Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เกือบถึงแก่ชีวิต ติดต่อทีมงาน

ยอดคนแผ่นดินเหม็ง

ตอนที่ ๒ เกือบถึงแก่ชีวิต

"เล่าเซี่ยงชุน"

ฝ่าย ไฮ้สุย เมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นที่เอ๋ซุนอ้าน ถืออาญาสิทธิ์ผู้ตรวจราชการต่างพระเนตรพระกรรณฮ่องเต้ ก็ออกเดินทางไปตรวจตรา ดูแลทุกข์สุขของราษฎรตามหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วพระราชอาณาเขต ถ้าเป็นหัวเมืองเอกก็พักอยู่สองเดือน เมืองโทพักอยู่สี่สิบวัน เมืองตรีเดือนหนึ่ง เมืองจัตวายี่สิบวัน ถ้าเห็นเมืองใดเจ้าเมืองกรมการไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม แต่เป็นความผิดเล็กน้อยควรจะสั่งสอน ก็หาตัวเจ้าเมืองกรมการมาตักเตือนสั่งสอน ห้ามปรามมิให้ประพฤติความชั่วต่อไป ถ้าเห็นว่าทำผิดเป็นข้อใหญ่ ควรจะทำโทษหรือถอดถอนประการใด ก็ทำไปตามสมควร

ไฮ้สุยไปถึงเมืองไหน เจ้าเมืองกรมการเอาสิ่งของทองเงินมาให้ก็ไม่เอา ถ้าเมืองใดส่วยสาอากรพระราชทรัพย์หลวง ยังตกค้างอยู่มากหลายงวดหลายปี ก็เร่งรัดให้เจ้าเมืองแต่ง กรมการคุมพระราชทรัพย์ เข้ามาส่งยังเมืองหลวง และถ้าเจ้าเมืองนั้นจะเอาเงินทองสิ่งของมาให้ ไฮ้สุยก็ว่า

".....เงินทองของหลวงยังตกค้างอยู่มาก ซึ่งจะเอาเงินทองมาให้เรานั้น จะเป็นธุระสองฝ่ายเหมือนหนึ่งแบกสองบ่า จงเอาไปไว้จะได้ใช้สอย คิดแต่ส่ง พระราชทรัพย์ของหลวงเข้าไป อย่าให้ตกค้างอยู่ได้เป็นดี....."

เจ้าเมืองใหญ่น้อยเห็นไฮ้สุย เป็นผู้ตรวจราชการที่มิได้เห็นแก่ ผลประโยชน์เงินทอง ตั้งอยู่ในยุติธรรม ต่างคนก็สรรเสริญเป็นอันมาก ครั้นไฮ้สุยตรวจมาใกล้จะถึงเมืองกองเต๊กกุ๋น เจ้าเมืองเคยแกล้งจับไฮ้สุยขังคุกไว้ในครั้งที่ไฮ้สุยออกมาเป็นเจ้าเมืองตุนจิว คราวนี้เป็นที่เอ๋ซุนอ้าน ก็ตกใจกลัวไฮ้สุยจะพยาบาทแก้แค้น ก็คิดจะหนีออกจากเมืองไป แต่ที่ปรึกษาห้ามไว้เพราะเห็นว่าไฮ้สุยเป็นคนดี คงไม่ทำอันตรายถึงแก่ชีวิต

เมื่อไฮ้สุยมาถึงเมืองกองเต๊กกุ๋น สืบดูรู้ว่าเจ้าเมืองตั้งอยู่ในยุติธรรม ราษฎรไม่มีความเดือดร้อน ก็คิดถึงความเก่าว่า เจ้าเมืองกองเต๊กกุ๋นคนนี้ ครั้งนั้นเคยทำแก่ตนแทบถึงสิ้นชีวิต ตนจะได้ทำสิ่งใดให้เขามีความโกรธแค้นก็หามิได้ แต่ทำเพื่อจะหาความชอบจาก เงียมซง คราวนี้จะแก้แค้นก็ได้แต่ไม่ต้องการ เขาตั้งอยู่ในยุติธรรมดีแล้วก็แล้วไป ครั้นไฮ้สุยตรวจตราดูแลเรียบร้อยดีแล้ว ก็ออกจากเมืองกองเต๊กกุ๋นเที่ยวตรวจเมืองอื่นต่อไป

