือให้ท่านนั่งไป เมื่อผู้ร้ายมาตีเรือนั้น ข้าพเจ้าหนีเอาตัวรอดไปได้ ตัวท่านผู้ร้ายจับโยนลงน้ำ ผู้ร้ายเก็บเอาสินค้าของท่านไปสิ้น แล้วทิ้งเรือไว้           ข้าพเจ้าจึงได้เรือคืนมาดังนั้น แล้วข้าพเจ้าก็ได้ไปทำคำกฎหมายตราสินไว้ต่อกำนันและอำเภอตามกฎหมายเป็นพยาน ส่วนตัวผู้ร้ายนั้นท่านไม่ฟ้องหากล่าวโทษ ท่านกลับมาฟ้องหากล่าวโทษข้าพเจ้า หาควรไม่....."

ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น เปาบุ้นจิ้นก็ได้ความคิดขึ้นมา  จึงสั่งให้ผู้คุมนำตัวทั้งสองฝ่ายไปขังไว้ก่อน

                   พอรุ่งขึ้นก็ให้ผู้คุมนำตัวฮวยซิน มาถามคนเดียวก่อน ได้ความว่าเรือจอดอยู่ที่ท่าตำบลโหซิน หอตั๋นกุ้ยและตนเองกับผู้ว่าจ้างทั้งสองนอนหลับอยู่ มีผู้ร้ายตัดเชือกให้เรือขาดลอยออกไปกลางแม่น้ำ เมื่อเวลาประมาณสองยาม เรือของผู้ร้ายมีสามลำ ล้อมเข้ามาทั้งสามด้าน ผู้ร้ายคนที่ขึ้นมาบนเรือ รูปร่างลักษณะใหญ่สูงแปดศอก สวมเสื้อสีเขียว เมงเหลงกับคนใช้ตกใจกลัวโจนลงน้ำไป พวกผู้ร้ายจึงจับตัวฮวยซินไว้ แต่ได้ร้องขอชีวิตว่าเป็นแต่ลูกจ้างหาใช่ตัวนายไม่ ผู้ร้ายจึงปล่อยตัว และเก็บสินค้าในเรือไปหมดสิ้น

                   เปาบุ้นจิ้นก็ให้ผู้คุมนำตัวหอตั๋นกุ้ยมาซักถามบ้าง ก็ได้ความว่าเมื่อเวลาดึกประมาณสองยาม พวกผู้ร้ายมีเรือประมาณเจ็ดแปดลำ  ลอบเข้ามาตัดเรือลอยออกไปกลางแม่น้ำ ตัวผู้ร้ายที่กระโจนขึ้นมาจับตัวเมงเหลงกับหลีเฮ็งโยนลงน้ำนั้น เป็นเด็กหนุ่มสวมเสื้อสีแดง แล้วจับตัวตนเองกับฮวยซินไว้  ตนได้ร้องขอชีวิตว่าเป็นแต่ลูกจ้าง หาใช่นายเรือไม่ ผู้ร้ายจึงปล่อยตัว แล้วเก็บเอาผ้าแพรซึ่งเป็นสินค้าที่อยู่ในเรือไปทั้งสิ้น แล้วตนเองจึงได้ไปแจ้งนายอำเภอเจียนอ๋องไว้เป็นหลักฐาน

                   เปาบุ้นจิ้นเปรียบเทียบคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสอง  เห็นว่าแตกต่างกันเป็นพิรุธ          จึงว่า

".....มืงสองคนนี้คบคิดกันเป็นผู้ร้ายแน่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลย  อันสิ่งของซึ่งเอาไปนั้นเอาไปไว้ที่ไหน จงนำไปเอาคืนมาให้แก่โจทก์เขาเสียโดยดี  จึงจะพ้นอาญา....."

