Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เกลือจิ้มเกลือ ติดต่อทีมงาน

ยอดคนแผ่นดินเหม็ง

ตอนที่ ๑๘ เกลือจิ้มเกลือ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ เงียมซง ได้รับโทษต้องถอดออกจากตำแหน่งใจเสี่ยง และต้องเนรเทศไปอยู่ที่เมืองฮุนหนำเป็นเวลาหกเดือนนั้น เจ้าพนักงานก็พาเงียมซงไปรับหนังสือจาก ไฮ้สุย เพราะเมืองฮุนหนำอยู่ในการปกครองของไฮ้สุย เงียมซงไม่อยากจะไปบ้านไฮ้สุยเลย เพราะมีความโกรธและอาฆาตแค้นไฮ้สุยเป็นอันมาก แต่จนใจด้วยเป็นการรับสั่งจึงต้องแข็งใจไป

เมื่อไปถึงบ้านไฮ้สุยเข้าไปถึงหอที่ใช้สำหรับออกนั่งชำระความราษฎร มีบัลลังก์ตั้งอยู่ตรงกลาง ในห้องนั้นไม่มีเครื่องตั้งตกแต่งที่ดีมีราคาเลย เงียมซงเห็นว่าต่ำต้อยกว่าบ้านของตนนัก จึงทนงตัวคิดว่าตนยังมีตำแหน่งสูงกว่าไฮ้สุย ลืมไปว่าถูกถอดแล้ว เมื่อเห็น ไฮ้อัน ก็ถาม อย่างวางอำนาจว่าไฮ้สุยอยู่หรือไม่หรือไปไหน ไฮ้อันก็โกรธที่เงียมซงเรียกชื่อเดิม ไม่เรียกตามชื่อยศและตำแหน่ง แต่ก็บอกว่านายยังกินอาหารอยู่ เงียมซงก็เที่ยวเดินดูรอบห้องแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ซึ่งเป็นธรรมเนียมว่าผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นขุนนางที่ต่ำกว่าหรือเสมอกัน และแม้แต่สูงกว่าเจ้าเรือนก็จะขึ้นไปนั่งไม่ได้ เพราะเป็นอาญาสิทธิ์ที่โปรดให้มีไว้ทุกเรือนหลวง ถึงขุนนางที่เป็นเจ้าของเรือน จะขึ้นไปนั่งเล่นก็ไม่ได้ นอกจากเวลาชำระความเท่านั้น

เมื่อได้เวลาไฮ้สุยก็แต่งตัวใส่เสื้อหมวกเต็มยศออกมาจากข้างใน เห็นเงียมซงนั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ถามว่าทำไมจึงขึ้นไปนั่งบนนั้น ตัวแต่ก่อนเป็นขุนนางผู้ใหญ่ไม่รู้ขนบธรรมเนียมหรือว่ามีความผิด พูดแล้วก็ให้บ่าวฉุดลากเงียมซงลงมาจากบบัลลังก์ แล้วตนเองก็ขึ้นไปนั่งแทน เงียมซงจึงถามเป็นทีท้าว่า เมื่อฉุดเราลงมาแล้วจะทำอะไรต่อไปอีกเล่า

ไฮ้สุยก็ว่ายังจะทำอีกก็แต่เฆี่ยน พูดแล้วก็ให้บ่าวช่วยกันจับตัวเงียมซงคว่ำลง แล้วหยิบกระบอกติ้วบนโต๊ะสาดลงทั้งกระบอก และสั่งให้ตีติ้วละสิบที คนใช้นับไม้ติ้วทั้งหมดมีแปดอัน จึงเฆี่ยนเงียมซงถึงแปดสิบที เป็นรอยแตกทุกทีจนครบ เงียมซงได้รับความเจ็บปวดเหลือทนจนสลบไปหลายพัก ไฮ้สุยก็ให้เอาตัวไปขังไว้ในที่คุมขังหน้าบ้าน

