Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บุตรให้คุณ ติดต่อทีมงาน

เปาบุ้นจิ้นผู้ทรงความยุติธรรม

                             บุตรให้คุณ
                                                          " เล่าเซี่ยงชุน "

                   ในคราวที่ เปาบุ้นจิ้น ได้เดินทางตรวจราชการตามหัวเมือง จนมาถึงเมืองห้อหนำ   ก็มีชายคนหนึ่งพาบุตรสะใภ้เข้ามาคำนับ แล้วฟ้องกล่าวโทษ หลีตงลิบ หาว่าล่อลวงบุตรสะใภ้ของตน ให้พลัดพรากจากสามีไปเป็นเวลาหกเดือนเศษ เปาบุ้นจิ้นจึงให้เจ้าหน้าที่ไปตามตัวผู้ถูกกล่าวหามา แล้วให้เอาไปคุมขังไว้ในคุกก่อน  เพราะเพิ่งมาถึง ยังไม่มีเวลาว่างจะตัดสิน

                   ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีชายอีกคนหนึ่ง เพิ่งสึกจากเพศหลวงจีน มากล่าวโทษ    หลีตงลิบ ด้วยข้อหาว่าพรากภรรยาของตนไป เจ้าทุกข์ทั้งสองรายได้พบหน้ากันจึงได้ความว่า    ทิดสึกใหม่ชื่อ กิมปุ๊นย่ง เป็นบุตรของ กิมงั่งเหลง เจ้าทุกข์คนแรก และเป็นสามีของ นางกังเง็กบ๋วย ภรรยาที่ถูกพรากไปนั่นเอง  คดีทั้งสองจึงเป็นคดีเดียวกัน โดยมีหลีตงลิบเป็นจำเลยแต่    ผู้เดียว

                   เมื่อเปาบุ้นจิ้นดำเนินการซักถาม  กิมปุ๊นย่งก็ให้การว่า ตนเองตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลเซี่ยงจ้ายกุ้ย แขวงเมืองฮ่อหนำ บิดาเป็นเศรษฐี มีภรรยาคือนางกังเง็กบ๋วยเป็นคนรูปงามยิ่งนัก อยู่มาวันหนึ่งกิมปุ๊นย่งไปหาซินแสหมอดู เพื่อดูเคราะห์โศก หมอดูทำนายว่า ในระหว่างร้อยวันนี้จะมีเคราะห์ร้ายถึงแก่เลือดตกยางออก ถ้าพ้นสามเดือนกับสิบวันไปแล้วจึงจะสิ้นเคราะห์ ให้หลบออกไปจากตำบลบ้านที่อยู่นี้ ไปอยู่เสียที่ตำบลอื่น  เมื่อหมดเคราะห์แล้วจึงค่อยกลับมาอยู่ตามเดิม

                   กิมปุ๊นย่งจึงปรึกษากิมงั่งเหลงผู้บิดา  ขอลาไปอาศัยเพื่อนอยู่ที่ตำบลลกเอี๋ยง แขวงเมืองห้อหนำด้วยกัน เพื่อให้พ้นเคราะห์ร้าย บิดาก็มอบกำไลหยกกับพลอยชนิดดีวิเศษร้อยเม็ด ติดตัวไปด้วย  ถ้าแม้นอับจนประการใด จะขายก็จะได้ราคาประมาณพันตำลึง

                   กิมปุ๊นย่งก็กลับมาเล่าให้นางกังเง็กบ๋วยภรรยาฟัง แล้วจะขอลาไปเป็นเวลาสามเดือนเศษ ภรรยาก็ว่า

                   ".....ท่านอยู่บ้านเคยเสพสุราเสมอทุกวัน เวลาเมาแล้วไม่ใคร่จะมีสติเลย  ข้าพเจ้าต้องปฏิบัติท่านอยู่กว่าจะสร่างเมา  ท่านไปครั้งนี้แม้ว่าท่านเสพสุราเมาแล้ว ไม่มีใครจะปฏิบัติดูแลท่าน ข้าพเจ้าเห็นว่าจำเป็นจะต้องไปกับท่าน  เมื่อเวลาทุกข์สุขจะได้เห็นหน้ากัน....."

