Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สิ้นศัตรู ติดต่อทีมงาน

ทหารกล้าแผ่นดินฮั่น

ตอนที่ ๑๓ สิ้นศัตรู

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อเนียบฮวบเสงมาถึงประตูค่ายของคุดตงเสง เห็นทหารรักษาค่ายอยู่แน่นหนา ที่ประตูค่ายมีหนังสือปิดไว้ฉบับหนึ่ง เมื่ออ่านดูรู้ความแล้วก็ฉีกทิ้งเสีย ทหารก็เข้าไปแจ้งแก่คุดตง เสง และเฮงหยง ทั้งสองก็ออกมาเชิญเข้าไปในค่าย เห็นเนียบฮวบเสงหน้าดำหนวดแดงตาโต ใส่เสื้อลายเหมือนดวงตราโปยซ่วย มือถือแซ่ม้าใส่รองเท้าฟาง รูปร่างประหลาดกว่าคนทั้งปวง จึงเชิญให้นั่งในที่สมควรแล้วถามว่ามีธุระสิ่งใด เนียบฮวบเสงก็บอกชื่อให้และว่าเป็นเพื่อนรักกับ พกเตาอัน ได้ทราบว่าทั้งสองทำศึกกับยวดซิมอ๋อง ก็รีบมาปรารถนาจะช่วยท่าน และแก้แค้นแทนพกเตาอันด้วย ทั้งสองก็ซักถามการซึ่งจะเอาชนะข้าศึก เนียบฮวบเสงก็ว่าการศึกสงครามตนได้เล่าเรียนรู้ชำนิชำนาญมากกว่าพกเตาอัน คงจะคิดเอาชัยชนะได้ อย่ามีความวิตกเลย

ทั้งสองก็มีความยินดียิ่งนัก ให้คนใช้ยกโต๊ะสุราอาหารมาต้อนรับ เมื่อสนทนาปรึกษากันด้วยการทัพศึกเป็นที่สบายแล้ว คุดตงเสงกับเฮงหยงก็มอบอาญาสิทธิ์ให้เนียบฮวบเสง เป็นแม่ทัพ และเรียกนายทหารและทหารเลวมาพร้อมกัน ให้คุกเข่าคำนับรับการบังคับบัญชาต่อไป

ครั้นถึงวันขึ้นหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ด ซึ่งเป็นฤกษ์ดี เนียบฮวบเสงแม่ทัพใหญ่ของ กองทัพขบถ ก็เรียกประชุมนายทัพ นายกองและทหารเลวทั้งปวง และได้ออกประกาศกฎหมายอาญาศึกสิบเอ็ดข้อให้ทราบ ถ้าผู้ใดไม่เชื่อฟังกระทำให้ผิดแต่ข้อใดข้อหนึ่งก็ดี พิจารณาเป็นสัตย์แล้ว จะทำโทษถึงประหารชีวิต รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็สั่งให้นายทหาร ซ้อมหัดเพลงอาวุธให้ทหารเลวจนชำนิชำนาญ เพื่อเป็นกำลังในการทำศึกสงครามต่อไป

ครั้นยวดซิมอ๋องได้ทราบความ ก็ทำหนังสือบอกข้อราชการ ให้คักหลินถือไปกราบทูลฮ่องเต้ที่เมืองหลวง คักหลินกับบ่าวไพร่สองสามคนก็เดินทางไปเมืองเซียงอานโดยด่วน เมื่อคำนับส่งหนังสือให้ลิวบ๋ายแล้ว ก็ลาไปหาคักฮุนเหลงผู้บิดา ลิวบ๋ายก็นำหนังสือขึ้นถวาย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรหนังสือนั้นมีความว่า

