Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฮ่องเต้ยอดชั่ว (๓) ติดต่อทีมงาน

ฮ่องเต้ยอดชั่ว (๓)

ตอนที่ ๑๗ แม่ทัพผู้ด้อยวาสนา

“ เล่าเซี่ยงชุน “

เมื่อจูอิวฉองได้ฆ่าจูอิวกุยผู้พี่ ซึ่งฆ่าพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ผู้บิดา ตายตกไปตามกันแล้ว ก็กลับออกมาข้างหน้า ให้หาขุนนางและนายทหารมาพร้อมกัน แล้วก็เล่าความซึ่งเกิดฆ่าฟันกันให้ฟังทุกประการ กับสั่งให้เจ้าพนักงานเอาหีบมาใส่ศพทั้งสองไปฝังเสีย ตามยศทั้งสองศพ

ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยก็ปรึกษาเห็นพร้อมกัน เชิญจูอิวฉองขึ้นเป็นฮ่องเต้ครองราชสมบัติสืบต่อไป และถวายพระนามว่า พระเจ้าเคียนฮวย ฮ่องเต้องค์ใหม่ก็ตั้งซีฮองเฮาพระราชมารดาเป็นฮองไทเฮา แล้วทำหนังสือรับสั่งบอกเหตุการณ์ซึ่งเกิดวุ่นวาย จนพระเจ้าเหลียงไทโจ๊สิ้นพระชนม์ ไปถึงเฮ่งง่วนเจียง เมื่อทราบความแล้วเฮ่งง่วนเจียงก็เสียใจมีความเศร้าโศกเป็นอันมาก แต่ก็ยังคงทำศึกกับหลีลูอ๋องต่อไป

ฝ่ายหลีลูอ๋องได้ทราบข่าว ความวุ่นวายในเมืองเปียนเหลียงแล้ว ก็พูดกับนายทัพนายกองว่า จูอุนตายแล้ว การที่จะทำศึกต่อไปนั้นเห็นเราจะได้ชัยชนะ ขุนนางนายทหารก็ว่า

“……..ธรรมดาผู้ซึ่งเป็นกบฏคิดทรยศต่อเจ้านายของตัวแล้ว ถึงจะได้ดีก็หามีความเจริญอยู่นานไม่ ด้วยฟ้าและดินไม่เข้าด้วยคนผิด จึงเผอิญให้ลูกฆ่าพ่อตาย แล้วน้องฆ่าพี่ตายซ้ำลงอีก ก็เพราะด้วยเหตุจะให้เห็นประจักษ์แก่คนทั้งหลาย ซึ่งจูอิวฉองได้เป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นแทนนั้น จะอยู่ไปได้สักกี่วัน ก็คงจะเป็นอันตรายตายตามกันไปเอง เห็นไม่ช้าหรอกการศึกก็จะสำเร็จ เราท่านทั้งหลายก็จะได้กลับไปหาบุตรภรรยา……..”

หลีลูอ๋องก็ว่า

“……..ตัวเหลียงอ๋องตายแล้ว จูอิวฉองก็ได้เป็นเจ้าแทน ขุนนางที่มีสติปัญญาและฝีมือเข้มแข็งก็ยังมีอยู่ อย่าเพ่อประมาทก่อน ต่อเมื่อไรเรากำจัดเฮ่งง่วนเจียงได้แล้ว จึงค่อย ดีใจ…….”

และการก็เป็นดังว่า เมื่อหลีอิวกิมเจ้าเมืองไต้ท่อง ส่งซือเกียนถัง นายทหารเอกคุมพลสองหมื่นมาช่วย กับกอเฮงจิวบุตรของกอซือกี่นายทหารของหลีจีนอ๋องที่ถูกฆ่าตาย ก็พาพรรคพวกมาสมัครกับหลีลูอ๋อง และเจียะเกงถังเจ้าเมืองฮัวไซ กับเล่าตี๋เอียนเจ้าเมืองทองไถ ก็ได้ยกกองทัพมาช่วยอีกด้วย ทั้งสี่คนนี้เป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็งทั้งสิ้น และได้ช่วยหลีลูอ๋องล้อมรบ จนเฮ่งง่วนเจียงได้รับบาดเจ็บ ไปจนมุมอยู่ในช่องเขา จึงแหงนหน้าขึ้นดูบนอากาศแล้วร้องว่า

