Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หมอเสริม จะพ้นคุกเดือนนี้แล้ว (หรือเปล่า) ติดต่อทีมงาน

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000155653

เครดิตเวปแมเนเจอร์  

ไม่มีวาระซ่อนเร้นอะไร  จะถูกจะผิดไม่รู้ กฏหมายลงโทษไปแล้ว

ถ้ากระทู้นี้ผิดห้อง รบกวนแจ้งลบได้เลย



คัดลอกมาจากที่ใด จำไม่ได้ แต่เคยจำได้คร่าวๆๆ ว่าเคยอ่านบทความนี้จากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก


> ชะตากรรมของชีวิตนั้น ใครเลยจะรู้ล่วงหน้าได้ บางครั้ง
ชีวิตของบางคนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเพีย
> งชั่ววูบ พลิกผันอย่างที่ไม่มีวันย้อนกลับมาเหมือนเดิมได้อีก
ตัวอย่างก็มีให้เห็นๆ อยู่มากมาย แม้แต่ชีวิตที่
> กำลังจะมีอนาคตอันเรืองรองรอคอยอยู่ข้างหน้าของ"หมอเสริม" หรือนายเสริม
สาครราษฎร์ ผู้ต้องโทษ
> เพราะลงมือฆ่า นางสาวเจนจิรา พลอยองุ่นศรี แฟนสาวของตัวเอง ความตายของเจนจิรา
ตอนแรกก็
> เป็นเพียงข่าวคนหายฆ่ากันตายธรรมดา
แต่เมื่อตำรวจเริ่มสืบสาวลึกลงไปก็เริ่มระแคะระคายว่า การ
> ตายของนางสาวเจนจิราไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว
และเชื่อว่าต้องเป็นคนใกล้ชิดที่ลงมือแต่ปมปริศนาทั้งหมด
> ก็มาขมวดความยุ่งยากอยู่ที่หาศพของนางสาวเจนจิราไม่พบ
จนตำรวจแทบจะทำอะไรไม่ได้ เพราะฝีมือ
> อันเหนือชั้นของอดีตนักเรียนแพทย์ที่ก่อคดีฆาตกรรมอำพรางด้วยการฆ่าหั่นศพ!
>
>
> หลังจากจำนนต่อหลักฐานที่ตำรวจต้องระดมความสามารถเข้าคลี่คลายคดี
จึงรู้ว่าหมอเสริมลงมือ
> สังหารแฟนสาวจากเหตุแห่งความหึงหวง ด้วยการใช้ปืนขนาด .38 ยิงเข้าที่ศีรษะ
แล้วใช้ความรู้ความ
> ชำนาญจากวิชาการแพทย์ที่ร่ำเรียนมา ปิดห้องอย่างมิดชิด
หั่นศพของเจนจิราทีละชิ้น ทิ้งลงในโถส้วมเพื่อ
> อำพรางคดี หนีความผิด
>
>
> ในตอนแรก เสริม ให้การปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่รู้ไม่เห็น
ไม่ได้ฆ่าเจนจิราแต่ต่อมาก็ยอมรับสารภาพกล
> างศาล เมื่อมีการพบงูเหลือมที่เลื้อยเข้าไปนอนขดอยู่ในบริเวณบ้านเช่า ที่
เสริม สาครราษฎร์ นำพยาน
> หลักฐานในการฆาตกรรมเจนจิราไปซุกซ่อนไว้ ศาลจึงตัดสินลงโทษประหารชีวิต
แต่เมื่อจำเลยยอมรับ
> สารภาพจึงลดเหลือจำคุกตลอดชีวิต
>
>
> ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์ "หมอเสริม"
จึงต้องนอนในเรือนจำกลางคลองเปรมมาจนถึงวันนี้
>
>
> จาก"หมอคน" สู่ "หมอแมว"
>
>
> ชีวิตเบื้องหลังข้าวแดงกำแพงคุกนั้น
เป็นแดนสนธยาที่ยากที่คนภายนอกจะร่วมรับรู้ได้โดยลึกซึ้ง และเป็น
> แดนต้องห้ามที่คงไม่มีใครปรารถนาที่จะเข้าไปอยู่ นอกจากต้องถูกบีบบังคับ
ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม
>
>
>
