ความคิดเห็นที่ 1 ดาวเพดานก็สวยสีสดมาก จนไม่แน่ใจว่าเป็นของเดิม หรือจัดวาดขึ้นมาใหม่ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:27:49

ความคิดเห็นที่ 2 หน้าบันหน้าต่างลายเขียนสีภายในพระอุโบสถ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:28:30

ความคิดเห็นที่ 3 รูปเทวดามาแหวกม่านหมอบกราบเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:29:12

ความคิดเห็นที่ 4 เทวดาแหวกม่านหมอบกราบจะมีสองด้านซ้ายขวา อริยาบถไม่เหมือนกัน จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:29:52

ความคิดเห็นที่ 5 ผนังด้านหน้าพระประธาน ตามขนบจะเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้า ผจญมาร แต่พระอุโบสถนี้กับเขียนภาพทำนองถวายพระไตรปิฏก ไว้เป็นพุทธบูชา ชุดพระวินัย จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:31:04

ความคิดเห็นที่ 6 ชุดพระอภิธรรม ส่วนอีกชุดหนึ่งถ่ายภาพไม่สะดวก เพราะพระรับแขกกันตรงบริเวณนั้นครับ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:32:10

ความคิดเห็นที่ 7 ระหว่างช่องหน้าต่างจะเขียนภาพเทวดา กำลังเสวยทิพยสมบัติ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:33:17

ความคิดเห็นที่ 8 ระหว่างช่องประตู บริเวรที่เป็นบานหลอก ภาพนี้ต้องดูให้ดีๆ สื่อความหมาย และให้ความรู้แก่ภิกษุและหน้าที่ของพระภิกษุ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:35:13

ความคิดเห็นที่ 9 การตีความภาพของผมครับ(คิดเอาเอง) จากสวรรค์ชั้นดุสิตจุติลงมา(ก้อนเมฆ) มาแสวงหาโมกขธรรม(ต้นโพธิทอง) เผยแพร่พระธรรมขจรขจายไป(ดอกไม้ผลิบาน) ตั้งต้นยั่งรากพระธรรมลงสู่พื้นดินอย่างมั่นคง(ภาพลำต้นไม้) จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:36:12

ความคิดเห็นที่ 10 ก่อให้เกิดคณะสงฆ์ ที่รับช่วงไปประพฤฒิประฏิบัติ และในภาพยังให้ความรู้เรื่องหน้าที่ของพระภิกษุ ในการช่วยเหลือตนเองด้วยการสวดมนต์เล่าเรียน ปัดกวาดทั้งภายนอกร่างกายภายในจิตใจ ช่วยเหลือ ผู้อื่นทั้งการแนะนำสั่งสอน เป็นเนื้อนาบุญ การช่วย เหลือทางจิตวิญญาณแม้ผู้นั้นจักตายไปแล้วให้ได้ ทำบุญต่ออายุพระศาสนาด้วยการให้ผ้าผืนสุดท้าย ในชีวิต จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:37:07

ความคิดเห็นที่ 11 ภาพนี้เดาว่าน่าจะหมายถึงผู้ที่ทำบุญแล้วได้ไปบังเกิดเป็นเทวดา กำลังเสวยทิพยสมบัตินั้นคือบุญที่ตนได้ทำเอาไว้ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:38:19

ความคิดเห็นที่ 12 เริ่มจากภาพด้านขวามือภาพเป็นแนวยาวถ่ายครั้งเดียวไม่เต็มภาพ เลยถ่ายแบ่งครึ่งมา เป็นภาพเมืองสีวีนคร ในเรื่องพระเวสสันดร จะดูภาพได้รู้เรื่องก็ต้องรู้เรื่องในอดีตชาติที่สิบก่อนพระพุทธเจ้าจะ มาตรัสรู้ ที่จริงพระพุทธเจ้าท่านเล่าเรื่องก็มิได้ลำดับว่าชาติไหนก่อน ชาติไหนหลัง แต่ก็ยึดเอาว่าพระเวสสันดรเป็นชาติที่สิบ อาจด้วยดู เหมือนว่าบารมีจะเต็มแล้วเพราะถึงขนาดสละลูกเมียทรัพย์สินยศฐา แม้ชีวิตก็สละได้ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:39:09

