Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กรรมยังไม่สิ้น ติดต่อทีมงาน

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๕ กรรมยังไม่สิ้น

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อนางลิวเอ๋งได้ทราบความจากบู๊อั้น ว่าลิวซูที่ปลอมตัวเป็นหญิงอยู่ร่วมห้องกับตนมาถึงสองเดือนนั้น เป็นบุตรเขยของฮ่องเต้จริง นางก็ดีใจอยากจะฝากชีวิตไว้กับชายหนุ่มผู้นี้ ครั้นลิวซูถามว่าจะให้ตนแทนคุณด้วยประการใด นางก็ข่มความอายบอกไปว่า

“…….บิดามารดาข้าพเจ้าก็ถึงแก่กรรมเสียสิ้นแล้ว ยังอยู่แต่พี่ชายอีกคนหนึ่งจะเอาเป็นที่พึ่งมิได้ ข้าพเจ้าจะขอฝากตัวแก่ท่าน แต่ไม่ทราบว่าท่านจะเมตตาหรือไม่……..”

ลิวซูก็สนองตอบว่า ตนเองก็คิดตรึกตรองมานานแล้ว แต่เกรงใจนางไม่อาจจะพูดออกมาได้ นางลิวเอ๋งก็ว่า

“…….กลัวแต่ท่านจะไม่เมตตาจริง พูดแต่ได้สมปรารถนาแล้ว ถ้ากลับไปอยู่กับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ ก็จะลืมข้าพเจ้าเสีย…….”

ลิวซูก็ว่าถ้านางไม่เชื่อก็จงทำสัตย์สาบานเสียด้วยกัน นางลิวเอ๋งก็ยินดีจุดธูปเทียนพากันออกไปกลางแจ้ง ลิวซูก็สาบานว่า ถ้าตนได้ดีแล้วละทิ้งนางลิวเอ๋งเสีย ไม่เลี้ยงเป็นภรรยา ขอให้ตนถึงแก่ความตายด้วยสัตว์ร้ายต่าง ๆ นางลิวเอ๋งก็สาบานว่า ถ้านางไม่ซื่อตรงต่อลิวซู ก็ขอให้เป็นอันตรายแก่ชีวิต เมื่อกำลังมีครรภ์ แล้วทั้งคู่ก็จูงมือกันมานั่งกินโต๊ะ เสพสุราพูดจากันเล่นเป็นที่เจริญใจ แล้วก็พากันขึ้นไปนอนบนเตียงร่วมกันอย่างมีความสุข

ครั้นถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ลิวซูจึงบอกให้นางลิวเอ๋งคิดแก้ไข ให้ตนได้กลับไปเมืองหลวงเสียโดยเร็วเถิด จะได้มีความสุขด้วยกัน นางก็ว่าเพิ่งอยู่ด้วยกันวันเดียว จะทิ้งไปเสียนั้นไม่ยอม จงอยู่ให้ครบเดือนก่อนจึงจะปล่อยให้ไป ลิวซูก็จนใจมิอาจพูดประการใด

พออยู่กันมาได้สิบห้าวัน นางลิวเอ๋งก็บอกว่า

“……..พรุ่งนี้นางพัวสีพี่สะใภ้ข้าพเจ้าจะทำการแซยิด เวลาค่ำวันนี้ข้าพเจ้าต้องไปช่วยทำกับข้าวของกินอยู่เรือนโน้น ซึ่งท่านจะอยู่บนเหลานี้แต่ผู้เดียวนั้นเห็นไม่ได้ กลัวบู๊ไต้หยง พี่ชายข้าพเจ้าจะขึ้นมารบกวน ท่านจงไปทำขนมกับข้าพเจ้าแต่อย่านั่งให้ห่างกัน…….”