> หมอเสริม สาครราษฎร์ ก็เช่นเดียวกัน ชีวิตในเรือนจำของเขาเป็นอย่างไร
ไม่มีใครรู้ว่า เขาต้องปรับ
> ตัวปรับใจ ปรับความคิดอย่างไร และใช้ชีวิตประจำวันที่สูญสิ้นอิสรภาพอย่างไร
เท่าที่ได้รับการถ่ายทอด
> จาก "ป้อม เวียงโต"
อดีตนักโทษคนหนึ่งซึ่งเคยตกเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ในข้อหาลงมือสังหารและกรร
> โชกทรัพย์พ่อค้าย่านไนท์พลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่
จนต้องเข้าไปถูกจองจำอยู่ในคุกคลองเปรมนานกว่า 2
> ปี 6 เดือนจนกลายเป็นผู้กว้างขวางในเรือนจำแห่งนี้ไปอีกคนหนึ่ง
>
>
> เขาเล่าว่า "หมอเสริม" ถูกจองจำอยู่ในแดน 2 ห้องขังเดียวกับ นช.คณิศร
วิวัฒนะชาติ ซึ่งถ้าเอ่ยชื่อนี้
> คงไม่มีใครรู้จักเขาแน่นอน
>
>
> แต่ถ้าบอกว่า แรมโบ้เอ็ม ลูกชายนายพลที่ขนอาวุธสงครามไปยิงถล่มโรงพักพญาไท
เพื่อชิงตัวลูกน้องที่ถูก
> จับข้อหามีอาวุธไว้ในความครอบครองก็คงร้องอ๋อ! แรมโบ้เอ็ม"
ถูกจับและถูกดำเนินคดีจนต้องติดคุกก็เพ
> ราะลากปืนเอ็ม 16 ไปยิงถล่มโรงพักเพื่อบุกเข้าชิงตัวลูกน้อง
มีการยึดตัวร้อยเวรเป็นตัวประกัน กว่า
> เรื่องจะจบลงได้ก็ทำเอาอลเวงกันไปทั้งกรมตำรวจสมัยนั้น
จนทำให้แรมโบ้เอ็มถูกดำเนินคดีหลายข้อหา
> ทั้งมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ทำลายสถานที่ราชการ
จนขณะนี้เขาได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของ
> หมอเสริมไปโดยปริยาย เพราะอยู่ในคุกเดียวกัน
>
>
> แรมโบ้เอ็ม มีนิสัยชอบสนุก รอบรู้ทุกอย่าง ชอบความเคลื่อนไหว ชอบสังคมภายนอก
ห้องสมุด คือ สิ่งที่
> ชอบไปไขว่คว้าหาความรู้ หนอนหนังสือที่แท้จริง ตัวจริง หมอเสริมกับ
แรมโบ้เอ็ม มีทัศนคติตรงกันก็คือ
> ไม่ยอมปล่อยเวลาว่างโดยเปล่าประโยชน์
อ่านแล้วก็อ่านอีกไม่ว่าหนังสือที่มีอยู่ในห้องสมุดจะมีกี่เล่ม
>
>
> โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ คติธรรม แต่ที่ตรงกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ
หนังสือเกี่ยวกับความลึกลับซับซ้
> อนของอาชญากรรมทุกชนิด ที่ซ่อนเงื่อนซ่อนปม
อ่านแล้วก็จะเอามาตีแตกตัวปริศนาท้ายเล่มกันอย่างเอาเ
> ป็นเอาตายว่าเรื่องที่ซ่อนปมไว้จะลงเอยอย่างไร
เพราะหนังสือเกี่ยวกับอาชญากรรมซ่อนเงื่อนทุกเล่มจะ
> ทิ้งปมไว้ให้ตีความเอาเองในตอนท้าย
บางทีต่างคนต่างตีประเด็นแตกไปคนละทางสองทาง จนทั้งสองคน
> ไม่ยอมคุยกันถึง 2-3 วันก็เคยมี
>
>
> อุปนิสัยของ หมอเสริมนั้น เรียบๆ ง่ายๆ สบายๆ ไม่มีปัญหากับใคร
แม้บางครั้งจะถูกเยาะเย้ยถากถางจ
> ากเพื่อนร่วมคุกบ้าง หมอเสริมก็จะเดินหนีไปเฉยๆ โดยไม่โต้ตอบ ยิ้มสู้ทุกคน
ถ้ามองอย่างผิวเผินใคร
> เลยจะรู้ว่า
>
>
> นี่แหละ นักฆ่าชำแหละศพของจริง ขนานแท้!