ความคิดเห็นที่ 13 ในเมืองสีวีนครหรือสีพีท่านให้จนเป็นที่เรื่องลือแต่ปกติท่านให้อะไร ไปของในแบบเดียวกันนั้นก็กลับมาสู่พระนครเป็นเท่าทวีชาวเมือง ก็เลยไม่มีปัญหาอะไรแต่ว่าการให้ช้างคู่บ้านคู่เมืองชาวเมืองรับไม่ได้ เพราะช้างมีแบบนี้เพียงเชือกเดียว เรียกฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล ภาพนี้จึงไปจบลงตรงถูกเนรเทศออกจากเมือง ลูกเมียก็ขอตามเสด็จ แม้แต่รถพระที่นั่งก็ยังมีคนมาตามขอ จนต้องเสด็จพระดำเนินด้วย พระบาท จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:40:29

ความคิดเห็นที่ 14 เริ่มด้วยพระราชดำเนินด้วยพระบาทมาจนถึงเมืองมาตุลนครเป็นเมือง ประเทศราช พระราชาและชาวเมืองต่างพากันมารับเสด็จและทูลเชิญ ให้ขึ้นนั่งเมือง แต่พระองค์ทรงปฏิเสธไม่รับ เพราะทรงประสงค์จะบวช ตัดเรื่องมาที่ชูชกไปทวงเงินที่ฝากไว้ไม่ได้เงินเพราะคนรับฝากเอาไปใช้ หมดแล้ว เลยรับนางอมิตตดาลูกสาวคนรับฝากเงินมาชดใช้แทนเงิน จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:41:47

ความคิดเห็นที่ 15 นางอมิตตดาผู้ที่ได้รับการอบรมกริยามารยาทก็ปฏิบัติพัดวีผัวแก่ชูชกอย่าง ดี ไปหาบน้ำที่ท่าน้ำรวมของหมู่บ้านและซักผ้าอยู่เป็นประจำ ฝ่ายสามีของ หญิงคนอื่นๆในหมู่บ้านก็ยกตัวอย่างนางอมิตตดาให้ภริยาตนทำตามบ้าง จน เกิดทุ้มเถียงตบตีกัน หญิงอื่นๆก็มารุมด่านางอมิตตดา จนนางอมิตตดาไปบอก ให้ชูชกไปหาคนรับใช้เพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องออกไปให้ถูกรุมด่าอีก และนาง ก็แนะนำให้ชูชก ไปขอสองพระกุมารของพระเวสสันดร จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:42:47

ความคิดเห็นที่ 16 ชูชกด้วยรักเมียแม้รู้ว่าอันตรายถึงตายก็เดินทางไปเพื่อขอสองพระกุมาร จนไปเจอ หมาของพรานป่าไล่จนไปจนมุมที่บนต้นไม้ พรานป่าเจตบุตรที่ได้รับหมอบหมาย ให้เฝ้าระวังมิให้ใครไปรบกวนพระเวสสันดร ก็จะฆ่าชูชกแต่ชูชกหลอกว่าเป็นข้า ราชบริพานของพระเวสสันดรจะมาทูลเชิญเสด็จกลับมีกลัก(กลักน้ำพริก)จดหมาย เป็นสำคัญ พรานป่าหลงเชื่อก็บอกทางให้ไปถามพระฤษี ชูชกก็หลอกพระฤษีจนเชื่อ ใจว่าจะไม่ไปรบกวนพระเวสสันดร ฤษีหลงเชื่อก็บอกทางไปป่าหิมพานต์ให้แก่ชูชก จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:43:53

ความคิดเห็นที่ 17 ชูชกมาถึงก็ยังไม่รีบเข้าไปพบพระเวสสันดรด้วยคิดว่าธรรมดาแม่ยอมหวงลูกการ เข้าไปขอตอนนี้น่าจะมีปัญหา พอตอนเช้าพระนางมัททรีก็ออกไปหาผลไม้ในป่า ชูชกก็ออกมาขอสองพระกุมารแต่สองพระกุมารไปซ้อนตัวเสียในสระบัว ภายหลังถึง ยอมออกมาพระเวสสันดรก็ยกให้แก่ชูชก พระนางมัทรีโดนเทวดาแปลงเป็นสัตว์ร้าย มาคอยดักไม่ให้กลับกว่าจะกลับได้ก็เย็นค่ำแล้ว จะไปหาสองพระกุมารที่อาศรมของ พระเวสสันดรก็เกรงจะทำให้การถือบวชของพระเวสันดรต้องเสียไปเพราะตนเป็นเหตุ กว่าจะไปหาได้ก็เช้าของอีกวันพอรู้ความจริงก็ถึงกับสลบไป แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 09:03:01 จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:44:54

