ยอดคนแผ่นดินเหม็ง
ตอนที่ ๒๗ ตัดเชื้อกังฉิน
เล่าเซี่ยงชุน
เมื่อ ไฮ้สุย ได้บัญชีรายชื่อขันทีมาแล้ว ก็จัดการให้หาเจ้าพนักงานสำหรับตัดและหมอมาพร้อม แล้วก็เอาขันทีมาตรวจชันสูตรหมดทั้งสองพันกว่าคน แม้นผู้ใดมีบุรุษเพศงอกยาวกว่านิ้วหนึ่ง ก็ส่งตัวไปให้ตัดเสีย เมื่อจะตัดนั้นต้องให้กินยาปนสุราจนไม่ได้สติ ครั้นตัดแล้วหมอก็เอายาให้กิน กับยาใส่ที่แผลประมาณเจ็ดแปดวันก็หาย ในคราวนี้มีขันทีต้องตัดสักกึ่งหนึ่ง ที่ไม่เกินกำหนดไม่ต้องตัดอีกกึ่งหนึ่ง
เมื่อหมดจำนวนขันทีแล้ว ไฮ้สุยก็เรียก ซาฮุยหงวน มาถามว่าเหตุใดจึงไม่มีชื่อ เฮงสุน กับ เป๊กซอง ขันทีรองของ เฮงสุน ซาฮุยหงวนบอกว่าได้ไปจดชื่อแล้ว แต่เฮงสุนว่าตำหนักตังเชียงเก๋งกับตำหนักไซเชียงเก๋ง เป็นตำหนักชั้นนอก พวกขันทีและตัวนายทั้งสองไม่ได้เข้าไป คลุกคลีข้างใน พวกพระสนมก็ไม่ได้ออกมาที่พระตำหนักนั้น จึงไม่ได้จดชื่อขันทีทั้งสองตำหนักนั้นมา ไฮ้สุยถามว่าขันทีที่อยู่ในพระตำหนักทั้งสองนั้นมีสักเท่าไร ซาฮุยหงวนบอกว่าแต่ก่อนมีอยู่สักสี่ร้อยเศษ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ทราบ ไฮ้สุยก็ยืนยันให้ซาฮุยหงวนไปเอาบัญชีมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะมีโทษ
ซาฮุยหงวนก็จำใจต้องไปหาเฮงสุนที่พระตำหนักตังเชียงเก๋งอีก เฮงสุนก็ถามว่าจะมาเอาบัญชีหรือ เมื่อมาครั้งก่อนก็ได้บอกแล้วว่า พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรที่พระราชวังข้างใน ไฮ้สุยไม่รู้ดอกหรือ ถ้าขืนจะเอาพวกเราไปชำระ แม้นเกิดความขึ้นเราจะอ้างเอาท่านเป็นพยาน ด้วยพวกเรานั้นท่านเห็นเข้าไปคลุกคลีที่พระราชวังข้างในบ้างหรือ ซาฮุยหงวนว่าการนี้ก็จริง แต่ ไฮ้สุยใช้ให้มาเอาบัญชีให้ได้เป็นจนใจนัก ถ้าไม่มาก็กลัวผิด เฮงสุนได้ฟังก็หัวเราะแล้วว่า
..ไฮ้สุยบังคับพวกขันทีได้ก็แต่ในคราวนี้ ถ้าเลิกการชำระแล้วจะว่ากล่าวบังคับบัญชาใครได้ เปรียบเหมือนลมจรพัดมาคราวหนึ่งก็หายไป ตัวเราได้บังคับขันทีอยู่เสมอ เปรียบเหมือนลมสำหรับฤดูย่อมมีอยู่เป็นนิจ
.