“………เทพยดาไม่โปรดเราแล้ว จึงให้เสียกลอุบายข้าศึก ตัวเราเกิดมาเป็นชายชาติทหาร หาควรที่จะให้ตายด้วยคมอาวุธผู้อื่นไม่……..”

แล้วก็ชักกระบี่เชือดคอตายอยู่ในที่นั้นเอง กองทัพของเมืองเปียนเหลียงก็แตกพ่ายยับเยินไปจนหมดสิ้น หลีลูอ๋องก็ยกกองทัพเข้าไปตั้งค่ายประชิดเมืองเปียนเหลียง รอเวลาที่จะเข้าตีหักเอาเมืองให้ได้

แต่บังเอิญหลีลูอ๋องก็เกิดป่วยไข้หนัก ถึงแก่ความตายเสียก่อน หลีซือหงวนกับหลีซุนหยกบุตรของหลีจีนอ๋องที่เหลืออยู่สองคน จึงเป็นแม่ทัพช่วยว่ากล่าวบังคับบัญชาการงานแทนต่อไป

ฝ่ายพระเจ้าเคียนฮวยเมื่อได้ทรงทราบว่า เฮ่งง่วนเจียงแม่ทัพของเมืองเปียนเหลียง ถึงแก่ความตายและข้าศึกได้ยกมาล้อมเมืองไว้แล้ว ก็ตกพระทัยกลัวยิ่งนัก ให้หาขุนนางมาประชุมปรึกษาว่า การครั้งนี้จวนตัวอยู่แล้ว จะมีผู้ใดอาสาออกไปสู้ศึกบ้าง ขุนนางผู้ใหญ่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินก็ว่า

“……..ข้าพเจ้าระลึกถึงพระคุณพระเจ้าเหลียงไทโจ๊ และพระองค์เป็นอันมาก ด้วยทรงพระกรุณาวางพระทัย ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ครั้งนี้ภัยก็จวนจะถึงอยู่แล้ว โดยว่าขงเบ้งกลับเป็นขึ้นมาก็หาคิดรักษาเมืองไว้ได้ไม่ ข้าพเจ้าจะขอกราบถวายบังคมลา กระทำตัวให้ตายเสียก่อน หายอมเป็นข้าแผ่นดินถังไม่……..”

ฮ่องเต้ก็ทรงพระกรรแสงสะอึกสะอื้นไปเป็นอันมาก แม้มีพระญาติวงศ์จะขออาสาออกสู้รบ ก็ตรัสว่าอย่าออกไปเลย ช่วยกันรักษาเมืองให้มั่นไว้เถิด แล้วมีรับสั่งเกณฑ์ราษฎรมา สมทบกับทหาร ขึ้นประจำรักษาหน้าที่เชิงเทินให้มั่นคงขึ้น

เมื่อข้าศึกล้อมเมืองไว้หลายวัน พระเจ้าเคียนฮวยก็ทรงพระวิตกหวาดหวั่นไปว่า พระญาติวงศ์และขุนนางจะเอาใจออกห่าง จับพระองค์ส่งให้ข้าศึก เห็นผู้ใดมีกิริยาผิดประหลาด ก็ให้ทหารจับตัวไปฆ่าเสีย ขุนนางและไพร่บ้านพลเมืองก็มีความกลัวร้อนรนด้วยภัย ซึ่งจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตเกิดขึ้นทั้งนอกเมืองและในเมือง จึงประชุมปรึกษากันว่า บ้านเมืองครั้งนี้ไหน ๆ ก็คงจะเสียแก่ข้าศึก จะมาทนให้พระเจ้าเคียนฮวยจับไปฆ่าเล่นเสียทุกวันดังนี้ หาควรไม่ ขุนนางและราษฎรก็พากันเข้าไปในพระราชวัง ไล่จับพระเจ้าเคียนฮวยได้ ก็ตัดศรีษะเปิดประตูเมืองออกไปให้แม่ทัพข้าศึก