ข้าพเจ้ายวดซิมอ๋องขอกราบบังคมทูลให้ทราบ ด้วยโปรดให้ข้าพเจ้าเป็นแม่ทัพยกไปปราบปรามคุดตงเสงที่เขาตังเพาซัวนั้นมีชัยชนะ ได้ฆ่าฟันบุตรภรรยาครอบครัวคุดตงเสงสิ้น บัดนี้คุดตงเสงหนีไปอยู่กับเฮงหยง ณ เขาเชียชองหลิมข้าพเจ้าก็ยกทหารไปตั้งประชิดอยู่ แต่ คุดตงเสง ได้ทหารเอกคนหนึ่งชื่อเนียบฮวบเสงมีฝีมือเข้มแข็งนัก กลัวจะพลาดพลั้งลงอย่างไรก็จะเสื่อมพระเกียรติยศ ข้าพเจ้าขอรับประทานกองทัพหลวงให้ยกเพิ่มเติมไปช่วยอีก จะได้คิดปราบปรามเสี้ยนศัตรูแผ่นดินเสียให้ราบคาบ

ฮ่องเต้ทรงอ่านหนังสือสิ้นข้อความแล้ว จึงตรัสปรึกษาขุนนางว่าจะเห็นผู้ใดมี สติปัญญา ควรจะเป็นแม่ทัพยกไปช่วยยวดซิมอ๋องได้บ้าง ซือแบ๊เซียงหยูขุนนางผู้ใหญ่กราบทูลว่า

“………การสงครามครั้งนี้เป็นศึกใหญ่ ต้องจัดหาขุนนางนายทหารที่มีสติปัญญาและฝีมือ ให้คุมทหารยกไปสักห้าหมื่นจึงจะควร…….”

ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย แล้วตรัสถามว่าจะให้ผู้ใดออกไปดี ลิวบ๋ายจึงกราบทูลว่า

“…….เอียป้าซึ่งเป็นที่ตินตงเจียงกุน ไปอยู่รักษาเมืองตินตงนั้น มีสติปัญญาฝีมือก็เข้มแข็ง แล้วก็เป็นญาติของยวดซิมอ๋อง ควรจะเป็นแม่ทัพออกไปได้…….”

ฮ่องเต้ก็ไม่ขัดข้อง จึงมีรับสั่งให้แจ้งเจ้าตัวเข้ามาเฝ้าที่เมืองหลวง แล้วก็มีรับสั่งให้ยกกองทัพพลห้าหมื่นไปช่วยยวดซิมอ๋อง ที่เขาเชียชองหลิมเป็นการด่วน

ฝ่ายยวดซิมอ๋องคิดจะนัดรบกับคุดตงเสง ให้รู้แพ้ชนะกันโดยไม่ต้องเปลืองไพร่พล จึงให้ม้าใช้ไปบอกนางแบ๊ลวนเองและลิวซูให้ยกกองทัพจากเขาตังเพาซัว มาช่วยอีกแรงหนึ่ง เมื่อพร้อมแล้วก็นัดให้คุดตงเสงยกทหารลงจากเขามารบสู้กันให้เด็ดขาดไป

ในการรบครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้ใช้อาวุธวิเศษ เข้าทำร้ายกันหลายชนิด จนฬ่อเสง ต้องได้รับบาดเจ็บ พอดีกองทัพของตินตงเจียงกุนเดินทางมาถึง จึงรวมกันเข้าเป็นทัพใหญ่ แล้วก็รบกันอีกหลายครั้ง ฝ่ายยวดซิมอ๋องมีทหารเอกมากกว่า จึงสามารถเอาชนะได้ โดยฆ่าทหารเอกของคุดตงเสงตายหมดสิ้น และทหารเลวยอมแพ้วางอาวุธเป็นจำนวนมาก ส่วนเนียบฮวบเสง หนีเอาตัวรอดไป ทิ้งให้คุดตงเสง กับขันทีคนสนิทคือ มีหงวนกับกีก้ำถูกจับไปจำขังไว้ การศึกสงครามก็เสร็จสิ้นลง ยวดซิมอ๋องก็สั่งให้เก็บรวบรวมทรัพย์สิน และเสบียงอาหารของคุดตงเสงไว้ แล้วเผาค่ายที่ชุมนุมบนเขาเชียชองหลิมเสียให้สิ้น จากนั้นก็สั่งให้เลิกทัพ ยกกลับไปเมืองหลวง