ซาฮุยหงวนก็ว่าซึ่งท่านเปรียบเทียบนั้นก็ถูก แต่จะให้ไปแจ้งแก่ไฮ้สุยประการใด เฮงสุนก็ว่าจงไปบอกเถิดบัญชีนั้นเราไม่ให้ ไฮ้สุยเป็นคนเกะกะ แต่ก่อนรังแกพวกข้างหน้า เดี๋ยวนี้คิดอ่านกราบทูลยุยงพระเจ้าแผ่นดิน มาข่มขี่เราข้างใน ซาฮุย หงวนก็ไปหาเป๊กซองที่พระตำหนัก ไซเซียงเก๋ง ก็ไม่ได้บัญชีเช่นเคย จึงต้องกลับมาบอกไฮ้สุยตามคำที่เฮงสุนว่า
ไฮ้สุยได้ฟังก็โกรธ จึงว่าแต่เดิมเราคิดว่าจะถือยศเย่อหยิ่งแต่เฮงสุนคนเดียว บัดนี้เป๊กซองก็กำเริบขึ้นด้วย จะต้องแก้หยิ่งเสียทั้งสองคน แล้วจึงสั่งให้นายทหารรักษาพระองค์สี่นาย ที่ฮ่องเต้มีรับสั่งให้มาช่วยไฮ้สุย กับ ไฮ้หยง ไฮ้อัน ไปเอาตัวเฮงสุนกับเป๊กซองมาให้ได้ แม้นดื้อดึงประการใดให้ฉุดเอาตัวมา ถ้าไปพบแล้วไม่ได้ตัวจะต้องมีโทษทั้งหกคน
ไฮ้หยงไฮ้อันและนายทหารรักษาพระองค์ทั้งสี่ ก็ได้ตัวเป๊กซองมาคนเดียว ด้วยเฮงสุนไปเล่นหมากรุกอยู่ที่บ้าน เงียมซง ไฮ้สุยก็เชิญกระบี่อาญาสิทธิ์ออกมาวางไว้ที่บัลลังก์ แล้วตนเองก็ออกมานั่งอยู่ข้างกระบี่ เมื่อเป๊กซองเข้ามาหยุดยืนอยู่ ไฮ้สุยก็ว่าจงถวายบังคมกระบี่อาญาสิทธิ์เสียก่อน เป๊กซองก็คุกเข่าลงถวายบังคมแล้วนั่งนิ่งอยู่ ไฮ้สุยจึงว่า
ตัวเจ้ากับเฮงสุนถือตัวอย่างไร จึงดูหมิ่นขุนนางฝ่ายหน้านัก พวกเจ้าถึงจะดีอย่างไร ก็อยู่แต่ในพระราชวัง ขุนนางฝ่ายหน้าได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน มิให้เป็นอันตรายแก่ข้าศึก ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินก็ได้อยู่เป็นปกติ พวกของเจ้าที่ได้มีความสุขสบายอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่อาศัยขุนนางฝ่ายหน้าหรือ เราได้ยินข่าวว่าขุนนางฝ่ายหน้าไปหา เจ้ากับเฮงสุนทำอำนาจยศศักดิ์มาก
.
เป๊กซองก็ว่าท่านหาตัวข้าพเจ้ามา ด้วยราชการสิ่งใดก็ให้ว่ามา ไม่ควรจะเก็บเอาเรื่องอะไรมาพูด ให้มากความไป ไม่ต้องการ
ไฮ้สุยได้ฟังเป๊กซองว่าดังนั้น เห็นกิริยายังองอาจอยู่ จึงว่า
เจ้าให้พูดในการเรื่องนี้ก็ได้ดอก ไม่สู้ยาก เราใช้ให้ซาฮุยหงวนไปเอาบัญชีพวกขันทีซึ่งขึ้นอยู่ในเจ้าถึงสองครั้ง เหตุใดจึงไม่ได้มา ข้อนี้มีความผิดหรือไม่
แล้วไฮ้สุยก็ผินหน้าไปถามนายทหารรักษาพระองค์ว่า เมื่อเราใช้ท่านไปหาตัว เป๊กซองนั้น มาโดยดีหรือต้องฉุด นายทหารรักษาพระองค์บอกว่าต้องฉุดจึงได้ยอมมา ไฮ้สุยจึงว่าข้อนี้ก็ผิดเป็นสองข้อ แต่ก่อนชื่อเสียงเจ้าก็ไม่ปรากฎว่าคดโกงเย่อหยิ่งอะไรนัก ครั้งนี้เหตุใดจึงพลอยเป็นคนพาลไปตามเฮงสุน
