ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีค่ะ :) อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจมากนะคะ นับว่า คุณ จข.กท. เป็นคนที่มีความกตัญญูกตเวทีดีมากคนหนึ่งค่ะ ลองถามคุณพ่อคุณแม่ของคุณสักคำถามหนึ่ง ว่า ท่านรักลูกบ้างไหม ??? ถ้าท่านรักลูก...ท่านต้องทานยาและทำตามที่หมอแนะนำ...เพื่อจะได้หายป่วย และจะได้อยู่กับลูกของท่านให้นานๆ ... ตัวคุณเองจะต้องเข้มแข็งให้มากๆ นะคะ...เพราะเราจะต้องเป็นหลักของครอบครัวต่อไป ดิฉันเองก็ดูแลคุณแม่ที่อายุมากแล้ว และมีโรคประจำตัวหลายอย่างเช่นกันค่ะ ทุกวันนี้...ก็เป็นคนจัดยาให้ท่านทาน..และเป็นคนควบคุมเรื่องอาหารการกินด้วยค่ะ ท่านต้องทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง... ดิฉันขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้คุณนะคะ (ขอมอบเพลง หนึ่งกำลังใจ ให้คุณฟังแก้เซ็งเนาะ) จากคุณ : แสนดีมณีจันทร์ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 04:35:06

ความคิดเห็นที่ 2 ดิฉันเคยไอ นาน 3 เดือน ไปนอนโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง ปรากฏว่า....ทางโรงพยาบาลใช้ยาแก้ไอ รักษาโรคไอเรื้อรังแล้วหายไอได้ คือยาแก้ไอไบโซลว่อน ชนิดเม็ด ราคาแผงละประมาณ 40 บาทค่ะ ยาอมสมุนไพรมะแว๊ง ใช้อมแก้ไอ ราคาซองละ 10 บาทนะคะ หาซื้อง่ายตามร้านขายยาทั่วไปค่ะ (มีตัวอย่างภาพซองยา) ถ้าคุณมีเวลาว่าง...ลองเข้าไปอ่านเรื่องราวดีดีของเด็กคนนี้ดูนะคะ http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M11714156/M11714156.html และลองเปิดกระทู้นี้...ให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณ ได้อ่านวิธีออกกำลังกาย เผื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้ http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M11714181/M11714181.html ขอให้คุณพ่อคุณแม่ของคุณหายป่วยโดยเร็วนะคะ แล้วอย่าลืมแวะมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ สวัสดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 07:26:00 จากคุณ : แสนดีมณีจันทร์ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 04:42:54

ความคิดเห็นที่ 3 ลองหามะเฟืองสุกมาให้กิน คนละลูก เผื่อจะถูกโรคกัน จากคุณ : ลุงอ่ำ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 06:56:29

ความคิดเห็นที่ 4  ชื่นชมคุณค่ะ...บ่นเพราะห่วงใยท่าน บางที่ท่านมีอาการดังนั้น...คงเป็นเพราะเรียกร้องอยากให้คุณอยู่ใกล้ๆ ลองพาท่านไปเที่ยวริมทะเลบ้างสิคะ...เผื่ออาการดีขึ้น หรือ...ให้ข้อแม้ท่านว่า....ถ้าพ่อ-แม่ ร่างกายแข็งแรง จะได้อยู่ด้วยกันไปนานๆ ได้ท่องเที่ยว  ทานอาหารอร่อยๆ ด้วยกัน บ้านเรามีประสบการณ์มาแล้ว แม่ไม่สบาย ขอไปนอน รพ.แทบทุกปี ท่านชอบใจ..เพราะลูกๆ หลานๆ มาเยี่ยมกันเต็มห้องค่ะ อีกทั้งคุณหมอก็เอาใจเหลือเกิน หายกังวลนะคะ จากคุณ : @NBC เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 07:40:42