ครั้นมาใกล้จะถึงเมืองซัวตังจีน้ำฮู้ ได้ข่าวว่าราษฎรในเมือง ได้ความเดือดร้อนนัก ด้วยพวกเงียมซงเป็นเศรษฐีอยู่เมืองนี้มีอำนาจมาก เจ้าเมืองยังต้องกลัว ไฮ้สุยอยากใคร่สืบดูให้รู้แน่ จึงพักพลไว้ที่เมืองเซียมไซแซ แล้วปลอมตัวเป็นซินแส และให้ ไฮ้หยง ไฮ้อัน ปลอมเป็นศิษย์ทั้งสองคน ลอบเข้าเมืองซัวตังจีน้ำฮู้ไปในเวลากลางคืน สืบรู้ว่ามีเศรษฐีใหญ่คนหนึ่งมีชื่อว่า เล่าตังหยง มั่งมีทรัพย์สินเงินทองมาก พ่อค้าใหญ่นายห้างขึ้นอยู่กับเล่าตังหยงกว่าพันคน ส่วนคนที่จ้างไว้ใช้สอยมีเงินเดือนประมาณสองพันคน แล้วก็มีไร่นาเรือกสวน ม้าลาโคกระบือเป็นอันมาก

เล่าตังหยงนั้นฝากตัวเป็นลูกเลี้ยงของเงียมซง ใจเป็นพาลมักทำการข่มเหงราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน เจ้าเมืองกรมการจะชำระว่ากล่าวก็ไม่ได้ ครั้นบอกกล่าวโทษเข้าไปในเมืองหลวง ก็ติดอยู่เพียงเงียมซง ความมิได้ทราบถึงพระเจ้าแผ่นดิน เจ้าเมืองกรมการก็เกรงอำนาจเล่าตังหยง ไม่อาจจะทำประการใดได้

วันหนึ่งไฮ้สุยที่ปลอมเป็นซินแสเข้าไปในเมืองนั้น ก็ไปที่บ้านเล่าตังหยง ซึ่งกำลังทำการแซยิด มีงิ้วเล่นประชันกัน ไฮ้สุยไฮ้อันและไฮ้หยง ก็พากันเดินเข้าไปในบ้าน พอถึงประตูชั้นกลาง ไฮ้สุยก็ให้คนทั้งสองคอยอยู่ข้างนอก ตนเองจะเข้าไปข้างใน ทั้งสองบอกว่าจะเข้าไปด้วย เผื่อมีเหตุขึ้นอย่างไรจะได้ช่วยกัน แต่ไฮ้สุยว่าอย่าวิตกไปเลย ตนเองไม่เกรงกลัวผู้ใด คนที่จะทำร้ายตนให้เป็นอันตรายแก่ชีวิตนั้นยาก เว้นแต่เทพยดา แล้วไฮ้สุยก็เข้าประตูกลางเข้าไปแต่ผู้เดียว เห็นคนยกโต๊ะอาหารและสุรามาตั้งไว้ประมาณสองร้อยโต๊ะ ซึ่งจัดไว้สำหรับเลี้ยงพวกเจ้าเมืองกรมการ และพ่อค้านายห้างประมาณหกสิบโต๊ะ นอกนั้นสำหรับคนที่มาช่วยในการแซยิด จนชั้นพวกที่มาเที่ยวดูงานก็เลี้ยง เครื่องใช้ภาชนะใช้สอยก็ล้วนแต่ของดี ๆ มีราคา

