Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บันทึกของผู้เฒ่า (๑๓๔) รำพึงถึงความหลัง ติดต่อทีมงาน

บันทึกของผู้เฒ่า (๑๓๔)

รำพึงถึงความหลัง

เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนในห้อง ไร้สังกัด ได้นัดกันไปพบปะพูดคุยเพื่อความสัมพันธ์อันดี อีกครั้งหนึ่งที่สวนอาหารใกล้สถานีรถไฟลอยฟ้า ฝั่งธนบุรี ด้วยความอยากจะไปร่วมวงด้วย จึงได้ไปด้อม ๆ มอง ๆ สำราจเส้นทางที่เขากำหนดจุดนัดพบ แต่ก็ด้วยความสำนึกในสังขารของตน ว่าเสื่อมโทรมลงทั้ง ตา หู จมูก ฟัน และแข้งขา ยังเหลือแต่ใจเท่านั้น ที่ยังไม่เสื่อมลงไปกว่าเดิม จึงต้องมานั่งรำลึกถึงความหลังที่ไม่ไกลนัก อยู่คนเดียวหน้าคอมพิวเตอร์

โดยมีขนมปังปั่นกับนมเย็นเป็นอาหาร แทนเบียร์ผสมโซดาน้ำแข็ง อย่างที่เคยชอบทำในเวลาเช่นนี้ พลางคิดถึงเพื่อนของผมหลายคนที่ได้พบพานในถนนนักเขียน ในคลับสามก๊ก และสุดท้าย..................ในห้องไร้สังกัด

***************

วันหนึ่ง..................................

ขณะที่ผมมุดเข้าไปในรถแท็กซี่ที่เย็นฉ่ำ หลังจากยืนตากแดดที่ร้อนจัดอยู่ริมถนนสายนั้น เป็นเวลาค่อนข้างนานในความรู้สึก นาฬิกาประจำรถบอกเวลาเที่ยงตรง ผมถามคนขับว่าถนนนี้ชื่ออะไร และไปสิ้นสุดที่ไหน เขากลับย้อนถามผมว่า ลุงจะไปไหนล่ะ ผมบอกว่าไปจนถนนนี้ตัดกับถนนเลียบทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสวนอาหารชื่อ ครัวพฤกษา เขาก็บอกว่าถนนนี้คือถนนเกษตร-นวมินทร์ ยาวไปถึงแยกลำสาลี ผมก็บอกว่าไม่เคยผ่านมาทางนี้เลย เว้นแต่เมื่อเขากำลังสร้างอุโมงค์ลอดถนนพหลโยธินตรงแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รถเมล์ที่มาจากรังสิต จะต้องเลี้ยวซ้ายไปอ้อมตอม่อกลางถนน ถึงห้าสิบหกต้น แล้วจึงจะเลี้ยวกลับมา เข้าถนนพหลโยธินหรืองามวงศ์วานได้

สาเหตุที่ผมจำเป็นต้องมาแถวนี้ก็เพราะว่า สมาชิกห้องไร้สังกัดในเวปพันทิป กำหนดนัดจะไปบริจาคของและเลี้ยงเด็กที่บ้านคอมมูนิต้า คลอง ๑๒ ลำลูกกา ในวันอาทิตย์หนึ่งในเดือน กันยายน แต่ก่อนจะไปก็จะนัดพบเพื่อเลี้ยงฉลองวันเกิด แก่สมาชิกที่เกิดในเดือนกันยายน และเปิดรับบริจาคสิ่งของหรือเงิน เพื่อนำไปให้ที่บ้านคอมมูนิต้าดังกล่าวด้วย

ผมเห็นว่าบ้านคอมมูนิต้าอยู่ไกลเกินกว่า ที่ผมจะไปได้โดยไม่มีรถส่วนตัว น่าจะไปบริจาคเงินที่ครัวพฤกษา ซึ่งพอจะคลำทางไปได้ แม้เขาจะนัดเวลา ๑๘.๐๐ น. เราก็ไปเสียแต่เมื่อยังมีแสงแดดอยู่แล้วก็ลากลับเมื่อเวลาเย็นย่ำสนธยาได้ เมื่อตั้งใจเช่นนั้น ผมจึงต้องมาสำรวจเส้นทาง ทีหนีทีไล่เสียก่อนที่จะถึงวันนัด จะได้ไปกลับสะดวกขึ้น

เมื่อปีก่อนเขานัดพบกันที่บ้านต้นซุง ก็ไม่มีปัญญาไปครั้งหนึ่งแล้ว เพราะยังตั้งสติไม่ทันด้วยเพิ่งเข้ามาใหม่ เพียงเดือนเดียวเท่านั้นยังไม่รู้จักใครเลย

