Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แผ่นดินสงบ ติดต่อทีมงาน

ยอดคนแผ่นดินเหม็ง

ตอนที่ ๑๐ แผ่นดินสงบ

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อ พระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ ได้ทรงทราบความในหนังสือบอกเรื่องราวที่ ไฮ้สุย ไปเตือนก้องเมืองอันน่ำก๊ก สำเร็จเรียบร้อย ก็มีพระทัยยินดี ตรัสสรรเสริญไฮ้สุยเป็นอันมาก เงียมซง เห็นว่าฮ่องเต้สบายพระทัย จึงทูลเรื่องหนังสือบอกเมืองฮู่กองแซ มีกลุ่มโจรขบถเที่ยวตีปล้นตำบลต่าง ๆ ให้ทรงทราบ ฮ่องเต้ก็ทรงพระวิตกตรัสว่าเราจะทำอย่างไรพวกโจรจึงจะเรียบร้อยได้

เงียมซงจึงกราบทูลว่า เมืองฮู่กองแซนี้เป็นเมืองใหญ่ มีเมืองขึ้นก็มาก ถ้าเสียแก่พวกขบถแล้ว หัวเมืองก็จะพลอยเสียด้วย พวกโจรจะมีใจกำเริบ ต้องจัดหาขุนนางที่มีสติปัญญาออกไประงับเสียอย่าให้กำเริบได้ ฮ่องเต้ก็ตรัสถามว่าจะให้ใครออกไป เงียมซงกราบทูลว่าเห็นแต่ไฮ้สุย ประกอบด้วยสติปัญญา พูดจาเฉลียวฉลาด ใจกล้าหาญ ชำนาญทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ ถ้าพระองค์รับสั่งใช้คงไม่เสียราชการ เป็นที่วางพระทัยได้

ฮ่องเต้ก็ตรัสว่าไฮ้สุยไปเมืองอันน่ำก๊กยังไม่กลับมาจะทำอย่างไร เงียมซงกราบทูลว่าไฮ้สุยไปเมืองอันน่ำก๊กการก็เสร็จแล้ว ไม่ช้าคงจะมาในเดือนนี้ ขอพระองค์จงให้ขุนนางถือหนังสือรับสั่งไปคอยอยู่ที่ต้นทางที่จะเข้ามาเมืองหลวง ถ้าไฮ้สุยมาถึงก็ส่งหนังสือรับสั่งให้ ไฮ้สุย แจ้งความแล้วก็จะได้ไปเมืองฮู่กองแซโดยเร็ว ฮ่องเต้ก็เห็นชอบด้วย จึงรับสั่งให้ขุนนางพนักงานแต่งหนังสือขึ้นฉบับหนึ่ง แล้วให้เงียมซงจัดขุนนางถือไปคอยไฮ้สุยตามที่ตกลง เงียมซงก็จัดทหารคนสนิทไปกับผู้ถือหนังสือ สั่งว่าถ้าเห็นซ่วยชองมากับไฮ้สุย ให้หาทางฆ่าเสีย

ไฮ้สุยครั้นเจรจากับเจ้าเมืองอันน่ำก๊กเรียบร้อยแล้ว จะลากลับ อันน่ำก๊กอ๋องก็จัดเครื่องบรรณาการ ให้ขุนนางเป็นทูตคุมมาพร้อมกับไฮ้สุยด้วย ไฮ้สุยกลับมาถึงที่พักแล้วก็บอกกับซ่วยชองว่าจงอยู่ทำราชการที่เมืองนี้เถิด อย่าไปกับเราเลย ซ่วยชองว่าท่านมีคุณต่อข้าพเจ้าเป็นอันมาก ยังไม่ได้สนองคุณจะขอกลับไปด้วย ไฮ้สุยก็ว่า

“……..เงียมซงใช้ท่านมาทำร้ายเรา ไม่สมความคิด ท่านกลับมาอยู่กับเรา เงียมซงกลัวความจะเกิดขึ้น กลัวเราจะยึดเอาท่านเป็นพยาน คงคิดทำลายชีวิตท่านเสีย ให้ความสูญไป ถ้าท่านอยู่เสียที่เมืองนี้ เงียมซงไม่เห็นท่านกลับ ก็จะสิ้นวิตก…………”