ไฮ้สุยอยากใคร่จะเห็นตัวเล่าตังหยงเศรษฐี ว่ารูปร่างจะดีชั่วประการใด จึงเข้าไปถึงข้างใน แลไปเห็นเศรษฐีแต่งตัวเป็นขุนนางผู้ใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พวกเจ้าเมืองกรมการและพ่อค้า ต่างก็เข้าไปคำนับ แล้วก็ไปนั่งตามโต๊ะ คนจัดเลี้ยงเห็นไฮ้สุยสำคัญว่าซินแสมา ก็เชิญให้เข้าไปนั่งกินกับพวกพ่อค้า ไฮ้อันกับไฮ้หยงก็กินเลี้ยงอยู่ภายนอก ไฮ้สุยทำกิริยาหมอดูจับมือคนนั้นคนนี้ดูลักษณะ แล้วก็ทำนายไปตามความรู้ที่มีอยู่บ้าง

ครั้นทายถูกมากกว่าผิด พวกที่นั่งคอยจะดูงิ้วก็พากันมาให้ดู จนกระทั่งรู้ไปถึงบุตรหลานของเศรษฐี และนำความไปบอกแก่เล่าตังหยง จึงให้เชิญซินแสเข้าไปกินโต๊ะข้างในกับ เศรษฐี เล่าตังหยงก็ขอให้ไฮ้สุยดูชตาราศีว่าดีร้ายประการใด ไฮ้สุยก็ว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ ถ้าจะดูต้องพิเคราะห์ดูให้ละเอียด ท่านเกิดปีเดือนเวลาใดจงบอกให้ข้าพเจ้าทราบ

เล่าตังหยงก็บอกวันเดือนขึ้นแรมเวลานาที ให้ถ้วนถี่ทุกประการ ไฮ้สุยก็จดไว้แล้วว่า การที่จะดูชตาราศีให้ท่านนี้ต้องหาที่สงัดจึงจะตรึกตรองได้ละเอียดถ้วนถี่ เล่าตังหยงจึงว่าเชิญท่านไปที่ห้องหนังสือเถิดเงียบสบาย ท่านจะได้พิเคราะห์ดูให้ถ้วนถี่ดีและร้าย แล้วก็ให้คนพาไปที่ห้องหนังสือ และมอบเด็กไว้ให้ใช้สอยสองคน ไฮ้สุยก็ให้เด็กทั้งสองคนไปเอาน้ำชามาไว้ให้ แล้วก็บอกให้ออกไปเที่ยวดูอะไรเล่นตามชอบใจแต่อย่าไปให้นานนัก เด็กทั้งสองก็ดีใจพากันออกไป ไฮ้สุยก็เข้าค้นหนังสือออกอ่านดู ก็พบหนังสือลับของเงียมซง มีมาถึงเล่าตังหยง แต่ล้วนความสำคัญทั้งนั้น ไฮ้สุยอ่านดูรู้ความแล้วก็เอาหนังสือนั้นไว้ดังเก่า

ขณะนั้นมีผู้มาบอกแก่เล่าตังหยงว่า ไฮ้สุยเป็นที่เอ๋ซุนอ้าน ออกมาเที่ยวตรวจตราดูแลทุกข์สุขของราษฎร มิได้เห็นแก่หน้าผู้ใด ถือเอาแต่ยุติธรรมเป็นประมาณ แล้วมักปลอมตัวไปเที่ยวสืบการผิดและชอบก่อน เวลานี้มาใกล้เกือบจะถึงเมืองนี้อยู่แล้ว เล่าตังหยงก็ว่าจะอย่างไรก็ช่าง จะทำอะไรกับใครได้ แม้นขืนมาทำร้ายเรา รู้ไปถึงเงียมซงก็คงจะเกิดความใหญ่ เมื่อว่าดังนั้นแล้วเล่าตังหยงก็นึกเฉลียวใจว่า ซินแสที่มาเป็นคนแปลกหน้ามิใช่คนในเมืองนี้ แล้วให้เข้าไปอยู่ในห้องหนังสือ ซึ่งเก็บหนังสือสำคัญหลายฉบับ จึงใช้ให้คนไปดูว่าเด็กสองคน ที่มอบให้ซินแสใช้สอยนั้นยังอยู่หรือไม่ คนใช้ดูแล้วไม่เห็นเด็ก จึงกลับมาบอกแก่นาย