เป๊กซองยังถือใจมั่นอยู่ว่าไฮ้สุยไม่กล้าทำอะไรแก่ตนได้ จึงว่าท่านอย่าพูดให้มากไปเลย มีธุระอะไรก็ให้ว่ามา เมื่อไม่มีจะได้ไป ไฮ้สุยก็ว่ายังไปไม่ได้ แล้วก็ให้ทหารรักษาพระองค์จับเป๊กซองคว่ำลงตีเสียสี่สิบที และเอาตัวไปจองจำไว้ กับให้นายทหารรักษาพระองค์ไปเอาตัว เฮงสุนจากบ้านเงียมซงมาให้ได้
แล้วไฮ้สุยก็ให้พนักงานชันสูตร ตรวจดูเพศบุรุษของเป๊กซองว่ายาวสักเพียงไร แม้นงอกยาวออกไปกว่านิ้วหนึ่งก็ให้ตัดเสีย และไฮ้สุยก็กระซิบสั่งหมอว่า จงประกอบยาที่กินแล้วไม่มึนเมาลืมสติให้กิน เราจะดูหน้าเป๊กซองที่เชื่อถือเฮงสุนมากกว่าอาญาแผ่นดิน หมอก็ประกอบยาตามที่ไฮ้สุยสั่ง พอพนักงานลงมีดตัดของในที่ลับ เป๊กซองได้ความเจ็บปวดเหลือกำลัง ต้องนอนร้องกลิ้งเกลือกไปมาจนโลหิตอาบทั่วตัว ไฮ้สุยจึงให้เอาตัวไปประจานไว้ที่ประตูชั้นนอก ซึ่งมีคนมาดูกันมากมาย
ฝ่ายนายทหารรักษาพระองค์ ครั้นไปถึงบ้านเงียมซง เห็นเฮงสุนนั่งเล่นหมากรุกอยู่ ก็ตรงเข้าไปบอกว่าไฮ้สุยให้หา เฮงสุนก็ว่าพวกนี้ไม่มีอัชฌาสัย ไม่เห็นดอกหรือว่าเราเล่นหมากรุก อยู่กับใจเสี่ยง นายทหารรักษาพระองค์ก็ว่าท่านจะไปหรือไม่ไปให้ว่ามา
เฮงสุนเห็นนายทหารรักษาพระองค์ไม่เกรงกลัวเหมือนก่อน จึงคิดว่าเรื่องนี้เห็นทีไฮ้สุยจะกราบทูล มีกระแสรับสั่งโปรดกับเขาแล้ว พวกเหล่านี้จึงได้กล้าหาญนัก จึงว่าทุเลาให้เราเล่นหมากรุกกระดานนี้แล้วเราจึงจะไป นายทหารว่าทุเลาไม่ได้ต้องไปเดี๋ยวนี้ เฮงสุนก็แลดูตาเงียมซงจะให้ช่วยเหลือ แต่เงียมซงบอกให้เฮงสุนไปก่อน แล้วตนจะตามไปดูภายหลัง เฮงสุนค่อยคลายใจจึงยอมไปกับทหาร
แล้วเงียมซงก็ให้คนไปเชิญ เตียจีเป๊ก กับ เตียบุนหอ มาปรึกษาที่บ้าน ชวนกันไปเยี่ยมเฮงสุน เตียจีเป๊กกับเตียบุนหอก็ให้เงียมซงไปก่อน แล้วจะตามไปทีหลัง
ฝ่ายเฮงสุนเมื่อไปถึงบ้านไฮ้สุย พอเดินเข้าไปถึงประตูชั้นนอก ก็เห็นเป๊กซองนอนร้องครวญครางอยู่ กับเห็นแผลที่หลังเป็นรอยเฆี่ยนใหม่ ๆ เป๊กซองก็พูดว่าข้าพเจ้าเห็นจะไม่รอดในคราวนี้ พูดเท่านั้นแล้วก็ร้องครางต่อไป เฮงสุนก็มิรู้ที่จะพูดประการใด เดินเข้าไปเห็นไฮ้สุยนั่งอยู่บนมีกระบี่[y]]y'dNอาญาสิทธิ์วางอยู่ข้าง ๆ เฮงสุนก็ทรุดนั่งลงคุกเข่าคำนับกระบี่อาญาสิทธิ์ แล้วถามไฮ้สุยว่าท่านหาตัวข้าพเจ้ามาด้วยธุระสิ่งใด
ไฮ้สุยก็ว่ายังจะมาไถลถามอีกเล่า ตัวเจ้าขัดรับสั่งของพระเจ้าแผ่นดิน เราใช้ให้ ซาฮุยหงวนไปขอบัญชีที่เจ้าถึงสองครั้งก็ไม่ให้ แล้วพูดมากับซาฮุยหงวนซึ่งไม่รู้จักกฎหมาย จะให้เราเกรงกลัวอำนาจนั้นไม่ได้ เอาไว้ขู่คนอื่นเถิด ซึ่งเจ้าว่าอยู่ในพระราชวังชั้นนอก มิได้เข้าไปในพระราชวังชั้นในนั้นก็จริง แต่การที่จะยกไว้หรือมิยกนั้น ก็สุดแล้วแต่เรา จะมาบังคับเอาตามชอบใจของเจ้านั้นไม่ได้ และพวกขันทีที่เป็นไพร่ซึ่งอยู่ประจำในพระตำหนักตังเซียงเก๋งและไซเซียงเก๋งนั้น ไม่ได้เข้าไปข้างในเราจะยกไว้ แต่ตัวเจ้ากับเป๊กซองมียศศักดิ์มากเข้านอกออกในอยู่เสมอ มิได้มีผู้ใดห้ามปรามขัดขวาง ต้องชำระ