ซ่วยชองได้ฟังไฮ้สุย ว่าดังนั้น ก็ร้องไห้แล้วคำนับลาไปตามคำสั่ง

ฝ่ายไฮ้สุยพร้อมด้วยทูตนำเครื่องบรรณาการของเมืองอันน่ำก๊ก ก็เดินทางกลับมาผ่านเมืองกองซินฮู้ เจ้าเมืองก็ให้กรมการเอาเรือมารับ แล้วก็ไปส่งต่อเมืองอื่น ๆ ที่จะต้องผ่าน จนถึงต้นทางที่จะเข้าเมืองหลวง ก็พบกับขุนนางที่ถือหนังสือรับสั่งคอยอยู่ ไฮ้สุยก็จัดแจงเครื่องบูชาบ่ายหน้าไปทางเมืองหลวง ถวายบังคมฮ่องเต้แล้วก็รับหนังสือรับสั่งเปิดผนึกออกอ่าน มีความว่า

ซึ่งไฮ้สุยออกไปราชการเมืองอันน่ำก๊กสำเร็จแล้ว มีความชอบเป็นอันมาก บัดนี้เมืองฮู่กองแซเกิดโจรผู้ร้ายเป็นขบถขึ้น ถ้าทิ้งไว้จะมีใจกำเริบ เราไม่เห็นใครที่จะปราบปรามพวกโจรได้ มีแต่ท่านผู้เดียว ครั้นจะรอไว้ให้กลับเข้ามาถึงเมืองหลวง เห็นการจะช้า จึงแต่งให้ขุนนางถือหนังสือออกมาคอยอยู่ต้นทาง ถ้าท่านรู้หนังสือนี้ จงเห็นแก่การแผ่นดินให้มาก รีบไปเมืองฮู่กองแซปราบพวกร้ายให้ราบคาบเรียบร้อย แล้วจึงกลับมาเมืองหลวง ทูตเมืองอันน่ำก๊กซึ่งนำเครื่องราชบรรณาการมากับท่านนั้น ให้มอบกับขุนนางผู้ถือหนังสือนำเข้าเมืองหลวง

ไฮ้สุยจึงมอบขุนนางทูตซึ่งคุมเครื่องบรรณาการ ให้เดินทางเข้าเมืองหลวงกับ ขุนนางถือรับสั่ง ส่วนตนเองกับไพร่พลทหารก็ยกไปเมืองฮู่กองแซ และทหารที่เงียมซงใช้ให้มาคอยทำร้ายซ่วยชองนั้น เมื่อไม่เห็นซ่วยชองมากับไฮ้สุย ก็กลับมาแจ้งแก่เงียมซงทุกประการ

ครั้นไฮ้สุยเดินทางมาถึงเมืองโซจิวฮู้ ซึ่งขึ้นแก่เมืองฮู่กองแซ เจ้าเมืองก็เลี้ยงดูรับรองตามธรรมเนียม ไฮ้สุยพักอยู่ที่เมืองโซจิวฮู้จึงสืบข่าวทางเมืองฮู่กองแซ จนได้ความว่าพวกราษฎรที่เป็นชาวบ้านนอก ถ้าเป็นความกับราษฎรในเมืองแล้ว มักจะแพ้พวกในเมืองทุกเรื่อง ด้วยเจ้าเมืองกรมการไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม เข้ากับพวกในเมือง พวกในเมืองก็ทำการข่มเหงชาวบ้านนอกมากขึ้น ครั้นจะมาฟ้องก็กลัวจะสู้ไม่ได้ ต้องอดไว้ให้ข่มเหง ครั้นเหลือทนจึงคุมกันเป็นหมวดเป็นกอง ตั้งมั่วสุมอยู่หลายพวก พวกไหนน้อยตัวก็ไปเข้ากับหมู่มาก เป็นเช่นนี้มาได้ประมาณสองปี จึงคิดกันตีบ้านเก็บริบเอาทรัพย์สิ่งของทองเงิน ถ้าเจ้าของเรือนหนีเอาตัวรอดก็แล้วไป แม้นสู้รบก็ฆ่าเสีย พวกชาวบ้านที่ถูกปล้นพากันมาร้องต่อเจ้าเมือง ก็ไม่สามารถเอาตัวมาชำระได้เพราะพวกมาก พวกเหล่านั้นก็กำเริบมากขึ้น เห็นว่าเมืองไหนเจ้าเมืองกรมการไม่สู้แข็งแรง ก็ยกไปไล่เจ้าเมืองกรมการออกจากบ้านจากเรือน แล้วเข้าริบเอาทรัพย์สิ่งของทองเงินไปหมด เจ้าเมือง กรมการก็มาร้องกับจงตกและกรมการเมืองอู่กองแซ จงตกก็เกณฑ์ทหารไปจับ พวกเหล่านั้นก็รวมเป็นกองเดียวกัน คนประมาณยี่สิบหมื่นก็มิได้กลัว พวกทหารก็ไม่กล้าจับ