เมื่อบุตรและญาติพี่น้องเงียมซง รู้ความก็พากันมาเยี่ยม เห็นเงียมซงบอบช้ำก็มีความสงสารกลั้นน้ำตาไว้มิได้ก็ร้องไห้ เงียมซงมีความโกรธแค้นไฮ้สุยหาที่เปรียบมิได้ คิดจะทำเรื่องราวกล่าวโทษไฮ้สุย แต่บอบช้ำเหลือกำลังเขียนหนังสือไม่ได้ จึงเรียก เงียมซือพวน บุตรชาย เข้าไปใกล้บอกว่าบิดาคราวนี้เจียนจะไม่รอด มือเท้าก็ไหวไม่ใคร่จะได้ระบมไปทั้งตัว เจ้าจงเขียนหนังสือเป็นเรื่องราวจะได้กราบทูลแล้ว เงียมซงก็บอกข้อความให้เงียมซือพวนเขียน เป็นเรื่องราวว่า

………ด้วยตัวข้าพเจ้ามีความผิด พระองค์ไม่ทำโทษ โปรดแต่ถอดจากที่ขุนนาง แล้วเนรเทศให้ออกไปอยู่เมืองฮุนหนำหกเดือน ให้กลับเข้ามารับราชการดังเก่า พระเดชพระคุณ หาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้ากับขุนนางเจ้าพนักงานไปที่บ้านไฮ้สุย จะรับหนังสือนามเมืองออกไปอยู่เมืองฮุนหนำตามรับสั่ง    ไฮ้สุยมีความอาฆาตในข้าพเจ้ามิรู้หาย ครั้นข้าพเจ้าไปก็พาลหาความผิด ใช้ ให้บ่าวเข้ากลุ้มรุมจับข้าพเจ้าเฆี่ยนแปดสิบทีแทบจะถึงแก่ชีวิต ขอพระองค์ทรงทราบสุดแล้วแต่ จะโปรด……….

แล้วก็ให้เงียมซือพวนกลับไปบอกมารดา ให้เข้าไปหา นางเงียมเคงหลินกุยฮุย ในพระราชวัง เล่าเรื่องบิดาให้นำไปกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบ

เมื่อ พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ ได้ทรงฟังเรื่องราวจากกุยฮุยก็ขัดเคืองเป็นอันมาก เสด็จออกในทันใดและรับสั่งให้เงียมซงเข้ามาเฝ้า พวกบุตรหลานและญาติพี่น้องของเงียมซง ก็ตามเข้ามาจนถึงพระราชวัง เงียมซงก็ถวายหนังสือเรื่องราวที่แต่งไว้ ฮ่องเต้ทอดพระเนตรแล้วทรงพระพิโรธเป็นอันมาก รับสั่งให้หาไฮ้สุยเข้ามาเฝ้า แล้วตรัสถามว่าเหตุใดจึงตีเงียมซง

ไฮ้สุยก็กราบทูลว่าเงียมซงไปถึงบ้านแล้ว ทำบังอาจมิได้เกรงพระราชอาญา ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ซึ่งเป็นที่ห้ามมีความผิด ตนจึงทำโทษอย่าให้ใครทำเป็นตัวอย่างต่อไป ฮ่องเต้ตรัสว่าเงียมซงขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ก็มีความผิดจริง ไฮ้สุยตีนั้นก็ถูกแต่ควรทำพอเข็ดหลาบ นี่ตีเหลือเกินนักจะให้ตายเสียทีเดียว

เงียมซงได้ฟังรับสั่งจึงกราบทูลขึ้นว่า ไฮ้สุยทำเหลือเกินนัก พระองค์กระทำโทษถอดข้าพเจ้าเพียงหกเดือน ก็ยังจะโปรดชุบเลี้ยงให้เข้ามารับราชการ สนองพระเดชพระคุณดังเก่า ไฮ้สุยเฆี่ยนข้าพเจ้าจะให้ตายดังนี้ มีความผิดด้วยล่วงพระราชอาญา ฮ่องเต้ได้ฟังก็เห็นจริงด้วยและกริ้วไฮ้สุยเป็นอันมาก จึงพลั้งพระโอษฐ์รับสั่งออกไปว่า ไฮ้สุยทำการเหลือเกินนักต้องเอาไปฆ่าเสีย เจ้าพนักงานได้ฟังรับสั่งก็จับ      ไฮ้สุยในทันใดนั้น

