ความคิดเห็นที่ 1 นัดกันที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ก่อนถึงเวลาออกรถ ถือโอกาสเดินชมรอบๆโรงเรียน หลังจากไม่ได้เข้ามากว่า 20 ปี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:20:08

ความคิดเห็นที่ 2 7.40 น.ออกเดินทาง โดยรถบัสปรับอากาศชั้นครึ่งของมหาวิทยาลัยธนบุรี ซึ่งเจ้าของรถเป็นศิษย์เก่ารุ่นเดียวกัน แต่มีเหตุกระทันหันทำให้ไปด้วยกันไม่ได้ ขึ้นทางด่วนที่ถนนพระรามที่ 4 เข้าถนนมอเตอร์เวย์ ทางหลวงหมายเลข 7 ส่วนที่ยืนอยู่หน้ารถ ไม่ได้กำลังเต้น"โอ๊ปป้า กัมนัมสไตล์" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:20:33

ความคิดเห็นที่ 3 ถึงแยกบางแสนเลี้ยวซ้ายไปทางระยอง-พัทยา ถึงแยกพัทยาเลี้ยวซ้ายไประยองเข้าทางหลวงหมายเลข 36 ผ่านสนามแข่งรถพีระเซอร์กิต ชิดขวาเห็นป้ายสัตหีบกลับรถ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 331 ถึง 3 แยกทางไปวิหารเซียน วัดญาณสังวราราม เลี้ยวขวา ประมาณ 2 กม. 9.45 น.แวะเข้าห้องน้ำกันที่เขาชีจรรย์ ค่าบริการคนละ 5 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:21:05

ความคิดเห็นที่ 4 จากนั้นเลี้ยวขวาไปวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร เนื่องจากนัดกันที่วิหารเซียน 10.30 น.จึงเลยไปวัดญาณฯก่อน โดยจอดรถที่ลานจอดรถหน้าเจดีย์พุทธคยาจำลอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:21:29

ความคิดเห็นที่ 5 จากนั้นเดินไปที่พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ ซึ่งสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และพระบรมราชวงศ์จักรี เพื่อกราบพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งบรรจุอยู่ในพระเจดีย์ทอง และประดิษฐานอยู่ที่ชั้นสามของเจดีย์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:21:56

ความคิดเห็นที่ 6 จากนั้นเดินลงไปที่พระอุโบสถ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยดัดแปลงจากแบบพระอุโบสถเก่าคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร(วิกิ) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:22:19

ความคิดเห็นที่ 7 เพื่อกราบพระ"สมเด็จพระพุทธญาณนเรศวร์" พระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งสร้างน้อมเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2523 ณ บริเวณมณฑลพิธีหน้าพระอุโบสถเก่าคณะรังษี วัดบวรนิเวศวิหาร(วิกิ) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:22:44

ความคิดเห็นที่ 8 คุณจินตนา กุลกอบเกียรติ บุตรสาวของคุณสง่า กุลกอบเกียรติ ผู้สร้างวิหารเซียน นั่งรถจากวิหารเซียนมาหาเพื่อนๆที่พระอุโบสถ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:23:06

ความคิดเห็นที่ 9 จากนั้นเดินทางไปที่วิหารพระพุทธรูปหยกขาว ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าวิหารเซียน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:23:28

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ากราบพระพุทธรูปหยกขาว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:23:50

ความคิดเห็นที่ 11 ซึ่งแกะสลักขากหินหยกขาวจากพม่า แกะสลักโดยช่างพม่า เป็นพุทธศิลป์แบบพม่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:24:13

ความคิดเห็นที่ 12 จากวิหารพระพุทธรูปหยกขาว ข้ามถนนไปวิหารเซียน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:24:37

ความคิดเห็นที่ 13 ป้ายอักษรพู่กันจีนหลังทางเข้าเขียนว่า"จู้เหรินเหวยเล่อ"(ช่วยราษฎร์เป็นสุข) เพราะท่านอาจารย์สง่า ได้ช่วยเหลือผู้คนมามากกว่า 45 ปี เป็นลายมือพู่กันจีนของท่าน"ซุนเคอะ" ซึ่งเป็นบุตรชายของ ดร.ซุนยัดเซ็น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:25:01

ความคิดเห็นที่ 14 ประวัติของวิหารเซียน หรือชื่อที่ได้รับพระราชทานว่า"เอนกกุศลศาลา" จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:25:30

ความคิดเห็นที่ 15 สิ่งก่อสร้างที่เห็นสะดุดตาทันทีที่เดินเข้าประตู คือ รูปหล่อทองเหลืองชุดโป๊ยเซียนข้ามสมุทร ถือเป็นชุดโป๊ยเซียนข้ามสมุทรใหญ่ที่สุดในโลก หล่อขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2547 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:25:55

ความคิดเห็นที่ 16 กลุ่มรูปหล่อทองเหลืองพระศรีอาริยเมตไตร ที่แปลกตาคือปางยืน ถือพลั่วและถุงเงินถุงทอง แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ ในยุคของพระศรีอาริยเมตไตร รูปหล่อและรูปแกะสลักทั้งหมดในลานนี้ ยกเว้นสิงโตสี่ตัวบริเวณทางขึ้น เป็นฝีมือช่างไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:26:18

ความคิดเห็นที่ 17 ด้านขวาสุดของกำแพงวิหารเซียน คือรูปหล่อของอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ ปราชญ์ทางด้านชัยภูมิสถาปัตย์ฮวงจุ๊ย(ภูมิโหราศาสตร์) ผู้ออกแบบชัยภูมิสถาปัตย์ของวัดญาณสังวราราม ที่ด้านหลังอิงภูเขา ด้านหน้าติดอ่างเก็บน้ำ โดยอาคารแต่ละจุดมีความสัมพันธ์สอดรับกัน เป็นลักษณะของหงส์และมังกรเล่นแก้ว ปัจจุบันท่านถึงแก่กรรมไปแล้ว เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2546 รวมสิริอายุ 78 ปี ได้รับการยกย่องว่าเป็น"ท่านเซียน" ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:26:43

