 |
เคยติดไว้เรื่องยมคิปปูร์ ว่าแล้วก็วกเข้ามาต่อเรื่องยมคิปปูร์
เคยได้ยินเรื่องสงครามยมคิปปูร์ใช่ไหมล่ะ ทำไม๊ อาหรับจึงต้องเลือกรุมสกัมยิวตอนยมคิปปูร์ พี่แกเข้าใจเลือกวันได้ดีจริงๆ เนื่องจากวันนี้ยิวทั่วโลกจะอ่อนระโหยโรยแรง กันมากที่่สู้ดดดด
ยมคิปปูร์ เป็นคล้ายๆโอกาสสุดท้ายของปีที่จะได้ทำการอ้อนวอนต่อะระเจ้าให้ท่านยกโทษให้ ก่อนที่จะถูกตัดสินชะตาชีวิตในวันปีใหม่ ว่าชะตาชีวิตจะเป็นเช่นไรต่อไปในปีหน้า
วันนี้อย่างที่บอก เริ่มกันที่เอเรฟ คักเช่นเคย อาหารการกินจะทำมาอย่างมหาศาลมาก เพราะต้องกินกันแบบยัดทะนานเลยทีเดียว เพราะต่อจากนั้นจะไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่ล้างหน้า ถูฟัน ต่อไปอีก 25 ชั่วโมง จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคือ เริ่มกินก่อนห้าหกโมงเย็น และในยมคิปปูร์นี้ก็จะต่างจากเทศกาลอื่นคือ ก่อนกินไม่มีพิธีสวดใดๆทั้งสิ้น อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วมานั่งตั้งหน้าตั้งตากินกันอย่างเดียว ครอบครัวป้าเรียกว่วากินกันจนท้องกาง เป่งเต่งกันเป็นชูชกไปถ้วนหน้า จากนั้นก็แยกย้ายไปนอน ไปเอน ก็ตามสบาย
หลังจากกินอิ่มในมื้อเย็นนั้นแล้ว ก็แยกย้ายกันไปหลุมใครหลุมมัน เจอกันอีกทีตอนสายๆ ก็กินเข้าไปเสียขนาดนั้นแล้วก็นอนเลย ต้องตื่นสายอยู่แล้ว ต่อให้ตื่นมาก็ต้องพยายามข่มตาให้หลับคาเตียง จะได้ไม่ต้องคิดเรื่องกินเป็นเวลาทั้งสิ้นยี่่สิบห้าชั่วโมง
ในวันนี้ห้ามดูหนัง ทีวีใดๆทั้งสิ้น ถึงเปิดทีวีก็ไม่มีอะไรให้ดู เพราะช่องเคเบิ้ลมันเล่นปิดล๊อค พร้อมใจกันจริงๆ เซ็งมาก ยมคิปปูร์ รถราจะไม่วิ่งกันทั้งประเทศ อิสเรียล จริงๆนะจะบอกให้ แต่จะได้รับการยกเว้นคือรถพยาบาล รับคนป่วย อะไรเงี้ยวิ่งได้ ส่วนบางทีถ้ารถวิ่งในบางหมู่บ้าน ระวังจะโดนปาด้วยก้อนหิน และเนื่องจากรถไม่วิ่งนี่เอง ถนนหนทางเลยโล่ง เด็กเล็กก็จะพากันมาเดินเล่น ขี่จักรยาน หรือเล่นโรลเลอร์เบรด บนท้องถนนได้อย่างเสรี จะเอาผ้าไปปูนอนบนถนนเสียให้รู้แล้วรู้รอดสาสมกับความสะใจที่ทั้งปีแม่ห้ามน้องหนูเข้าใกล้ถนน อันนี้ก็มิมีใครว่า
เด็กอายุต่ำกว่า 13 หรือเด็กที่ยังไม่เคยผ่านการทำพิธี บา/บัท มิสวา ไม่ต้องอดอาหาร คนแก่ คนป่วย คนท้อง ไม่ต้องอดอาหาร ( คนไม่ใช่ยิว หรือ ยิวไม่เคร่ง ก็ไม่อดอาหาร แต่ถ้าบังอาจจัดบาร์บีคิวในบ้าน ให้กลิ่นมันเย้ายวนเพื่อนบ้านเล่นๆ หรือ เดินกินนอกบ้านให้ชาวบ้านเห็น ก็อาจโดนด่าประจานได้นะ ต้องเกรงใจกันนิดนึง ) ส่วนป้า อดมันทุกปี สนุกดี ยี่สิบห้าชั่วโมงไม่ตายหรอก
ช่วงมาถึงอิสเรียลใหม่ๆ ยังเอ๋ออยู่ มาถึงแล้วสักสองอาทิตย์ ก็ยมคิปปูร์เลย บ้านที่ไปอยู่กับเขาก็เป็นยิว ต้องอด เราก็อ้าว ต้องอดตาม เขาไม่ได้บังคับนะ จะกินก็กินได้แต่ว่าให้ไปแอบกินในห้อง แต่ก็อดตามเขาไปนั่นล่ะ