ระหว่างทางเมื่อผ่านเมืองใด ก็เขียนหนังสือประกาศให้เจ้าเมืองกรมการ ตรวจตราระวังรักษาอย่าให้เกิดโจรผู้ร้ายขึ้นได้ เมื่อถึงเขาตังเพาซัวก็ตั้งค่ายพัก ตรวจดูทหารที่ล้มตายไปประมาณสองพัน ก็เอาเงินทองสิ่งของแจกจ่ายเป็นบำเหน็จรางวัลแก่นายและพลทหาร ตามสมควรแก่ความชอบมากน้อย

ขณะที่พักอยู่นั้นก็มีหญิงแก่ พาบุตรสาวคนหนึ่งมาหายวดซิมอ๋อง นายทหารก็พาเข้ามาคุกเข่าลงคำนับ ยวดซิมอ๋องถามว่ามาหาด้วยธุระอะไร หญิงแก่ผู้นั้นก็บอกว่า

“………ท่านลืมข้าพเจ้าเสียแล้วหรือ บุตรข้าพเจ้าคนนี้ชื่อนางเองหงอ ที่ท่านได้อุปถัมภ์แย่งชิงจากเตงกวางไว้เมื่อครั้งก่อน จึงได้มีความสุขต่อมา ข้าพเจ้าได้ทำสัตย์สาบานไว้ว่า นางเองหงอนี้จะยกให้เป็นสิทธิ์แก่ท่าน จึงได้เที่ยวติดตามมาหา ขอท่านจงรับไว้ใช้สอยเถิดจะได้สิ้นห่วงในข้าพเจ้า……..”

ยวดซิมอ๋องก็ระลึกได้ว่า เมื่อครั้งที่ยังชื่อแบ๊จุ้นอยู่เมืองลกเอียงกุ้ย ซึ่งขึ้นกับเมืองฮุนหนำ ได้เคยวิวาทกับเตงกวางบุตรของเตงป้าซึ่งเป็นคนพาล ช่วยเอานางเองหงอบุตรของนางเฮงสีซึ่งถูกฉุดคร่าไปให้พ้นภัย โดยชกเตงกวางถึงแก่ความตาย ต้องหนีไปอยู่ที่เขาตงหงซัวแดนเมืองฮู่ก๊วง และสาบานเป็นพี่น้องกับเจียะยุโฮ ส่วนนางเฮงสีกับบุตรสาวก็พากันหนีไปอีกทางหนึ่ง เป็นเวลานานเพิ่งจะมาพบกันวันนี้

ยวดซิมอ๋องก็นึกว่าหญิงคนนี้มีความสัตย์สุจริต อุตส่าห์รักษาตัวคอยท่าตนอยู่ได้ถึงเพียงนี้ จึงว่าท่านมีเมตตายกบุตรสาวให้นั้นขอรับไว้ แล้วจึงพานางเฮงสีกับนางหงอเองไปมอบให้นางแบ๊ลวนเองดูแล บอกว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใดจะได้แต่งงาน อยู่กินด้วยกันตามประเพณี นางแบ๊ลวนเองก็รับสองแม่ลูกไว้ในกองทัพ เมื่อเดินทางต่อมาได้อีกหนึ่งเดือนก็ถึงเมืองเซียงอาน

ยวดซิมอ๋องก็ให้หยุดทัพ ตั้งค่ายพักอยู่ห่างเมืองประมาณยี่สิบลี้ แล้วให้ลิวซูทำหนังสือบอกข้อราชการ ซึ่งมีชัยชนะแก่ข้าศึกจับคุดตงเสงกับสองขันทีคู่ใจได้นั้น ให้คักหลินถือไปมอบให้ลิวบ๋ายนำขึ้นถวายฮ่องเต้ พระเจ้าบู๊ฮั่นได้ทราบความก็ดีพระทัย รับสั่งให้คักฮุนเหลงกับซือแบ๊เซียงหยู คุมเงินทองสิ่งของออกไปรับยวดซิมอ๋องและพรรคพวกเข้ามาในเมือง ยวดซิมอ๋องก็มีความยินดี รับเงินทองสิ่งของแจกจ่ายให้แก่ทหารเอกทหารเลวถ้วนหน้า แล้วก็พาลิวซูนางแบ๊ลวนเอง กับเชลยทั้งสามคนเข้าเฝ้าฮ่องเต้