แล้วเปาบุ้นจิ้นก็ขึ้นนั่งเกี้ยว ให้ไพร่พลหามไปตรวจดูที่เรือต้นเหตุด้วยตนเอง ดูในท้องเรือก็ไม่เห็นว่ามีสิ่งใด แต่เห็นกระทงเรืออันหนึ่งมีลักษณะแน่นหนา  เมื่อดูโดยละเอียดก็เห็นมีลิ้นชักใส่กุญแจอยู่ จึงให้พนักงานเอาขวานงัดออกมา  ก็เจอกล่องใส่สิ่งของมีน้ำหนักอยู่ข้างใน จึงให้พนักงานยกขึ้นมาบนศาล แล้วคุมตัวโจทก์จำเลยมาพร้อมกัน

                   เปาบุ้นจิ้นถามหอตั๋นกุ้ยว่า ในกล่องนี้ใส่สิ่งใดไว้ข้างใน  หอตั๋นกุ้ยบอกว่า เป็นเงินของผู้มีชื่อฝากไว้ เปาบุ้นจิ้นก็เปิดกล่องออกตรวจดู มีกล่องหนังสองใบอยู่ข้างใน เปาบุ้นจิ้น จึงถามเมงเหลงว่า

"....เมื่อลงเรือไปนั้น นอกจากสินค้าแล้วมีของสำคัญอะไรอีกหรือไม่....."

เมงเหลงบอกว่า

".....มีกล่องหนังสองกล่องมียี่ห้ออักษรตัวเต๊ง เป็นสำคัญอยู่ในกล่อง...."

                   เปาบุ้นจิ้นจึงให้เปิดกล่องหนังทั้งสองออกดู ก็มีตัวอักษรตรงตามที่เมงเหลงให้การ เมื่อนับเงินในกล่องมีอยู่กล่องละหกร้อยห้าสิบตำลึง รวมเป็นเงินหนึ่งพันสามร้อยตำลึง เปาบุ้นจิ้นมีความโกรธยิ่งนัก จึงว่า

"...เงินอยู่ในกล่องเป็นเงินแบ่งกันแล้ว มืงเป็นผู้ร้ายใจแข็งปากกล้า บัดนี้ได้ของกลางแล้วมืงก็ไม่รับ...."

ว่าแล้วก็ให้พนักงานมัดจำเลยทั้งสองเข้าหลัก ตีหกสิบทีแล้วก็ยังไม่รับจึงให้ตีต่อไปจนกว่าจะรับ ทั้งสองจำเลยได้ความเจ็บปวดยิ่งนัก สุดที่จะปิดความจริงไว้ได้ จึงยอมให้การตามจริง ได้ความว่า

หอตั๋นกุ้ยเป็นน้องเขยฮวยซิน มีอาชีพรับจ้างแจวเรือรับส่งผู้คนในลำน้ำนี้ ได้คบคิดกันจัดซื้อเครื่องกับแกล้มและสุราลงเรือ เพื่อมอมเหล้าเมงเหลงกับคนใช้ แล้วจึงจับโยนลงน้ำหวังให้ตาย จากนั้นก็แจวเรือล่องตามน้ำลงไปจนถึงตำบลเจียงอ๋อง จึงเอาสินค้าลงบรรทุกเรือเล็กไว้ แล้วเอาเรือเปล่าไปแจ้งความที่อำเภอว่า ถูกผู้ร้ายปล้น เสร็จแล้วก็จ้างคนเฝ้าเรือไว้  สองคนก็นำเรือเล็กบรรทุกสินค้าไปขายถึงเมืองน่ำเกีย จำหน่ายสินค้าได้เงินพันสามร้อยตำลึงก็แบ่งกันคนละครึ่ง  แล้วกลับมาเอาเรือที่ตำบลเจียงอ๋อง จึงพบกับเซียน้งและหลีกิว ว่าจ้างกลับมาเมืองโซวจิ๋ว

                   เปาบุ้นจิ้นจึงตัดสินพิพากษา ให้เอาตัวหอตั๋นกุ้ยและฮวยซิน ไปตัดศรีษะเสียตามกฎหมาย ส่วนเมงเหลงได้เงินพันสามร้อยตำลึงนั้น แต่ให้หักไว้เฉพาะต้นทุนของตน ส่วนที่เป็นกำไรให้มอบแก่บุตรภรรยาของคนใช้ ที่ตายด้วยฝีมือผู้ร้ายนั้นไป

                   คดีจึงเป็นอันสิ้นสุดลงโดยยุติธรรม ดังนี้.

                                                           ##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 54 05:45:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com