                   กิมปุ๊นย่งก็อนุญาตให้ภรรยาไปด้วย   ทั้งสองคำนับลาบิดาออกจากบ้านเดินทางไปถึงตำบลหนึ่ง ก็มีโรงเตี๊ยมตั้งอยู่จึงเข้าไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อซื้ออาหารกิน  ก็พบหลวงจีนองค์หนึ่งพักอยู่ก่อนแล้ว พูดว่า

                   ".....ข้าพเจ้าเดินทางมามีความหิวโหย จะขออาหารท่านกินสักมื้อหนึ่งเถิด....."

                   กิมปุ๊นย่งจึงจัดซื้ออาหารเลี้ยงหลวงจีน เมื่อฉันอาหารเสร็จแล้ว หลวงจีนจึงบอกว่า

        "....ข้าพเจ้าเห็นท่านเป็นผู้ใจบุญ แต่ข้าพเจ้าดูลักษณะท่านมีเคราะห์ร้ายมากนัก ตัวท่านก็ได้มีคุณแก่ข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าต้องช่วยท่านอย่าให้ถึงแก่ชีวิต ข้าพเจ้าจะให้ยาแก่ท่าน คนละเม็ด เป็นยาวิเศษไว้สำหรับคุ้มตัว....."

                   ว่าแล้วก็หยิบยาให้สองสามีภรรยาคนละเม็ดแล้วสั่งว่า  

                   ".....ถ้าเกิดเหตุเพทพาลประการใดแล้ว  ท่านจงไปหาข้าพเจ้าที่วัด  อยู่ในแขวงตำบลลกเอี๋ยงข้าพเจ้าชื่อ เสาะหยุน....."   แล้วหลวงจีนก็ลาเดินทางต่อไป

                   กิมปุ๊นย่งพาภรรยารอนแรมมาอีกหลายวันจนถึงตำบลลกเอี๋ยง กิมปุ๊นย่งก็บอกภรรยาว่า

                    "....เมื่อบิดามารดาเราค้าขายอยู่เมืองนี้ บิดามารดาของเราได้กระทำคุณไว้ต่อ    หลีตงลิบเป็นอันมาก  จำเราจะต้องเข้าไปขอพักอาศัยอยู่ด้วยหลีตงลิบ ซึ่งอยู่ตำบลลกเอี๋ยงนี้ กว่าจะพ้นกำหนดเคราะห์ร้ายแล้ว เราจึงค่อยกลับไปบ้าน....."

                   แล้วทั้งสองก็เที่ยวเสาะหาสืบถามชาวบ้านจนพบหลีตงลิบ  ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอันดี หลีตงลิบก็ถามว่าท่านทั้งสองมาทั้งนี้ จะมีกิจธุระสิ่งใดด้วยหรือไม่ กิมปุ๊นย่งก็เล่าความตามที่หมอดูทำนายว่าจะเคราะห์ร้ายให้ฟังโดยตลอดแล้วว่า

                    "......บัดนี้ข้าพเจ้าได้ข่าวว่าเมืองไซเหลงก๊ก จะยกกองทัพมาตีเมืองหลวงด้วย ข้าพเจ้ามาทั้งนี้หวังใจว่าจะขออาศัยท่านอยู่ พอให้สิ้นกำหนดเคราะห์ร้าย แล้วก็จะลาท่านกลับไปบ้าน...."

                   หลีตงลิบก็ว่า

                    ".....เมืองห้อหนำนี้เขตแดนต่อกับเมืองตังเกีย เมืองไซเหลงก๊กยกกองทัพมาคงจะเดินทางนี้ ราษฎรคงจะได้ความเดือดร้อน ข้าพเจ้าเห็นอยู่ตำบลหนึ่งเป็นที่สงัดลี้ลับดี พอที่จะหลบหลีกภัยได้  ท่านจงไปดูเสียก่อน  ถ้าสมควรอยู่ได้ข้าพเจ้าจะจัดให้ท่านไปอยู่ตำบลนี้....."

