 |
ผมขอเห็นต่างครับ...
ข้อเสีย...???? ....เสียตรงไหนละครับ...???
2 คนที่คุณยกตัวอย่างมา ต่างก็เป็น "บุคคลสาธารณะ" ทั้งคู่เป็นนักร้องที่มีคนติดตามอยู่
คนแรกที่มีปัญหา ก็เพราะดันไปแสดงจุดยืนทางการเมือง
แน่นอนว่าในมิติทางสังคมทุกวันนี้ การ "เลือกข้าง" ของคนเรามันมีแน่นอน ไม่ว่าจะเหลือง, แดง, น้ำเงิน ไปจนถึงสลิ่ม
น้องมาร์ค V11 เขาก็มีสิทธิ์แสดงออกเหมือนเราๆ เพียงแต่เขาดันเป็นคนที่มีชื่อเสียง และถูกสังคมจับตา แต่หากเราอนุญาตให้เด็กอายุ 18 ได้รับสิทธิ์ทากงารเมืองด้วยการเลือกตั้งได้
เขาจะแสดงออกทางการเมืองแบบไหน มันก็เรื่องของเขาครับ
มันก็แค่จุดยืนที่แสดงผ่านเฟสบุ๊คเท่านั้น การที่ใครจะเกลียดมาร์ค V11 มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเฟสบุ๊คเลย
เพราะเฟสบุ๊คมันคือ "สื่อ" อย่างนึง
ส่วนของ "เสพ โลโซ" ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเฟสบุ๊คเช่นกัน เพราะ "เสพ" ทำตัวเอง และเอาตัวเองมาประจานออกเฟสบุ๊ค
หรือแม้แต่กรณีของ บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ก็เถอะ บิณฑ์ออกมาใช้เฟสบุ๊คแสดงจุดยืนทางการเมือง ด้วยการใช้ถ้อนคำที่รุนแรง ค่อนไปทางหยาบคายเลย
จนมีกระแสในโลกออนไลน์ ว่าเราควร "แบน" นักแสดงแบบนี้หรือเปล่า
แต่ผมคนหนึ่งละที่ไม่แบนเขา เพราะผมสนับสนุนคนจากผลงาน
ไม่ว่าจะบิณฑ์ หรือพงษ์พัฒน์ หรือศรัยนยู
แม้ผมไม่ชอบพงษ์พัฒน์ ในเรื่องแนวคิดทางการเมือง และการออกมาไล่คนที่เห็นต่างให้ไปอยู่ที่อื่น
แต่ผมชอบหนังของเขาครับ
ผมว่าเขากล้าทำอะไรที่แตกต่างดีจัง
ตอนที่พงษ์พัฒน์ทำ me....myself นั้น มีแต่คนปรามาสว่างานชิ้นแรกของเขาอาจไปไม่รอด ค่าที่ว่าพงษ์พัฒน์มี "ภาพจำ" ของความเป็นนักร้อง มากกว่าคนในโลกเซลลูลอยด์
แต่ผมมองว่านี่คืองานที่ดีที่สุดของเขาเลย
อาจเป็นเพราะ me....myself ได้มือเขียนบทที่ดีก็เป็นได้ เพราะตอนนั้นพงษ์พัฒน์ได้ คงเดช จาตุรนต์รัศมี มาเขียนให้ คงเดชเป็นอดีตนักดนตรีวง "สี่เต่าเธอ" วงอินดี้เมื่อซัก 10 ปีก่อน
แถมหนังยังได้ อนันดา กับ ฉายนันท์ ที่ผมว่าเหมาะกันมากมารับบทนำ
บทดี ,การนำเสนอดี หนังของผู้กำกับพงษ์พัฒน์ก็เลยไม่ได้ขี้เหร่ครับ
ส่วนของศรันยู ผมไม่ชอบทั้งเรื่องการเมือง แถมหนังของเขาก็ทำออกมาได้ห่วยอีก