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าเพิ่งนึกว่ามี จขกท.คนเดียว ที่เจอปัญหานี้ คนเฒ่าตนแก่ที่บ้านผม ก็เจ้าปัญหาแบบนี้เหมือนกัน แถมดื้ออีกด้วย หากไปแนะนำในสิ่งที่ขัดใจแก อาการของโรคแบบนี้ เป็นอาการเรื้อรังครับ รักษาเท่าไหร่ๆ ก็ไม่หายขาด เพียงแค่อาการทุเลาลงเท่านั้น และยาที่หมอจัดให้ กินทีละหลายๆ เม็ดก็เบื่อ แถมมีอาการทางจิตใจ พาลหงุดหงิดใส่คนรอบข้างอีกด้วย สำหรับยาสมุนไพรหรือยาตามตำราผีบอกทั้งหลายแหล่นั้น ผมไม่แนะนำให้ซื้อหรอกครับ อาจมีตัวยาบางตัวที่รักษาอาการของโรคด้วย แต่ให้ผลช้า ทางผู้ผลิตมักนำเข้าสารสเตียรอยด์ เพื่อเร่งผลให้เร็วขึ้น แต่มีปัญหาข้างเคียงมากมาย ทำให้ร่างกายผู้ป่วยยิ่งทรุดลงไปด้วยผลข้างเคียง แต่ผู้จำหน่ายยาได้กำไรเหนาะๆ ไปแล้ว สำหรับผลไม้แก้อาการระคายคอ และอาการไอนั้น สมควรจัดหาให้ทานเพิ่มเติม จะเป็นประโยชน์มากครับ คนแก่ที่บ้านผม พอให้ยามากๆ เข้า แกไม่อยากกินยา อ้างว่าปากจืด และไม่ยอมรับอาหารไปด้วย พอเพลียก็นอนบนเตียง ไม่อยากลุกไปไหน หนักเข้า กลายเป็นแผลกดทับ ปอดมีอาการติดเชื้อ แถมมีอาการขาดสารอาหารอย่างแรง ต้องพาไปส่งหมอรักษากันวุ่นวาย และใช้วิธีให้อาหารทางสายยางจนบัดนี้ อาการถึงค่อยยังชั่ว ท้ายสุด ลูกหลานมีมติลงทุนส่งต่อไปยังสถานดูแลผู้สูงอายุรับไปจัดการ ซึ่งมีความพร้อมมากกว่า ทั้งผู้ดูแลและการส่งตัวเข้าโรงพยาบาลได้ทันทีหากมีอาการทรุดลง แล้วตัวเองไปเยี่ยมสัปดาห์ละหน สองหน ค่อยหายอาการเครียดไปได้บ้าง จากคุณ : owl2 เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 08:10:26

ความคิดเห็นที่ 6 เข้าใจและเห็นใจอย่างสุดซึ้งเลยครับ  เพราะ...ผมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ผมเหลือแม่คนเดียว  ดื้อที่สุดในสามโลก เพราะเคยเป็นอาจารย์ จึงดื้อแบบนักวิชาการไงครับ...พาไปหาหมอ พอหลับมา บอกว่า "ชั้นไม่กินหรอกนะยา ให้มาเยอแยะ ชั้นแข็งแรงจะตาย" วันไหนผมลืมกลัวนรก ผมก็สวนกลับไปว่า "งั้นไม่ต้องมาหาหมออีกแล้วกันนะ เปลืองเงิน ก็แข็งแรงไง" แม่ตอบว่า "ก็มาเสียหน่อย เดี๋ยวเป็นมากแล้วหมอเขาไม่รักษา"  งงโค่ดๆ ในกรณีของคุณ ผมขอแนะนำนะครับ  ว่าต้องรักษาทั้งตัวคุณ และพ่อแม่.....ถ้าท่านเป็นคนโบราณเชื่อเรื่องพระเรื่องการรักษาแบบโบราณ คุณอาจจะต้องลองหาวัดที่เขารัก๋ษาได้จริงๆน่าเชื่อถือ และชวนท่านไป ถือโอกาสทำบุญ และเที่ยวไปในตัว คือหาจุดที่จะสามารถร่วมกันได้ เช่นชวนไปทำบุญไกลหน่อย และแวะทานข้าว ตัวคุณก็น่าจะได้ผ่อนคลาย หรือชวนไปรักษาแบบสมุนไพร บางทีเราก็ต้องหาวิธีที่จะอยู่ร่วมกันได้ และคุณเองก็จะไม่ทุกข์ใจจนเกินไป จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 10:43:01