ลิวซูก็เห็นชอบด้วย จึงจัดแจงแต่งตัวไว้ให้พร้อม แต่บู๊ไต้งหยงซึ่งคิดโกรธน้องสาวมานานแล้วว่า ไม่รู้จักน้ำใจของตนเลย ให้หญิงสาวใช้ไปไว้ก็กักขังเสีย ไม่ปล่อยให้ลงมาเที่ยวเล่นบ้าง เวลาค่ำจึงมาแอบซุ่มอยู่ใต้บันได ครู่หนึ่งก็เห็นนางกุ้ยหวยหรือลิวซูลงมาจากเหลา บู๊ไต้หยงก็จับชายเสื้อไว้แล้วว่า วันนี้เจ้าหนีเราไม่พ้นเป็นแน่แล้ว นางกุ้ยหวยปลอมก็ตกใจจนของหลุดตกจากมือ แต่แข็งใจพูดว่า อย่าทำวุ่นวายไปน้องสาวท่านตามมาข้างหลัง

บู๊ไต้หยงก็ไม่ฟังฉุดลากมาที่ใต้บันได ปล้ำถอดเสื้อกางเกงออกเห็นเป็นผู้ชายก็โกรธ ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่าผู้ร้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คนใช้ได้ยินก็กรูกันมาช่วยจับตัวลิวซู มัดไว้กับเสาบ้านแล้วทุบตีเป็นอันมาก ลิวซูก็ร้องว่าตนมิใช่ผู้ร้ายมาลักทรัพย์สินเงินทองอะไร แต่เป็นฮู่ม้ามาจากเมืองหลวง บู๊ไต้หยงก็ว่า

“…….ถ้าเป็นฮู่ม้าแล้วเหตุไฉนจึงมาแต่งตัวปลอม เที่ยวหลอกลวงขายเอาเงินเขาดังนี้เล่า ถึงเงินเราจะสูญเสียไปมากน้อยเท่าใดก็ไม่ว่า นี่แกล้งนิ่งอยู่กับน้องสาวเราช้านาน หากว่าจับเจ้าไม่ได้แล้ว น้องเราจะมิเสียชื่อเสียงไปด้วยหรือ…….”

ขณะนั้นนางพัวสีนั่งอยู่ในเรือน ได้ยินเสียงอื้ออึงก็เดินออกมาดู ลิวซูจึงบอกนางพัวสีว่า

“…….ข้าพเจ้าเป็นบุตรลิวบ๋าย ซึ่งเป็นที่จอเซงเซียขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการอยู่ที่เมืองเซียงอาน ข้าพเจ้าหาได้เป็นโจรผู้ร้ายไม่ ขอท่านจงยกโทษให้ข้าพเจ้าสักครั้งหนึ่งเถิด…….”

บู๊ไต้หยงจึงพูดกับนางพัวสีว่า

“……จะเชื่อฟังอะไรแก่คนพาล เที่ยวหลอกลวงขายตัว เอาเงินเขามาหลายแห่งแล้ว ชอบแต่ตีเสียให้แทบตาย…..”

นางพัวสีก็ว่าจะทำตามอำเภอใจไม่ถูก ถึงผิดชอบประการใด ต้องส่งไปให้เจ้าเมืองชำระโทษจึงจะควร บู๊ไต้หยงจึงเขียนหนังสือแจ้งความต่อเจ้าเมืองเซียงเอียงอู ว่าลิวซูเป็นชายแต่งกายปลอมเป็นหญิง หลอกลวงเอาเงินเขาหลายแห่ง จึงส่งตัวมาให้ชำระ สุดแต่จะทำโทษ แล้วให้คนใช้คุมตัวลิวซูไปส่งให้เจ้าเมือง แปะเตงเจ้าเมืองสอบถามลิวซูก็ยืนยันว่าตนเป็นฮู่ม้า มิใช่ผู้ร้ายและไม่ยอมคำนับเจ้าเมือง จึงถูกสั่งให้ตีสี่สิบที ลิวซูกลัวเจ็บจึงต้องยอมรับว่าเป็นผู้ร้าย เจ้าเมืองจึงให้เอาตัวไปขังคุกไว้

