Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แซยิดฮ่องเต้ ติดต่อทีมงาน

ยอดคนแผ่นดินเหม็ง

ตอนที่ ๑๓ แซยิดฮ่องเต้

"เล่าเซี่ยงชุน"

เมื่อขณะที่ ไฮ้สุย ได้รับแต่งตั้งเป็นที่เอ๋ซุนอ้าน ออกตรวจราชการตามหัวเมืองต่าง ๆ นั้น ได้มีบุตรสาวกับ นางเตียเกงฮวย คนหนึ่งอายุได้สิบเอ็ดขวบ พอไฮ้สุยกลับมาถึงบ้าน นางเตียเกงฮวยก็พาบุตรสาวมาคำนับ ไฮ้สุยก็จำไม่ได้เพราะบุตรเป็นสาวมีอายุสิบห้าปีแล้ว ภรรยาก็ให้ชื่อว่า นางไฮ้กิมโก ไฮ้สุยก็ว่า

".....บุตรเขาอื่นอยู่พร้อมกันทั้งบิดามารดา ก็ได้สั่งสอนความรู้วิชาต่าง ๆ มารดาก็สอนให้เย็บเสี้ยวปักร้อยให้รู้ในการผู้หญิงข้างมารดา ถ้าเป็นฝ่ายบุ๋นก็สั่งสอนให้รู้การหนังสือ ถ้าเป็นฝ่ายบู๊ก็สอนให้รู้ในเพลงอาวุธต่าง ๆ อันตัวบิดามิได้อยู่ไม่ได้สั่งสอนอะไรให้แต่สักสิ่งหนึ่ง..."

นางเตียเกงฮวยก็ว่าท่านไม่อยู่ ตนก็ได้สั่งสอนวิชาที่ตนเองรู้บ้างเล็กน้อย นางไฮ้กิมโกก็ทำได้เหมือนตน

ไฮ้หยง ไฮ้อัน เห็นนางไฮ้กิมโกรูปร่างงดงาม ประกอบไปด้วยลักษณะดีกิริยาเรียบร้อยสติปัญญาก็เฉลียวฉลาด จึงพูดกับไฮ้สุยว่าบุตรของท่านนี้ ถ้าจะถวายก็คงโปรด ไฮ้สุยก็ว่าท่านอย่าคิดเลย นางสนมในพระราชวังที่ดีก็มีมาก ดูแต่ นางเตียฮองเฮา เถิด รูปร่างก็งดงามจริตกิริยาก็เรียบร้อย ตั้งอยู่ในการสุจริต พระราชบุตรก็มียังเอาตัวรอดไม่ได้ต้องไปอยู่ตึกมืดทุกวันนี้ นางเหียกุยฮุย ก็เลื่อนเป็นฮองเฮา ได้ดีกว่าสนมทั้งปวง เพราะตัวของเขาและ เงียมซง ผู้บิดาเลี้ยงประพฤติพลิกแพลงด้วยอุบายต่าง ๆ จนได้ดี ไม่มีหญิงใดในพระราชวังเสมอเหมือน และว่า

"....ซึ่งตัวเราจะประพฤติให้เป็นไปเช่นนั้นบ้าง อุปนิสัยไม่มีทำไปไม่ได้ ท่านจงตรวจดูคนที่มีมาแล้วแต่หลัง ประพฤติการเช่นนี้ได้ดีก็มีมาก แต่ไปได้ครั้งหนึ่ง คราวหนึ่งเท่านั้น ที่จะเจริญไปได้ตลอดไม่เห็นมี ผู้ประพฤติความดีถึงจะได้ทรัพย์สินเงินทองมาเลี้ยงบุตรภรรยา ก็บริสุทธิ์เพราะยุติธรรมสุจริตนั้น และความเจริญอันยิ่งใหญ่ก็เป็นไปได้ตลอดยั่งยืนนาน ตัวท่านทั้งสองกับเราได้รักใคร่กันมาช้านานแล้ว ยังไม่เห็นท่านทั้งสองคิดการผิดเหมือนครั้งนี้เลย…….”