หลีชุนหยกกับหลีซือหงวน ก็ยกกองทัพเข้าไปตั้งในเมือง แล้วให้เที่ยวสืบเสาะจับญาติวงศ์ของจูอุนฆ่าเสียสิ้น เมื่อปราบปรามราษฎรเรียบร้อยเป็นปกติแล้ว จึงประชุมพร้อมกันปรึกษาว่า เชื้อวงศ์ของพระเจ้าถังเจียวจงก็ถูกจูอุนฆ่าเสียสิ้นแล้ว ครั้งนี้เจ้าแผ่นดินหามีไม่ ควรจะยกบุตรหลีจีนอ๋องขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดิน แต่หลีซือหงวนผู้เป็นบุตรใหญ่ก็เป็นบุตรเลี้ยง หลีชุนหยกนั้นเป็นบุตรตัวของหลีจีนอ๋อง สมควรเป็นเจ้าแผ่นดินสืบวงซ์ถังต่อไป

ครั้นปรึกษาพร้อมกันแล้ว ถึงวันฤกษ์ดีก็ตั้งการปราบดาภิเษก ยกชุนหยกขึ้นเป็นกษัตริย์ครองราชสมบัติในเมืองเปียนเหลียง ถวายพระนามว่า พระเจ้าจังจงฮ่องเต้ แล้วทรงแต่งตั้งหลีซือหงวนผู้พี่ ให้เป็นที่มหาอุปราชว่าราชการแผ่นดิน กองทัพหัวเมืองที่ยกมาช่วยนั้นก็พระราชทานบำเหน็จรางวัล ให้ตามสมควรแก่ความชอบ แล้วให้กลับไปรักษาบ้านเมืองอยู่ตามเดิม แต่เมืองลูจิวนั้นให้หลีซองคอ บุตรหลีซือหงวนไปเป็นเจ้าเมือง

อยู่มาก็มีขุนนางผู้เฒ่ากราบทูลพระเจ้าจังจงฮ่องเต้ว่า

“………เมืองเปียนเหลียงนี้ชัยภูมิไม่ดี ชะตาร้ายแรง ด้วยพระเจ้าถังเจียวจงเสด็จมาอยู่ก็ไม่สักกี่วัน จูอุนก็ฆ่าเสีย จูอุนจูอิวฉองพ่อลูกได้เป็นกษัตริย์ขึ้น ก็ต้องตายด้วยคมอาวุธทั้งสองคน เป็นการอัปมงคลดังนี้ หาควรจะตั้งเป็นเมืองหลวงไม่ ข้าพเจ้าเห็นว่าที่เมืองลกเอี๋ยงนั้น เป็นที่ชัยภูมิดีแม่น้ำก็ใหญ่และลึกซึ้ง เรือลูกค้าวานิชที่ใหญ่ ๆ ก็ไปมาค้าขายได้สะดวก ที่ไร่ นาเรือกสวนก็มีมาก ขอให้พระองค์ไปสร้างที่ลกเอี๋ยงเป็นเมืองหลวง เสด็จไปอยู่เห็นจะดีกว่าอยู่ที่เมืองเปียนเหลียง…..”

พระเจ้าจังจงฮ่องเต้ได้ทรงฟังดังนั้นก็ตรัสว่า

“………เราพึ่งตีบ้านเมืองได้ใหม่ ๆ ไพร่พลทหารยังบอบช้ำ ทรัพย์สมบัติเงินทองก็มีน้อย ไม่พอใช้จะไปสร้างเมืองขึ้นในเวลานี้ จะได้ความลำบากนักดอกกระมัง แต่ครั้งนี้ท่านเป็นผู้ใหญ่มาว่า เป็นความรังเกียจอยู่แล้ว ก็จะต้องทำตาม ให้ทำแต่ที่วังกับกำแพงชั้นใน พออาศัยอยู่ก่อน กำแพงชั้นนอกซึ่งจะทำใหญ่โตมั่นคงนั้นจึงค่อยคิดทำต่อไป……..”