หลังจากผ่านหนึ่งคืนของยมคิปปูร์แล้ว ตอนเช้าเป็นอย่างไร ( อดตั้งแต่เมื่อวานก่อนห้าโมงเย็น จนถึงหกโมงเย็นของอีกวัน ) ตอนเช้า คนส่วนมากที่อดอาหารก็จะตื่นกันตะวันสายโด่ง ตื่นมาก็สะโหลสะเหล เพราะขาดการดื่มน้ำ จากนั้นก็จะงัดเอาเกมส์เด็กน้อย เกมส์เศรษฐีมาเล่นกัน หัวหงอกหัวดำ นั่งเล่นร่วมกัน เพราะถือว่าเป็นการฆ่าเวลาให้ผ่านไปไวๆ ( แต่ไม่จริงอะ ช้าเหมือนเดิม ) ห้ามดูทีวี ห้ามเล่นคอม ห้ามใส่เสื้อผ้าอะไรที่เป็นหนัง จากหนัง ใส่แต่ผ้า ข้อนี้เพื่อมิให้คำนึงถึงความสวย ( ก็หนังมันทำจากหนังสัตว์ มันก็เหมือนการทำบาปที่ต้องใส่หนังไง)
ครั้นเมื่อใกล้ครบเวลายีสิบห้าชั่วโมง ก็แทบจะนับเข็ม นับเวลา ถามกันว่าอีกกี่นาที่วะจึงจะกินได้ ถามแมร่ง ทุกๆ สิบนาที (ส่วนมากเวลายมคิปปูร์ จะกลับไปที่บ้านพระบิดาของสามี ไปอดร่วมกัน ทุกปี ) อีน้องชายตัวดี ถามแมร่งทุกห้านาที ป้าก็บอกว่า ยิ่งเมิงถามมากเวลามันก็ไม่ได้ผ่านไปไวขึ้นหรอก ว่าแล้วป้าก็ถอดเอานาฬิกาจากข้างฝาบ้านโยนให้มันในห้อง แล้วก็บอกว่า เอ้า เอาไปเลย เมิงนั่งจ้องเข็มไว้อย่ากระพริบตานะ ทีนี้จะได้รู้ว่ามันเหลือกี่นาทีเมิงจึงจะแดรกได้ ไม่ต้องตะโกนถามมาก กรูรำคาญ น้องชายได้แต่มองค้อน ไม่มีแรงด่ากลับ เพราะมันหมดแรง อิอิ
หลังจากอดกันมา อาหารมื้อแรกที่จะกินกันที่บ้านพระบิดาของสามี คือแป้งทอดราดช๊อกโกแล๊ต เค้ก น้ำชา เขาบอกว่าเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องจะได้ไม่ปวดท้อง ปีแรกที่ไปร่วมอดกับเขา ป้าช๊อกมาก หิวแทบกินควายได้ จะให้มานั่งกินเค้กจิบน้ำชาในดงผู้ดี ตอนแรกก็กินไปกับเขานิดหน่อย แต่ด้วยความหิวมากจึงเกิดความกล้า ลุกขึ้นกลางวงแล้วบอกว่า ไม่ไหวแล้วโว้ยย ขอโทษนะ ของหวานข้อยกินบ่ได้ มันไม่แหย่พยาธิ ปรสิตในท้องร้องเรียกหาปลาร้า
ว่าแล้วก็ไปคว้าข้าว น้ำพริก เนื้อทอด จานพูน มานั่งกินในดงผู้ดีกับเขาแหล่ะ มองกันอึ้งๆ แต่คงพูดกันไม่ออก เพราะถ้าดูจากหน้าป้าคาดว่าถ้าใครห้ามอาจโดนกินหัวได้ น้องชายกะน้องสาวสามีช๊อคจัด มีแอบนินทาซุบซิบกันเบาๆ แต่ชั้นแอบได้ยิน สองพี่น้องเขาถามกันว่า แม่มม ท้องไส้คนไทยมันทำด้วยอะไรว่ะ แดรกไปได้
หลังจากนั้นถ้าไปอดอาหารยมคิปปูร์ร่วมกับครอบครัวพระบิดา คุณนายแม่จะแอบเตรียมขันโตกสำหรับสาวไทยใจปลาร้าไว้ให้ครบเซ็ต ข้าว และเนื้อ พริกเผ็ด ต้องมีแอบไว้ให้โดยเฉพาะ ก็กินร่วมกะวงน้ำชาผู้ดีเค้าแหล่ะ
ในยมคิปปูร์เนี่ย คนเค้าจะสำนึกความผิดบาป ที่ได้ทำกันมาในปีที่ผ่านมา อาจมีพูดจาขอโทษกัน ป้าก็เห็นพ่อแม่ขอโทษลูก หรือลูกขอโทษพ่อแม่ ถึงในปีที่ผ่านมาว่าอาจมีเผลอพลาดพลั้งไม่ได้ตั้งใจ พูดหรือทำอะไรไป โดยไม่รักษาน้ำใจของอีกฝ่าย แต่เค้าก็ทำหน้าขอโทษกันจริง แบบสำนึกกันจริงจังนั้นแล
ยมคิปปูร์ สำหรับพวกเคร่งศาสนา ตั้งแต่สมัยโบราณบาบิโลนนู่นแหล่ะ เค้าจะทำพิธีล้างบาป เรียกกันว่า
คัปปารอท คือจะเอาไก่สีขาว ผู้ชายใช้ไก่ตัวผู้ ผู้หญิงจะใข้ไก่ตัวเมีย
ตามคัมภีร์ท่อนนี้กล่าวว่า
Some lived in deepest darkness, bound in cruel irons... (Psalms 107:10)