เล่าตังหยงก็มีความสงสัยมากขึ้น จึงเข้าไปดูในห้องหนังสือให้รู้แน่ ก็เห็นหนังสือเคลื่อนจากที่ กับพิเคราะห์ดูรูปร่างท่วงทีกิริยาซินแส เป็นคนมีบรรดาศักดิ์ ก็นึกสงสัยมากขึ้นว่า ที่เอ๋ซุนอ้านปลอมเป็นซินแสมาเหมือนคนบอกเล่าเป็นแน่แล้ว ถ้าเป็นซินแสจริงที่ไหนจะค้นหนังสือออกดู เห็นทีจะรู้ความสำคัญเสียหมดแล้ว เอาไว้มิได้จำจะต้องกำจัดเสีย จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้และว่า เราเห็นท่านเป็นคนดีมีวิชาความรู้ เป็นซินแสหมอดู จึงไว้วางใจให้มาอยู่ที่นี่ ทำไมจึงค้นหนังสือของเราออกเกลื่อนไป

ไฮ้สุยก็ว่าไม่ได้ค้น เด็กที่ท่านให้อยู่ด้วย ก็เพิ่งออกไปเดี๋ยวนี้ เล่าตังหยงก็ว่าตัวท่านมิใช่คนดีแกล้งทำเป็นซินแสหมายจะขโมยเรา พูดแล้วก็ให้คนจับตัวไฮ้สุยมัดไว้ แล้วเอาตัวไปขังไว้ในตึกก่อน ต่อทำการแซยิดแล้วจึงจะชำระ คนใช้ก็พาตัวไฮ้สุยไปขังไว้ในตึกมืดตามคำสั่ง ในตึกมืดนั้นมีบ่อลึกเหมือนเหว ถ้าเล่าตังหยงโกรธผู้ใดจะให้ตาย ก็นำตัวไปใส่ตึกมืดไว้ไม่ให้กินข้าวกินน้ำ ถ้าไม่ตายด้วยอดก็คงตกบ่อตาย

เมื่อไฮ้สุยต้องขังอยู่ในตึกมืด มิได้รู้ว่ากลางวันกลางคืน สังเกตได้แต่เสียงกลองย่ำรุ่งย่ำค่ำจึงรู้ บังเอิญไฮ้สุยกลัวไม่อาจไปไหน นั่งนอนอยู่แห่งเดียวจึงมิได้ตกบ่อตาย ไฮ้สุยอยู่ในนั้นได้สองวัน จึงนึกว่าคราวนี้เห็นจะตายแน่ ทั้งอดอาหารสองวันก็หิวอ่อนเพลียนอนหลับไป ฝันว่าเทพยดามาบอกว่าอย่าวิตก พรุ่งนี้เวลาดึกสองยามเศษ จะช่วยให้พ้นความตาย

ครั้นวันรุ่งขึ้นพอเวลาค่ำประมาณสองยามเศษ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ มืดมัวไปทั่วทั้งเมือง ไม่นานก็มีฟ้าผ่าลงมาในบ้านของเล่าตังหยง ถูกตึกมืดทลายลง ไฮ้สุยออกจากตึกมืดได้ก็หนีไปในเวลากลางคืนนั้น เมื่อออกมาพ้นบ้านเล่าตังหยงแล้ว ก็เดินตัดตรงไปเมืองเซียวไซแซ ซึ่งเป็นที่พักไพร่พลทหารของตน สั่งให้ทหารไปตามไฮ้อันกับไฮ้หยงมาโดยเร็ว

ทหารตามตัวคนสนิททั้งสองกลับมาแล้ว ไฮ้หยงก็เล่าว่าตนกับไฮ้อันคอยอยู่ที่ประตูไม่เห็นไฮ้สุยออกมา แต่คอยอยู่จนสามวันแล้วก็ไม่เห็น จึงให้ไฮ้อันคอยอยู่ที่เดิม ตนเองเข้าไปเที่ยวตามหาไฮ้สุย ขณะนั้นยังอยู่ในเวลาที่มีงานแซยิด สืบดูได้ความว่ามีซินแสเข้าไปดูชตาให้เศรษฐี แล้วก็ไม่กลับออกมาจนงานแซยิดเลิก จึงพากันออกมาคอยอยู่นอกบ้าน พอดีทหารมาตามตัวกลับ