ไฮ้สุยจึงถามเจ้าเมืองโซจิวฮู้ว่าผู้ร้ายที่ตั้งเป็นหมวดเป็นกองขึ้นทำการดังนี้ เพราะด้วยเจ้าเมืองกรมการทำอย่างนั้นจริงหรือ เจ้าเมืองโซจิวฮู้ก็ว่าจริง ตนเองก็นึกกลัวด้วยในเมืองนี้มีทรัพย์สินเงินทองมาก เกรงจะมาตี เดี๋ยวนี้หัวเมืองที่มีทหารน้อยก็พากันสดุ้งเสทือนไปทั้งสิ้น

ไฮ้สุยก็ว่าดังนั้นเจ้าเมืองฮู่กองแซและกรมการก็มีความผิด แล้วยังคิดอ่านเกณฑ์ทหารจะไปกำจัดพวกนั้นไม่ชอบ ด้วยมิได้ตั้งตัวขึ้นเป็นนาย โจรจึงคิดการขบถต่อแผ่นดิน ซึ่งทำทั้งนี้ปรารถนาจะรักษาตัว ประการหนึ่งคนเหล่านี้ก็ล้วนเป็นข้าพระเจ้าแผ่นดินทั้งนั้น ถ้าสู้รบกันตายทั้งสองฝ่ายคนในแผ่นดินก็เบาบาง เป็นช่องแห่งประเทศอื่นจะมาทำร้าย การเรื่องนี้ซึ่งจะระงับให้สงบเร็วนั้นไม่ได้ ต้องเกลี้ยกล่อมเอาทีละน้อยจึงจะไม่ร้อน เหตุเดิมที่เกิดขึ้นเพราะเจ้าเมืองกรมการไม่เป็นธรรม จะต้องสืบดูให้รู้อัชฌาสัยพวกเหล่านั้นจะคิดกันอย่างไร เราจึงจะตรึกตรองคิดระงับให้สงบไปได้

แล้วไฮ้สุยก็แต่งหนังสือกราบทูลฮ่องเต้ ว่าการขบถนี้จะให้สงบลงได้ ต้องอยู่อีกหลายปีจึงจะเรียบร้อย เมื่อเจ้าพนักงานนำหนังสือให้เงียมซงนำขึ้นกราบทูล ฮ่องเต้ก็ปรารภว่า ไฮ้สุยไปคราวนี้กว่าจะกลับก็นาน เงียมซงจึงกราบทูลว่าไฮ้สุยไปอยู่ช้า ถ้าส่งครอบครัวไปให้เห็นจะดี ฮ่องเต้ก็เห็นด้วยจึงรับสั่งให้พนักงานเกณฑ์ทหารพอสมควร พาครอบครัวไปส่งพร้อมด้วยพระราชทานข้าวของเงินทองออกไปให้ไฮ้สุยเป็นอันมาก และมีหนังสือรับสั่งกำกับว่า เราเห็นว่าการจะช้าหลายปีกว่าจะกลับ ท่านจะรำลึกถึงบุตรภรรยา จึงให้พามาส่งจะได้สิ้นห่วงใย ตั้งใจปราบพวกเหล่าร้ายให้เรียบร้อย เราได้ส่งสิ่งของเงินทองมาให้ ท่านจะได้ใช้สอยตามชอบใจ เมื่อสำเร็จการจะกลับเข้ามาเมืองหลวงเมื่อไร จงบอกเข้ามาให้รู้ จะได้เกณฑ์ทหารออกไปรับ