หนัง "คนโขน" ของเขามันไม่มีสไตล์ครับ การจับประเด็น การเล่าเรื่อง การนำเสนอ มัน "อ่อน" ไปหมด หากเทียบกับหนังที่มี "หน้าหนัง" ใกล้เคียงกันอย่าง "โหมโรง" ผมว่าฝีมือของผู้กำกับศรันยู กับผู้กำกับอิทธิสุนทร ต่างกันราวฟ้ากับเหว
หนังของศรันยูผมเสียดายเงินเลยครับ
แต่ผมชอบหนังของผู้กำกับบิณฑ์ เพราะแค่ชื่อเรื่อง "ปัญญา เรณู" มันก็ดึงวันเวลาตอนเด็กของผมกลับมาได้แล้ว
แถมดาราเด็กที่คัดมา ก็ไม่ใช่ดาราดังอะไรเลย แต่แสดงได้ดีมาก จนทำให้เรา "เชื่อ" ในตัวละครนั้นได้จริงๆ
แม้บทหนังของผู้กำกับบิณฑ์อาจไม่ได้ดีเลิศอะไรนัก แต่เนื้อหา และ การนำเสนอ ไปจนถึงการจับประเด็นทางสังคมผมว่าดีเลยแหละ
ผมไม่สนหรอกว่าแนวคิดทางการเมืองของใครจะเป็นอย่างไร เพราะเวลาที่ผมจ่ายเงินค่าตั๋วหนัง ผมจะดูจาก "หน้าหนัง" ว่าผมสนใจหรือเปล่า
คนในแวดวงบันเทิง ก็เป็นอีกอาชีพที่มีหัวโขนครับ หากถอดหัวโขนเมื่อไร เขาก็คือคนธรรมดา
ไม่ว่าจะเป็นคุณพงษ์พัฒน์ ,คุณบิณฑ์ หรือ คุณศรันยู ต่างก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกข้าง และวิพากษ์วิจารณ์ได้พอๆกับเราๆท่านๆ
ในตอนที่ "จอห์น เอฟ เคเนดี้" หาเสียงนั้น แฟรงค์ ซินาตร้า และ กลุ่ม "แร็ท แพ็ค" ของเขา ที่ประกอบไปด้วย ดีน มาร์ติน, ปีเตอร์ ลอฟอร์ด, แซมมี่ เดวิส จูเนียร์ และ โจอี้ บิช็อป ต่างก็สนับสนุนเคเนดี้
พวก "แร็ท แพ็ค" ถึงขนาดเปิดโชว์เพื่อระดมทุนให้เคเนดี้ ออกตัวแรงทั้งใต้ดินด้วยการล็อบบี้คนดังในสาขาต่างๆ ทั้งบนดินในการเดินเกมส์ เพื่อสนับสนุนแคมเปญต่างๆให้กับเคเนดี้
แต่คนอเมริกันไม่ว่าจะเป็นเดโมแครท หรือ รีพับลิกัน ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นในการสนับสนุน หรือว่าไม่สนับสนุนผลงานทางด้านบันเทิงของพวก "แร็ท แพ็ค" ครับ
ซินาต้า และ พรรคพวกก็ยังมีงานที่ขายได้เสมอๆ ตราบเท่าที่งานของพวกเขาดีพอที่จะทำให้คนจ่ายเงินเพื่อเสพ
ไม่ว่าจะคนบันเทิงสีเหลือง หรือ สีแดง หากทำงานออกมาได้น่าสนใจ ผมยินดีจ่ายเงินค่าตั๋วให้ทั้งนั้นครับ
เฟสบุ๊คมันเป็นแค่ "สื่อ" หากใช้มันแล้วเกิดโทษ ก็อย่าไปโทษว่ามันเป็น "ข้อเสีย" ของเฟสบุ๊คเลย
หากแต่เป็น "คนเล่นเฟสบุ๊ค" ต่างหาก ที่ทำตัวเองทั้งนั้นครับ
จากคุณ |
:
ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney)
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ธ.ค. 54 22:39:40
|
|
|
|
 |