ไฮ้หยงไฮ้อันก็รับว่า เห็นบุตรท่านประกอบด้วยลักษณะอันงาม จึงพูดไปตามการ หาทันคิดตรึกตรองให้ละเอียดไม่ ไฮ้สุยจึงว่าต่อไปว่า

"...ทุกวันนี้เรามีความวิตกด้วยนางเตียฮองเฮา กับพระราชบุตรมาก ยิ่งกว่าการอื่น ๆ นางเตียฮองเฮาก็มิใช่ญาติพี่น้องของเรา เป็นด้วยคนต่างมีอุปการะกันมา ไม่ควรจะเป็นโทษต้องถอดด้วยอำนาจคนกังฉิน ถ้าเราได้ช่องเมื่อใดเราจะกราบทูลให้จงได้ ถึงพระเจ้าแผ่นดินจะไม่ทรงเห็นด้วย จะทรงขัดเคืองประการใด ก็จะยอมรับพระราชอาญา....."

ไฮ้หยงไฮอันก็นิ่งอยู่

ครั้นอยู่มา พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ พระชันษาได้สี่สิบพรรษา จึงรับสั่งจัดการทำบุญฉลองพระชนมายุ มีพระญาติวงศ์และขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย มาประชุมพร้อมกันในพระราชวัง ต่างก็ทำเทียบอวยชัยถวายพร และสรรเสริญพระเกียรติยศต่าง ๆ ตามปัญญาและความคิดของตนว่าจะไพเเราะดี เป็นที่ชอบพระทัย ของใครก็หมายชื่อของตนให้ทรงทราบทุกฉบับ ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรตรวจชื่อเจ้าของดูทุกฉบับก็ไม่มีชื่อไฮ้สุย จึงตรัสถามไฮ้สุยว่า เหตุใดท่านจึงไม่ทำเทียบเข้ามาให้เราดูบ้าง

ไฮ้สุยก็กราบทูลว่า ตนเป็นแต่ผู้น้อยอายุยังอ่อน จะทำเทียบถวายนั้นดูไม่ควร การอันนี้สมควรแก่ท่านที่เป็นขุนนางผู้ใหญ่และมีอายุมาก จึงจะสมควรถวายพระพรแก่พระองค์ ฮ่องเต้จึงตรัสว่าเราไม่เลือกดอกว่าเป็นหนุ่มแก่และวาสนามากน้อย มีคำนักปราชญ์แต่ก่อนกล่าวไว้ว่า คำสิ่งใดที่ผู้กล่าวนั้นมีประโยชน์แล้ว ก็ควรจะจำไว้สอนใจ มิให้เลือกว่าเป็นคำเด็กและคำผู้ใหญ่ ถือเอาแต่ยุติธรรมเป็นที่ตั้ง

ไฮ้สุยได้ฟังฮ่องเต้ชักคำโบราณเปรียบเห็นถูกต้อง จึงทำหนังสือเทียบถวายฉบับหนึ่งมีความว่า

.......เจ้านายและขุนนางทั้งปวงซึ่งอวยชัย ถวายพรและสรรเสริญพระเกียรติยศของพระองค์ในครั้งนี้มากนักหนา แต่คำถวายพรและสรรเสริญพระเกียรติยศนั้น ก็ละม้ายคล้ายกันทุกฉบับ ถ้าจะรวมลงเป็นฉบับเดียวกันก็ได้ ความศิริสวัสดิ์เจริญของพระองค์มีสมดังพรคนทั้งปวง แต่ข้าพเจ้าเห็นว่าพระชันษาล่วงมา ครบสี่สิบปีเข้าปีนี้แล้ว พระองค์ยังไม่มีพระราชโอรสที่จะสืบพระวงศ์ต่อไป พรที่คนทั้งปวงถวายแก่พระองค์ เมื่อสืบไปเบื้องหน้า จะโปรดพระราชทานแก่ผู้ใด ถ้าพระองค์ไม่มีพระราชบุตรแล้ว คำอวยชัยถวายพรนั้น ก็เป็นอันถวายเสียเปล่า.....

ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรจนสิ้นข้อความแล้ว ก็สดุ้งพระทัย พวกขุนนาง เห็นสีพระพักตร์ผิดปกติ ต่างคนก็พากันตลึงอยู่มิได้รู้ว่ามีเหตุสิ่งใด ฮ่องเต้ทอดพระเนตรหนังสือเทียบของ ไฮ้สุยแล้วก็มิได้วาง ถือติดพระหัตถ์อยู่และตรัสกับขุนนางด้วยการอื่น ๆ ไปจนได้เวลา พนักงานยกโต๊ะและสุรามาเลี้ยงขุนนางตามธรรมเนียม ฮ่องเต้ก็รับสั่งกับไฮ้สุยว่า ท่านกินโต๊ะแล้วอย่าพึ่งไป เราจะพูดด้วยสักหน่อย พวกพระราชวงศ์และขุนนางทั้งปวงก็คิดสงสัยไปต่าง ๆ ครั้นกินโต๊ะเสร็จแล้วผู้เข้าเฝ้าทั้งปวง ก็ถวายบังคมลากลับไปที่อยู่

พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ก็รับสั่งให้ไฮ้สุยไปที่สวนดอกไม้ ในพระราชวัง แล้วจึงตรัสว่า หนังสือเทียบที่ขุนนางทั้งปวงทำเข้ามาให้เราแต่ล้วนเป็นคนยกยอประจบประแจงทั้งนั้น แต่หนังสือเทียบของท่านมีคุณแปลกประหลาดอยู่ ทุกวันนี้เราหนักใจนัก มีลูกก็เหมือนไม่มี

ไฮ้สุยจึงกราบทูลว่า ทำไมพระองค์จึงตรัสดังนี้ พระราชบุตรของพระองค์ก็มีชันษาได้ถึงเก้าขวบสิบขวบแล้ว ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าบุตรของเรานั้นเป็นโทษไปแล้ว ไฮ้สุยกราบทูลว่าพระราชบุตรของพระองค์ ไม่เห็นว่ามีความผิดสิ่งใด ครั้งนั้นพระราชบุตรชันษาห้าขวบ ยังเป็นทารกไม่รู้จักอะไร ผู้ที่มากราบทูลกล่าวโทษทารกนั้น เป็นคนกังฉิน ถ้าจะหยิบเอาผิดแก่ทารกอายุห้าขวบแล้ว วันหนึ่งจะหยิบเอาข้อผิดสักเท่าไรก็ได้ ฮ่องเต้จึงตรัสว่า แต่ท่านเข้ามารับราชการ เราพึ่งเห็นใจว่ารักเรามากกว่าขุนนางทั้งปวง ครั้งนี้จะทำอย่างไรดี

ไฮ้สุยกราบทูลว่า

"...พระองค์ทำโทษแก่นางเตียฮองเฮาและพระราชบุตรนั้น รู้ปรากฎทั่วทั้งแผ่นดิน พระองค์จะโปรดให้พ้นโทษนั้นก็ให้ปรากฎเหมือนกัน คนภายหลังจะได้สรรเสริญว่าพระองค์ตั้งอยู่ในยุติธรรม ถ้าพระองค์ไม่โปรดพระราชบุตรแล้ว พระนามพระเกียรติยศของพระองค์ก็จะเสื่อมเสียไป คนทั้งปวงจะเห็นว่า แต่พระราชบุตรของพระองค์ยังทำได้ถึงเพียงนี้ สำมะหาอะไรกับผู้อื่น....."

ฮ่องเต้ตรัสถามว่า จะให้เราทำประการใดเล่า ไฮ้สุยก็กราบทูลถวายคำแนะนำต่าง ๆ แล้วฮ่องเต้ก็เสด็จขึ้น

ครั้นถึงวันรุ่งขึ้นเวลาเช้ายังเป็นวันฉลองพระชนมายุ ฮ่องเต้เสด็จออก ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยและพระราชวงศานุวงศ์มาประชุมพร้อมกัน ณ ที่เฝ้าแล้ว ฮ่องเต้จึงตรัสแก่ขุนนางทั้งหลายว่า ท่านทั้งปวงทำหนังสือเทียบมาให้เรา พิเคราะห์ดูความก็ละม้ายคล้ายกันทุกฉบับ แต่คำของ ไฮ้สุยนั้นแปลกประหลาด กว่าคำของท่านทั้งปวง มีความว่า อายุเราครบถ้วนสี่สิบปีแล้วยังไม่มีบุตร เราตรองดูไปก็เศร้าใจเห็นจริง ด้วยเราทุกวันนี้ ถึงจะบริบูรณ์สมบัติมากสักเท่าใด ก็บริบูรณ์เสียเปล่าจะเอาไว้กับผู้ใด คำที่เราว่านี้ท่านทั้งปวงจะเห็นอย่างไร

เงียมซงก็กราบทูลขึ้นว่า พระชนมายุของพระองค์ล่วงเข้ามาเพียงสี่สิบปีเท่านี้ ใช่ว่าทรงพระชราเมื่อไร พระสนมในพระราชวังก็มีอยู่มาก หากบุญบารมีของพระองค์ก็คงจะได้พระราชบุตร ฮ่องเต้ได้ฟังก็ถอนพระทัยแล้วตรัสว่า มีบุตรเมื่อแก่ไม่ได้สั่งสอนจะมีคุณอะไร ตรัสแล้วก็ถามขุนนางว่า ท่านทั้งปวงจะเห็นประการใด ขุนนางทั้งหลายต่างเกรงใจเงียมซงและ เตียจีเป๊ก จะขัดเคือง ก็พากันนิ่งอยู่ไม่กล้าจะกราบทูลสิ่งใด