ไฮ้สุยก็รำพึงว่าการทั้งนี้เห็นทีพวกกังฉินจะกราบทูล ปรารถนาจะมิให้เรากลับ เราก็ไม่อยากจะไป ทุกวันนี้เราก็ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณพระเจ้าแผ่นดิน มีความชอบพอสมกับอำนาจวาสนาอยู่แล้ว อยากจะไม่ให้ใครได้ว่ากล่าวสิ่งใด แต่สงสารด้วย นางเตียฮองเฮา กับไทจือ ยังมีราคีติดตัวอยู่ ถ้าสำเร็จราชการแล้ว จะกลับเข้าไปชำระเสียให้บริสุทธิ์

เมื่อไฮ้สุยไปถึงเมืองฮู่กองแซ เจ้าเมืองกรมการผู้ใหญ่ก็ต้อนรับเลี้ยงดูตามธรรมเนียมแล้ว ไฮ้สุยก็ซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น กรมการเมืองทั้งหลายก็ว่าไม่เห็นมีเหตุ มันคบกันมากขึ้นก็กำเริบมากขึ้น ด้วยคนในแขวงนี้ใจกระด้างมิใคร่จะมีคนดี ไฮ้สุยจึงว่า

“………คนในแขวงเมืองนี้ใจกระด้างก็จริง แต่เป็นทั้งนี้เพราะท่านทำการไม่ถูก ธรรมดาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องรักไพร่บ้านพลเมืองให้เหมือนหนึ่งบุตรและหลาน อย่าได้ถือว่าเป็นคนใกล้คนเคียง เลือกที่รักที่ชัง ตั้งใจให้มีความเอ็นดูกรุณาจงถ้วนหน้า เห็นว่าผู้ใดฉลาดประกอบด้วยสติปัญญา ก็ให้รักไปตามฉลาด ถ้าเห็นว่าโง่ ให้มีความเมตตาสั่งสอนว่ากล่าว จึงจะจัดเอาเป็นดี อันมนุษย์เกิดมาในโลกนี้ ที่เป็นคนดีสติปัญญาเฉลียวฉลาดนั้นน้อย ที่โง่เขลาใจกระด้างกระเดื่องนั้นมาก…………”

เมื่อถามว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป พวกเจ้าเมืองกรมการตำแหน่งจงตก บูอี้ อันชัด ปูเจ้ง ต่างก็แลดูตากันอยู่ ไม่สามารถจะกล่าวสิ่งใดได้ ไฮ้สุยจึงว่า

“……..ท่านเหล่านี้ก็เป็นผู้ใหญ่ ยศศักดิ์ไม่สู้ไกลกันนัก จะช่วยกันคิดอ่านระงับพวกคนร้ายอย่าให้ลุกลามต่อไป ไม่ให้ทราบถึงพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้เจียวหรือ พระเจ้าแผ่นดินได้โปรดชุบเลี้ยง ตั้งแต่งออกมาให้อยู่ดูแล ระงับสุขทุกข์ของราษฎรต่างพระเนตรพระกรรณ ต้องฉลองคุณพระเดชพระคุณจึงจะควร……”

พวกกรมการจงตกก็ว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่ถือรับสั่งออกมา เมื่อเหตุควรประการใดจงคิดอ่านเถิด ข้าพเจ้าทั้งหลายจะปฏิบัติตาม การเรื่องนี้พวกข้าพเจ้านึกอยู่อย่างเดียวแต่เพียงว่า จะเกณฑ์ทหารยกไปปราบ แต่เกรงด้วยเหล่าร้ายนั้นมาก แม้นแพ้มาก็จะเสื่อมเสียพระเกียรติยศพระเจ้าแผ่นดิน ไฮ้สุยก็ว่า

“……..ท่านคิดไม่ถูก นี่หากว่าพระบารมีของพระเจ้าแผ่นดินมาก จึงเผอิญมิให้ท่านเกณฑ์ทหารออกไปปราบ แม้นทำเข้าแล้ว พวกเราก็มากพวกเขาก็มาก คงตายลงด้วยกันทั้งสองฝ่าย เหมือนหนึ่งเราแกล้งฆ่าคนของพระเจ้าแผ่นดินให้เบาบางไป ก็จะเป็นช่องแก่ประเทศอื่นที่จะปองมาทำร้ายแก่พระเจ้าแผ่นดิน……..”