ความคิดเห็นที่ 7 ช่องว่างระหว่างวัย... พ่อแม่ แก่เฒ่า ลูกต้องทำงาน การรักษาตัว ยากเต็มที  ใครที่ดำรงค์สภาวะครอบครัวใหญ่ มีคนหลายวัย ทั้งใกล้เคียงกัน และอ่อนวัยกว่า ก็อาศัยการจุนเจือ ช่วยเหลือกันในครอบครัว ถ้าเป็นครอบครัวเล็ก แต่มีการติดต่อกันในชุมชนที่ดีและเข้มแข็ง ก็อาศัยพลังในชุมชน ที่ช่วยเหลือกัน แต่เมื่อเป็นครอบครัวเดี่ยว  มีพ่ด แม่ ลูก ไม่กี่คน พลังของครอบตรัว ก็น้อย ถ้ามีกำลังทรัพย์มากพอ ก็อาศัย ศูนย์ดูแล ว่าจ้างกันไป ตามฐานะ แต่ถ้าเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ก็จะเป็นภาระ  ทำให้ ผู้ใหญ่ ขาดโอกาสใน การรักษาพยาบาล ด้วยเรื่อง เงิน เวลา กำลังใจ.. มีผู้ป่วยหลายราย..ที่ทรุดหนัก ทั้งๆ ที่ มีสวัสดิการรักษาพยาบาล ฟรี เพราะท่านเหล่านี้ เกรงใจลูกหลาน กลัวเป็นภาระ รักษาสมุนไพรที่มี ราคาแพงกว่า ไม่ครงต่อโรคที่เป็นทำให้กำเริบ จนในที่สุด หมดโอกาส ในการรักษา เพราะหนักเกินกว่า การรักษาพยาบาลจะทำได้ ชั่งน้ำหนักดูนะคะ... จากคุณ : nupvs เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 10:52:56

ความคิดเห็นที่ 8 ความเชื่อ...เป็นสิ่งที่เปลี่ยนยาก โดยเฉพาะความเชื่อของผู้สูงวัย และยิ่งจะมาให้เชื่อลูกๆหลานๆแล้วเป็นอะไรที่ยากยิ่งกว่า จากประสบการณ์คิดว่าอาจจะต้องหาคนคุยกับท่านเพื่อปรับความคิด พฤติกรรม นำมาซึ่งการดูแลตัวเอง เพราะถ้าจำเป็นต้องรักษาแต่ไม่กินยานี่อันตราย ที่สำคัญ..มีบ่นอยากตายบ่อยๆ คนที่สบายใจดีคงไม่บ่นคำๆนี้ออกมา ยังงัยลองคุณคุยกับคุณหมอที่รักษาโรคของท่านอยู่บ้างก็ดีนะคะ จากคุณ : สมองและหัวใจไม่เดินไปด้วยกัน เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 12:37:55

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นใจครับ สู้ๆครับ ถ้าพ่อแม่ ปฏิเสธยาแผนปัจจุบัน ผมว่าคุณน่าจะลองหายาสมุนไพร ที่เป็นตำหรับยาแผนโบราณ หรือพวกยาจีน มาให้ท่าน น่าจะพอช่วยได้บ้างนะครับ ส่วนการปรนนิบัติพ่อแม่ คุณทำในสิ่งที่ดีแล้ว ท่านบ่น ว่าอะไร ก็อย่าเอามาใส่ใจครับ นึกถึงตอนเรายังเด็ก เรางอแงยังไง พ่อแม่เคยบ่นเราบ้างไหม เขาก็เลี้ยงเรามาอยู่ดี จากคุณ : คุณชายไร้รัก เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 12:51:56