ไฮ้สุยจึงกราบทูลขึ้นว่าพระองค์จะทรงพระวิตกทุกข์ร้อนไปทำไม พระราชบุตรของพระองค์ที่มีอยู่ บัดนี้พระชันษาได้สิบขวบแล้ว ฮ่องเต้ได้ทรงฟังก็แกล้งทำเป็นตกตลึง เหมือนลืมไป ตรัสถามว่าลูกเราอายุได้สิบขวบแล้วเจียวหรือ ไฮ้สุยก็กราบทูลว่า นางเตียฮองเฮามีพระราชบุตรองค์หนึ่ง เมื่อชันษาได้ห้าขวบมีผู้กราบทูลว่ามีความผิด ต้องรับพระราชอาญาขังอยู่ในตึกมืดช้านานแล้ว พระองค์ทรงลืมเสียแล้วดอกกระมัง

เงียมซงก็พูดขึ้นหน้าที่นั่งด้วยความโกรธว่า พระราชบุตรนั้นเป็นโทษไม่ควรที่ไฮ้สุย จะเอามากล่าว มีความผิดอยู่ด้วยไฮ้สุยทำราชการอยู่ข้างหน้า ไม่ควรเอาความข้างในมากราบทูล ไฮ้สุยคงรู้เห็นเป็นใจคบค้าด้วยคนข้างใน จะเอาไว้มิได้ ต้องกำจัดเสียจึงจะควร

พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ได้ทรงฟัง ก็ขัดเคืองในพระทัยเป็นอันมาก แต่สู้สงบพระทัยไว้แล้วตรัสว่า การที่ไฮ้สุยพูดนั้นจะผิดชอบประการใดก็แล้วแต่กฎหมาย แต่ต้องชำระเอาความจริงเสียให้ได้ก่อน วันนี้ก็เป็นวันสำคัญชำระกันดูเราจะเป็นผู้ฟัง แล้วก็ตรัสถามไฮ้สุยว่า บุตรเราเป็นโทษรู้ทั่วกันทั้งแผ่นดิน ควรจะใช้ได้หรือมิได้ ใครเห็นอย่างไรก็ให้ว่ามา อย่าได้เกรงใจเห็นแก่หน้า ผู้ใดเลย เอาแต่ความจริงเป็นประมาณ

ไฮ้สุยก็กราบทูลขึ้นว่า เมื่อพระราชบุตรของพระองค์ พระชันษาห้าขวบ ถือปิ่นทองคำเล่นเหวี่ยงไปตามวิสัยทารก ถูกพระพักตร์ของพระองค์ขีดริ้วรอยหน่อยหนึ่งนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าพระราชบุตรยังทรงพระเยาว์อยู่ ไม่รู้จักความ ถ้าจะหยิบข้อผิดแก่ทารกอายุเท่านี้แล้ว ก็จะเป็นทั่วกันไปทั้งแผ่นดิน ถึงพระราชบุตรพระชันษาจะมากกว่านี้ขึ้นไป แม้ทำอย่างนั้นก็ไม่มีใครเห็นว่าเป็นขบถ

เงียมซงก็กราบทูลขึ้นว่า ในเวลานี้พระองค์ทำบั้นซิวเป็นการสบาย ไม่ควรที่ไฮ้สุย จะเอาความที่ร้อนพระทัยมากราบทูล พระองค์อย่าได้ทรงพระวิตกไป วันหน้าคงจะมีพระราชบุตร ฮ่องเต้ใคร่จะเย้าให้ไฮ้สุยเถียงกับเงียมซงฟังสำนวนเล่น จึงรับสั่งแก่ไฮ้สุยว่า ท่านก๊กเจี๋ยงพูดอย่างนี้ท่านจะว่าอย่างไร

ไฮ้สุยกราบทูลว่าพระราชบุตร ของพระองค์ที่ยังมีอยู่ไม่คิดอ่าน จะเสี่ยงบุญไปข้างหน้า ให้พระองค์หาพระราชบุตรเอาใหม่ เปรียบเหมือนจะไปงมเข็ม ในท้องพระมหาสมุทร จะหมายที่ไหนได้