แล้วฮ่องเต้ก็มีรับสั่งให้ขุนนางคุมไพร่พล ไปสร้างพระราชวังขึ้นในแขวงลกเอี๋ยง แล้วก็เสด็จไปอยู่เมืองที่สร้างใหม่ ตั้งข้าหลวงเดิมที่รักใคร่มาแต่ก่อน ให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่สำเร็จราชการบ้านเมือง มียศศักดิ์เสมอกันสามคน ส่วนขุนนางที่มีบำเหน็จความชอบ ได้ทำสงครามมาแต่ครั้งหลีจีนอ่องนั้น หาได้แต่งตั้งชุบเลี้ยงขึ้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ไม่ ด้วยทรงพระดำริว่าจะเป็นที่ขัดขวางแก่พระองค์ ส่วนขุนนางที่ตั้งใหม่นี้เป็นคนประจบประแจงไม่ขัดใจเจ้านาย ราชการแผ่นดินสิ่งใดมีมา ทั้งสามก็ปรึกษากันบังคับบัญชาไปตามปัญญาของตัว หาถูกต้องตาขนบธรรมเนียมไม่

ส่วนฮ่องเต้ก็ไม่เอาพระทัยใส่ในราชการ เพลิดเพลินไปด้วยการเล่นกับสตรี ฟังขับร้องและเล่นงิ้วเต้นรำไปต่าง ๆ แต่แรกนั้นพระองค์ทรงฟังเสียงขับร้องและดูเต้นรำ ครั้นสนุกสนานเพลิดเพลินเข้า พระองค์ก็ทรงเขียนหน้าออกท่างิ้ว เล่นปะปนไปกับนางงิ้วทั้งปวง

นางงิ้วคนหนึ่งชื่อนางหลีทีเอ๋ เป็นคนเต้นงิ้วดีกว่าคนทั้งโรง ฮ่องเต้อยากจะให้เขาชมว่าออกงิ้วดีบ้าง ก็เอาเสื้อนางงิ้วมาใส่แล้วผัดหน้าทำกิริยาเป็นนางเอกออกมาเล่น นางหลีทีเอ๋เห็นฮ่องเต้ออกท่านางชิงดีกว่าตัวก็โกรธ จึงเข้าตบเอาฮ่องเต้ที่พระพักตร์ว่าทำท่าทางไม่ดี ฮ่องเต้ก็หาทรงขัดเคืองไม่ นึกว่าเหมือนครูตีลูกศิษย์

บางวันฮ่องเต้เสด็จออกขุนนาง พวกนางงิ้วและนางมโหรีก็ออกมาล้อเลียนขุนนางเล่นเป็นการสนุก ขุนนางที่เป็นคนคะนองเห็นผู้หญิงออกมาล้อเลียนก็มีความยินดี ขุนนางที่ใจมั่นคงก็มีความโทมนัส ถ้อยความสิ่งใดเกิดขึ้น ถ้าผู้ใดเข้าเสียสินบนเดินเหินให้นางงิ้ว และนางมโหรีกราบทูลความเรื่องนั้น ฮ่องเต้ก็ตัดสินไปผิด ๆ ถูก ๆ ไปตามความประสงค์ของผู้นั้น บางทีฮ่องเต้ก็พานางงิ้วกับพวกทหาร ออกไปเที่ยวยิงนกเล่น ก็ไปเหยียบย่ำข้าวในนาของราษฎรเสียหายเนือง ๆ ส่วนการในเมืองครั้งนั้นก็โลเลไม่เป็นเรื่อง