> ชีวิตในคุก ค่ำลงทุกคืน เมื่อถึงเวลา 20.00 น. ก็จะเป็นเวลาสวดมนต์ ไหว้พระ
ใครนับถือศาสนาไหน
> ก็ให้ระลึกถึงบทสวดของศาสนานั้น แต่ศาสนาพุทธถือว่าเป็นศาสนาประจำชาติไทย
บทสวดจะต้องมีผู้นำ
> สวด เริ่มอรหัง สัมมา ฯลฯ และจบลงด้วยการแผ่เมตตา
ต่อด้วยลุกขึ้นยื่นร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
> เป็นอันเสร็จพิธีทุกคืน
>
>
> วันไหนถ้า หมอเสริมไปขึ้นศาลตามนัดกลับเข้าพักในห้องฝากลอยที่แดน 1
หมอเสริมจะขอตัวนอนโดยไม่มี
> ใครยุ่งด้วย เคยมีนักโทษหลายคนถามว่า หมอ ทำไมไม่ไหว้พระล่ะ เขาจะบอกทันทีว่า
"วันนี้ขอเชื่อ
> คริสต์หรืออิสลามดีกว่า" ความหมายก็คือขออย่ารบกวนได้ไหม ไม่มีสมาธิ
เครียดจากการซักพยานที่ศาล
> มานั่นเอง
>
>
> "หมอเสริม" เป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่สุงสิงกับใคร
นอกจากจะรู้จริงๆ ว่าบุคคลที่คบ
> หาจะต้องมีความรู้ความสามารถจริงในชีวิตที่ผ่านมาแล้วเท่านั้น
เพราะเขาคิดว่าเขาคือหนึ่งในอัจฉริยะ
> เรียนระดับ หมอรักษาคนไข้ช่วยชีวิตคนมาแล้วนั่นเอง
>
>
> "หมอเสริม" เป็นคนสมถะอย่างยากจะหาคนอื่นเสมอเหมือนได้
การกินอยู่หลับนอนไม่ได้พิถีพิถันเหมือนนัก
> โทษคนอื่นๆ ที่จะต้องหาสิ่งมาบำเรอความสุขของตัวเองให้มากที่สุด
ทั้งการกินอยู่หลับนอน เพื่อรอวันศาล
> ตัดสินว่า จะออกหัวหรือก้อย
>
>
> เสื่อผืนหมอนใบ ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมหน้าลงมาถึงอก
เท่านี้ก็พอแล้วสำหรับชีวิตในแดนสนธยาของ "หมอ
> เสริม" ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมห้องมีที่นอน หมอน ผ้าห่ม
แม้กระทั่งบางคนยังมีแม้กระทั่งหมอนข้างมานอนกอดด้
> วยตลอดคืน แต่หมอเสริม ก็นอนได้อย่างมีความสุข ไม่มีอาการอิจฉาอนาทรใดๆ
>
>
> การกินอยู่ของ หมอเสริม จะมีบรรดาญาติ เพื่อนฝูง ไปเยี่ยมเยียนอยู่ตลอดเวลา
จากจันทร์-ศุกร์ ข้าว
> ปลาอาหารจึงไม่เป็นอุปสรรคใดๆสำหรับเขาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ซึ่งทางการถือว่าเป็น "คุกเปิด"
> แห่งแรกของประเทศไทย
จะมีก็แต่วันเสาร์-อาทิตย์ที่จะต้องเก็บพวกของแห้งที่ไม่บูดเน่า สำรองไว้
> เพราะไม่มีใครสามารถไปเยี่ยมได้ก็เท่านั้น จึงเป็นวันที่เงียบเหงาที่สุด
>
>
> ด้วยวิชาชีพที่เห็นศพหรือร่างกายของมนุษย์จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับ
หมอเสริม จิตใจใต้สำนึก
>
ของเขาจึงแฝงไว้ด้วยความเย็นชาจนกลายมาเป็นความโหดเหี้ยมอำมหิตที่ซ่อนลึกอยู่ใน
ใจของเขาตลอดเ
> วลา นักโทษคนหนึ่งได้เปรยคำถามเขาว่า "ถ้ามีคนลักหัวใจเขาๆ จะทำอย่างไร"
เขามีความเห็นแย้ง