มาปีนี้เมื่อเขานัดพบที่สวนรถไฟ หลังสวนจตุจักร เพื่อรับบริจาคเงินไปช่วยเหลือเด็กดอย ที่จังหวัดเชียงราย ก็เคยดุ่มด้นไปแบบนี้ เพราะรู้จักสวนรถไฟแต่ชื่อ เพิ่งไปเป็นครั้งแรกก็เดินวนเสียหนึ่งรอบ จึงพบประตูเข้าสวน เขานัดที่ศาลาหกเหลี่ยม ก็มองเห็นอยู่ แต่ต้องถาม รปภ.ให้แน่ใจก่อน เมื่อเดินไปถึงก็พบว่าในศาลานั้นมีช่างภาพกำลังถ่ายรูปสาวสวยอยู่สองราย จึงถามเขาว่า ไร้สังกัดใช่ไหมครับ เขาก็ชี้มือไปที่ใต้ต้นไม้ริมสระซึ่งมีสาว ๆ อีกกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนเสื่อ จึงเดินเข้าไปจะถามด้วยประโยคเดิม

ก็มีหนึ่งในกลุ่มนั้นกลับถามก่อนว่าคุณเจียวต้ายใช่ไหม ทำให้ผมดีใจมากที่มีคนรู้จักชื่อ แต่ก็สงสัยไม่หายว่าทำไมจึงรู้ว่าเป็นผม สันนิษฐานเอาเองว่าคงจะเห็นว่าเฒ่าขะแรแก่ชรา กว่าผู้ชายในกลุ่มที่เคยรู้จักกันมาทั้งหมด ก็เป็นได้

ส่วนสาวคนที่ทักผมได้ถูกต้องนั้น ไม่แน่ใจว่าจะชื่อป้าอะไรสักป้าหนึ่ง ในจำนวนผู้ที่อยากจะเป็นป้าทั้งหลาย ทั้งที่อายุก็ราว ๆ หลานผมทั้งนั้น และในวันนั้นผมก็ได้บริจาคเงินตามความตั้งใจแล้วก็ขอลากลับ

เมื่อแท็กซี่แล่นผ่านสี่แยกแรก คนขับก็บอกว่า ถ้าไปทางขวาก็จะถึงแยกวังหิน ถ้าไปทางซ้ายก็ถึงลาดปลาเค้า ผมก็เคยได้ยินทั้งสองชื่อเหมือนกัน พอถึงสี่แยกต่อไปเขาก็แนะนำว่า ทางขวามาจากซอยโชคชัย ๔ ของถนนลาดพร้าว ผมก็อือออไปด้วย เพราะพอจะรู้จักซอยที่ว่านั้น และสุดท้ายก็มาถึงแยกที่สามที่เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบทางด่วนที่ลอยอยู่ด้านบน ไม่ไกลนักก็พบป้ายสูงใหญ่บอกชื่อ ครัวพฤกษา อันเป็นที่หมาย โชเฟอร์ผู้มีน้ำใจเลี้ยวรถเข้าไปจอดด้านใน เพื่อให้ผมเดินใกล้เข้าไปอีกนิด มองดูมิเตอร์เห็นราคาหกสิบเอ็ดบาท จึงส่งแบงค์ร้อยให้บอกว่าทอนสามสิบห้า แล้วก็ขอบคุณร่ำลากันตรงนั้น

สถานที่นั้นกว้างขวางใหญ่โตโอ่อ่ามาก สร้างเป็นเรือนไม้เรียงกันหลายหลัง ดูค่อนข้างตร่ำคร่าเหมือนปลูกสร้างมานานมาก สังเกตได้ที่เสากลมแต่ละต้นเป็นเสาขนาดใหญ่ ที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้พบเห็น นอกจากในจังหวัดที่มีป่าไม้ เช่นเมืองแพร่ ผมเดินไปทางซ้ายที่มีป้ายบอกว่าสำนักงาน ก็เงียบสงัดปราศจากผู้คน จึงย้อนกลับมาทางด้านขวา เดินไปจนถึงส่วนที่น่าจะเป็นครัว ก็ไม่พบคนเลยแม้แต่คนเดียวในที่จอดรถมีรถเก๋งจอดอยู่สองคัน แต่ก็ไม่เห็นใครเลย ว่าจะถามเสียหน่อยว่าไร้สังกัดมาจองไว้หลังไหน ก็เลยไม่รู้จะถามใคร ตัดสินใจเดินออกมาเงียบ ๆ เอาไว้วันที่เขานัด มาถึงก็หาเจอเอง

