Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เหยียบเมืองหลวง ติดต่อทีมงาน

ทหารเสือแผ่นดินถัง

ตอนที่ ๗ เหยียบเมืองหลวง

“ เล่าเซี่ยงชุน “

ฝ่าย กัวะซองจิว แม่ทัพของ ฮ่องเฉา หัวหน้ากบฏที่ตั้งตัวเป็น พระเจ้ากิมถองฮ่องเต้ ยึดครองเมืองเชียงอานอยู่นั้น เมื่อแตกทัพจากแม่น้ำอึงหอ จนถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน ก็รีบลงเรือข้ามแม่น้ำไป ในเวลานั้นเองก็แลเห็น หลีซุนเฮ้า กับทหารอีกไม่ถึงยี่สิบคน เข้าตีและยึดค่ายของพวกตนที่ริมฝั่งแม่น้ำได้ ก็มีความสดุ้งตกใจกลัวยิ่งนัก คิดว่าเราได้ความลำบากพาทหารมาล้มตายเสียครั้งนี้ ก็เพราะเชื่อ เตียชวน ผู้เดียว พอเรือเข้าถึงฝั่งก็รีบขึ้นบกเข้าไปในเมืองเชียงอาน แล้วแจ้งความกับฮ่องเฉาว่า

“……….ข้าพเจ้ายกกองทัพไปตั้งรักษาอยู่ที่แม่น้ำอึงหอนั้น ได้สู้รบกับกองทัพ หลีจีนอ๋อง เจ้าเมืองซาถอกับกองทัพยี่สิบเจ็ดหัวเมืองเป็นหลายครั้ง เม่งเจาะไฮ้ แพแปะโฮ้ ปันฮวนหลัง ก็เสียทัพตัวตายที่ตำบลฮ่องตงฮู้ทั้งสามนาย แล้วหลีจีนอ๋องให้หลีซุนเฮ้าบุตรเลี้ยงที่สิบสาม เป็นที่ปวยฮ้อเจียงกุน ยกมารบกับกองทัพข้าพเจ้าเป็นหลายครั้ง ได้สู้รบขับเคี่ยวกันเสียนายทหารถึงสี่คน แล้วเตียชวนตั้งค่ายกลศึกกระบวนพิชียสงคราม เจ็ดสิบสองค่าย หลีซุนเฮ้าเข้าตีค่าย ฆ่าเตียชวนตาย ทหารในกองทัพแตกตื่นเสียที รวบรวมกันไม่ติด บัดนี้หลีซุนเฮ้าก็ยกติดตามมาถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน…………”

ฮ่องเฉาได้ฟังดังนั้นก็ตกใจตลึงไป แล้วก็สั่งให้นายทหารกะเกณฑ์กันขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้จงกวดขัน เวลาพรุ่งนี้จึงจะให้ประชุมขุนนาง มาปรึกษาการซึ่งจะสู้รบกับข้าศึกต่อไป

ฝ่าย หลีซุนเฮ้า กับพวกสิบเจ็ดคน ได้อาหารกินอิ่มบริบูรณ์แล้ว จึงสืบถามคนที่ริมแม่น้ำได้ความว่า กัวะซองจิวได้ลงเรือข้ามฟากไปแล้ว หลีซุนเฮ้าได้แจ้งดังนั้นก็รีบไปถอยเรือชาวบ้านมา แล้วจูงม้าลงเรือข้ามฟากขึ้นฝั่งได้ ก็พาพรรคพวกเดินทางไปตามถนน จนเข้าประตูเมือง ก็หารู้ว่าเป็นเมืองใดไม่ คิดสำคัญว่าเป็นเมืองเล็กน้อย ที่กัวะซองจิวหนีเข้าไปอาศัยหลบซ่อนอยู่ แต่เดินไปตามถนนก็เห็นตึกและเก๋งบ้านช่องหนาแน่น งดงามกว่าที่เคยเห็นบ้านเมืองมาแต่ก่อน ถามทหารก็ไม่มีใครเคยไปมาทางนี้เลย หลีซุนเฮ้าจึงถามราษฎรที่เดินไปมาตามถนนว่าเมืองนี้ชื่อใดและผู้ใดเป็นเจ้าเมืองอยู่ ราษฎรก็ว่า

“………ท่านนี้มาแต่ไหนไม่รู้จักเมืองเชียงอานคือเมืองหลวง ฮ่องเฉาเจ้าแผ่นดินไต้ฉีเป็นเจ้าครอบครองอยู่……….”

