Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คนดีเป็นหลักของบ้านเมือง ติดต่อทีมงาน

ยอกคนแผ่นดินเหม็ง

ตอนที่ ๓๐ คนดีเป็นหลักของบ้านเมือง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่ายเงียมซงตั้งแต่พระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้ได้ครองราชสมบัติ ก็ตรึกตรองว่าฮ่องเต้องค์นี้ แต่ก่อนก็เป็นศัตรูกัน ครั้นจะอยู่ในราชการก็เกรงจะถูกจับผิด หรือไม่เช่นนั้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ก็เหมือนผู้น้อย ใครจะนับถือยำเกรงเหมือนแต่ก่อน ก็มีแต่จะลับไปทุกวัน จึงเข้าเฝ้ากราบทูลขอลาออกจากราชการ ไปอยู่บ้านเดิม ฮ่องเต้จึงตรัสว่า

“………ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครเป็นผู้ใหญ่ดูแลในราชการบ้านเมือง ตัวท่านเป็นขุนนางได้รับราชการมาตั้งแต่ครั้งพระราชบิดา จนสิ้นสวรรคต ซึ่งท่านจะลาออกนอกราชการนั้นไม่ได้ แม้นท่านออกนอกราชการแล้ว เหมือนท่านไม่มีความรักใคร่ในเรา จงคิดถึงคุณพระราชบิดาของเราให้ตลอดเถิด……….”

ฮ่องเต้มีรับสั่งเช่นนั้น ด้วยมีพระประสงค์จะเอาใจเงียมซงไว้ มิให้คิดร้ายต่อพระองค์ และระวังไว้จะได้กำจัดโดยง่าย แต่เงียมซงสำคัญว่าฮ่องเต้ไม่มีความอาฆาต ก็รับราชการเป็นใจเสี่ยงอยู่ตามเดิม

ฝ่ายผู้ถือพระอักษรเมื่อไปถึงเมืองน่ำเกีย ก็เชิญพระอักษรไปให้ไฮ้สุย ครั้นถวายบังคมรับพระอักษรแล้ว ไฮ้สุยก็เปิดผนึกออกดู พระอักษรนั้นมีความว่า

“……..ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่าท่านป่วย ข้าพเจ้ามีความวิตกถึงท่านมากนัก ทุกวันนี้ในเมืองหลวงก็ยังไม่เรียบร้อยเป็นปกติ ด้วยพวกกังฉินยังมีอยู่เป็นอันมาก เกรงจะคิดขบถ ถ้าท่านหายป่วยแล้ว เชิญเข้ามาในเมืองหลวง ช่วยคิดอ่านจัดการให้เรียบร้อยด้วยเถิด ท่านได้อุปถัมภ์ข้าพเจ้ามาแต่เล็กจนได้ครองราชสมบัติ จงสงเคราะห์ให้ตลอด…….”

ไฮ้สุยตรึกตรองแล้วเห็นว่า หนังสือที่ทำฝากซือเตียนไว้นั้น ป่านนี้ขุนนางตงฉินคงจะรู้ความทั่วกันแล้ว จึงแต่งหนังสือถวายฮ่องเต้องค์ใหม่ มีความว่า

“…….ซึ่งพระองค์ได้ครองราชสมบัติแล้ว อย่าทรงพระวิตกเลย ธรรมดาเป็นพระเจ้าแผ่นดินถ้าตั้งอยู่ในยุติธรรมแล้ว คนที่เป็นตงฉินก็พากันเข้ามารับราชการให้ใช้สอย บ้านเมืองก็จะเรียบร้อย แม้พระเจ้าแผ่นดินไม่ตั้งอยู่ในยุติธรรม คนที่เป็นตงฉินก็หลีกเลี่ยงไป พวกกังฉินก็กำเริบ รีบเข้ารับราชการให้ใช้สอย อีกอย่างหนึ่งถึงพระเจ้าแผ่นดินเป็นธรรม แต่พระทัยชอบฟังคนสอพลอ กับไม่ประกอบไปด้วยปัญญา ที่จะพิจารณาสอดส่องให้รู้ไปในนิสัยแห่งคนพาล คิดด้วยอุบายถ่ายเทเล่ห์กลต่าง ๆ มิได้รู้ถึง อย่างนี้ก็เป็นช่องทางของคนกังฉินจะเข้ามา……………