คนใช้ ก็กลับมาเล่าความให้บู๊ไต้หยงกับภรรยาฟัง นางพัวสีก็ไปหานางลิวเอ๋งบนเหลาเล่าเรื่องให้ทราบ แล้วถามว่า คนร้ายนั้นเป็นผู้ชาย เหตุใดจึงไม่บอกกล่าวให้รู้ ปิดความไว้เป็นหลายเดือน นางลิวเอ๋งก็เล่าให้ฟังว่า

“……..ข้าพเจ้าเห็นว่ารูปร่างลักษณะ กิริยาอัชฌาสัยก็เรียบร้อย มีสติปัญญาเรียนรู้หนังสือลึกซึ้งมาก ข้าพเจ้าจึงให้บู๊อั้นไปเมืองเซียงอาน สืบข่าวดูก็รู้แน่ว่าเป็นฮู่ม้าจริง สมกับคำลิวซูเล่าให้ฟังทุกข้อ ครั้นจะบอกให้บู๊ไต้หยงพี่ชายข้าพเจ้ารู้ ก็เห็นว่าเป็นคนใจเร็วโทโสมาก กลัวจะเกิดความใหญ่……..”

แล้วนางลิวเอ๋งก็ร้องไห้สอึกสอื้นเป็นอันมาก นางพัวสีได้ฟังและดูกิริยาก็รู้ชัดว่า นางลิวเอ๋งกับลิวซูได้เสียเป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็พาไปหาบู๊ไต้หยง นางลิวเอ๋งก็คุกเข่าลงคำนับแล้วพูดว่า

“….ลิวซูนี้เป็นบุตรลิวบ๋ายขุนนางผู้ใหญ่เป็นฮู่ม้าจริง ขอพี่ท่านได้เมตตาช่วยสงเคราะห์ให้ลิวซูพ้นโทษด้วยเถิด ต่อไปภายหน้าถ้าเขามีวาสนามากขึ้น พวกเราจะได้พลอยมีความสุขสบายด้วย…….”

บู๊ไต้หยงยิ่งโกรธมากขึ้นพูดว่า

“……คนเช่นนี้เสียชาติเกิดมาร่วมบิดามารดาเดียวกัน ทำให้ได้ความอัปยศนัก ไม่ควรเลี้ยงไว้ ครั้นจะเฆี่ยนตีเสียให้ตายก็กลัวความติเตียนนินทา เจ้าอย่าอยู่เป็นมนุษย์กับเขาเลย จงไปฆ่าตัวตายเสียเองเถิด เราไม่ขอเห็นหน้าต่อไปแล้ว…….”

นางลิวเอ๋งได้ฟังก็คิดแค้นใจนัก มิได้พูดประการใด คำนับลากลับมาที่อยู่ เอาเชือกผูกคอปรารถนาจะให้ตาย นางพัวสีก็รีบตามมาแก้เอาไว้ได้ แล้วบอกว่า

“…….เจ้าอย่าฆ่าตัวให้ตายเสียเลย จงแต่งตัวปลอมเป็นผู้ชาย ให้บู๊อั้นกับภรรยาพาไปเมืองเซียงอาน บอกกับลิวบ๋ายบิดาลิวซู ให้รีบมาช่วยลิวซูให้พ้นโทษโดยเร็ว จึงจะชอบ…….”

แล้วนางพัวสีก็เอาเสื้อกางเกงเครื่องแต่งตัวผู้ชายมาสวมใส่ให้ และเรียกบู๊อั้นกับภรรยามาสั่ง ให้พานางลิวเอ๋งไปเมืองเซียงอาน และหยิบเงินมอบให้นางลิวเอ๋งสามร้อยตำลึง แล้วเปิดประตูหลังบ้านให้ทั้งสามหนีออกทางสวนดอกไม้ เดินทางไปโดยเร็ว