หลีซุนเฮ้ากับทหารทั้งปวงแจ้งดังนั้นก็สดุ้งใจ จึงปรึกษากันว่าเราพากันล่วงเข้ามาถึงในเมืองแล้ว เป็นที่คับขันนัก ถ้าทหารชาวเมืองล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์ ก็จะพากันตายเสียสิ้น จำจะต้องหลบหลีกไปเสียให้พ้น พอดีเห็นที่แห่งหนึ่งมีฉางข้าวใหญ่ ตั้งเรียงรายกันไปหลายหลัง หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“……….ตัวเราเป็นชายชาติทหาร ได้หลงล่วงเข้ามาถึงในเมืองข้าศึกแล้ว จำเราจะทำการให้ชื่อเสียงปรากฎไว้………”

แล้วก็สั่งให้ทหารทั้งสิบเจ็ดคนหาเชื้อเพลิงมาเผาฉางข้าวเหล่านั้น ทหารก็ตกใจจึงว่า ทำการขึ้นดังนี้แล้วจะหนีเล็ดลอดออกไปได้หรือ หลีซุนเฮ้าก็ว่าถ้าเราเผาฉางข้าวไฟไหม้ขึ้น คนในเมืองก็จะตกใจแตกตื่นวุ่นวายกัน เราจึงค่อยปลอมเป็นชาวเมืองหนีออกไปได้ง่าย ดีกว่าออกไปเป็นปกติ ปรึกษาตกลงกันแล้วก็จุดไฟเผาฉางข้าวติดไหม้ขึ้น เวลานั้นลมก็พัดกล้าไฟก็ลุกลามควันมืดคลุ้มกลบขึ้นไป หลีซุนเฮ้ากับพวกก็หลีกเลี่ยงหนีออกจากประตูเมือง ไปพักอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเปาเหลงชวน

ขณะนั้นฮ่องเฉากำลังปรึกษาราชการอยู่กับขุนนาง พอได้ยินระฆังและกลองที่ตี บอกสำคัญว่าเกิดเพลิงไหม้ จึงลุกขึ้นมาดูเห็นควันไฟกลุ้มกลบอากาศขึ้นไปตรงที่ตั้งฉางข้าว พอดีมีผู้วิ่งเข้ามาบอกว่า หลีซุนเฮ้าลอบเข้ามาเอาไฟเผาฉางข้าวทั้งสิบเอ็ดหลังแล้ว ฮ่องเฉาก็ตกใจจึงให้ ฮ่องกุย น้องชายคุมทหารรักษาพระองค์สามพัน ออกไปจับตัวหลีซุนเฮ้ามาให้ได้ แต่เมื่อ ฮ่องกุยไปถึงฉางข้าว ก็หาเห็นตัวหลีซุนเฮาไม่ จึงให้ทหารแยกย้ายกันไปสั่งนายประตู ให้ปิดประตูไว้ให้มั่นคงอย่าให้ผู้คนเข้าออก แล้วก็เร่งให้ทหารช่วยดับเพลิงที่ลุกลามไปตามบ้านเรือนราษฎรจนสงบลง แล้วให้ทหารเที่ยวค้นหาผู้คนแปลกปลอมทั่วทั้งเมือง และประกาศแก่ราษฎรว่า ผู้ใดเห็นคนแปลกปลอมซ่อนเร้นอยู่ที่แห่งใด ให้รีบมาบอกโดยเร็ว ถ้าผู้ใดบิดบังไว้จะเอาโทษถึงตายทั้งครัวเรือน แต่ปิดประตูเมืองค้นหาอยู่ถึงสองวันก็ไม่พบ

ฝ่าย หลีจีนอ๋อง กับเจ้าเมืองยี่สิบเจ็ดเมือง ตั้งค่ายอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำอึงหอฟากตะวันตก แจ้งความว่าหลีซุนเฮ้าตีกระบวนค่ายกลของกัวะซองจิวแตกแล้ว ฆ่าฟันทหารกัวะจิวซอง ล้มตายเป็นอันมาก แต่กัวะซองจิวหนีไปได้ และหลีซุนเฮ้าไล่ติดตามไปกับทหารประมาณยี่สิบสามคน หลายวันแล้วไม่เห็นกลับมา ก็มีความวิตกเป็นอันมาก จิวเต๊กอุย ที่ปรึกษาจึงว่าครั้งนี้ข้าศึกก็แตกไปสิ้นแล้ว ควรท่านจะยกกองทัพใหญ่ รีบรัดตามหลีซุนเฮ้าไปโดยเร็ว ถ้าหลีซุนเฮ้าไม่เป็นอันตรายก็คงจะได้พบกัน หลีจีนอ๋องก็สั่งให้ยกกองทัพใหญ่ข้ามแม่น้ำอึงหอ เดินทางไปจนถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน จึงให้ตั้งค่ายเรียงรายกันไปตามริมฝั่งแม่น้ำ คอยฟังข่าวอยู่