เมื่อฮ่องเต้รับสั่งออกไปแล้วก็ทรงพระดำริว่า ซึ่งจะให้ฆ่า    ไฮ้สุยเสียนั้นเห็นเกินอยู่ แต่จะรับสั่งกลับคำก็ไม่ได้ ด้วยเป็นกษัตริย์ตรัสแล้วจะคืนคำไม่ได้ แต่ถ้าทอดเวลาให้ช้าไป คงจะมีคนมาขอพระราชอภัยโทษได้ทัน จึงรับสั่งว่าวันนี้ก็เย็นจวนค่ำอยู่แล้ว จงเอาตัวไฮ้สุยไปฆ่าเสียในวันพรุ่งนี้เวลาบ่ายสองโมง แล้วเราจะมีหนังสือให้คนถือออกไปพร้อมกระบี่อาญาสิทธิ์ รับสั่งแล้วก็เสด็จขึ้น เจ้าพนักงานก็พาตัวไฮ้สุยไปขังไว้ในคุก รอเวลาประหารชีวิตตามรับสั่ง

ฝ่าย ไฮ้หยง ไฮ้อัน รู้เรื่องแล้วก็ตกใจเป็นอันมาก รีบพากันเข้าไปในพระราชวัง เที่ยวหา พั่งเปา ขันทีคนสนิทของ นางเตียฮองเฮา เล่าเรื่องราวให้ฟังแล้ว พั่งเปาก็กลับไปแจ้งความตามเรื่องของไฮ้สุย ให้นางเตียฮองเฮาทราบเหตุทุกประการ

นางเตียฮองเฮาก็ตกใจจึงให้ พั่งเปาไปตาม จูเอี๋ยวไทจือ มาหาโดยเร็ว เมื่อไทจือมาเฝ้าพระราชมารดา นางเตียฮองเฮาก็เล่าความให้ฟัง แล้วว่าไฮ้สุยมีคุณต่อเราเป็นอันมาก เจ้าจงไปเฝ้าบิดากราบทูลขอโทษไฮ้กึนกงไว้สักครั้ง อย่าให้ตายเสียเลย เมื่อไทจือกับพระราชมารดาพูดกันอยู่นั้นเวลาก็ดึกมากแล้ว ถ้าไทจือจะเข้าเฝ้า เห็นว่าพระราชบิดาคงเสด็จเข้าที่บรรทมเสียแล้วจึงงดอยู่ แต่ในคืนนั้นนางเตียฮองเฮากับ บุตรก็นอนไม่ใคร่จะหลับ ด้วยมีความวิตกทุกข์ร้อนถึง       ไฮ้สุยเป็นอันมาก

ครั้นเวลาเช้าไทจือก็บอกกับพระราชมารดาว่า

“………ข้าพเจ้ามีความวิตกด้วยไฮ้กึนกงมากนัก ครั้นข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้ากราบทูลขอโทษไฮ้กึนกงก่อน ก็เกรงพวกเงียมซงรู้จะคบคิดกับพวกเจ้าพนักงาน ชิงฆ่าไฮ้กึนกงเสียก่อน การก็จะเสียที ข้าพเจ้าจะลาพระมารดาไปที่ฆ่าไฮ้กึนกง กำชับพวกพนักงานไว้ แล้วจึงกลับเข้ามาเฝ้าทูลขอโทษเห็นจะดี……..”