ไฮ้สุยก็เล่าความของตน ตั้งแต่ต้นจนหนีออกมาได้ ให้ทั้งสองฟังทุกประการ แล้วก็สั่งให้เตรียมไพร่พลพร้อมสรรพไปด้วยเครื่องศัตราวุธ กับให้เจ้าเมืองเซียมไซแซ เกณฑ์ทหารสมทบ ยกมายังเมืองซัวตังจีน้ำฮู้เข้าล้อมบ้านเล่าตังหยงไว้ จับตัวได้ก็ให้จองจำไว้มั่นคง แล้วเอาตัวมาชำระ ไฮ้สุยให้เจ้าเมืองกรมการกับทหาร พากันไปดูที่ตึกมืด เห็นบ่อลึกดังเหวครั้นแลไปดูที่ก้นบ่อ เห็นมีศพ จึงให้คนลงไปเอาศพขึ้นมานับได้เจ็ดศพ แล้วเอาศพเหล่านั้นมาให้เล่าตังหยงดู ถามว่าศพใครตายอยู่ในบ่อ เล่าตังหยงก็ตกใจไม่รู้ที่จะแก้ตัวว่าอย่างไร จึงยอมรับสารภาพว่าเป็นศพเจ้าเมืองซัวตังจีน้ำฮู้สามคน และอีกคนหนึ่งเป็นผู้รั้งเมือง ซึ่งเคยข่มเหงตนจึงฆ่าเสีย อีกคนหนึ่งเป็น ข้าหลวงที่ออกมาตรวจ เห็นว่าตนมีเงินทองสิ่งของมาก ก็ทำอุบายเบียดเบียนต่าง ๆ จึงฆ่าเสีย ส่วนหญิงอีกสองคนเป็นภรรยาน้อยของตน แต่นอกใจคบชู้สู่ชายมาก จึงฆ่าเสียอีก

ไฮ้สุยถามชื่อแซ่ของหญิงทั้งสองคน แล้วทำหมายประกาศให้บิดามารดา และญาติพี่น้องมารับศพไปฝังเสียตามธรรมเนียม เมื่อมีผู้มารับศพไฮ้สุยก็ซักถามได้ความจริงว่า เล่าตังหยงคุมพลไปฉุดเอามา ครั้นบิดามารดาไปตามก็ไม่ให้เข้าบ้าน จึงไม่ได้ ข่าวมาจนถึงบัดนี้ เล่าตังหยงก็จำนนด้วยหลักฐานต้องรับสารภาพผิด ไฮ้สุยก็ให้มีหมายประกาศแก่ราษฎรว่า เล่าตังหยงไปฉุดคร่าเอาบุตรหลานผู้ใดไปเป็นภรรยาหรือข้าทาสด้วยการไม่ควร และฉ้อโกงทรัพย์สินเงินทองของ ผู้ใด ให้เข้ามาร้องทุกข์ ก็มีผู้มาแจ้งมากมาย พวกหญิงที่ถูกฉุดคร่ามีจำนวนถึงร้อยสี่สิบสองคน ชำระได้ความจริงก็เอาตัวคืนไป ส่วนที่ถูกฉ้อโกงเงินทองพิจารณาแล้วก็คืนเงินให้ ทรัพย์สินเงินทองของเล่าตังหยงที่เหลืออยู่ ให้ทำบัญชีมอบให้เจ้าเมืองเก็บรักษา แล้วให้เอาตัวเล่าตังหยงกับครอบครัวและพรรคพวก ไปประหารเสียทั้งสิ้น

แล้วไฮ้สุยก็ออกจากเมืองซัวตังจีน้ำฮู้ เที่ยวตรวจเมืองอื่นต่อไป.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 05:46:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com