ฝ่ายหลีซุนเฮ้าพาพรรคพวกหนีออกจากเมืองเชียงอาน เที่ยวซุ่มซ่อนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเปาเหลงชวน เห็นหลีจีนอ๋องยกทัพมาถึงแล้ว ก็เข้าไปคำนับหลีจีนอ๋องและเล่าความที่ตนได้ทำไป ให้ฟังทุกประการ เจ้าเมืองและนายทัพนายกองทั้งหลายได้ฟัง ก็เห็นเป็นอัศจรรย์นัก หลีจีนอ๋องจึงว่า

“……..เจ้านี้มีฝีมือ ใจก็องอาจกล้าหาญเป็นที่ยิ่ง ถึงทหารเอกแต่โบราณมา ก็หามีผู้ใดเสมอเจ้าไม่…….”

ว่าแล้วก็สั่งให้ยกโต๊ะมาเลี้ยงหลีซุนเฮ้า และนายทหารที่ไปด้วยกันทั้งสิบเจ็ดคน กับให้บำเหน็จรางวัลเป็นอันมากทุกตัวคน

ฝ่ายฮ่องเฉาต้องถูกเผาฉางข้าวเสียหาย และค้นคว้าจับตัวหลีซุนเฮ้าหาได้ไม่ ก็มีความแค้นเคืองเสียใจเป็นอันมาก ครั้นแจ้งว่าหลีจีนอ๋องยกทัพใหญ่มาถึงแขวงเปาเหลงชวนแล้ว จึงปรึกษากับขุนนางนายทหาร ว่าจะสู้รบข้าศึกรักษาเมืองได้ประการใด กัวะซองจิวจึงว่าเมื่อหลีจีนอ๋องยกกองทัพมาตั้งอยู่ที่แม่น้ำอึงหอนั้น เอาแต่เสพสุรามัวเมาไปทั้งกลางวันกลางคืน การศึกนั้นมอบให้เป็นธุระหลีซุนเฮ้าผู้เดียว บัดนี้ยกมาตั้งถึงแม่น้ำเปาเหลงชวนแล้ว ไม่เห็นกองทัพผู้ใดออกไปสู้รบ ก็คงจะมีใจกำเริบเสพสุรามัวเมาไปดังนั้นอีก ควรจะจัดกองทัพออกไปปล้นค่ายในเวลากลางคืน ก็คงจะได้ชัยชนะ

ฮ่องเฉาก็ว่าซึ่งเราได้บ้านเมืองนี้ ก็เพราะสติปัญญาท่านทั้งหลาย ช่วยคิดอ่านอุดหนุน บัดนี้ท่านเห็นควรประการใด ก็ต้องประพฤติตาม แล้วสั่งให้จัดทหารสิบหมื่นพร้อมด้วยเครื่องศาตราวุธ จะยกออกไปตีค่ายหลีจีนอ๋องด้วยตนเอง พอได้ฤกษ์ฮ่องเฉาก็แต่งตัวอย่างกษัตริย์ ขึ้นม้าถืออาวุธยกกองทัพออกจากเมืองเชียงอาน เดินทางมาได้ประมาณสี่สิบลี้ ก็ให้ตั้งค่ายพักทหารอยู่ที่นั้น แต่นายทัพนายกองคัดค้านว่าเรายกมา หมายจะเข้าตีปล้นค่ายข้าศึกไม่ให้ทันรู้ตัว แต่จะให้หยุดพักทหารเสียนั้น จะมิป่วยการไปหรือ ฮ่องเฉาก็เห็นด้วยจึงให้เดินทางต่อไปจนถึงแม่น้ำเปาเหลงชวน