ความคิดเห็นที่ 18 ชูชกรับแล้วก็รีบตีไล่ต้อนให้สองพระกุมารรีบเดินด้วยกลัวพระนางมัทรีจะกลับมา ระหว่างอยู่ในป่าตกกลางคืนเทวดาก็แปลงเป็นพระเวสสันดรพระนางมัทรีมาค่อย ขับกล่อมให้สองพระกุมารได้หลับนอน ส่วนชูชกก็หลบไปนอนอยู่บนต้นไม้ ตัดมาทางพระเวสสันดร พระอินทร์กลัวว่าจะมีใครหน้าด้านมาขอพระนางมัทรีอีก และต้องการให้บารมีของพระเวสสันดรเต็มยิ่งๆขึ้นไปอีก ก็แปลงมาเป็นนักบวชแก่ มาขอพระนางมัทรีพระเวสสันดรก็ยกให้ พระอินทร์จึงฝากถวายพระนางมัทรีไว้ห้าม มิให้ยกให้ใครอีก จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:46:35

ความคิดเห็นที่ 19 ชูชกหลงทางแทนที่จะกลับบ้านตนกลับพาสองพระกุมารเข้ามาที่เมืองสีวี จูงขับ สองพระกุมารผ่านหน้าพระที่นั่งพระเจ้าสัญชัย พระเจ้าสัญชัยจำหลานได้ก็ร้องเรียก ชูชก ถามเรื่องราวชูชกก็บอกว่าพระเวสสันดรยกสองพระกุมารให้แก่ตนแล้ว พระเจ้า สัญชัยก็ขอไถตัวพระกุมาร ๑๐๐๐ตำลึงทองและไถ่ตัวพระกุมารีด้วยทรัพย์สูงค่ายิ่ง ประกอบด้วยทรัพย์เจ็ดชีวิตเจ็ดสิ่ง เช่นข้าทาส เงินทอง และประทานเลี้ยงแก่ชูชก ชูชกก็กินจนจุกตายบางคนก็ว่าท้องแตกตาย พระเจ้าสัญชัยก็จัดงานศพให้แต่ข้าวของ เงินทองไม่มีผู้ใดมารับจึงให้ตกกลับแก่ท้องพระคลังต่อไป จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:47:52

ความคิดเห็นที่ 20 พระเจ้าสัญชัยจึงโปรดให้แต่งกองทัพไปรับพระเวสสันดร เป็นทัพใหญ่ เมื่อพบกันแล้ว ก็เชิญเสด็จกลับเมืองสีวีให้พระเวสสันดรขึ้นครองราชเช่นเดิม ชาวเมืองก็รู้สำนึกว่าทรงให้ก็เพื่อประโยชน์สุขแก่ทุกๆคน จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 13:49:05

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาชมภาพเขียนและฟังการบรรยายประกอบภาพ จากคุณ : นักซ่อมคอมพ์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 14:28:14

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : @NBC เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 15:52:31

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาชมภาพ งงๆ ว่าลุงเด่น ไปถ่ายตอนใหนล่ะนี่ จากคุณ : ยายภูธร เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 16:21:44

ความคิดเห็นที่ 24 จากนักเรียนดีเด่น กลายเป็นอาจารย์เด่นแล้วจ้า จากคุณ : ป้าจอยเอง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:48:41

ความคิดเห็นที่ 25 ตามมาชมครับ ต่อจากนี้ขอเรียกเด่นนะครับ จากคุณ : พ่อ@LLถุง เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:55:43

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Mochica เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 03:39:18