> อย่างชัดเจนว่า คนลักหัวใจคนที่มอบให้ด้วยความรัก
ทำไมจะต้องให้มีชีวิตต่อไปอีก ฆ่าแล้วทำลาย ตัดไฟ
> ตั้งแต่ต้นลม เพื่อคนที่ "ลัก"
หัวใจจะไม่ต้องไปทำลายหัวใจคนอื่นไม่ดีกว่าหรือ ได้บุญกว่าเยอะ แผ่นดิน
> สูงขึ้นอีกด้วยซ้ำไป
>
>
> ในขณะที่เพื่อนนักโทษรักสนุกคนนั้น
ลองสอบถามคำถามเดียวกันจากเพื่อนนักโทษคนอื่นที่เคยผ่านการฆ่าคน
> มาอย่างเหี้ยมโหด คำตอบที่ได้รับก็คือ ต้องตามเอาคืนมา
แล้วรักษาแผลอันบอบช้ำให้หาย รักษาเอาไว้
> อย่างดี อย่าให้หายไปหรือให้คนอื่นมาลักไปอีก
>
>
> ถึงแม้ว่า หมอเสริมกับ แรมโบ้เอ็ม จะเป็นเพื่อนรักที่สนิทสนมกัน
แต่ต้องมากินแหนงแคลงใจกันก็ด้วยเรื่อ
> ง "ความประสงค์ดี" ของ หมอเสริม
ที่อาสาใช้วิชาการแพทย์ของตัวเองที่ร่ำเรียนมาเพื่อรักษาพยาบาล
> "แมว" อันเป็นสุดที่รักของ แรมโบ้เอ็ม
ที่อุตส่าห์ป้อนข้าวป้อนน้ำมันอยู่ทุกวัน แรมโบ้เอ็ม" เลี้ยงมันไว้
> เป็นเพื่อนคลายเหงาถึงสองตัว!
>
>
>
> แล้วในที่สุด วันเกิดเหตุก็มาถึง เมื่อตอนสายวันหนึ่ง
มันเป็นเช้าเสาร์ที่ทางเรือนจำไม่อนุญาตให้ญาติๆ
> ของผู้ต้องขังเข้าเยี่ยม แมวของแรมโบ้เอ็มตัวที่หนึ่ง
ต้องเอาชีวิตมาสังเวยคมมีดของ หมอเสริม ที่ได้
> วินิจฉัยโรคในเบื้องต้นว่า
>
>
> แมวตัวนี้มีอาการป่วยภายใน ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่?
>
>
> เมื่อการวินิจฉัยโรคเบื้องต้นผ่านไปแล้ว "หมดเสริม"
จึงลงความเห็นอย่างไม่ลังเลว่าต้องผ่าตัดดูเครื่อง
> ใน เพื่อพิสูจน์สาเหตุของการเจ็บป่วยตามหลักการแพทย์ที่เขาร่ำเรียนมา แล้ว
"หมอเสริม" ก็ลงมือจับ
>
แมวเคราะห์ร้ายมัดขาทั้งสี่ขาขึงพรืดไว้กับหลักไม้สี่หลักที่ตอกตรึงอยู่กับพื้น
ดิน จนแมวโซที่มีอาการเจ็บป่วย
> ค่อนข้างหนักอยู่แล้ว ไม่มีแรงที่จะดิ้นรนต่อสู้เพื่อรักษาชีวิต
นอนดิ้นกระแด่วๆ อยู่กับหลักตรึงให้ "หมอ
> เสริม" ที่ได้เครื่องมือผ่าตัดซึ่งดัดแปลงมาจากมีดโกนหนวด "ลองวิชา"
จากหมอคนมาสู่ "หมอแมว" ใน
> คุก
>
>
> หมอเสริม ได้บอกกับเพื่อนนักโทษถึงเหตุผลที่เขาต้องผ่าตัดแมวว่า
แมวตัวนี้เป็นโรคใกล้ตายแล้ว อยาก
> ศึกษาเพื่อหาปัญหาของโรคเพื่อจะได้รักษาตัวอื่นๆ ที่เป็นโรคเดียวกัน
คำตอบที่ประสงค์ดีเช่นนี้ ประกอบ
> กับนักโทษหลายคนก็เชื่อถือในฝีมือความเป็นหมอ
จึงไม่มีใครโต้แย้งแม้แต่คนเดียว มีแต่คนเห็นว่า "หมอ
> เสริม" คงจะสันนิษฐานโรคได้ และเผื่อมีแมวตัวอื่นที่เป็นโรคเดียวกัน
"หมอเสริม" ก็จะได้รักษาได้ใน
> อนาคต
>
>
> แต่แล้วเรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้นจนบรรยากาศปกคลุมไปทั่วคุก โดยเฉพาะ
"แรมโบ้เอ็ม" เจ้าของแมว
