ความคิดเห็นที่ 1 รูปด้านบน  วันครีษมายัน แห่จี่  จะต้องข้ามกันกับ วัน เห มา ยัน  ตงจี่ (วันไหว้ขนมบัวลอย) ซึ่งวัน เหมายัน ตงจี่นี้ ทุกปีต้องตกอยู่วันที่ 22 Dec แต่ปีนี้ คลาด เลื่อนขึ้นมาเป็นวันที่ 21 Dec วันตงจี่ วันไหว้ขนมบัวลอย เป็นวันที่กลางคืนย๊าวยาว กลางคืนสั้นสุด อันนี้ทำความเข้าใจกันคร่าวๆ ครับ ปฏิทินจีน จะมีการระบุ ในภาพ กระผมวงให้ดูไว้ ว่า ปีนี้ วันครีษมายัน ตรงกับ วันที่ สาม เดือน ห้า ในจันทรคติ เวลามังกร  คือช่วง เจ็ดโมงถึงเก้าโมงเช้า ครับ จากคุณ : นายเสลา (นายเสลา) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:10:19

ความคิดเห็นที่ 2 วันครีษมายัน วันนี้ กลางวันจะยาวสุด ถัดไปอีกสองวัน จะเป็นวัน ตวนอู่  端午 นั่นคือ วันที่ไหว้บ๊ะจ่าง ตวนอู่ เดิม ถือเป็นวันร้าย เนื่องจากอากาศร้อน บรรดาอสรพิษ ออกมาเพ่นพ่าน ตามโหรา เดือนห้า ถือเป็นหยาง วันที่ห้า ก็เป็น หยาง ฉะนั้น ห้าห้า จึงรวมความร้าย ความอุบาทว์ไว้ ต้องแก้โดยการนำ ภาพสัตว์ร้ายทั้งห้า   五毒 อันมี  งู แมงป่อง คางคกพิษ ตะขาบ และ ตั๊บแก่จีน มาแก้กัน ใช้พิษแก้พิษ จากคุณ : นายเสลา (นายเสลา) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:16:58

ความคิดเห็นที่ 3 บางบ้านมีรูปห้าพิษนี้ ติดรูปแล้วแก้เคล็ดใช้เข็มทิ่ม สะกดไว้ บางบ้านทำ ผ้าปักรูปห้าพิษ (โตวเอีย)ให้เด็กคาด วันกันว่า ละแวกวันช่วงนี้ ให้ท่านทั้งหลาย ระมัดระวังรักษากายใจ สำรวม ให้ทานเจ จักมีอายุยืนยาวครับ จากคุณ : นายเสลา (นายเสลา) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:25:28

ความคิดเห็นที่ 4 วันตวนอู่ ที่ถัดมาจาก วันครีษมายันนั้น นอกจากไหว้บ๊ะจ่าง จีนทางใต้ยังนิยมมีการแข่งเรือมังกร จากคุณ : นายเสลา (นายเสลา) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:27:36

ความคิดเห็นที่ 5 วันไหว้บ๊ะจ่าง ก็เป็นการรำลึกนึกถึง วีรบุรุษ ที่มีนามว่า ชวีเหยวียน 屈原 ที่แกมีชีวิตก่อนพุทธกาล ยุคชุนชิวจ้านกว๋อ เป็นการรำลึกในแนวการศึกษาครับ มิใช่ประเพณี วันนี้จึงมิได้ทำขนมจ้าง บ๊ะจ่างมาไหว้แก แต่นำมาไหว้บรรพบุรุษตน จากคุณ : นายเสลา (นายเสลา) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:31:11

ความคิดเห็นที่ 6 เดิมที ในสมัยก่อนนั้น วันไหว้บ๊ะจ่าง ก็เกี่ยวพันกันกับ วันแห่จี่ วันครีษมายัน แต่เนื่องด้วยใกล้กันมาก ห่างกันวันสองวัน ภายหลัง วันแห่จี่ วันครีษมายัน จึงมิมีบทบาทใด ถือเป็นวันๆหนึ่ง ที่ให้ทราบว่า วันนี้เป็นวันที่กลางวันย๊าวยาว  กลางคืนก็สั๊นสั้น แค่นี้ครับ และก็ปีนี้นอกจาก กลางคืนจะสั้นสุดแล้ว ฝอยทองจะงาบเช็ค หรือไม่ พิสุูจน์กันตอนตีสองครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : นายเสลา (นายเสลา) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:34:12

ความคิดเห็นที่ 7 เสริมให้อาจารย์นิดนึงครับ เรื่อง ชวีเหยียน  หรือ ชีหย่วน ท่านเป็นวีรบุรุษฝ่ายบุ๋น รับราชการเป็นประมาณเสนาบดีให้ราชสำนัก ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมสุขสงบของประชาชนมาตลอด ชาวบ้านรักเคารพท่านมาก แต่ท่านก็ไม่สามารถรับมือกับขุนนางโกงกิน และความเฟะฟอนของราชสำนักได้ จึงลาออกมาด้วยความท้อแท้รันทด ในที่สุดท่านก็ตัดสินใจกระโดดน้ำ  ฆ่าตัวตาย ชาวบ้านที่เห็น จึงนำเรือออกมาช่วยกันงมหาศพท่าน บางคน กลัวว่าปลาจะมากินศพ จึงเอาใบไม้ห่อข้าวมาโปรยล่อปลา ให้ปลามากินข้าวแทน การนำเรือออกมางมศพนี้ เป็นต้นกำเนิดของการแข่งเรือมังกร การนำข้าวห่อใบไม้มาโปรยล่อปลา ก็เป็นต้นกำเนิดของ บ๊ะจ่าง ครับ จากคุณ : ท่านขุนเดชา เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:44:18