ไฮ้สุยก็เกลี้ยกล่อมพวกกรมการทั้งหลาย จนยอมรับว่าเหตุเกิดขึ้น เพราะพวกตนประพฤติไม่เป็นธรรมแก่ราษฎร ไฮ้สุยจึงว่า

“………..ถ้าท่านทั้งปวงรู้ตัวว่าผิดแล้ว เราเป็นผู้ใหญ่จะบังคับการงานสิ่งใด ต้องกระทำตาม ความที่พวกราษฎรคิดกันทำการดังนี้ ถ้าชำระกันเข้าแล้ว จงตกกับกรมการแพ้พวกเหล่านั้น แต่ท่านทั้งหลายที่มีบรรดาศักดิ์ ครั้นจะชำระให้แพ้ราษฎรก็จะเสียอำนาจไป พวกเหล่านั้นจะมีใจกำเริบ ครั้นข้าพเจ้าจะไม่พูดให้ท่านรู้ ก็จะเข้าใจว่าตัวไม่ผิด เมื่อหาตัวมาชำระจะว่าเอาแต่ข้อ พอให้พวกเหล่านั้นเห็นจริงเสียก่อน แล้วจะชวนท่านให้เข้าไปทำราชการในเมืองหลวง จะให้ผู้อื่นเป็นที่จงตกใหม่ จึงจะระงับให้พวกนี้สงบไปได้……….”

ไฮ้สุยเห็นว่าพวกขุนนางกรมการทั้งหลายพร้อมใจกันแล้ว จึงคิดการเกลี้ยกล่อมพวกขบถให้กลับใจต่อไป

ฝ่าย เตียกือเจี้ย นายของซ่วยชอง ครั้นสืบรู้เรื่องว่าให้ไปทำร้ายไฮ้สุยแล้วไม่สำเร็จ ไฮ้สุยจับได้ก็ไม่ถือโกรธ เพราะรับใช้เงียมซง แต่ถึงกระนั้นก็มิได้คิดจะฟ้องร้องเพ็ดทูลว่ากล่าว จึงคิดว่าไฮ้สุยเป็นคนดีควรจะนับถือ ถึงเป็นผู้น้อยก็จริงแต่ใจยั่งยืนสมควรจะเป็นผู้ใหญ่ได้ เงียมซงไม่ควรจะคิดร้ายไอ้สุย ตั้งแต่นั้นเตียกือเจี้ยก็ห่างเงียมซงไป มิใคร่จะไปมาหาเหมือนแต่ก่อน

ไฮ้สุยอยู่จัดการชำระเรื่องราวต่าง ๆ อยู่เป็นเวลาถึงสามปีเศษ เหตุการขบถจึงได้สงบเรียบร้อยลง โดยมิได้ลงโทษผู้ใด ให้แต่ละกองนั้นทำบัญชีจำนวนคนไว้ แล้วให้ปกครองกันเอง กับให้ห้ามปรามสั่งสอนให้พวกของตัว อย่าให้ประพฤติการชั่วเหมือนแต่ก่อน ถ้าว่ากล่าวไม่ได้ก็ให้มีนายประกันไว้ เมื่อทำผิดขึ้นหลบลี้หนีไปจะได้เร่งเอาตัวผู้ทำผิดแก่ผู้ประกัน แม้นหาประกันให้ไม่ด้ก็ให้เอาตัวจำไว้ ถ้าเห็นว่าจะเอาไว้ไม่ได้ก็ให้ส่งตัวเข้าไปจำขังในคุก ส่วนพวกตัวนายก็แต่งตั้งให้มียศ และรับเงินเดือนลดหลั่นกันไป การปกครองก็ขึ้นกับกรมการเมืองที่ไฮ้สุยแต่งตั้งขึ้นใหม่ เหตุการณ์ก็สงบเรียบร้อยลงด้วยดี         ไฮ้สุยจึงมีหนังสือกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบทุกประการ.

##########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 05:46:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com