บู๊อั้นกับภรรยาพานางลิวเอ๋งเดินทางไปหลายวัน พอถึงวัดแปะซงยี่ก็มีฝนตกหนัก จึงแวะเข้าไปอาศัยหลบฝนอยู่ที่ประตูวัด หลวงจีนเต้าเฉงซึ่งเป็นเจ้าอาวาสเห็น ก็มาเชิญเข้าไปพักในวัด จัดให้นั่งในที่สมควรแล้วก็ยกน้ำชามาเลี้ยง นางลิวเอ๋งกับสองสามีภรรยากินน้ำชาแล้ว ก็นับเงินให้หลวงจีนสิบตำลึงเป็นค่าใบชาแล้วก็จะลาไป เผอิญฝนตกพรำยังไม่ขาดเม็ด และเป็นเวลาพลบค่ำ ก็เลยพักอยู่จนดึกประมาณสองยามเศษ ทั้งสามคนก็หลับไป หลวงจีนเต้าเฉงมาจุดไฟส่องดู เห็นห่อผ้าใหญ่สำคัญว่ามีเงินทองมาก ก็เข้ามาหยิบเอาห่อผ้า

พอดีบู๊อั้นตื่นขึ้นมาก็แย่งชิงเอาห่อผ้าคืน หลวงจีนกับบู๊อั้นก็ต่อสู้ชกต่อยกัน บู๊อั้นเสียทีถูกหลวงจีนตีถูกที่สำคัญขาดใจตาย แล้วไปค้นดูตัวนางลิวเอ๋งและภรรยาบู๊อั้น เห็นเป็นผู้หญิงก็ดีใจ พูดว่าเราจะเลี้ยงเจ้าไว้เป็นภรรยา เจ้าจะว่าประการใด ภรรยาบู๊อั้นจึงบอกว่านางลิวเอ๋งนั้นเป็นภรรยาน้อยของลิวซูฮู่ม้า ซึ่งท่านจะเลี้ยงดูอยู่กินด้วยกันเห็นจะไม่ได้ หลวงจีนเต้าเฉงก็ว่าถ้าไม่ยอมโดยดีก็จะฆ่าเสียเดี๋ยวนี้ ภรรยาบู๊อั้นคิดจะหาอุบายผลัดให้ช้าวันไปก่อนจึงว่า ถ้าท่านไม่เมตตาก็ต้องยอม แต่เดี๋ยวนี้ยังขัดอยู่ด้วยร่างกายยังไม่บริบูรณ์ หลวงจีนจึงพานางทั้งสองไปขังไว้ในห้องลั่นกุญแจประตูไว้

นางลิวเอ๋งก็ว่ากับภรรยาบู๊อั้นว่า

“……จะยอมรับเป็นเมียเขาทำไม เมื่อเขาจะฆ่าฟันประการใด เราก็ไม่เสียดายชีวิต…..”

ภรรยาบู๊อั้นก็บอกว่า

“…….เราพูดจาบิดพริ้วไปสักสี่ห้าวัน ถ้ามีคนมาทำบุญไหว้พระ เราจะได้ร้องเรียกให้เขาช่วย เผื่อจะเอาตัวรอดได้บ้าง ข้าพเจ้าเห็นการดังนี้จึงได้รับต่อหลวงจีน…….”

นางลิวเอ๋งก็เห็นด้วย ทั้งสองจึงถูกขังอยู่ในวัดแปะซงยี่ จนถึงวันหนึ่งมีนายโจรชื่อเตียวเหาพาลิ่วล้อเข้ามาในวัด หลวงจีนเต้าเฉงก็ตกใจวิ่งออกไปรับที่ประตู ถามว่าท่านพากันมาด้วยธุระสิ่งใด เตียวเหาก็บอกว่าตนยิงกวางถูก แต่กวางพาลูกเกาทัณฑ์วิ่งเข้ามาในวัดนี้ ท่านจงเอากวางมาส่งเถิด หลวงจีนก็บอกว่าตนถือเพศเป็นหลวงจีน เนื้อสดคาวสิ่งใดหาเป็นธุระไม่ ตามแต่ท่านจะค้นหาเอาเถิด