                    แล้วหลีตงลิบก็ให้คนใช้สนิท  พากิมปุ๊นย่งไปดูชัยภูมิซึ่งจะไปอยู่ กิมปุ๊นย่งก็ให้นางกังเง็กบ๋วยรออยู่ที่บ้านหลีตงลิบก่อน

                   กิมปุ๊นย่งเดินทางไปกับคนใช้ของหลีตงลิบได้สองวัน ก็มีคนใช้อีกคนหนึ่ง ชื่อ หลีสี ตามมาถึงตำบลฉายกุ้ย แล้วบอกกับกิมปุ๊นย่งว่า ถัดตำบลนี้ไปมีโรงเตี๊ยมของหลีตงลิบตั้งอยู่     โรงหนึ่งเป็นที่ลี้ลับ จะพาไปดูว่าสมควรจะอยู่หรือไม่ กิมปุ๊นย่งก็เดินทางไปกับหลีสีตามลำพัง  พอถึงทางเปลี่ยวไม่มีผู้คนผ่านไปมา หลีสีก็ชักดาบออกจากฝักแล้วพูดว่า

                    ".....ข้าพเจ้ารับคำสั่งของหลีตงลิบให้มาฆ่าท่านเสียในวันนี้....."

                    กิมปุ๊นย่งก็ตกใจ คุกเข่าลงกราบไหว้หลีสี แล้วอ้อนวอนขอชีวิตว่า

                    ".....หลีตงลิบนี้ เดิมข้าพเจ้าก็ได้เกื้อกูลมาเป็นอันมาก จนตั้งตัวบริบูรณ์ได้  แต่หลีตงลิบก็มิได้คิดถึงคุณข้าพเจ้า กลับจะให้ท่านฆ่าข้าพเจ้าเสียทั้งนี้ โดยปรารถนาจะเอาภรรยาข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีบิดามารดาอยู่ที่บ้านอายุได้เจ็ดสิบปีแล้ว ถ้าท่านฆ่าข้าพเจ้าตายไปแล้วอยู่ข้างหลังก็ไม่มีผู้ใดจะปฏิบัติ ขอท่านจงได้เมตตาแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคงจะแทนคุณท่านให้ถึงขนาด....."

                   หลีสีก็ว่า

                    ".....ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งของนายข้าพเจ้ามาว่า  ฆ่าท่านแล้ว ให้เอากำไลหยกกับเพชรพลอย และผ้าโพกศรีษะของท่านกับให้มีโลหิตติดไปให้ จึงจะเป็นที่เชื่อถือได้ ถ้ากระนั้นท่านจงมอบเพชรพลอย และกำไลหยกของท่านมาให้แก่เรา  และผ้าโพกศรีษะนั้นให้ติดโลหิตไปด้วย.."

                   กิมปุ๊นย่งก็เปลื้องผ้าโพกออกจากศรีษะ กัดปลายลิ้นให้โลหิตไหลหยดลงในผ้า แล้วมอบสิ่งของมีค่าในตัวกับผ้าให้หลีสีไป  หลีสีก็บอกให้รีบหนีออกไปให้พ้นตำบลนี้  กิมปุ๊นย่งก็รีบหนีไปหาหลวงจีนเสาะหยุนที่เขา แล้วบวชเป็นหลวงจีนอยู่สามเดือนเศษ

                   วันหนึ่งหลวงจีนเสาะหยุนก็บอกว่า

                    ".....บัดนี้ท่านสิ้นเคราะห์แล้วจงกลับเพศไปตามเดิม แล้วไปหาเปาเล่งถูที่เมือง    ห้อหนำ จะได้ฟ้องกล่าวโทษหลีตงลิบ ให้เปาเล่งถูชำระ....."

                   กิงปุ๊นย่งจึงคำนับลาหลวงจีน มาจนพบกับบิดาและภรรยาที่ศาลนี้

                   เปาบุ้นจิ้นในตำแหน่งเปาเล่งถูก็ถามนางกังเง็กบ๋วยบ้าง นางก็ให้การเป็นความว่า เมื่อกิมปุ๊นย่งไปกับคนใช้ของหลีตงลิบได้สองวันแล้วไม่กลับมา จึงถามหลีตงลิบว่าเป็นเหตุใด

                    หลีตงลิบกลับพูดว่า

                    "....ตัวเรานี้ก็บริบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สมบัติเงินทองเป็นอันมาก ท่านจงเป็นภรรยาเราเสียเถิด....."

                     นางกังเง็กบ๋วยก็มีความโกรธยิ่งนัก จึงตอบไปว่า

                      "....สามีของข้าพเจ้า เปรียบเหมือนพี่น้องของท่าน ท่านมากล่าวถ้อยคำเช่นนี้ ดุจดังสัตว์เดรัจฉาน หาควรไม่....."