………………….ทราบว่าพระองค์ทรงตั้งอยู่ในยุติธรรม ข้าพเจ้ามีความยินดียิ่งนัก แต่พระองค์พึ่งได้ราชสมบัติใหม่ คนดีและคนร้ายยังระคนปนกันอยู่มาก ถ้าวันใดเจ้าและขุนนางผู้น้อยผู้ใหญ่ เข้ามาเฝ้าพร้อมกัน พระองค์จงรับสั่งว่า ท่านทั้งหลายมีความกตัญญูต่อแผ่นดิน และจงรักภักดีในตัวเราแล้ว เห็นว่าผู้ใดเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน ก็ให้ช่วยกำจัดเสีย อย่าให้มีอยู่ในแผ่นดินได้ ถ้าพระองค์ตรัสดังนี้ ก็คงจะได้ทราบว่าคนกังฉินและคนตงฉินมีเท่าไร บ้านเมืองจะได้เป็นสุข………..”

ฝ่ายพระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้เมื่อได้รับหนังสือของไฮ้สุย ทอดพระเนตรสิ้นข้อความแล้ว จึงเอาหนังสือนั้นถวายฮองไทเฮาทอดพระเนตร ฮองไทเฮาก็ทรงแนะนำให้พระราชโอรสตรัสตามที่ไฮ้สุยแนะนำ ด้วยเป็นคำกลางไม่เฉพาะชื่อผู้ใด ถ้าจะว่าไปก็เป็นธรรมเนียมของพระเจ้าแผ่นดิน โดยพวกกังฉินจะได้ยินคำที่พูดจะโกรธก็ไม่ได้ แล้วก็จะไม่คิดระแวงสงสัย พระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย

ฝ่ายเจ้านายและขุนนางที่เป็นตงฉินนั้น ครั้น พระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้ ได้ครองราชสมบัติเรียบร้อยแล้ว จึงพากันไปหา ซือเตียน ที่บ้านและขอดูหนังสือที่ ไฮ้สุย มอบไว้ให้ก่อนที่จะไปเป็นเจ้าเมืองน่ำเกีย ซือเตียนจึงเอาหนังสือนั้นมาเปิดผนึกให้ขุนนางทั้งปวงดู มีความว่า

ข้าพเจ้าไฮ้สุย ขอบอกความให้ท่านทั้งปวง ซึ่งมีความกตัญญูต่อแผ่นดินทราบ ด้วยข้าพเจ้าจะออกไปอยู่รักษาเมืองน่ำเกียนั้น จะได้กลับมาเมื่อไรก็มิได้แจ้ง สืบไปวันหน้าถ้าพระเจ้าเกียเจ๋งฮ่องเต้ สวรรคตแล้ว ราชสมบัติคงจะได้แก่ฮองไทจือ ท่านจงกะเตรียมการไว้อย่าให้ผู้ใดรู้ แม้นฮองไทจือตรัสแก่ท่านทั้งปวงว่า ให้ช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดิน กำจัดพวกกังฉินเสีย ท่านทั้งปวงจงจับ เงียมซง เตียจีเป๊ก เตียบุนหอ เงียมซือพวน กับพวกพ้องบุตรภรรยาจำไว้ แล้วมีหนังสือประกาศแก่ข้าราชการและราษฎร ทั้งนอกเมืองในเมืองให้รู้ทั่วกันว่า เงียมซงและพวกพ้องเงียมซง มีความผิดเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินใหญ่โตนัก แม้นผู้ใดนับถือรักใคร่เงียมซงและพวกพ้องเงียมซง จงพากันมาขอโทษเถิดมิได้ห้ามปราม เมื่อเห็นการควรจะยกให้

ประกาศไว้สามวัน ถ้าเห็นว่าไม่มีใครมาขอโทษแล้ว จงมีหนังสือประกาศไปใหม่อีกฉบับหนึ่งว่า เงียมซงและพวกพ้องเงียมซง ข่มเหงและเบียดเบียนผู้ใดให้ได้ความเดือดร้อน ก็ให้ผู้นั้นมาทำแก่เงียมซงและพวกพ้องเงียมซง ให้สมกับที่มีความเจ็บแค้น เรามิได้ห้ามปราม ครบสามวันจึงฆ่าเสีย ท่านทั้งปวงจงทำตามหนังสือนี้เถิด