ทางด้านหลีจีนอ๋องกำลังนั่งกินโต๊ะเสพสุรา อยู่กับนายทัพนายกองพร้อมหน้าในค่าย เห็นเสาธงสำหรับแม่ทัพนั้นโยกเอนไปเอนมาถึงสามหน โดยไม่มีลมพัดมาเลย เห็นเป็นอัศจรรย์ จึงถามจิวเต๊กอุยว่าจะมีเหตุร้ายดีประการใด จิวเต๊กอุยพิเคราะห์ดูยามตามตำรับพิชัยสงครามแล้วจึงบอกว่าค่ำวันนี้เห็นจะมีกองทัพมาปล้นค่ายเรา หลีจีนอ๋องก็ปรึกษาว่าจะคิดประการใด จิวเต๊กอุยก็ว่า

“…….เห็นพระมหากษัตริย์แผ่นดินถัง ยังจะมีบุญยืนยาวอยู่ ฮ่องเฉาคงจะปราชัยพ่ายแพ้เป็นแน่…….”

หลีจีนอ๋องจึงว่า

“………ท่านเป็นผู้รู้การฤกษ์บนและฤกษ์ล่าง ชำนิชำนาญในการพิชัยสงคราม จงถืออาญาสิทธิ์เป็นแม่ทัพแทนเราเถิด เมื่อเห็นการเป็นประการใด จะได้จัดแจงไปให้ถูกต้อง ตามควร บุตรเราทั้งสิบสามคน และนายทัพนายกอง เรามอบให้อยู่ในอำนาจท่านทั้งสิ้น เมื่อผู้ใดไม่ทำตามบังคับบัญชาก็ให้ตัดศรีษะเสีย ตามกฎหมายอาญาสิทธิ์………”

จิวเต๊กอุยรับกระบี่อาญาสิทธิ์และตราแม่ทัพแล้ว ก็สั่งให้ หลีซือหงวน บุตรหลีจีนอ๋องคนโต และนายทหารอีกหกนาย ยกทหารกองละสิบหมื่นไปตั้งซุ่มอยู่ทางทิศเหนือ ตะวันออก และตะวันตก ส่วนในค่ายเหลือไว้แต่ม้าผอมใช้ราชการไม่ได้ ผูกกระพรวนกระดึงไว้ทุกตัว และให้ผูกแพะไว้กับกลองและไม้ตีกลอง เมื่อม้าหรือแพะดิ้นรนก็จะมีเสียงดังอยู่ตลอดเวลา

หลีซุนเฮ้านั่งฟังอยู่ไม่เห็นจิวเต๊กอุยใช้สอย ก็เข้าไปคำนับแล้วถามว่า

“……ท่านจัดแจงการ ใช้นายทัพนายกองไปสิ้นแล้ว ตัวข้าพเจ้านี้ท่านจะให้ไปอยู่แห่งใดเล่า………”

จิวเต๊กอุยก็ว่า

“……..เราก็คิดจะใช้ท่านอยู่ แต่กลัวว่าท่านจะจับฮ่องเฉาไม่ได้ ด้วยท่านมีกำลังและฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญก็จริง แต่ชั้นเชิงในอุบายการกลศึกนั้น กลัวแต่จะไม่ตรึกตรอง เราคิดดังนี้จึงได้งดรอไว้ ท่านอย่าได้มีความโทมนัสน้อยใจเลย…….”
หลีซุนเฮ้าจึงว่า

“………..ครั้งนี้ข้าพเจ้าจะอาสาจับฮ่องเฉาให้จงได้ ถ้าไม่ได้ก็จะยอมให้ศรีษะ ข้าพเจ้าแทน……..”

จิวเต๊กอุยจึงว่า

“……..ท่านพูดสัญญาแม่นยำดังนี้แล้ว เราก็จะมอบนายทหารหกคน กับทหารเสือให้สามพันคน ท่านจงยกไปตั้งซุ่มอยู่ตามริมทาง ซึ่งกองทัพจะยกออกมาจากเมืองเชียงอาน คอยจับตัวฮ่องเฉาให้จงได้ ถึงไม่ได้ตัวได้แต่ศรีษะมา ก็ดีกว่าได้แม่ทัพนายกองและทหารอื่น ๆ สักร้อยคนพันคน……..”

หลีซุนเฮ้าก็คำนับลาจิวเต๊กอุยพาทหารไปตามคำสั่งนั้น แต่จะได้ตัวฮ่องเต้ฝ่ายกบฏหรือไม่ ก็คงจะต้องรอให้ค่ำมืดลงเสียก่อน.

##########

วารสารฟ้าหม่น
พฤศจิกายน ๒๕๔๔

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 55 07:40:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com