> เมื่อหมอเสริม ได้ใช้ฝีมือสุดความสามารถ ใช้ใบมีดโกนหนวดกรีดหน้าท้อง
ควักเอาตับ ไต ไส้ พุง ของ
> แมวเคราะห์ร้ายออกมาวินิจฉัยหาสาเหตุแห่งการ "เจ็บป่วย"
หมดทางที่เจ้าแมวเหมียวซึ่งถูกจับตรึงกาง
> เขนจะมีลมหายใจอยู่ได้
>
>
> ข่าวการตายของแมวเคราะห์ร้าย
ทำให้เพื่อนนักโทษในคุกต่างตกอยู่ในความเศร้าไปตามๆ กัน เช่น
> เดียวกับ แรมโบ้เอ็มที่ต้องกล้ำกลืนกับชะตากรรมของแมวตัวโปรด
>
>
> แต่เคราะห์ร้ายก็ยังไม่สิ้น เพียงอีกสองวันต่อมา แมวตัวที่สองของ แรมโบ้เอ็ม"
ก็เกิดล้มป่วยลงอีกแม้
> อาการจะไม่หนักหนาเหมือนตัวแรก แต่ "หมอเสริม"
ก็ขอแก้มือกู้หน้าอีกครั้งที่ทำให้การ "ผ่าตัด" ครั้ง
> แรกต้องเสียชื่อ ทำให้แมวตัวที่หนึ่งต้องตายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อนฝูง
>
>
> หลักตะแลงแกงสี่หลักถูกนำมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง
ขาทั้งสี่ข้างของแมวตัวที่สองถูกตรึงไว้กับหลักอันแน่นหน
> า เพื่อให้ "หมอเสริม" ได้ "ลองวิชา" ในคุกอีกครั้ง
>
>
> ระหว่างที่ "หมอเสริม" นำแมวมาผ่าตัด แรมโบ้เอ็ม กำลังมัวคุยอยู่กับญาติๆ
ที่มาเยี่ยมนานพอสมควร
> พอญาติกลับไปแล้ว
เขาจึงนึกขึ้นได้ถึงเรื่องแมวที่มันเคยเป็นที่รักและที่ห่วงใยของเขาที่คอยป้อนน
้ำป้อนข้า
> ว ซึ่งเพิ่งจะเห็นหน้ากันอยู่หลัดๆ ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะไป "พบญาติ"
เมื่อเขารีบตรงรี่เข้าไปดูอาการว่า
> "หมอเสริม" รักษามันอย่างไรบ้าง "แรมโบ้เอ็ม" ก็ต้องตกตะลึงจนตัวเย็น
เมื่อเห็นร่างของมันนอนแผ่
> หราอยู่กับหลักหมุดทั้งสี่ สิ้นลมหายใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง
>
>
> เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่อุทานออกมาว่า หมอเสริม "รั่ว" ไปแล้ว
>
>
> รั่ว คำๆ นี้เป็นอันเข้าใจกันในคุกว่า มันเป็นภาษาแสลงของชาวคุกว่า
"หมอเสริม" นั้น บ้า ไปแล้ว
> จริงๆ
>
>
> ร่างของแมวทั้งสองตัว ถูกชำแหละไม่แตกต่างอะไรกับร่างของนางสาวเจนจิรา
อดีตแฟนสาวของเขานั่น
> เอง
>
>
> "แรมโบ้เอ็ม" ที่เคยมีกิตติศัพท์ว่าใจร้อน ใจถึงเมื่ออยู่นอกคุก
มาเจอสภาพนี้เข้าเขาก็ได้แต่เดินหันหลังอ
> ย่างเร่งรีบเข้าไปพบ ขาใหญ่คนหนึ่งอย่างหน้าตาตื่น พร้อมทั้งอ้อนวอนว่า
>
>
> ช่วยผมทีได้ไหม ช่วยย้ายไอ้หมอเสริมออกไปจากห้องผม
หรือเอาผมไปนอนที่อื่นหน่อยได้ไหม ไม่อย่างนั้น
> มันหั่นผมเป็นศพแน่
>
>
> ขาใหญ่ จึงสอบถามว่า เรื่องราวมันเป็นอย่างไรหรือ
>
>
> จนทำให้ แรมโบ้เอมต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดจนกลายเป็นเรื่องขำไม่ออกไปตามๆ