เมื่อเจ้านายและขุนนางได้อ่านดูรู้ความแล้ว จึงปรึกษากันว่า พวกเราทั้งปวงแต่บรรดาที่มาพร้อมหน้ากันวันนี้ จงตั้งสัตย์กตัญญูต่อแผ่นดิน และรักษายุติธรรมอย่างเดียว อย่าได้มีความประมาท ต้องเตรียมการคอยคุมเชิงไว้ แม้นพระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้รับสั่งออกมาเหมือนหนังสือไฮ้สุยเวลาไร จงแยกกันจับพวกกังฉินให้หมด ครั้นปรึกษานัดหมายกันแล้ว ต่างก็กลับไปบ้าน และคอยทีอยู่

วันหนึ่งหลังจากที่พระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้ ได้รับหนังสือจากไฮ้สุยแล้ว เสด็จออกว่าราชการ เมื่อเจ้านายและขุนนางผู้น้อยผู้ใหญ่มาเฝ้าพร้อมกันแล้ว ก็มีรับสั่งว่าท่านทั้งปวงที่เห็นแก่การแผ่นดิน และมีความจงรักภักดีในเราแล้ว แม้นเห็นว่าผู้ใดเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน จงช่วยกันกำจัดเสีย อย่าให้มีขึ้นในแผ่นดินต่อไปเป็นอันขาด

ทั้งเจ้าและขุนนางซึ่งเตรียมการไว้ พอได้ฟังรับสั่งต่างคนก็ช่วยกันจับ เงียมซง เตียจีเป๊ก เตียบุนหอ เงียมซือพวน และขุนนางซึ่งเป็นพวกพ้องของเงียมซง ต่อหน้าที่นั่งในทันใดนั้น รวมสิบเก้าคนเอาไปจำขังไว้ แล้วก็ไปจับครอบครัวบุตรภรรยาและญาติพี่น้องของเงียมซง และพวกเงียมซงอีกสามร้อยแปดคน รวมเป็นสามร้อยยี่สิบเจ็ดคน แล้วขุนนางก็นำหนังสือที่ ไฮ้สุยมอบไว้กับซือเตียนนั้น ขึ้นถวายฮ่องเต้ให้ทอดพระเนตร ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้ประกาศตามที่ ไฮ้สุยเขียนไว้ ทุกประการ

แต่มีประกาศฉบับแรกได้สามวัน ก็ไม่มีใครมารับรอง ด้วยพวกนี้เหล่าราษฎรมีความเกลียดชังเป็นอันมาก ครั้นเห็นว่าไม่มีใครมารับรองแล้ว จึงออกประกาศฉบับที่สอง ราษฎรที่ได้ฟังคำประกาศฉบับหลังต่างคนก็ดีใจ คนที่เงียมซงและพวกเงียมซงข่มเหงเบียดเบียนให้ได้ความเดือดร้อน ก็พากันมาด่าว่าเฆี่ยนตีเงียมซงและพวกเงียมซง ตามความโกรธมากและน้อย ครั้นประกาศครบสามวันแล้ว จึงรับสั่งให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสียทั้งสิ้น

พระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้ ครั้นกำจัดพวกกังฉินหมดแล้ว ทราบความว่าไฮ้สุยหายป่วยเป็นปกติก็มีพระทัยยินดีนัก จึงรับสั่งให้แต่งหนังสือบอกความ ซึ่งได้กำจัดเงียมซงและพวกพ้องเป็นที่เรียบร้อย ตามหนังสือซึ่งไฮ้กึนกงมอบไว้กับซือเตียนแล้ว กับโปรดพระราชทานเครื่องยศและตราตั้งออกไปให้ไฮ้สุยเป็นที่เซียวเปา

ไฮ้สุยได้ทราบความแล้วก็ดีใจ แต่ไม่ยอมรับตำแหน่งเซียวเปา จึงเดินทางจากเมืองน่ำเกียเข้าไปเฝ้าฮ่องเต้ที่เมืองหลวง กราบทูลว่า

“……..ซึ่งพระองค์ทรงพระเมตตา โปรดพระราชทานให้ข้าพเจ้าเป็นที่เซียวเปานั้น พระเดชพระคุณหาที่เปรียบมิได้ แต่ข้าพเจ้าจะรับไม่ได้ ด้วยเห็นเหลือเกินนัก ถ้าพระองค์จะขืนให้ข้าพเจ้าเป็นแล้ว ข้าพเจ้าจะขอลาออกจากราชการ……..”