ขณะนั้นมีนายทหารเก่าของหลีจีนอ๋อง เห็นพระเจ้าจังจงฮ่องเต้ประพฤติการไม่เป็นเรื่อง จึงคิดส้องสุมผู้คนฝึกหัดเพลงอาวุธตั้งมั่นอยู่ในเมืองเงียบเสีย ตระเตรียมกองทัพจะยกมากำจัดพระเจ้าจังจงฮ่องเต้ เมื่อฮ่องเต้ได้ทรงทราบก็มีรับสั่งให้หลีซือหงวนคุมทหารห้าหมื่นออกไปปราบปรามให้สิ้นเสี้ยนหนาม แต่เมื่อหลีซือหงวนยกทหารมาถึงเมืองเงียบเสีย ก็มีนายทหารเก่าเข้ามาสามิภักดิ์เป็นอันมาก ต่างก็ว่า

“……..ข้าพเจ้าทั้งหลายนี้ได้ทำราชการมากับท่านกว่าสิบปี ก็หามียศศักดิ์เหมือนเขาไม่ จึงได้พากันออกไปเที่ยวทำมาหากินอยู่ตามบ้านป่า ได้ทราบความว่าพระเจ้าจังจงฮ่องเต้ ให้ท่านยกกองทัพมาปราบปราม แล้วให้ฆ่าทหารพวกนี้เสียให้สิ้น ไม่เหลือแต่สักคนหนึ่ง ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นว่าพระเจ้าจังจงฮ่องเต้ได้เป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นแล้ว ไม่เอาใจใส่ในราชการ ประพฤติแต่การเล่นหาประโยชน์มิได้ จึงคิดอ่านซ่องสุมทแกล้วทหารไว้ หมายจะช่วยทำนุบำรุงเชื้อวงศ์แผ่นดินถัง ให้มีความเจริญต่อไป ไม่ได้เป็นกบฏต่อแผ่นดิน จะคิดกำจัดคนชั่วคนร้าย ซึ่งจะทำให้แผ่นดินเป็นอันตรายเสีย บัดนี้ตัวท่านก็เป็น แม่ทัพออกมาเสียจากเมืองหลวงแล้ว พวกข้าพเจ้าทั้งหลายจะยกท่านขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดิน ไม่สมัครจะอยู่ในอำนาจหลีชุนหยกซึ่งเป็นจังจงฮ่องเต้……..”

หลีซือหงวนเห็นนายทหารเก่า ๆ ที่เคยใช้สอยแต่ก่อน มาพูดจาดังนั้นก็มีความสงสารกลั้นน้ำตาไม่ได้ ก็เอาชายเสื้อปิดหน้าร้องไห้อยู่บนหลังม้า แล้วว่า

“……..ตัวเรานี้ถึงเป็นผู้ใหญ่มีอายุมากก็จริง แต่วาสนาน้อย จึงได้ยอมสาบานเป็นขุนนางในพระเจ้าจังจงฮ่องเต้ ซึ่งท่านทั้งปวงจะให้เรากลับคิดประทุษร้ายต่อพระเจ้าจังจงฮ่องเต้นั้น เรายอมไม่ได้……..”

พวกนายทหารจึงว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายนี้ เห็นพร้อมใจกันแล้ว ถึงท่านจะไม่ยอมก็ไม่ฟัง หลีซือหงวนเห็นนายทหารเหล่านั้นพูดจาข่มขี่ ทำกิริยาฮึกหาญ ก็เหลียวหน้าม้ามาถามนายทหารในกองทัพของตนว่า ผู้ใดจะรับอาสาออกสู้รบกับคนเหล่านี้ได้บ้าง นายทหารและทหารเลวต่างก็ว่า พวกตนเห็นชอบด้วยถ้อยคำของพวกเหล่านั้น จะออกไปสู้รบฆ่าฟันเขาได้อย่างไร

หลีซือหงวนก็จนปัญญาเพราะไพร่พลของตน ก็เข้าเป็นพวกเดียวกับพวกที่มาใหม่หมดแล้ว ไม่รู้ที่จะขัดขืนอย่างใดต่อไป.

#########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 07:29:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com