กัน
>
>
> หลังจากนั้นไม่นานนัก ขาใหญ่ ประจำคุกจึงได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจาก
หมอเสริม ซึ่งได้ให้เหตุผล
> ในการผ่าตัดโดยไม่ต้องมีการฉีดยาชา-วางยาสลบว่า "เมื่อเรียนมาเป็นหมอ
แต่ไม่สามารถช่วยคนได้
> จึงขอช่วยชีวิตแมวก็แล้วกัน"
>
>
> ถึงอย่างไรก็ตาม
ผู้ต้องขังทั้งสองคนก็สามารถเคลียร์ปัญหาความหวาดกลัวซึ่งกันและกันได้
ไม่มีเหตุการณ์
> "แมวทดลอง" ตัวที่สามให้ซ้ำรอย เจนจิราขึ้นมาอีก
> งูเหลือมอาถรรพ์ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
>
>
> เมื่อย้อนมาดูการดำเนินคดีของ หมอเสริม ก็ให้การปฏิเสธมาตลอด อ้างว่า
พนักงานสอบสวนกลั่นแกล้ง
> ยัดข้อหา นางสาวเจนจิราเป็นคนรักคนแรกในชีวิตของเขา เขาจะฆ่าเธอได้อย่างไร
>
>
> ถ้ามีคนที่รักมากเหมือนเขา คุณจะฆ่าคนรักของคุณได้ลงเชียวหรือ" "หมอเสริม"
มักจะย้อนถามผู้ถามให้
> กลับไปคิดว่าเขา "บริสุทธิ์" เช่นนี้อยู่เสมอ ก็หมายถึง
ตำรวจจับเขาผิดตัวนั่นเอง
>
>
> ในที่คุมขังอันจำกัดเสรีภาพนั้น โทรทัศน์ คือ สื่อสารเพียงสิ่งเดียวที่
"สื่อ" ให้รับรู้ถึงสังคมภายนอก ถือ
> ว่าเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ทุกคนในแดนสนธยาได้รับรู้ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว
ใครทำอะไรที่ไหน ใคร
> สร้างคดีอะไร หนักหนาสาหัสยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ได้รู้กันหมด
>
>
> แม้กระทั่งว่า ตำรวจจะส่งตัวเข้าไปเมื่อไร อาชญากรตัวใหญ่ๆ
ที่จบเกมวันไหนจะได้สัมผัส "พวกข้างใน
> "รู้กันดี เก็งกันได้อย่างแม่นอย่าบอกใครเชียว
แม้นักขุดคุ้ยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อย่าง พ.ญ.พรทิพย์
> โรจนสุนันท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชจะได้พิสูจน์ดีเอ็นเอ
จากหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุตรงกับโครงข่
> ายที่สอดคล้องกัน แต่ หมอเสริม ก็ยังไม่ยอมรับ
>
>
> คดีของ "คนหัวหมอ" อย่าง "หมอเสริม" ที่รอบรู้ทางหนีที่ไล่และตระเตรียมไว้หมด
คงจะไม่จบลงอย่าง
> นี้
>
>
> หากไม่บังเอิญอยู่มาวันหนึ่ง ทางนายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์มาช่วยราชกา
> รที่สำนักพระราชวัง ได้รับแจ้งว่า
พบงูเหลือมไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านเช่าย่านบางพลัด เมื่อทีมงานหมองูไป
> จับงูตัวนี้ ก็ปรากฏหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับคดีของ หมอเสริมอย่างไม่คาดฝัน
จนทำให้ข่าวนี้แพร่
> กระจายไปทั่ว แม้กระทั่งในเรือนจำแห่งนี้ด้วย!