He brought them out of deepest darkness, broke their bonds asunder... (Psalms 107:14). There were fools who suffered for their sinful way, and for their iniquities. All food was loathsome to them: They reached the gates of death. In their adversity they cried to the Lord and He saved them from their troubles. He gave an order and healed them; He delivered them from the pits. Let them praise the Lord for His steadfast love, His wondrous deeds for mankind (Psalms 107:17‑21).
Then He has mercy on him and decreed, "Redeem him from descending to the Pit, For I have obtained his ransom" (Job 33:24).
Then the rooster or hen is whirled above the individual's head three times while the following words are recited: "This is my substitute, my vicarious offering, my atonement. The cock or hen shall meet death, but I shall enjoy a long, pleasant life of peace." (Koltach, Alfred. pg. 239)
ในระหว่างกล่าวก็เอาไก่วนๆเหนือหัวตัวเองสามครั้งหรือเปล่ามากกว่านั้นไม่แน่ใจ ไม่เคยทำ
หลังจากกล่าวคำเหล่านั้นแล้วก็จะฆ่าไก่ แล้วก็กินของใครของมันหรือก็มอบให้คนยากจนต่อไป
เขาใช้ไก่เพราะเชื่อว่าไอ้ความผิดบาปของตนเนี่ย มันจะเข้าไปอยู่ในตัวไก่ ( อันนี้เดี๊ยนไม่เชื่อด้วยหรอก สงสารไก่อะ )
แต่สมัยนี้ น้อยแล้วที่จะใช้ไก่ แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง เนื่องจากว่ามันโหดร้าย เขาก็เปลี่ยนใหม่คือใช้ผ้าขาวห่อเงิน แล้ววนๆสามรอบ แทนไก่เป็นๆ จากนั้นก็เอาเงินนั้นไปทำบุญ อะไรก็ว่ากันไป
พีธีนี้ส่วนมากทำกันหนึ่งวันก่อนยมคิปปูร์ แต่ว่าจะทำกันในช่วงวันปีใหม่ถึงยมคิปปูร์ตอนไหนก็ได้ เพราะว่ายมคิปปูร์จะหลังปีใหม่ยิว นับมาอีกสิบวัน ในช่วงสิบวันนี้แหล่ะ เป็นช่วงไถ่บาป
ยมคิปปูร์เป็นวันล้างบาปของแต่ล่ะคน ถือว่าเป็นวันโฮลี่ แต่ถ้าจะยกให้วันที่โฮลี่ที่สุดของยิว เขาบอกว่าเป็นวัน โรช ฮะชานา หรือว่าวันปีใหม่นั่นเอง
ยมคิปปูร์เป็นวันไถ่บาปที่แต่ละคนอาจทำไปในโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น การอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้ท่านยกโทษให้สำหรับบาปที่ทำไปในโอกาสดังนี้
For the sin that we have committed under stress or through choice; For the sin that we have committed in stubbornness or in error; For the sin that we have committed in the evil meditations of the heart; For the sin that we have committed by word of mouth; For the sin that we have committed through abuse of power; For the sin that we have committed by exploitation of neighbors; For all these sins, O God of forgiveness, bear with us, pardon us, forgive us!
ทีนี้พอจะเห็นภาพรวมหรือยัง ว่าทำไม อาหรับจึงเลือกสอยยิว ในสงครามยมคิปปูร์
จากคุณ |
:
Motek (Motek)
|
เขียนเมื่อ |
:
10 เม.ย. 55 02:57:50
|
|
|
|
 |