ผมขอสวนกระแส แสดงความไม่เห็นด้วย กับ "หลักเกณฑ์การอภัยโทษ" ครับ
แม้เราจะเป็นเมืองพุทธ แต่มันควรต้องมีหลักเกณฑ์ที่รัดกุมกว่านี้
เสริมเป็นฆาตกรโหด ฆ่าแฟนสาวโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีการวางแผนล่วงหน้าเป็นขั้น เป็นตอน และอาศัยความรู้ความสามารถในวิชาชีพที่เรียนมาปลิดชีพผู้อื่น
เหมือนกับหมอวิสุทธิ์ ที่ฆ่าหมอผัสพรเลย
พรากชีวิตของผู้อื่น และถูกจับได้โดยจำนนต่อหลักฐาน ติดคุกชดใช้กรรมแบบลืมๆ พอมีวันสำคัญก็ได้รับการลดหย่อนเรื่อยๆ
ได้รับการลดหย่อนไป 5 ครั้ง...เบ็ดเสร็จโดนไป 8 ปี
หากเราเป็นคนในครอบครัวของเหยื่อ ก็ไม่รู้จริงๆว่าเราพร้อมที่จะอโหสิหรือเปล่า
หนึ่งในวิถีของชาวพุทธคือการให้อภัย เพราะเราเชื่อกันว่า "อภัยทาน" นั้นกุศลแรง แต่หากเป็นญาติพี่น้องของเราโดนกระทำบ้างละ ???
ประเพณีอะไรที่อิงกับสถาบัน มักถูกหลีกเลี่ยงไม่พูดถึง เพราะกลัวจะหาว่าไม่จงรักภักดี แต่หากประเพณีนั้น มันสมควรถึงเวลาแก้ไขในรายละเอียด เพื่อให้เกิดหลักเกณฑ์ที่นึกถึงจิตใจของฝ่ายผู้เสียหายบ้างแล้ว...
เราจะไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้เชียวหรือ ????
ที่ผ่านมาก็มีอยู่หลายต่อหลายครั้ง ที่พอได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ออกมาอยู่ในสังคมได้ไม่นานก็กลับไปก่อคดีอีก
ผมเห็น นสพ.ก็ลงข่าวบ่อยๆไปครับ
ผมไม่ได้วิพากษ์สถาบัน หากแต่ผมแสดงความไม่เห็นด้วยกับ "หลักเกณฑ์การอภัยโทษ" ที่น่าจะมีการสังคายนาให้มันนึกถึงหัวอกของฝ่ายที่เป็นเหยื่อบ้าง
หากจะลดหย่อยผ่อนโทษ มันน่าจะเป็นคดีที่ฆ่าคนตายแบบไม่เจตนา หรือคดีในลักษณะอื่นๆ ที่ดูแล้วไม่ได้เป็นความชั่วจากกมลสันดาน
เอ้าาาาา......เชิญถล่มครับ....
จากคุณ |
:
ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney)
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ธ.ค. 54 16:32:56
|
|
|
|