>
>
> เมื่อ หมอเสริมได้รับข่าวสารนี้ก็ทำให้คืนนั้นเขานอนไม่หลับทั้งคืน
เพราะวันรุ่งขึ้นจะต้องไปขึ้นศาลพิจารณ
> าคดี
>
>
> ทันทีที่ไปถึงศาล หมอเสริมก็มีอาการครุ่นคิดอย่างหนัก
เมื่อทนายความพิจารณาแล้วไม่นาน ก็ปรากฏว่า
> หมอเสริม ยอมให้การรับสารภาพอย่างไม่มีใครคาดคิด ทั้งๆ
ที่เคยยืนกระต่ายขาเดียว ปฏิเสธมาตลอด
> ทำให้ศาลตัดสินประหารชีวิต แต่เมื่อรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
>
>
> เรียกว่า หมอเสริม กลัวงูมากกว่ากลัวกฎหมายและตำรวจเลยทีเดียว
>
>
> หมอเสริมมุมานะเรียนหวังรับปริญญาในคุก เมื่อเข้ามาอยู่ในคุก หมอเสริม
ก็ไม่เคยละทิ้งนิสัยที่ชอบใฝ่รู้ใ
> ฝ่เรียน เขามุ่งมั่นทางการศึกษาอย่างเดียว ไม่เคยเสเพลออกนอกลู่นอกทาง
นับตั้งแต่เริ่มต้นเรียนที่จังห
> วัดชลบุรี จนกระทั่งจบแพทย์ที่มหิดล
และไม่ยอมออกไปประกอบอาชีพเพียงสาขาเดียวที่เรียนจบ เขาหวัง
> จะเป็นหมอโดยสมบูรณ์ด้วยการเข้าศึกษาต่อที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในวิชาความรู้ที่ต่างสาขาจากที่เรี
> ยนมา เพื่อจะได้ออกไปเป็นหมอที่สมบูรณ์แบบ และรอบรู้อย่างแท้จริง
แต่ที่นี่เองที่เขาต้องมาประสบกับชะ
> ตากรรมของชีวิต ที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้
พร้อมกับต้องยอมรับชะตากรรมมาจนถึงทุกวันนี้
>
>
> ส่วน น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี ผู้หญิงคนแรกที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางรักของ
หมอเสริม ในขณะที่เขา
> เรียนสองสาขาในเวลาเดียวกันที่ จุฬาฯ คือ วิชาแพทย์ และวิชารัก ซึ่งเขาคิดว่า
เวลาจบแล้วเขาจะ
> ต้องได้ถึง 3 ปริญญา
>
>
> รวมถึงปริญญารักด้วย
>
>
> มันน่าจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
ก่อนจะออกไปประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์เพื่อช่วยเหลือชีวิตมนุษย์ ซึ่ง
> เขาตั้งใจมุ่งหมายเอาไว้ว่า จะต้องเรียนจบให้ได้ภายในวัยเพียง 20 ปี
>
>
> ในระยะเวลาประมาณ 1 ปีเศษ ทุกวิชาที่ หมอเสริม ร่ำเรียนมา
เขาสามารถสอบผ่านด้วยเกรดเฉลี่ยดี
> ๆ ทั้งสิ้น
>
>
> กับความรักที่เขาร่ำเรียนวิชารักกับ เจนจิรา
วิชารักที่เริ่มต้นเรียนด้วยการทุ่มเทของเขาอย่างหนัก หวัง
> ผ่านทุกหน่วยกิต เขาสอบตกสนิทเกือบทุกวิชาที่เรียน
ทั้งๆที่ทุ่มเทเวลาที่เหลือจากวิชาแพทย์เพื่อเธอโดยไ
> ม่ตกหล่น หมอเสริม สุดความสามารถที่จะผ่านสาขาความรักไปได้
เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ กลายเป็นผู้
> ต้องหา "ฆ่าคนรักของตัวเอง"
โดยใช้วิชาแพทย์ที่เรียนมาจนเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่ว
>
>