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีค่ะคุณ6_packอย่าท้อแท้เลยนะคะ...ในการดูแลพ่อแม่...ขอตัดข้อความบางตอนของคุณSerene_Angelicเอามาให้อ่านไว้เป็นกำลังใจค่ะ.... "เราต้องมีสติปัญญา เมตตา กรุณา ขันติ เป็นคุณธรรมประจำใจ เป็นโอกาสที่เราจะสร้างคุณงามความดี และเข้าใจธรรม ทำได้ดี ทำได้มากเท่าไร ก็เท่ากับเราก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม แล้วในที่สุดจะรู้สึกขอบคุณพ่อแม่ ที่เป็นแบบฝึกหัดให้แก่เราได้พัฒนาจิตใจ..." ตัวครูอ้วนเองก็ดูแลแม่เหมือนกันค่ะ...ท่านก็อายุมากแล้วค่ะ...ดูแลทุกเรื่องเช่นกันบางครั้งก็โดนแม่บ่น...แต่ก็เข้าใจว่าท่านกำลังทุกข์ไม่สบายใจ...พยายามช่วยเหลือท่านเท่าที่เราจะทำได้...เพื่อให้ท่านสบายใจค่ะ...เป็นกำลังใจให้นะคะ...สู้ สู้ จากคุณ : ครูอ้วน (beautiful teacher) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 14:03:41

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านกระทู้นี้แล้ว เห็นใจ จขกท.เป็นที่สุดเลย เพราะสภาวะการณ์เช่นนี้ใครเจอเข้าก็คงจะทนทานได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม เราเป็นลูกก็ต้องดูแลท่านทั้งสองให้ดีดี ใคร่ขอถามว่าท่านทั้งสอง(คุณพ่อและคุณแม่)อายุเท่าไรแล้ว ทำไมท่านทั้งสองจึงมีความเชื่อแบบที่ จขกท.เล่ามา เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ผมเข้มแข็ง และพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น ครอบครัวของผมเล็ก อยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก ผมมีปณิธานมานานแล้วว่าจะอยู่แบบไม่ทำความเดือดร้อนให้คนในครอบครัว พยายามพึ่งตนเองให้มาก เช่น ไปโรงพยาบาลเอง ทานยาตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่เชื่ออะไรๆในสิ่งที่ขาดเหตุผล วันนี้ผมก็อายุ 73 ปีแล้ว เดือนเกิดพฤษภาคมนี้ ก็จะย่างขึ้น 74 ปี ก็จะพยายามพึ่งตนเองให้มากที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท.ครับ จากคุณ : หนุ่มร้อยปี เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 15:49:29

ความคิดเห็นที่ 12 555  อ่านแล้ว เหตุการณ์คุ้นๆ บังคับท่านไปแหละคะ  จัดยาให้เป็นมื้อ  พอถึงเวลาก็เที่ยวบังคับให้กิน  เค้าจะ ด่า ด่า ด่า  และแม้จะมีประโยคฮิต " อย่ามายุ่งกะ guu"  ก็ต้องบังคับให้กินอยู่ดีคะ "เรื่องเล่าสะท้อนชีวิต  คุ้นๆอีกแล้วแฮ่ะ" เรื่องดื้ออ่ะ เป็นที่สุด  ไม่รู้ ไม่ฟัง  อย่ามายุ่ง  เป็นปกติ เราหวังดี ก็ด่า ก็ว่า   อยากให้เข้าใจจริงๆ  ในฐานะลูกคนนึง  ก็อยากให้แม่แข็งแรงๆ อยู่นานๆ เน้อออ    จบข่าว... จากคุณ : nongnew2000 เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 18:09:13

ความคิดเห็นที่ 13 ลองหาคนรุ่นเดียวกัน  เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่   ยิ่งได้ญาติผู้ใหญ่ที่เป็นคุณหมอ  หรือ คนที่เคยป่วยแล้วหายแล้ว ก็ยิ่งดี   พามาโน้มน้าวครับ ดูท่าทางแล้ว ตัว จขกท คนเดียว รับมือไม่ไหวแน่ๆ ต้องหากำลังเสริมครับ จากคุณ : ไฟลามทุ่ง เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:42:00