                   หลีตงลิบจึงบอกว่า

                    "....สามีของท่านเราฆ่าเสียแล้ว ถ้าไม่เชื่อเราจะให้ดูสิ่งของสำคัญเป็นพยาน....."  

แล้วก็เอาผ้าโพกศรีษะเปื้อนโลหิตมาให้ดู นางกังเง็กบ๋วยจำได้ว่าเป็นผ้าของสามีก็ร้องไห้กลิ้งเกลือกไปมา หลีตงลิบก็ปลอบว่า  สามีของท่านก็ตายไปแล้ว  จงอยู่เป็นภรรยาเราเสียเถิด แล้วก็รินสุราส่งให้กิน นางกังเง็กบ๋วยก็ขอร้องว่า

                     "......ข้าพเจ้ามีครรภ์หกเดือนแล้ว  ข้าพเจ้าขอผัดท่านพอให้ข้าพเจ้าคลอดบุตรก่อน  แล้วจึงจะอยู่กินเป็นภรรยาสามีกับท่าน ท่านอย่ามีความวิตกเลย....."

                   หลีตงลิบจึงให้ นางอ๋องผัว ภรรยาของหลีสี พาไปอยู่ที่ตึกว่างหลังศาลเจ้าชายเขา เป็นเวลาสามเดือนเศษ นางก็คลอดบุตรออกมาเป็นชาย นางอ๋องผัวก็บอกว่า

                   ".....บุตรของท่านออกมาแล้ว หลีตงลิบสั่งให้ข้าพเจ้านำไปทิ้งเสียในลำธาร มิให้  เอาไว้....."

                   นางกังเง็กบ๋วยก็ร้องไห้อ้อนวอนนางอ๋องผัวว่า

                    "...บุตรของข้าพเจ้าพึ่งคลอดออกมา ยังไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน จะเอาไปทิ้งเสียฉะนี้  ข้าพเจ้ามีความสงสารแก่ทารกตาดำ ๆ ยิ่งนัก  ข้าพเจ้าขอผลัดไว้พอสักเดือนหนึ่ง ถ้ามีผู้ใดเลี้ยงได้ ข้าพเจ้าจะให้เขาไปเลี้ยง....."

                   นางอ๋องผัวก็ใจอ่อนยอมให้อยู่มาอีกเดือนหนึ่ง  นางกังเง็กบ๋วยจึงรอดเงื้อมมือของหลีตงลิบได้เพราะบุตร  พอดีกิมงั่นเหลงเห็นบุตรชายบุตรสะใภ้ หายไปนานเกินกำหนด จึงเดินทางมาติดตาม จนพบนางกังเง็กบ๋วยที่ศาลเจ้า จึงพากันมาฟ้องร้องกล่าวโทษหลีตงลิบ ดังนี้

                   เปาบุ้นจิ้นทราบความทางฝ่ายโจทก์ทั้งสองข้างโดยละเอียดแล้ว ก็ตามตัวหลีสีกับนางอ๋องผัวมาให้การเป็นพยาน ทั้งสองก็ให้การตรงกัน จึงให้คุมตัวหลีตงลิบมาสอบปากคำ จำเลยก็ยอมรับสารภาพตามคำกล่าวหาทุกประการ

                   เปาบุ้นจิ้นจึงตัดสินพิพากษา ให้ริบทรัพย์สมบัติของหลีตงลิบ ให้รางวัลแก่หลีสีและนางอ๋องผัวคนละส่วน เพชรพลอยและกำไลหยกนั้น คืนให้กิมปุ๊นย่งไป เงินทองที่เหลือนอกนั้น ส่งเข้าท้องพระคลังหลวงไว้ใช้ราชการ  และสุดท้ายก็ให้นำตัวหลีตงลิบไปประหารชีวิตเสีย แต่ยังไม่ทันที่ผู้คุมจะนำตัวไปฆ่า หลีตงลิบก็ตายเสียก่อน ด้วยความบอบช้ำจากอาญาเฆี่ยนตีในคุก            

                   เรื่องจึงเป็นอันยุติลงด้วยความเที่ยงธรรมของท่านเปาบุ้นจิ้น หรือเปาเล่งถู ด้วยประการฉะนี้.

                                                               ##########

วารสารสุรสิงหนาท
มกราคม ๒๕๔๒

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 30 ต.ค. 54 05:10:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com