> ในชีวิตของเสริม ไม่เคยคบค้ากับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย นอกจากเพื่อนร่วมเรียน
เสริม จะตั้งหน้าตั้ง
> ตาเพื่อบทเรียนในตำราเท่านั้น เจนจิรา คือ ผู้หญิงคนแรกในชีวิตวัย 22 ปีที่
เสริมทุ่มเทความรักให้
> เจนจิราคือคนแรกและคนสุดท้ายของหมอเสริม
>
>
> ถึงแม้ว่าเขาต้องรับชะตากรรมในคุก แต่เขาก็ยังสู้อุตส่าห์เรียนด้วยตัวเอง
เพื่อหวังจะรับปริญญาอีกใบ
> จากในคุก เขาได้ลงเรียนในคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชเขาได้ใช้ความพยายามหลา
> ยๆ อย่างเพื่อให้เรียนจบโดยเร็วที่สุด "หมอเสริม"
พยายามไขว่คว้าหาความรู้จากหลายแห่งด้วยกัน
>
>
> ต่อมาได้มีวิทยุจัดรายการติวเข้ม โดยลักษณะรายการมีเนื้อหาคล้ายกับนิตยสาร
เนชั่นเอ็นซ์ สายศิลป์ ซึ่ง
> มีอาจารย์หลายคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจัดรายการ ในขณะที่ "หมอเสริม"
ติดตามฟังรายการตลอด
> มา แต่ "หมอเสริม" กลับประทับใจอาจารย์สาธิตา รัตนะโพคากุล หรืออาจารย์มินท์
เพียงคนเดียว
> พร้อมกับส่งไปรษณียบัตรออกจากเรือนจำมาให้พร้อมระบุว่า
>
>
> "ผมติดตามฟังอยู่ ชอบวิชาภาษาอังกฤของ อ.มินท์
และฝรั่งเศสก็ชอบสอนภาษาอังกฤษจากเพลง ฟัง
> ประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ช่วง 9-10 หรือ 10-12 ไม่แน่นอนครับ
ก็อยากได้ใบสมัครหนังสือ
> Nation Entrance สายศิลป์ รบกวนช่วยส่งมาให้ผมที่นี่ด้วยครับ
แล้วจะได้ส่งธนาณัติไปให้สมัครทางไห
> นช่วยบอกรายละเอียดด้วยครับ"
>
>
> ไม่นานนัก "หมอเสริม"ได้สมัครเป็นสมาชิกนิตยสาร เนชั่นเอ็นซ์ สายศิลป์
หมายเลข EN-B-0100037
> เพื่อจะได้นำมาประกอบการเรียนได้มากยิ่งขึ้น
>
>
> อาจารย์สาธิตา กล่าวถึงความรู้สึกที่ "หมอเสริม" มาชอบการจัดรายการว่า
ตนมีความรู้สึกกลัวเหมือน
> กัน เพราะคนอย่างนี้เราไม่รู้ใจเขา
โดยเฉพาะพ่อของตนบางครั้งต้องการให้ออกจากการจัดรายการเล
> ยทีเดียว แต่ต้องยอมรับในการมีการศึกษาสูง เราก็หวังว่า
เขาคงจะกลับใจเป็นคนดี
>
>
> เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ "หมอเสริม" อยู่ในคุกยังฆ่าหั่นศพแมวไปอีก 2 ตัว
อาจารย์มินท์ตอบว่า ไม่
> ทราบ เมื่อเป็นอย่างนี้จริงๆ เขายิ่งเป็นคนที่น่ากลัวมากขึ้น
>
>
> อย่างไรก็ตาม เรื่องน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ
"หมอเสริม"ยังมีให้ติดตามอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเขายังต้องถูกจองจำใน
> ระหว่างการอุทธรณ์สู้คดีให้ถูกลงโทษน้อยกว่านี้

จากคุณ : fillerneck
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 13:59:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com