Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โจทก์เป็นใบ้ ติดต่อทีมงาน

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม

                                 โจทก์เป็นใบ้

                                                          "เล่าเซี่ยงชุน”

                   วันหนึ่ง เปาบุ้นจิ้น หรือเปาเล่งถูอยู่ที่เมืองคัยฮงหู ได้ออกว่าราชการ ตามปกติ ขณะนั้นก็มีชายคนหนึ่งถือไม้เหลี่ยมจะเข้ามาหา เปาบุ้นจิ้นจึงให้นักการถามว่ามีเรื่องเดือดร้อนสิ่งใด แต่ชายผู้นั้นพูดไม่ได้เพราะเป็นใบ้ได้แต่ชี้ไม้ชี้มือโว้เว้ทำท่าทำทาง ตามกิริยาอาการของคนใบ้ จึงไม่มีผู้ใดรู้หรือเข้าใจกิริยาอาการนั้น นักการก็เข้ามาแจ้ง แก่เปาบุ้นจิ้นว่า ชายคนที่เป็นใบ้จะเข้ามาแจ้งเรื่องอะไร ก็ไม่ได้ความชัดเจน

                   เปาบุ้นจิ้นใคร่ครวญพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่า ชายใบ้ผู้นี้ต้องมีความเดือดร้อนด้วยเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งเป็นแน่ แต่จนใจเป็นใบ้พูดไม่ออกบอกไม่ถูก  จึงสั่งนักการให้ตีชายใบ้นั้นยี่สิบที โทษฐานถือไม้เข้ามาจะทำร้าย แล้วก็ให้เอาขื่อคามาสวมคอ กับให้เอาเลือดสุกรมาเขียนเป็นตัวอักษร กล่าวโทษไว้ที่แขนทั้งสองข้าง  จากนั้นก็ให้ผู้คุมเอาตัวชายใบ้เที่ยวเดินตระเวนไปรอบเมือง และให้คอยสังเกตุว่า มีผู้ใดพูดจาว่ากล่าวด้วยประการใดบ้าง ก็ให้จับตัวผู้นั้นมาสอบสวน

                   พอผู้คุมพาชายใบ้ตระเวนไปถึงตลาดแห่งหนึ่ง  ก็มีผู้เฒ่าคนหนึ่งถอนใจใหญ่แล้วพูดว่า

".....เป็นใบ้แล้วมิหนำซ้ำมีโทษเป็นที่น่าสงสารยิ่งนัก  เหตุที่พูดไม่ออก บอกไม่ได้นี่แหละ เขาย่อมว่า ถึงมีปากเสียเปล่าเหมือนเต่าหอย....."

                   นักการที่เดินตามผู้คุมไปได้ยินดังนั้น จึงจับตัวชายชราผู้นั้นพากันกลับมา หาเปาบุ้นจิ้นที่ศาล เปาบุ้นจิ้นจึงถามผู้เฒ่านั้นว่า ได้รู้เรื่องชายใบ้ผู้นี้แต่เดิม ประการใดบ้าง จงเล่ามาให้ฟัง

                   ผู้เฒ่าก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง มีใจความว่า ชายใบ้ผู้นี้ชื่อ เจียะอาจื๊อ เป็นน้องชายของ เจียะช้วน ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลถวนหนำ  เดิมบิดามารดาของพี่น้องทั้งสองนี้ มีเงินถึงหมื่นตำลึง ครั้นบิดามารดาหาบุญไม่แล้วเจียะช้วนก็ปกครองทรัพย์สมบัติทั้งหมดไว้แต่ผู้เดียว มิได้แบ่งปันให้เจียะอาจื๊อผู้น้อง  และขับไล่เจียะอาจื๊อออกจากบ้านไม่นับว่าเป็นน้อง เจียะอาจื๊อเป็นใบ้มาแต่กำเนิด  จะไปฟ้องร้องเอาทรัพย์มรดกก็ไม่ได้    เพราะไม่สามารถพูดให้ใครเข้าใจได้ จนปัญญาแล้วจึงมาหาเปาบุ้นจิ้นเพื่อขอเป็นที่พึ่งแต่กลับถูกเฆี่ยนตี แล้วใส่ขื่อคาตระเวนไปทั่วเมืองเสียอีก ตนเองนั้นมีจิตคิดสงสารยิ่งนักจึงพูดจาดังนั้น

                   เปาบุ้นจิ้นจึงให้นักการไปตามตัวเจียะช้วน มาซักถามว่า

".....ชายใบ้ผู้นี้เป็นอะไรกับเจ้าบ้างหรือไม่..."

                   เจียะช้วนก็บอกว่า

"....เจียะอาจื๊อเป็นใบ้เดิมอาศัยเลี้ยงสุกรอยู่ในโรงเตี๊ยมของข้าพเจ้า หาได้เป็นพี่น้องวงศ์ญาติของข้าพเจ้าไม่.."