เฮงสุนเห็นว่าจะหลีกเลี่ยงต่อไปไม่ได้ จึงอ้อนวอนว่า ท่านจงเอ็นดูแก่ข้าพเจ้าด้วยแม้นท่านไม่เห็นแก่ข้าพเจ้า ก็จงเห็นแก่พระเจ้าแผ่นดิน ที่ได้ทรงพระกรุณาชุบเลี้ยงข้าพเจ้าเถิด อย่าพึ่งทำให้ข้าพเจ้ายับเยินเสียเลย ไฮ้สุยก็ว่าเจ้าไม่ต้องมาสั่งสอนเราดอก ซึ่งเราทำการครั้งนี้ก็เพราะคิดถึงพระเดชพระคุณพระเจ้าแผ่นดิน พูดแล้วก็ให้เปลื้องเครื่องยศออกเสีย แล้วว่าเป็นคนสำคัญเราต้องชันสูตรเอง จะไว้ใจผู้อื่นไม่ได้ แล้วก็ให้ถอดกางเกงออก ให้พนักงานวัดดูเห็นยาวกว่านิ้วหน่อยหนึ่งจึงว่า เวลานี้เป็นเวลาทุกข์ยังยาวกว่า ถ้าเวลาสบายเห็นจะยาวมากกว่านี้ แล้วให้เอาไม้นิ้วมาวัดให้เป็นตัวอย่างเสียก่อน เหลือนั้นให้เอาเหล็กแหลมตอกกันไว้ เผื่อตกใจจะไม่คงอยู่ตามเดิม ก็จะเป็นคำเถียง ด้วยเฮงสุนเป็นคนโปรดปรานในพระเจ้าแผ่นดิน จะกราบทูลกล่าวโทษเราได้ว่าข่มเหง พวกพนักงานก็ทำตามคำไฮ้สุยสั่ง เฮงสุนได้ความเจ็บปวดเหลือกำลัง ก็ร้องจนสิ้นเสียง
พอดีเงียมซงมาถึง เดินผ่านประตูชั้นนอก ก็เห็นเป๊กซองนอนร้องครางกลิ้งเกลือกอยู่ ผ่านเข้าไปชั้นในก็เห็นเฮงสุนนอนกลิ้งร้องครวญครางอยู่เช่นกัน มีความเวทนานัก แต่มิรู้ที่จะพูดประการใด ไฮ้สุยก็เชิญให้นั่งในที่สมควร อีกไม่ช้าเตียจีเป๊กกับเตียบุนหอก็มาถึง ไฮ้สุยก็เชิญให้นั่งแล้วว่า วันนี้เราชำระความสำคัญ ผู้คนมามากนักไม่ควร เพราะท่านผู้ใหญ่มาอยู่ที่นี่ด้วย
แล้วสั่งให้ทหารไล่คนออกไปและปิดประตูเสีย อย่าให้เข้ามาได้ ต่อเราสั่งให้เปิดจึงเปิด ทหารก็ทำตามคำสั่งนั้น
แล้วไฮ้สุยก็สั่งสอนเฮงสุนว่า ตัวเจ้ามียศศักดิ์เสมอเจ้าต่างกรมก็จริง แต่เป็นขันทีไม่ควรจะหยิ่งให้เกินตัวไป เราได้ยินข่าวเขาว่า ขุนนางข้างหน้าเข้าไปหาต้องกราบ ถึงอย่างนั้นแล้วกว่าจะได้พูดด้วยต้องคอยอยู่เป็นชั่วโมงสองชั่วโมง ตัวเจ้าดูถูกขุนนางฝ่ายหน้านัก ไม่คิดเห็นบ้างเลยว่าขุนนางฝ่ายหน้าเป็นผู้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน
เมื่อพนักงานเอามีดตัดที่ลับของเฮงสุนนั้น เงียมซงเห็นก็มีความสงสารกลั้นน้ำตาไม่ได้ ไฮ้สุยจึงให้หมอเอายามาให้เฮงสุนกินและทา ความเจ็บปวดก็ค่อยบรรเทาลง ไฮ้สุยก็ถามว่าคำที่เราพูดถูกหรือผิด เฮงสุนว่าท่านนี้พูดถูก ข้าพเจ้าครั้งนี้เป็นคนมีความผิดมาก ท่านจงให้อภัยแก่ข้าพเจ้าเถิด ไฮ้สุยจึงทำคำโคลงสั่งสอนเฮงสุนแปดบท มีความว่า