ฮ่องเต้ก็จนพระทัยต้องตามใจ ไฮ้สุยก็กราบถวายบังคมลากลับไปเป็นเจ้าเมืองน่ำเกียตามเดิม แต่นั้นมาบ้านเมืองก็เรียบร้อยเป็นสุขสบายทั่วพระราชอาณาเขต

ไฮ้สุยได้รับราชการเป็นเจ้าเมืองน่ำเกียต่อมาอีก เป็นเวลานาน ตลอดรัชสมัยของพระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้ จนอายุได้แปดสิบเจ็ดปี พระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้สวรรคต พระราชบุตรซึ่งมีพระชนมายุได้หกพรรษา ขึ้นครองราชสมบัติแทน ทรงพระนามว่าพระเจ้าบั้นและฮ่องเต้ โดยมี เตียกือเจี้ยเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะ นางลิมสี ภรรยาของเตียกือเจี้ย ได้เป็นพระนมของฮ่องเต้มาตั้งแต่ประสูติ ไฮ้สุยเห็นว่าบ้านเมืองก็เรียบร้อยดี เตียกือเจี้ยนั้นตั้งแต่ห่างกับเงียมซง ก็ประพฤติเป็นคนดีมาโดยตลอด จึงเข้ามาเฝ้าฮ่องเต้เพื่อขอลาออกจากราชการ

ฮองไทเฮาซึ่งเดิมเป็นมเหสีของพระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้ ได้ทราบความจึงมีรับสั่งให้ไฮ้สุยเข้าเฝ้าในพระราชวัง เพื่อขอร้องไม่ให้ไฮ้สุยลาออก ไฮ้สุยก็กราบทูลว่า

“……..ซึ่งข้าพเจ้าจะลาออกนอกราชการนั้น มิใช่จะมีความขัดข้องด้วยสิ่งใดหามิได้ ด้วยเห็นว่าบ้านเมืองก็เรียบร้อย ตัวข้าพเจ้าก็ชราอายุถึงแปดสิบเจ็ดปี กาลก็จวนแล้ว จึงมาถวายบังคมลาไปอยู่บ้านเดิม แสวงหาความสุขกว่าจะหาชีวิตไม่……….”

ฮองไทเฮาจึงตรัสว่า

“………..เราเสียดายท่านนัก ไม่อยากจะให้ออกนอกราชการ ซึ่งท่านคิดดังนี้ของดไว้ก่อนเถิด เมื่อพระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ ได้รับสั่งไว้ให้พระเจ้าบั้นและฮ่องเต้ ตั้งท่านเป็นที่เซียวเปา จะต้องตั้งท่านตามรับสั่ง……….”

ไฮ้สุยก็ทูลว่า

“………เมื่อพระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้จะตั้งข้าพเจ้า ให้เป็นที่เซียวเปา ข้าพเจ้ากราบ ทูลขอตัว ก็โปรดให้แล้ว……..”

ฮองไทเฮาก็ตรัสว่า

“……ซึ่งท่านกราบทูลขอตัว พระเจ้าเล่งเคงฮ่องเต้โปรดให้นั้น เพราะมีความเกรงใจท่าน ครั้นอยู่มาเมื่อจวนใกล้สิ้นพระชนม์ ได้รับสั่งกับพระเจ้าบั้นและฮ่องเต้ไว้ว่า ถ้าเราหาบุญไม่สมบัติได้แก่เจ้าแล้ว จงตั้งไฮ้สุยเป็นที่เซียวเปา ถ้าพระเจ้าบั้นและฮ่องเต้ตั้งท่านเป็นที่เซียวเปาได้ตามรับสั่งแล้ว ก็เรียกว่ามีกตัญญูต่อสมเด็จพระบิดา ด้วยมิได้ละคำรับสั่งให้สูญไป แม้นท่านไม่ยอมรับแล้ว ก็เหมือนหนึ่งท่านตัดความกตัญญูของพระเจ้าบั้นและฮ่องเต้เสีย ขอท่านจงตรึกตรองให้จงมาก………..”