นางเตียฮองเฮาก็ว่าเจ้าคิดชอบแล้ว ไทจือก็ถวายบังคมลา สองคนกับพั่งเปาขึ้นม้ารีบไปจนถึงที่ฆ่า ลงจากม้าเดินตรงเข้าไป ทหารก็เข้าไปบอกแก่ เตียชอง นายใหญ่ว่ามีผู้เข้ามาในนี้สองคน เตียชองจึงสั่งให้ทหารจับตัวไว้ ทหารก็ออกมาจะจับ

พั่งเปาก็ตวาดว่าพวกท่านทั้งหลายนี้แลไม่รู้จักตาย ที่มากับเราคือไทจือไม่ใช่หรือ พวกทหารได้ฟังก็ตกใจ ต่างคนคุกเข่าคำนับกราบทูลขอโทษว่าข้าพเจ้าไม่ทันสังเกตคิดว่าผู้อื่น ขอรับพระราชทานโทษเสียสักครั้งหนึ่ง

ไทจือว่าท่านมิได้รู้จักเราไม่ถือโทษดอก และถามว่าใครเป็นนายใหญ่ ไปบอกให้มาหาเราเดี๋ยวนี้ ทหารก็เข้าไปบอกเตียชองว่า ไทจือมากับพั่งเปามีรับสั่งให้หาท่าน เตียชองก็ออกมาคำนับไทจือแล้วจัดที่ให้นั่งตามสมควร ไทจือถามว่าพาตัวไฮ้สุยมาไว้ที่ไหน เตียชองว่าให้ทหารเอาตัวไปขังไว้ที่ขังคนโทษประหารชีวิต ไทจือจึงให้เอาตัวไฮ้สุยมาพบ เตียชองขัดไม่ได้จึงให้ทหารไปเอาตัวไฮ้สุยมา

ไทจือเห็นไฮ้สุยต้องเครื่องจองจำหนาแน่นมีความเวทนา จึงขอให้เตียชองลดหย่อนผ่อนเครื่องจองจำพอให้ได้ความสบาย ไว้เวลาฆ่าจึงจำให้ครบตามอาญา ไทจือให้ยกเก้าอี้มาให้ไฮ้สุยนั่ง

ไฮ้สุย ก็มิได้นั่ง คำนับไทจือแล้วทูลว่า ข้าพเจ้าเป็นคนโทษถึงตายไม่ควรที่จะนั่งบนเก้าอี้ ไทจือจึงให้ทหารเอาข้าวมาให้ไฮ้สุยกิน แล้วบอกว่าท่านจงอุตส่าห์กินข้าว อย่าพึ่งเสียใจทอดอาลัยชีวิต ข้าพเจ้าจะเข้าไปเฝ้ากราบทูลขอโทษให้ ไฮ้สุยก็ค่อยคลายใจแต่มิได้ตอบประการใด

ขณะนั้นเป็นเวลาสี่โมงเช้า เงียมซือพวน ก็เชิญพระกระบี่อาญาสิทธิ์กับหนังสือรับสั่งมีทหารแห่เป็นขบวน เมื่อใกล้จะถึงที่ประหารทราบว่าไทจือมาอยู่ที่นั่น ก็สั่งให้หยุกพักขบวนไว้ก่อน รอให้ได้เวลาบ่ายสองโมงจึงจะเข้าไป ก็จะประหารชีวิตไฮ้สุยได้สำเร็จ เพราะไม่มีผู้ใดจะขัดขวางรับสั่งได้ แต่ก็มีทหารมาบอกว่าไทจือมีรับสั่งให้เงียมซือพวนไปหาสักหน่อย

เงียมซือพวนขัดรับสั่งไม่ได้ จึงจำต้องไปเฝ้าคุกเข่าลงคำนับ ไทจือก็รับสั่งถามว่าออกมาด้วยธุระอะไร เงียมซือพวนกราบทูลว่าตนเป็นผู้เชิญกระบี่อาญาสิทธิ์และหนังสือรับสั่ง มาดูแลให้เจ้าพนักงานประหารชีวิตไฮ้สุย เวลาบ่ายสองโมง

ไทจือก็รับสั่งว่าเราจะเข้าไปเฝ้ากราบทูลขอโทษ จะโปรดประการใดคอยฟังดูให้รู้ก่อน อย่าได้ลงมือก่อนเวลาในรับสั่ง แล้วให้เงียมซือพวนกับเตียชองไปด้วยกันกับพระองค์ ทั้งสองคนก็อิดเอื้อนแต่ไม่อาจขัดได้จึงต้องไป ไทจือรับสั่งให้พั่งเปาอยู่เฝ้าไฮ้สุยและรับสั่งว่า แม้นยังไม่ถึงกำหนดเวลาตามรับสั่ง อย่ายอมให้ใครฆ่าไฮ้กึนกงเป็นอันขาด สั่งแล้วก็ขึ้นม้าพาเงียมซือพวนกับเตียชอง กลับไปที่พระราชวัง