                   เปาบุ้นจิ้นจึงว่า

".....เราอยากรู้ เราจึงถามเจ้าเท่านั้น ไม่มีคดีสิ่งใดดอกเจ้าจงกลับไปบ้านเถิด....."เจียะช้วนก็คำนับลาเปาบุ้นจิ้นกลับบ้านไป

                   ครั้นเจียะช้วนไปแล้ว เปาบุ้นจิ้นจึงพูดกับเจียะอาจื๊อและทำมือประกอบภาษาใบ้ด้วยว่า

".....เจียะช้วนมันไม่นับถือว่าเป็นน้องแล้ว เจ้าจงกลับไปทุบตีมันอย่า มีความกลัวเลย....."

เจียะอาจื๊อก็เข้าใจและคำนับลากลับไปบ้าน

                   อยู่ต่อมาอีกวันหนึ่ง เจียะช้วนก็มาหาเปาบุ้นจิ้น  กล่าวโทษฟ้องร้องว่า  ขณะที่ตนเดินออกไป นอกประตูเมืองข้างทิศตะวันตก  ก็พบเจียะอาจื๊อน้องชายคอยดักอยู่  แล้วก็ตรงเข้าทุบตีจนศีรษะแตกมีบาดแผลโลหิตไหล ขอให้ชำระความที่น้องชายทำร้ายแก่พี่ชายดังนี้

                   เปาบุ้นจิ้นจึงให้ตามตัวเจียะอาจื๊อมาชำระความ แล้วก็ตัดสินว่า

"เดิมเราถามเจ้าไม่รับว่าเจียะอาจื๊อเป็นพี่น้อง  มาบัดนี้เจ้ามาฟ้องว่าเจียะอาจื๊อเป็นน้อง ก็ถ้าเจียะอาจื๊อเป็นน้องแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่แบ่งทรัพย์มรดกของบิดา ให้แก่เจียะอาจื๊อผู้น้องตามบิดาสั่งเล่า  เจ้ามาปกครองหวงกันไว้เสียแต่ผู้เดียวดังนี้ หาควรไม่ ในส่วนตัว   เจียะอาจื๊อได้ทุบตีเจ้าผู้พี่ให้เสียขนบธรรมเนียม ต้องทำโทษให้....."

                   แล้วก็สั่งลงโทษเฆี่ยนเจียะอาจื๊อยี่สิบที และบังคับให้เจียะช้วนแบ่งเงินมรดกให้เจียะาจื๊อครึ่งหนึ่ง  เจียะช้วนจึงต้องยอมแบ่งทรัพย์สมบัติ ให้แก่น้องชายผู้เป็นใบ้ ตามคำตัดสินของเปาบุ้นจิ้นหรือเปาเล่งถู แต่โดยดี เรื่องจึงเรียบร้อยไป

                   ความจริงเรื่องนี้ เจียะอาจื๊อผู้เป็นโจทก์ ต้องเสียค่าฟ้องร้องหลายหนกว่าจะได้สมบัติซึ่งตนมีสิทธิกลับคืนมา เหตุก็เพราะเป็นใบ้พูดไม่ได้

แต่ท่านเปาบุ้นจิ้นก็ไม่ได้สิ้นความพยายามที่จะตัดสินให้ยุติธรรม  จำเป็นต้องลงทุนให้โจทก์เจ็บตัว และทรมานสังขารตระเวนไปรอบเมือง จึงได้ความที่จะฟ้องร้องมา  และลงทุนยุให้ไปทำร้ายพี่ชาย     เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น ก็จะไม่ได้ความจริงจากปากพี่ชาย และในสุดท้ายก็ต้องเจ็บตัวอีก  ฐานทำร้ายร่างกาย เพราะธรรมเนียมจีนและกฎหมายมีว่า ไม่ให้น้องก้ำเกินหยาบช้าต่อพี่ แต่เมื่อได้รับมรดกครึ่งหนึ่งคืนมาแล้ว โจทก์ผู้เป็นใบ้ก็คงจะหายเจ็บ และนึกขอบคุณต่อท่านเปาบุ้นจิ้น ที่หาอุบายชำระความด้วยความเที่ยงธรรม  โดยโจทก์ไม่ได้พูดเลยสักคำเดียว

                   คนจีนทั้งประเทศ จึงยกย่องเปาบุ้นจิ้น ให้เป็นที่เคารพอย่างสูง มาจนถึงทุกวันนี้ แม้คนไทยที่ได้ทราบเรื่องราวตั้งแต่ร้อยปีก่อนจนถึงปัจจุบัน  ก็นับถือและอยากจะให้มีบุคคลเช่นนี้ อยู่ในกระบวนการยุติธรรมทุกระดับ ด้วยเช่นกัน.

############

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 54 07:36:08




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com