ผู้ใดสร้างกรรมที่เป็นอกุศลก็ย่อมได้แก่ผู้นั้น การที่ประกอบด้วยสติปัญญาพูดจาพลิกแพลงแต่งถ้อยคำแต่ที่ดี และอุบายถ่ายเทขึ้นกราบทูล จนถึงพระเจ้าแผ่นดินมีรับสั่งออกไปแล้ว ก็กราบทูลให้ลบล้างรับสั่งก่อนเสียได้ ด้วยในเวลานั้นพระเจ้าแผ่นดินไม่ทันตรึกตรอง ครั้นภายหลังทรงคิดขึ้นได้ ครั้นคิดไปก็ดูเหมือนผู้นั้นตีเสมอพระเจ้าแผ่นดิน ไม่เป็นฉันข้ากับเจ้า จะต้องการอย่างไรก็ว่าเองตามชอบใจ ไม่เอายุติธรรมเป็นที่ตั้ง ถ้าท่านทั้งปวงรู้ว่าตัวประพฤติการไม่ดี ก็ให้กลับใจเสียใหม่โดยเร็ว เร่งประพฤติให้เป็นคนดีเถิด ชื่อเสียงที่ดีก็จะได้ปรากฎไปภายหน้า
เฮงสุนดูคำโคลงแล้วก็รู้ว่าไฮ้สุยโกรธ เมื่อครั้งกราบทูลแก้ไขเงียมซือพวนอันเป็นคนผิด จึงว่าข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลาไม่ทันตรึกตรอง ข้าพเจ้าผิดไปแล้วท่านได้โปรดเถิด ข้าพเจ้าไม่คบเงียมซือพวนต่อไป ตั้งแต่ข้าพเจ้าคบเงียมซือพวน หากินด้วยการทุจริตด้วยกันมา ได้เงินทองมากน้อยเท่าใด ข้าพเจ้าจะรับให้หมดทุกอย่าง ข้าพเจ้าจะทำเรื่องราวรับผิดแก่ท่าน
ไฮ้สุยว่าตัวเราเป็นผู้ถือรับสั่งของพระเจ้าแผ่นดิน ทำโทษเจ้าผู้มีความผิดได้แต่เพียงนี้ ถ้าเจ้ารู้สึกตัวว่าผิด จงรับผิดต่อเง็กเซียงเต้ คือพระเจ้าแผ่นดินปัจจุบันนี้จึงจะควร แล้ว ไฮ้สุยก็เอากระดาษกับหมึกพู่กัน ส่งให้เฮงสุนเขียนเรื่องราวรับสารภาพ ตามข้อความตั้งแต่คบกับเงียมซง เงียมซือพวน หากินไม่เป็นธรรม ได้เงินทองสิ่งของแบ่งปันกันมากน้อยเท่าใด มีในเรื่องราวหมดทุกประการ
ไฮ้สุยก็ว่าตัวเจ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่บริสุทธิ์สมประกอบเหมือนเขาทั้งปวง ยังจะก่อสร้างกรรมที่เป็นอกุศลต่อไปอีกเล่า มีคำนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า ถ้าคบคนดีย่อมเป็นที่จะให้มีความสุขและความเจริญรุ่งเรือง แม้นคบคนชั่วก็พาให้ตัวเป็นไปตามความชั่ว อันตรายต่าง ๆ ก็จะบังเกิดมีในชั่วนี้และชั่วหน้า เฮงสุนได้ฟังก็ยกมือขึ้นคำนับไฮ้สุยแล้วเอาเรื่องราวที่เขียนนั้นส่งให้ ไฮ้สุยรับเรื่องมาดูรู้สิ้นตามข้อความทุกประการแล้ว ก็คืนให้และพูดว่าเจ้าจงเอาไปถวายเองเถิดไม่ใช่ธุระของเรา เฮงสุนก็สรรเสริญไฮ้สุยอีกหลายประการ ไฮ้สุยก็มีความยินดีที่เฮงสุนกลับใจได้ จึงให้ทหารเปิดประตูปล่อยทุกคนกลับไปบ้าน
##############
จากคุณ |
:
เจียวต้าย
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ธ.ค. 54 05:46:16
|
|
|
|