ฮ่องเต้ก็ตรัสเอาใจเงียมซงว่า บุตรของเรานี่มีอยู่แล้วก็ดี หรือบุตรที่จะได้ขึ้นใหม่ก็ดี ท่านก๊กเจี๋ยงก็ต้องเอาธุระทั้งนั้น ถ้าจะว่าที่แท้แล้วท่านก๊กเจี๋ยงก็เป็นเหมือนตาของทารก

เงียมซงก็กราบทูลว่า ซึ่งพระองค์รับสั่งนี้เป็นความดี พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ แต่เห็นจะไม่ชอบใจไฮ้สุย

ไฮ้สุยก็ว่า ข้าพเจ้าไม่ชอบใจจริง ด้วยความคิดและอุบายของท่าน จะทำอย่างไร อยู่ในใจของข้าพเจ้าทั้งนั้น.....ข้าพเจ้าเห็นว่าการที่เป็นอัยกานั้นยากนัก เว้นแต่ท่านที่เทพยดาให้ลงมาเกิด จึงจะเป็นอัยกาได้ คำที่ข้าพเจ้าว่านี้ ท่านก๊กเจี๋ยงก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า ลูกของเราคนนี้ถ้าไฮ้สุยไม่พูดขึ้นมาแล้วเราก็ลืม ต้องขังอยู่ตึกมืดหลายปี ป่านนี้เห็นจะโง่นักไม่รู้จักอะไรด้วยไม่มีใครจะสั่งสอน ไฮ้สุยก็กราบทูลว่า ผู้ที่มาเกิดถ้าจะมีบุญวาสนาสติปัญญาคงฉลาด พระองค์อย่าได้ทรงพระวิตก ด้วยมารดาประกอบด้วยสติปัญญา คงจะสั่งสอนกันไว้

ฮ่องเต้ชำเลืองพระเนตรดูเงียมซง ยังไม่เห็นด้วยในการที่ยกพระราชบุตรให้พ้นโทษ จึงตรัสว่า ในทุกวันนี้ท่านก๊กเจี๋ยงเป็นผู้ใหญ่ เราเห็นว่าคงจะรักเรามากกว่าผู้อื่นจริงหรือไม่

เงียมซงกราบทูลว่า ข้าพเจ้ารักพระองค์ยิ่งกว่าชีวิตของข้าพเจ้าเสียอีก ถึงมาตรว่าพระองค์จะให้ข้าพเจ้าตายแทนก็มิได้คิดสิ่งใดเลย

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่า เราขอบใจท่านแล้ว ท่านเป็นคนตงฉินจริง ๆ ในขณะนี้ท่านมีบุตรชาย อยู่กี่คน เงียมซงกราบทูลว่ามีหลายคน ฮ่องเต้ก็ว่า เราจะขอท่านสักคนหนึ่งจะได้หรือไม่ เงียมซง กราบทูลว่า ถ้าพระองค์ต้องประสงค์แล้ว ข้าพเจ้าก็จะถวายตามพระราชประสงค์

ฮ่องเต้จึงตรัสว่า ลูกเรามีความผิดเล็กน้อย เราขอลูกท่านทั้งนี้ด้วยปรารถนาจะให้ไปรับโทษแทนลูกของเรา

เงียมซงก็กราบทูลว่า บุตรข้าพเจ้าไม่มีความผิด พระองค์จะให้เข้าไปอยู่ในตึกมืด รับพระราชอาญาแทนพระโอรสของพระองค์อย่างไรได้

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าบุตรของท่านไม่มีความผิด ไม่ยอมให้รับโทษแทนลูกของเรานั้น ลูกของเราก็ผิดเล็กน้อยเท่านี้ อยู่ตึกมืดมาก็หลายปี จะไม่พ้นโทษบ้างเจียวหรือ......ตัวท่านบอกแก่เราว่ารักเรามาก จะตายแทนเราได้นั้นไม่จริง ยังไม่ทันไรแต่เราลองใจขอบุตร ไปรับโทษแทนลูกเราเท่านี้ยังไม่ได้ จะพูดให้มากไปทำไม

ตรัสแล้วฮ่องเต้ก็ถามความเห็นของขุนนางทั้งปวง ต่างก็ถวายบังคมแล้วกราบทูลเห็นชอบด้วยทุกประการ พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้จึงมอบให้ไฮ้สุยเป็นเจ้าพนักงาน จัดการซึ่งจะอภัยโทษให้แก่พระราชบุตร โดยไม่ฟังเสียงเงียมซงอีกต่อไป.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 54 06:19:00




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com