พระเจ้าบู๊ฮั่นฮ่องเต้ก็ตรัสไต่ถามถึงข้อราชการ ศึกสงครามตามธรรมเนียม แล้วรับสั่งว่า

“……….ท่านยังกำลังเหน็ดเหนื่อยอยู่ จงไปหยุดพักให้สบายก่อนเถิด ได้ฤกษ์ดีเมื่อไรจึงจะแต่งการให้ลิวซูกับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน แต่คุดตงเสงมีหงวนกีก้ำนั้น ให้เอาไปจำขังไว้ ณ คุกก่อน…….”

ลิวซูก็กลับไปบ้านลิวบ๋ายผู้บิดา ยวดซิมอ๋องกับนางแบ๊ลวนเองกลับมาถึงค่าย ก็สั่งให้บรรดาทหารที่มาจากหัวเมืองนั้น แยกย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าตามเดิม แล้วยวดซิมอ๋องกับพรรคพวกก็พากันเข้าไปพักอยู่ที่กงก๊วน ในเมืองหลวง

รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งทั้งหมดก็เข้าไปเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกัน ฮ่องเต้จึงตรัสถามยวดซิมอ๋องว่า การศึกสงครามครั้งนี้ ผู้ใดมีความชอบบ้าง ยวดซิมอ๋องก็เอาบัญชีถวายให้ทอดพระเนตร ฮ่องเต้มีรับสั่งให้หาตัวนายทหารที่มีความชอบเหล่านั้น แล้วแต่งตั้งให้มียศศักดิ์สูงขึ้นตามความชอบ แล้วตรัสกับยวดซิมอ๋องว่า

“…….ท่านมีความชอบแก่แผ่นดินมาก การบ้านเมืองและทหารนั้น มอบให้อยู่ในอำนาจท่านตามแต่จะบังคับบัญชาว่ากล่าว ช่วยทำนุบำรุงให้ราษฎรไพร่บ้านพลเมืองมีความสุขสบายด้วยเถิด……..”

ยวดซิมอ๋องก็คุกเข่าลงกราบถวายบังคมทูลว่า

“…….ข้าพเจ้าจะสนองพระเดชพระคุณ ไปตามกำลังและสติปัญญา กว่าจะหาชีวิตไม่……”

ฮ่องเต้ก็มีพระทัยยินดี รับสั่งตั้งให้นางเองหงอเป็นที่ อิดปินฮูหยิน ตั้งนางลิวเอ๋งภรรยาน้อยลิวซูเป็นที่ งีเลียดฮูหยิน แล้วตรัสแก่ลิวซูว่า ให้แต่งการอยู่กินกับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ ราชธิดาเสียก่อน แล้วจึงค่อยอยู่กับนางลิวเอ๋ง ลิวซูก็คุกเข่าลงกราบถวายบังคมรับตามรับสั่ง