ความคิดเห็นที่ 8 อ้อ แล้วในเคล็ดการทำยาสั่งแบบจีน สัตว์เบญจพิษ กลุ่มนี้แพ้ทางกันเป็นทอดๆครับ ตะขาบแพ้พิษคางคก แมงป่องแพ้ทางตะขาบ ตุ๊กแกแพ้ทางแมงป่อง งูแพ้ทางตุ๊กแก คางคกแพ้ทางงู มารพิษเฒ่า จะจับสัตว์ห้าชนิดนี้ใส่ไว้ในไห ปิดฝาทิ้งไว้ เจ็ดวันสิบวัน แล้วเปิดออกมาดู รอให้เหลือสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ในไหรอดเพียงตัวเดียว แสดงว่ามันมีพิษมากที่สุด ก็จับไอ่ตัวนั้นแหละมาทำเป็นส่วนผสมยาสั่งครับ จากคุณ : ท่านขุนเดชา เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:51:27

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณ ท่านขุนฯครับ ประเด็นสำคัญคือ ประเทศจีน มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทำไมถึงยกย่อง "ชวีเหยวียน" เหลือหลาย อย่างที่ท่านขุนฯ กรุณาเล่ามา นอกจากความรักชาติยิ่งชีพ ตอนที่ แกโดนเจ้าครองนคร อเปหิ(มิใช่ลาออก)ออกจากแคว้นแก แกไปอยู่ที่แคว้นอื่น ชีช้ำใจเหลือเกิน เพราะ เจ้าผุ้ครองแคว้นแก มิฟังแก ภายหลัง แคว้นแก พัง ครับ  โดนตีแตก ชวีเหยวียน มิได้โกธร หรือน้อยใจ แต่ที่แกไปโดดน้ำตาย เพราะความเสียใจที่ชาติบ้านเมือง แกพินาศไปแล้ว นี่คือ ตัวอย่าง  ที่คนยกให้เป็นไอดอล ของ ความรักชาติ บ้านเกิดเมืองนอน แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 55 14:15:24 จากคุณ : นายเสลา (นายเสลา) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:51:57

ความคิดเห็นที่ 10 ความเห็น แปด นั่นแหละครับ  สูตรตา อาวเอี้ยงฮง   พิษประจิม ในมังกรหยก จากคุณ : นายเสลา (นายเสลา) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:55:36

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับอาจารย์ ขอบพระคุณที่มาให้ความรู้ครับ จากคุณ : ธุลีล่องลม เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 13:58:16

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ จากคุณ : พ่อ@LLถุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:44:17

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากครับ อาจารย์ อ่านกระทู้อาจารย์ทีไร ได้ความรู้ใหม่ มาเรื่อย ๆ เลย. จากคุณ : พจนารถ๓๒๒ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:26:34

ความคิดเห็นที่ 14 งั้นพวกเราเป็นปลา ไปกินบ๊ะจ่าง นะซิครับ อิอิ จากคุณ : นายเก่าคนก่อน เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:34:01

ความคิดเห็นที่ 15 ลูกหมูคอกลุงนายเก่าจะโดนผมจิ๊กหมดเล้าแหล่ว ไม่รีบกลับไปเฝ้าเดี๋ยวเกลี้ยงนะคร๊าบ จากคุณ : ท่านขุนเดชา เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 18:01:24

ความคิดเห็นที่ 16 ความรู้ใหม่ครับเพิ่งเคยได้ยินครับ ผมรู้แต่ บ๊ะจ่าง อร่อย ต้องใส่ไข่เค็ม 2 ใบ เครื่องเยอะๆข้าวน้อยๆครับ แหะ แหะ เมื่อก่อนเคยทำเอง ใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูผัดกับผงพะโล้ชอบเครื่องอะไรก็หามาใส่ ไม่ห่อครับ(ห่อไม่เป็น) นึ่งกับผ้าขาวบาง ได้เป็นกาละมังเลย จากคุณ : ตาแว่น (chanyout) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:32:00

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบพระคุณ อาจารย์ และท่านขุนฯ ด้วยค่ะ ได้ความรู้ค่ะ ตอนเรียนเด็ก ๆ เหล่าซือก็เล่าให้ฟังเรื่อง บ๊ะจ่าง แต่คืนกลับไปหมดแล้วค่ะ  อ่านไปอ่านมา ...ขำพี่นายเก่าฯ อยู่ๆ จะไปเป็นปลาซะแร้ว จากคุณ : kratai-max เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:48:43