Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วายร้ายจนมุม ติดต่อทีมงาน

ย้อนรอยสัพเพเหระคดี

วายร้ายจนมุม


มีรายการทางโทรทัศน์รายการหนึ่ง ให้ชื่อว่าคดีพิศดาร เป็นคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวกับชาวบ้าน ซึ่งอาจจะมีรายละเอียดประหลาดหรือพิศดาร ผิดกับคดีทั่ว ๆ ไปบ้าง มีผู้ชมให้ความสนใจอยู่มาก ว่าที่จริงคดีแบบนี้ก็ไม่ได้มีอยู่แต่ในสมัยปัจจุบันเท่านั้น ความจริงมีมาตั้งนมนานแล้ว อย่างที่จะนำมาเล่านี้ ก็เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๓

เรื่องมีอยู่ว่า ในตอนเช้าตรู่ของวันที่ ๒ ธันวาคม นายร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งความจากนาย ศิริ อายุ ๕๑ ปี ซึ่งเป็นเจ้าของโรงสีข้าว อยู่ใน ตำบลสระแก้ว อำเภอเมือง มีรายละเอียดว่า

เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ตนได้เบิกเงินจำนวนร่วม ๒ ล้านบาท จากธนาคารกรุงเทพ มาเก็บไว้ในตู้เซฟที่บ้าน เพื่อเตรียมไว้รับซื้อข้าวจากชาวนาที่จะนำมาขาย แต่ในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ตนก็ได้ออกจากโรงสีไปร่วมงานวางศิลาฤกษ์เจ้าแม่เทพรักษ์ ในตำบลเดียวกัน ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ครั้นเสร็จพิธีแล้วก็กลับมาบ้าน แต่กว่าจะถึงโรงสีก็เป็นเวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น. ครั้นเปิดตู้เซฟสำรวจดูเงินที่เก็บเอาไว้ ก็ปรากฏว่า ธนบัตรราคาต่าง ๆ ได้อันตรธานไปเป็นจำนวนมาก คำนวณดูแล้วก็เป็นเงินถึง ๑,๓๕๕,๐๐๐ บาท จึงได้นำความมาแจ้งตำรวจในวันรุ่งขึ้น

เมื่อ สารวัตรใหญ่ได้รับทราบ แล้วก็ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน จนได้ความว่าผู้ที่ลักเอาเงินจำนวนนี้ไปนั้น คงจะไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน น่าจะเป็นคนงานในโรงสีนี้เอง เข้าทำนองเกลือเป็นหนอน แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ลงมือจับกุม เพราะยังไม่ทราบว่าผู้ต้องสงสัยเอาเงินไปซุกซ่อนหรือว่าเก็บไว้ที่ไหน จึงได้แต่เฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวไว้เท่านั้น

จนกระทั่งเมื่อเช้าวันนี้เอง ทางโรงสีได้เปิดการสีข้าวตามปกติ พอเดินเครื่องไปได้ครู่ใหญ่ นายศริก็ต้องตกตลึงพรึงเพริด เมื่อปรากฏว่าได้มีธนบัตรใบละ ๕๐๐ และใบละ ๑๐๐๐ บาท ปลิวว่อนออกมาจากปล่องไฟโรงสี ธนบัตรเหล่านั้นส่วนใหญ่จะติดไฟลุกโชติช่วงออกมาราวกับสะเก็ดดาว จึงสั่งให้คนงานทั้งหมดไล่ตามเก็บ พร้อมกับสั่งให้ปิดเครื่องสีข้าวทันที

ในขณะเดียวกันก็ได้มีคนงาน ๔ คน แสดงอาการพิรุธไม่ยอมช่วยเก็บธนบัติ และทำท่าจะหลบหนี นายศริจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ที่บังเอิญอยู่บริเวณนั้นทำการจับกุมไว้ได้ทั้งหมด จากนั้นก็ทำการสำรวจหาเงินที่ยังไม่ไหม้ไฟ จนพบว่าหลงเหลืออยู่ที่ก้นปล่องไฟกองใหญ่ เมื่อนำมารวมกับส่วนที่คนงานวิ่งไล่เก็บมาได้โดยยังไม่ชำรุด นับดูแล้วเป็นเงินเพียง ๖ แสนบาทเท่านั้น นายศิริถึงกับลมใส่ด้วยความเสียดายเงินที่สูญเสียไปเป็นจำนวนมหาศาล

เมื่อผู้ต้องสงสัยทั้ง ๔ คนถูกนำมาสอบสวนที่สถานีตำรวจแล้ว ทั้งหมดก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ว่าพวกตนได้ช่วยกันงัดตู้เซฟของนายศิริ แล้วฉกเอาเงินทั้งหมดไปซุกซ่อนในปล่องไปโรงสี เพื่อรอให้เรื่องเงียบและทางตำรวจไม่สงสัยพวกตนเสียก่อน จึงจะวางแผนขั้นต่อไปด้วยการลาออกจากงาน แล้วขนย้ายเงินหลบหนีไปแบ่งกันต่อไป เพราะนึกไม่ถึงว่านายศิริจะลงมือสีข้าวในระหว่างนี้ แต่เพราะดวงไม่ดีพอที่จะมีเงินล้าน จึงเกิดเหตุให้ของกลางปลิวว่อนออกมาให้จับได้เสียก่อน จึงหนีไม่รอด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป

ส่วนผลคดีจะเป็นอย่างไรนั้น ป่านนี้จำเลยดวงจู๋ทั้งสี่คนก็คงจะสำนึกในบาปที่ตนได้กระทำไปแล้วเป็นแน่นอน

อีกรายหนึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่ห่างกันเท่าไรนัก แต่ระยะทางไกลกันพอใช้ คือเมื่อเวลา ๒๑.๐๐ น. ของวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน น.ส.กัลยา อายุ ๕๒ ปี อาชีขายลอตเตอรี่อยู่ที่ตำบลหัวรอ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดอยุธยา ได้เข้าแจ้งความแก่นายร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเจ้าของท้องที่ มีความว่า

ขณะที่ตนไปช่วยงานที่วิทยาเขตพาณิชย์พระนครศรีอยุธยาอยู่นั้น ได้มีวายร้ายสองคน ได้เข้ามากระชากสร้อยคอทองคำหนักหกสลึง ซึ่งมีจี้ทองคำห้อยอยู่ ขาดติดมือวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตา และหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้ และจะได้สืบจับตัวคนร้ายอย่างกวดขันต่อไป

เวลาล่วงไปสองวัน จนถึงวันที่ ๒๙ เดือนเดียวกัน น.ส.กัลยา ได้นั่งขายลอตเตอรี่อยู่ที่หน้าร้านของตนตามปกติ ก็ได้เห็นคนร้ายสองคนที่ชิงสร้อยไป ซึ่งตนจำหน้าได้ เป็นอย่างดี กำลังจะเดินผ่านไปเข้าร้านทองที่อยู่ใกล้กัน จึงได้แจ้งให้สายตรวจช่วยจับกุมตัวไว้ได้โดยละม่อม แต่เมื่อค้นตัวผู้ต้องหา ก็ไม่พบสร้อยของกลางแต่อย่างใด เพราะปรากฏว่าผู้ต้องหาคนที่กำสร้อยคออยู่ ได้เห็นตำรวจเสียก่อน จึงเอาสร้อยคอใส่ปากกลืนลงท้องไปอย่างไม่ค่อยจะสะดวกนัก

ทางพนักงานสอบสวนกับ น.ส.กัลยา จึงได้พาผู้ต้องหาคนที่มีสร้อยหกสลึงอยู่ในท้อง ไปให้นายแพทย์ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาถ่ายเอกซเรย์ ก็พบว่าสร้อยคอของกลางได้นอนสงบนิ่งอยู่ในกระเพาะอาหารของจำเลยอย่างชัดเจน แพทย์จึงให้จำเลยกินยาถ่าย แล้วให้ เจ้าหน้าที่นำตัวจำเลยกลับมาควบคุมไว้ที่สถานีตำรวจ โดยใส่กุญแจมือติดกับประตูห้องควบคุมด้านนอก และให้จ่านายสิบตำรวจผู้หนึ่ง คอยเฝ้าสังเกตอาการของจำเลยอย่างใกล้ชิด ถ้าจำเลยปวดท้องจะถ่ายอุจจาระก็ให้นำตัวไปถ่ายกลางแจ้งหลังโรงพัก เพื่อนำของกลางมาคืนผู้เสียหาย

พอรุ่งขึ้น น.ส.กัลยา ก็มาสอบถาม เกี่ยวกับสร้อยคอของกลางนั้น คุณจ่าแก ปฏิเสธว่าเมื่อจำเลยถ่ายออกมาแล้ว ก็ไม่มีสร้อยคอเส้นนั้นแต่อย่างใด น.ส.กัลยา จึงแจ้งให้นายร้อยเวรคนเดิมทราบ แล้วพาจำเลยคนเก่าไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลเดิมอีก คราวนี้ไม่ปรากฏว่ามีสายสร้อยในกระเพาะของจำเลยเหมือนคราวก่อน น.ส.กัลยา จึงแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ ตำรวจสถานีนั้นทราบ

ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีสารวัตรปราบปรามเป็นประธาน และรองสารวัตรปราบปรามอีกสองนายเป็นกรรมการ และให้รายงานโดยด่วน

คดีนี้ผู้เสียหายขาดทุนอยู่คนเดียว เพราะแม้จะได้ตัวคนร้ายมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ของกลางคืน เหตุทั้งนี้ก็เพราะตนไม่ได้อยู่คอยเฝ้าจำเลยในเวลาถ่ายทุกข์ จึงไม่เห็นด้วยตาตนเองว่า สร้อยของกลางนั้นหายไปได้อย่างไร จะว่าไฟธาตุของจำเลยแรงมากจนสามารถหลอมทองคำหนักหกสลึงให้ละลาย ปนไปกับอุจจาระหมด ก็ดูจะเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างยิ่ง

แล้วก็ไม่ทราบว่า ป่านนี้จะได้ข้อเท็จจริงกันหรือยัง.

#########

จากคุณ : เจียวต้าย
เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 05:44:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com