เตียวเหาก็ใช้ให้พวกลิ่วล้อไปเที่ยวค้นดูให้ทั่ววัด พอเดินมาเห็นลูกเกาทัณฑ์ตกอยู่หน้าประตูห้องแห่งหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเรียกให้ช่วยอยู่ในห้องซึ่งใส่กุญแจ ก็รีบมาแจ้งแก่เตียวเหาให้ทราบว่าไม่พบกวาง ได้ยินแต่เสียงผู้หญิงร้องอยู่ในห้อง ไม่ทราบว่าเหตุผลประการใด เตียวเหาก็เดินไปดูและให้ลิ่วล้อหักกุญแจประตูเปิดออก พานางลิวเอ๋งกับภรรยาบู๊อั้นออกมาได้ ทั้งสองหญิงก็ตกใจกลัวนายโจร พวกลิ่วล้อก็ว่านายของตนเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต อยู่ที่เขาอึงเถ้าซัวห่างไปประมาณสี่สิบลี้ อย่าวิตกทุกข์ร้อนไปเลย

นางทั้งสองก็มีความยินดีมาก คุกเข่าลงคำนับเตียวเหา และเล่าความตั้งแต่ต้นจนหลวงจีนฆ่าบู๊อั้น และจับพวกตนไปขังไว้ให้ฟังทุกประการ เตียวเหาก็โกรธด่าว่าหลวงจีนด้วยคำหยาบช้าต่าง ๆ แล้วให้ลิ่วล้อไปค้นดูในห้องหลวงจีนเต้าเฉง ได้เสื้อกางเกงและเงินทองสิ่งของมาครบ ตามคำนางทั้งสองกล่าว เตียวเหาจึงให้จับหลวงจีนเต้าเฉงไปฆ่าเสีย แล้วพานางลิวเอ๋งกับภรรยาบู๊อั้นไปถึงเขาอึงเถ้าซัว จัดที่ให้พักอยู่ตามสมควร และหาข้าวปลาอาหารมาเลี้ยงดูเป็นอันดี กับบอกว่า นางทั้งสองจงพักอยู่ที่นี่ก่อน ตนจะไปเที่ยวสืบเสาะติดตามหาลิวซูฮู่ม้า แล้วจึงค่อยพากันไป แต่อยู่มาได้ไม่กี่วันเตียวเหาก็ป่วยลง จึงยังไม่ได้ออกไปตามหาลิวซู

ต่อมาพวกลิ่วล้อได้มาแจ้งว่า ยวดซิมอ๋องหรือแบ๊จุ้น กับลิวซูฮู่ม้าพากันมาพักอยู่ที่เมืองเตงฮงกุ้ยแล้ว เตียวเหาก็มีความยินดีจึงสั่งให้ลิ่วล้อจัดเรือสิบลำ แล้วไปบอกกับภรรยาบู๊อั้นกับนางลิวเอ๋งว่า ให้อยู่ช่วยกันระวังรักษาบ้านเรือนให้ดี ตนกับลิ่วล้อจะไปรับยวดซิมอ๋องกับลิวซูที่เมืองเตงฮงกุ้ย นางทั้งสองก็มีความยินดีจัดแจงสิ่งของให้เป็นเสบียงตามทาง แล้วเตียวเหาก็พา ลิ่วล้อลงเรือใช้ใบไปในทะเลสาป พอถึงกลางทะเลก็เกิดลมพายุพัดกล้า เสากระโดงเรือหักใบขาดไปไม่ได้ จนกระทั่งลมพายุสงบแล้ว จึงให้ลิ่วล้อช่วยกันตีกระเชียงเข้าฝั่ง ไปพักอยู่ที่ตำบลเจียจือกัง
จึงยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้พบกับลิวซู.


############

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
พฤษภาคม ๒๕๕๐

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 05:48:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com