ไฮ้สุยได้ฟังก็จนปัญญา มิรู้ที่จะออกตัวประการใดก็นิ่งอยู่ ฮองไทเฮาเห็นว่าไฮ้สุย รับแล้ว จึงให้เชิญเสด็จพระเจ้าบั้นและฮ่องเต้มายังพระตำหนัก แล้วก็ตั้งไฮ้สุยเป็นที่เซียวเปา แปลว่าตั้งแต่เข้ารับราชการ ได้ทำนุบำรุงแผ่นดินมาจนชรา แล้วพระราชทานเซียวอั้งเผ่า คือเสื้อมังกรห้าเล็บ เป็นเครื่องยศ ด้วยไฮ้สุยมีความชอบในแผ่นดิน ตั้งแต่สมเด็จพระเจ้าปู่ ต่อมาจนถึงพระบิดาของพระเจ้าบั้นและฮ่องเต้นั้น ฮองไทเฮาได้เล่าให้ฮ่องเต้ฟังอยู่เสมอมิได้ขาด แล้วไฮ้สุยก็กราบถวายบังคมลาออกจากราชการเมืองน่ำเกีย กลับไปอยู่ที่เมืองไฮหนำบ้านเดิม

ไฮ้สุยมีอายุยืนยาวมาอีกนาน จนถึงร้อยปี จึงจัดงานแซยิดขึ้นในเดือนแปด ก็มีขุนนางจัดหาสิ่งของมาช่วยงานแซยิดมากมาย ไฮ้สุยก็สั่งให้จัดโต๊ะและสุราเลี้ยงขุนนางทั้งหลายทั้งปวงด้วยความยินดี ขุนนางเหล่านั้นก็รินสุราคำนับท่านไฮ้สุยคนละสามถ้วย

แล้วไฮ้สุยก็เล่าความตั้งแต่เป็นขุนนาง เข้ารับราชการเมื่อหนุ่ม อายุเพียงยี่สิบเจ็ดปี ได้กำจัดพวกกังฉินทนทุกข์ลำบากมาจนอายุได้ร้อยปี พระเจ้าแผ่นดินโปรดให้มาอยู่บ้านตามสบาย และได้กล่าวคำสุดท้ายว่า ข้าพเจ้าขอบใจท่านทั้งหลายอุตส่าห์มารินสุราให้กินนั้น เป็นบุญวาสนาของข้าพเจ้ามาก

พูดดังนั้นแล้วไฮ้สุยก็หัวเราะจนขาดใจตายอยู่ที่โต๊ะ พวกขุนนางและบุตรหลานทั้งปวงก็พากันร้องไห้อื้ออึง ไทไท่หรือ นางเตียเกงฮวย ภรรยาของไฮ้สุย ซึ่งมีอายุร้อยปีเท่ากัน นั่งกินโต๊ะเสพสุราอยู่กับพวกญาติพี่น้องข้างใน ครั้นแจ้งว่าไฮ้สุยถึงแก่กรรม ก็ร้องไห้จนขาดใจตายอยู่ที่นั้น

พระเจ้าบั้นและฮ่องเต้ซึ่งขณะนั้นมีพระชนมายุสิบเก้าพรรษา เมื่อได้ทราบความ ที่บุตรเขยของไอ้สุยกราบทูลเข้าไปยังเมืองหลวงแล้ว ก็มีรับสั่งให้จัดการเซ่นไหว้ศพไฮ้สุยตามธรรมเนียม แล้วให้ปลูกสร้างศาล ปั้นรูปไฮ้สุยไว้เซ่นไหว้ ที่เมืองกึงตังแซ่ ทำป้ายจารึกชื่อตั้งให้ไฮ้สุยเป็นที่เอ๋โต้วเซียหวง คือเจ้าหลักเมืองกึงตังแซ่ ใหญ่กว่าเจ้าหลักเมืองทั้งปวง ปักไว้ที่หน้าศาล ไพร่บ้านพลเมืองก็นับถือทั่วทั้งแผ่นดิน.

ความพิศดารของ ไฮ้สุย ผู้เป็นศัตรูของกังฉิน ในแผ่นดินเหม็ง มาตลอดชั่วอายุขัย ก็ถึงแก่กาลอวสานลงแต่เพียงนี้.

###########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 06:13:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com