เมื่อพระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ตื่นจากที่บรรทม ทอดพระเนตรเห็นไทจือรอเฝ้าอยู่ จึงรับสั่งถามว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ไม่ไปเรียนหนังสือ ไทจือก็กราบทูลว่าวันนี้ไม่ได้ไปเรียนหนังสือ เพราะร้อนใจด้วยไฮ้สุย จะขอรับพระราชทานชีวิตไว้ครั้งหนึ่ง

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังไทจือขอโทษไฮ้สุยก็มีพระทัยยินดี แต่ประสงค์จะลองปัญญาของไทจือ จึงตรัสว่าไฮ้สุยมีความผิดโทษถึงตาย จะมาขอได้อย่างไร ไทจือก็กราบทูลว่า

“………ถ้าจะว่าที่แท้แล้วก็ไม่ผิด ด้วยไฮ้สุยเป็นคนรักษาธรรมเนียมแข็งแรงยิ่งกว่าชีวิต คนเช่นนี้หายากนัก ไฮ้สุยก็ได้มีคุณต่อมารดาข้าพเจ้า และตัวข้าพเจ้าเป็นอันมาก ข้าพเจ้ากับมารดาได้พ้นโทษก็เพราะไฮ้สุย……….”

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเราได้ยินไฮ้สุยเขาว่าไม่เอาบุญเอาคุณอะไร ในมารดาเจ้าและตัวเจ้าดอก เขาว่าไปตามการ ไทจือก็กราบทูลว่า

“………การทั้งนี้ถ้าไฮ้สุยไม่ว่าขึ้นแล้ว ข้าพเจ้ากับมารดาไม่ทราบว่าจะพ้นจากโทษเมื่อไร ซึ่งข้าพเจ้ากราบทูลขอแก่พระองค์นี้ อย่าว่าแต่ไฮ้สุยมีคุณเกี่ยวข้องในพระมารดา และตัวข้าพเจ้าเลย โดยคนอื่นที่ไม่มีคุณต่อพระมารดาและตัวข้าพเจ้า แม้นเป็นโทษผิดถึงแก่ชีวิตเหมือนอย่างไฮ้สุย ตัวข้าพเจ้าก็ต้องกราบทูลขอพระราชทานโทษไว้สักครั้งหนึ่ง คนซึ่งซื่อตรงรักษาธรรมเนียมมั่นคงแข็งแรงเช่นนี้ต้องตายแล้ว ขุนนางที่เป็นตงฉินรับราชการจะพากันท้อถอยไป คนที่เป็นกังฉินก็จะมีใจกำเริบขึ้น ไฮ้สุยทำการแต่ละครั้งมิได้คิดแก่ชีวิต เปรียบเหมือนเข้าแย่งเนื้อออกจากปากเสือ คนเช่นนี้หาได้ที่ไหน………….”

ฮ่องเต้ได้ทรงฟังไทจือพูดเข้าแบบแผน ก็ชอบพระทัยทรงพระสรวล แล้วตรัสว่า ใครสั่งสอนให้เจ้ามาพูดจา ไทจือก็กราบทูลว่าจะได้มีใครสั่งสอนให้มากราบทูลนั้น หามิได้ ซึ่งกราบทูลทั้งนี้โดยทราบตามการ ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าเวลาก็จวนจะบ่ายอยู่แล้ว เจ้าจงไปเรียนหนังสือเถิด บิดาจะแต่งคำตัดสินออกไปใหม่ แต่จะให้ไฮ้สุยพ้นความผิดทีเดียวนั้นไม่ได้