แล้วฮ่องเต้ก็ตั้งให้คักหลินเป็นที่ ไซเพงเฮาขุนนางนายทหารเอก ซือแบ๊เซียงหยูจึงกราบทูลขึ้นว่า ตนมีบุตรหญิงคนหนึ่งชื่อนางเชงหลัน จะยกให้เป็นภรรยาคักหลิน ฮ่องเต้ก็เห็นชอบด้วยจึงรับสั่งตั้งนางเชงหลินเป็นที่ อิดปินฮูหยิน ส่วนทหารเอกคู่ใจของยวดซิมอ๋องนั้น ทรงตั้งเปากังเป็นที่ ตังเพงเฮา ตั้งให้ภรรยาเปากังเป็นที่ อิดปินฮูหยิน ตั้งคิมทิโฮเป็นที่ ปักเพงเฮา ให้นางแบ๊ลวนเองเป็นที่เตงก๊กอ๋องโก๊ว ให้เตียวเตียน ลีหง เตียวเหา แบ๊หยง ฬ่อเซง เจียะยุโฮ ทั้งหกนายเป็นที่ ไต้เจียงกุน ขุนนางนายทหาร ทั้งหมดก็คุกเข่าลงกราบถวายบังคม รับเครื่องยศและตราตั้งพร้อมกัน

ฮ่องเต้จึงตรัสต่อไปอีกว่า แต่บรรดาขุนนางนายทหารที่ไปตายในกลางศึกสงครามครั้งนี้ ถ้าผู้ใดมีบุตรชายอายุสมควรจะทำราชการได้ ก็ให้มารับหน้าที่แทนบิดาต่อไป ถ้ามีแต่บุตรหญิงหรือบุตรชายยังเยาว์อยู่ ก็ให้ได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือนตามที่บิดาได้รับมาแต่ก่อน

อวยหยงบุตรอวยแซให้เป็นที่ไต้เจียงกุน ขุนนางนายทหารแทนบิดา ยวดซิมอ๋องก็กราบทูลว่าแปะป้าผู้รักษาการเจ้าเมืองเตงฮงกุ้ย ซึ่งช่วยทำศึกมีความชอบตายในที่รบ ฮ่องเต้ก็เลื่อนให้เป็นอ๋อง และให้อาลักษณ์ทำป้ายปักไว้ที่ฝังศพแปะป้า

ซือแบ๊เซียงหยูก็กราบทูลว่า พวกขุนนางกังฉินซึ่งยวดซิมอ๋องจับมาได้นั้น จะโปรดประการใด ฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้พนักงานเอาไปประจานรอบเมือง แล้วให้ตัดศรีษะเสีย พนักงานก็คุมนักโทษทั้งสามไปทำตามรับสั่ง

ครั้นถึงวันขึ้นห้าค่ำเดือนเจ็ด เป็นวันฤกษ์ดี พระเจ้าบู๊ฮั่นฮ่องเต้ก็รับสั่งให้จัดการ แต่งงานพระราชทานแก่ทหารเอกทั้งสี่นาย คือ ลิวซูกับนางตกเอี๋ยงกงจู๊ภรรยาใหญ่และนางลิวเอ๋งภรรยาน้อย ยวดซิมอ๋องกับนางเองหงอ คักหลินกับนางเชงหลัน คิมทิโฮกับนางแบ๊ลวนเอง เป็นพิธีหลวง และมีรับสั่งให้พนักงานชาวคลังจัดเงินทองสิ่งของที่มีราคา มาพระราชทานให้ตามสมควรทุกคน แล้วตรัสให้พรว่า

“…..ท่านจงสามัคคีรส รักใคร่ถนอมน้ำใจอย่าให้แตกร้าว จะได้ช่วยป้องกันระงับภัยอันตรายซึ่งจะเกิดขึ้นในแผ่นดิน ขอให้มีความสุขสวัสดีเจริญเถิด “

ทหารกล้าทั้งสี่นายคือ แบ๊จุ้น ลิวซู คักหลิน และเปากัง ก็รับราชการในแผ่นดินฮั่นต่อไปอีกนาน จนพระเจ้าฮั่นบู๊ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ.๔๔๖ หลังจากที่ครองราชสมบัติมาได้ ห้าสิบสี่ปี

เรื่องราวของสี่สหายแห่งฮ่อหนำ จากเกร็ดพงศาวดารจีนเรื่องไต้ฮั่นจึงยุติลงแต่เพียงเท่านี้.

##########

ฟ้าหม่น วารสารของทหารม้า
กันยายน ๒๕๕๑

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 16:52:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com