ผมออกมายืนอยู่ริมถนน สังเกตภูมิประเทศใกล้เคียง ถนนนี้เป็นถนนวันเวย์ ตรงกลางใต้ถนนลอยฟ้าเป็นคูน้ำ สองข้างขอบปลูกต้นไม้ตัดแต่งเป็นแนวยาว ฝั่งโน้นเป็นทางวันเวย์สวนกลับ ใกล้กับสี่แยกไฟแดงที่ผ่านมา มีทางเลี้ยวกลับจากฝั่งโน้น ผมตั้งใจจะกลับมาที่แยกเกษตร จึงเดินเลาะทางเลี้ยวกลับนั้นไปเรียกรถแท็กซี่ฝั่งโน้น คิดว่าคงเลี้ยวขวาได้สะดวก แต่พอเรียกแท็กซี่และขึ้นไปนั่งแล้ว เขากลับเลี้ยวซ้ายบอกว่าเขาห้ามเลี้ยวขวา ต้องไปวกกลับอีกไกล แล้วถามว่าผมจะไปไหน ผมก็ว่าส่งผมที่ป้ายรถเมล์ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมจะได้ต่อรถปรับอากาศสาย ๕๒๒ ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้สะดวก

คนขับแท็กซี่บอกว่ากว่าจะเลี้ยวกลับได้ก็อีกไกล เขาจะพาไปขึ้นรถเมล์สาย ๒๖ ที่ถนนรามอินทรา วิ่งทอดเดียวก็ถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ เหมือนกัน มีทั้งรถฟรีและรถแอร์ ผมไม่รู้จะเถียงว่ายังไงก็เลยต้องยอมให้เขาพาไปตามความคิดของเขา แล้วเขาก็พารถเลี้ยวซ้ายไปอีกไกลมากจึงส่งผมลงที่ป้ายรถเมล์อย่างที่ว่า ผมดูมิเตอร์เห็นราคา ห้าสิบหกบาท ก็ให้แบ๊งค์ร้อยบอกว่าทอนสี่สิบ แล้วก็ขอบคุณเขาที่หวังดี

ผมยังไม่ทันตั้งสติ รถเมล์สีแดงก็เข้ามาจอดที่ป้าย ผมเห็นว่าเป็นรถเมล์ฟรี ก็รีบตะเกียกตะกายขึ้นไป เพื่อถอนทุนจากค่าแท็กซี่สองเที่ยวเมื่อกี้ แล้วผมก็ต้องยืนเมื่อยทั้งขาและแขนเพราะคนแน่นตึง เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร จึงมาจอดที่ตรงข้ามวัดพระศรีมหาธาตุฯ ผมก้าวลงมายืนบนทางเท้าด้วยความอ่อนเพลียละเหี่ยใจ เวลานั้นประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง เลยเวลาที่จะหาเครื่องที่ชอบมากลั้วคอที่แห้งเป็นผงแล้ว

แต่เมื่อยืนบิดไปบิดมาก็เหลียวไปเห็นว่า ข้างหลังศาลารถเมล์มีประตูเปิดเข้าไป ในรั้วของกองพันทหารราบ    ที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์ มีทั้งร้านค้าของหน่วย และร้านอาหารหลายชนิด ผมคงจะต้องใช้วลีที่เคยกล่าวไว้ในเรื่องอื่นว่า สวรรค์ได้เมตตาผมแล้ว

ผมนั่งพักเหนื่อยอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่ได้นึกถึงความยากลำบากที่ผ่านมา รวมทั้งความมีน้ำใจของคนขับแท็กซี่คันแรก กับคันหลังที่พาผมมาส่ง ห่างไกลจากจุดที่ต้องการร่วมสิบกิโลเมตรอีกเลย

*************

จากบันทึกเก่าที่เอามาอ่านทบทวนก็หมดลงแค่นั้น
แล้วเราก็มานั่งรำพึงถึงความหลังที่ผ่านมาภายในเวลาไม่กี่ปี ตั้งแต่ชาวไร้สังกัดนัดพบกันที่ร้าน “เจอหน้าคร่าตา “ ในสวนอ้อย ห่างจากบ้านเรานิดเดียว จนมาถึงแก๊งค์น้ำลำไย ที่พบกันแถวสุขุมวิทหลายศุกร์ ต่อมาแถวบางแค จนกระทั่งถึง นทีทิพย์ เราก็ไม่ได้ไปพบเพื่อนจนแล้วจนรอด ด้วยความสำนึกว่า เวลาของเราที่จะสนุกสนานเฮฮาเช่นนั้น ได้หมดลงไปแล้ว แต่เราก็ส่งตัวแทนไปร่วมสังสรรค์แทนตัวด้วย

แล้วก็นั่งคอยชมภาพถ่ายในงาน ที่เพื่อนหลายคนเอามาวางให้ชมในวันต่อ ๆ มา ด้วยความรื่นเริงในใจ ที่ตัวแทนของเราได้กลายเป็นคนเด่นดังในงานไปได้ ไม่ทันชั่วข้ามคืน.

############

 
 

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 54 06:09:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com