ไทจือก็มีความยินดีถวายบังคมลามาหาพระมารดา แจ้งความเรื่องที่ได้กระทำมาแล้วทุกประการ แล้วไทจือก็พาเงียมซือพวนและเตียชอง ออกไปที่ลานประหาร ให้พั่งเปากลับมาคอยรับหนังสือรับสั่ง พั่งเปาก็เชิญพระอักษรไปให้ไทจือ พร้อมกับกับทหารรักษาพระองค์สองร้อย ที่ฮ่องเต้รับสั่งให้มารักษาไทจือด้วย

ในพระอักษรนั้นมีความว่า ซึ่งเงียมซงบังอาจขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ความผิด ไฮ้สุยเฆี่ยนเงียมซงก็ถูกกฎหมาย แต่     ไฮ้สุยตีเงียมซงมากเกินไปนักข้อนี้มีความผิด ซึ่งจะฆ่าเสียนั้นไม่ควร ชอบแต่ต้องทำโทษ ด้วยไฮ้สุยตีเงียมซงควรสี่สิบที อีกสี่สิบทีนั้นเป็นการเหลือเกิน ต้องตีไฮ้สุยสี่สิบที รับโทษกึ่งเงียมซง เงียมซงต้องเนรเทศไปอยู่เมืองฮุนหนำหกเดือน ให้ไฮ้สุย ไปอยู่คุกสามเดือน แล้วให้เข้ามารับราชการดังเก่าเหมือนกัน แต่เงียมซงนั้นบอบช้ำมาก ที่ไหนจะไปเมืองฮุนหนำได้ ต้องให้อยู่เพียงหน้าบ้านไฮ้สุย คนไปมาจะได้เห็นเป็นตัวอย่างไว้ ไปวันหน้าผู้ที่เป็นขุนนางผู้ใหญ่ จะได้ไม่ทำการเช่นเงียมซงต่อไป

เมื่อเจ้าพนักงานอ่านพระอักษรสิ้นข้อความแล้ว เตียชองก็จะเอาตัวไฮ้สุยไปลงพระราชอาญาตามรับสั่ง ไทจือก็ไม่ยอม ให้ลงโทษเฆี่ยนต่อหน้าพระองค์ พนักงานก็ตีไฮ้สุยสี่สิบทีตามรับสั่ง แต่ก็ไม่กล้าตีหนักด้วยเกรงพระทัยไทจือ แล้วก็เอาตัวไฮ้สุยไปส่งที่คุก ไทจือก็ขึ้นม้าเสด็จมาพร้อมกับทหาร และให้พั่งเปาเข้าไปอยู่ในคุก เป็นเพื่อนไฮ้สุยด้วย

เจ้าพนักงานก็พาตัวเงียมซงไปไว้หน้าประตูบ้านไฮ้สุย พวกบุตรภรรยาญาติพี่น้องก็ปลูกที่พักให้เงียมซงอยู่ และช่วยรักษาพยาบาลจนหาย แต่ก็ไม่ปกติเหมือนเก่า เป็นคนอ่อนแอไป ส่วนพวกพ้องของเงียมซงก็คิดอ่านเอาเงินทองไปติดสินบนผู้คุม ให้หาทางฆ่าไฮ้สุยเสีย แต่ผู้คุมไม่อาจทำได้ เพราะกีดที่พั่งเปาเข้าไปอยู่ด้วย

ต่อมาไทจือได้เบิกตัวไฮ้สุยไปช่วยสอนหนังสือในวังทั้งวัน พอตกเย็นจึงส่งเข้าคุกดังเก่า ทำเช่นนี้อยู่จนครบสามเดือน ไฮ้สุยก็พ้นโทษกลับเข้ารับราชการตามเดิม

ส่วนเงียมซงเมื่ออยู่ที่หน้าบ้านไฮ้สุยครบหกเดือนแล้ว ก็กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งใจเสี่ยงเช่นเดียวกัน ทั้งสองต่างก็สงบอยู่ บ้านเมืองก็เรียบร้อยเป็นปกติ เงียมซงก็ไม่อาจข่มเหงราษฎรเหมือนแต่ก่อน

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 06:50:07




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com