ความคิดเห็นที่ 27 นักซ่อมคอมพ์ ครับ ยินดีเลยครับ @NBC ครับ ขอบคุณครับ ยายภูธร ครับ จะบอกว่าแบ่งตัวได้เดี๋ยวเชื่อขึ้นมา ให้สาธิตให้ดูจะยุ่งกันใหญ่ครับ ผมใช้วิธีนี้ครับ บ่ายหนึ่งโมงขึ้นจาก เรือที่ท่าน้ำสีพระยา ก่อนบ่ายสองโมง ก็ไปถึงวัดทองนพคุณ บ่ายสามโมงครึ่ง ไปที่จุดนัดเพื่อไปจีจินเกาะครับ ป้าจอยเอง ครับ ยังไม่ถึงขั้นครับได้รับเกียรดิเป็นนักเรียน ดีเด่นก็ขอบคุณมากแล้วครับ พ่อ@LLถุง ครับ ยินดีเลยครับ Mochica ครับ ขอบคุณคุณยายเช่นกันผมเขียนผิดตรงไหน ช่วยชี้แนะด้วยครับ สวัสดี จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 08:58:13

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีครับ คุณชัดเจนน้องนาง ผมก็ชอบไปเที่ยววัดและแอบมองวัด เช็ครายละเอียด อ่านป้ายต่างๆ.... และผมก็ชอบรำลึกนึกถึงภาพคนโบราณที่สร้างวัดนั้นๆ.... ว่าคนเราทำบุญกันมาเป็นทอดๆ.....ตั้งแก่กาลก่อนจน ถึงปัจจุบัน...... ในสมัยก่อนก็ใช้เกวียน ใช้เรือ ในการเดินทาง นึกถึงชีวิตความเป็นอยู่ ในสมัยก่อนที่มีแต่ป่า สัตว์ร้ายชุกชุม... เดินทางลำบาก.... จากคุณ : 123 (เทพบุตรสายฟ้า) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 12:29:18

ความคิดเห็นที่ 29 123 (เทพบุตรสายฟ้า) ครับ ในสมัยอยุทธยาตอนปลาย วัดถูกสร้างเพราะเอาไว้ให้ ลูกหลานคนรวยคนมียศ ตำแหน่งสูงๆไว้วิ่งเล่น ไปวิ่ง เล่นวัดคนอื่นบ้านอื่นจะเสียหน้า ส่วนในสมัยกรุงเทพมหานครฯ ตอนต้นโดยเฉพาะรัชกาลที่๓ ใครสร้างวัดถวายก็กลายเป็นคน โปรด จึงมีวัดเกิดขึ้นในสมัยนั้น มากมายบางวัดห่างกันแค่รั้วกั้น เท่านั้นเอง ชาวบ้านได้แต่อาศัย ลงแรงเอาบุญ แต่ไม่ว่าวัดจะเกิด มาด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ก่อให้เกิด ผลดีแก่บ้านแก่เมือง และยังไม่เคย มีหรือได้ยินว่าราชการตั้งงบเพื่อ เบิกจ่ายไปสร้างวัดในสมัยปัจจุบัน และถึงมีก็คงไม่ผ่านสำนักงบประมาณ แต่ว่าในสมัยนี้กับมีการเบิกจ่ายเงิน ของทางราชการไปสร้างศาสนสถาน ของบางศาสนา ยิ่งทำบ้านเมืองยิ่ง ร้อนลุกเป็นไฟ สวัสดี จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 13:34:16

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านถึงตอนยกชาลีกัณหาให้ชูชกทีไรน้ำตาคลอทุกที ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 14:59:35

ความคิดเห็นที่ 31 ป้าหนาสองนิ้ว ครับ มันสุดที่เด็กไม่ถึง๕ขวบจะต้องรับ ใจสลายตรงที่ชูชกตีต่อหน้าพ่อ ร้องเรียกพ่อให้ช่วยพ่อกลับไม่ช่วย บางคนถึงกับมีการเล่าเพิ่มเติมว่า ลูกหญิงถึงกับประกาศไม่ขอมาเป็นลูก พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเป็นเจ้าชายจึง มีลุกชายคือพระราหุลแค่องค์เดียว สวัสดี จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 17:18:43

ความคิดเห็นที่ 32 กัณฑ์นี้ร้องไห้กันทั้งพ่อทั้งลูก (ดูจากภาพวาด) แต่คนอ่านจะอัดอั้นตันใจมากกว่า(จริงหรือ) ถึงจะรู้ว่าคนมีบุญ สวรรค์มีตา แต่ก็ใจสลายไปแล้ว ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 03:40:42

ความคิดเห็นที่ 33 จากคุณ : หญ้าหนวดแมว เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 15:11:23