ความคิดเห็นที่ 18 อาคารสามชั้นตรงกลางคือวิหารเซียน อเนกกุศลศาลา หรือที่รู้จักกันในนาม" วิหารเซียน"นั้น เป็นแหล่งรวมของงานศิลปะของไทยและจีน โดยอาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ พร้อมด้วยคณะและญาติมิตร ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาติ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในมงคลวโรกาสที่ทรงเจริญ พระชมน์พรรษาครบ 5 รอบเมื่อปีพุทธศักราช 2530 โดย นายสง่า ได้รับพระราชทานที่ดินในบริเวณ โครงการพัฒนาพื้นที่วัดญาณสังวราราม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และทรงพระราชทานฤกษ์ใน การก่อสร้างเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2531 และพระราชทานนามอาคารนี้ว่า"อเนกกุศลศาลา" การก่อสร้างใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ปีกว่า และวันที่ 24 ธันวาคม 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ เสด็จมาทำพิธีเปิดอเนกกุศลศาลา โดยในวันเดียวกันนี้นาย สง่า กอบเกียรติกุล ก็ได้น้อมถวาย อาคารอเนกกุศลศาลาแห่งนี้ พร้อมทั้งโบราณวัตถุที่จัดแสดงทั้งหมดในวิหารนี้ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมอบหมายให้คณะกรรมการ พิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รับไปดูแลต่อ โดยให้มูลนิธิอเนกกุศศาลา ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เป็นผู้รับผิดชอบการดูแลบริหารงาน ของอเนกกุศลศาลาต่อไป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:27:12

ความคิดเห็นที่ 19 ทางด้านซ้ายและขวาของประตูทางเข้าอาคาร มีสิงโตแกะสลักจากหินแกรนิตสีขาวข้างละตัว แต่ละตัวสูง 3.50 เมตร หนักตัวละ 22 ตัน โดยรัฐบาลจีนเป็นผู้มอบให้ นับเป็นสิงโตหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตัวนี้เป็นตัวเมีย เพราะเล่นกับลูก ส่วนตัวผู้จะเล่นกับลูกแก้ว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:27:50

ความคิดเห็นที่ 20 แม้ว่าจะมาเอนกกุศลาศาลาหลายครั้ง โดยครั้งหลังสุดคือเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่วันนี้ก็ตั้งใจมาอีก เพราะจะได้รับฟังการบรรยายและพาชมสถานที่ โดยบุตรสาวของอาจารย์สง่า เหนือประตูทางเข้ามีป้ายชื่อเอนกกุศลศาลา อ่านว่า"ต้าผู้อี่(แต้จิ๋ว) หรือ"ต้านฝูเยวี้ยน"(จีนกลาง) มีความหมายว่า"สถานที่ ทีมีบรรยากาศดั่งสรวงสวรรค์" เป็นลายมือผู่กันจีนของเจ้าชายผูเจ่ พระอนุชาของจักรพรรดิปูยี จักรพรรดิองค์สุดท้ายของประเทศจีน ซึ่งท่านได้เขียนตัวหนังสือชุดนี้ให้แก่อาจารย์สง่า กุลกอบเกียรติ เมื่อท่านอายุได้ 90 ปี จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:28:23

ความคิดเห็นที่ 21 ถอดรองเท้าไว้ที่ชั้นวางด้านนอกก่อนเข้าชม รูปหล่อภายในอาคารทั้งหมดมาจากประเทศจีน ที่ดินที่ใช้ก่อสร้างได้รับพระราชจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นที่พักและอาคารปฎิบัติธรรมของท่านเซียนสง่า แต่ท่านนำมาสร้างเป็นอนุสรณ์ของชาวไทยเชื้อสายจีน และถวายพระองค์ท่าน ในนามของชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งหมด เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้อารายธรรมไทย-จีน อาจารย์สง่าเป็นออกแบบอาคารและวางผังภายในทั้งหมด โดยมีคุณวินัย กุลกอบเกียรติ น้องชายคนเล็กเป็นผู้ช่วย เมื่อเดินเข้าประตูจะพบกับรูปหล่อเคลือบทอง ของพระศรีอาริยเมตไตร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:28:50

ความคิดเห็นที่ 22 รูปหล่อสัมฤทธิ์บางองค์จะมีลวดลายดอกไม้ที่เสื้อผ้า เป็นการแกะสลักลายร่องลึกหลังจากหล่อเสร็จแล้ว มีเพียงองค์เดียว คือ พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เป็นลายนูน ซึ่งต้องใช้พิมพ์ในการหล่อ รูปหล่อทุกองค์ภายในวิหารเซียน ผ่านพิธีเบิกเนตรแล้วทั้งหมด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:29:19

ความคิดเห็นที่ 23 ซ้ายขวาของทางเข้า มีตู้แสดงตุ๊กตาดินเผาชุด 18 อรหันต์(จับโป๊ยหล่อฮั่ง) เมื่อครั้งที่อาจารย์สง่าไปสั่งทำที่ประเทศจีน ทางโรงงานคิดจัดสร้าง 64 ล้านหยวน จึงต้องระงับไว้ก่อน เมื่อรัฐบาลกวางโจวทราบเรื่อง จึงสั่งให้ขยายขนาดเท่าที่จะทำได้ แล้วมอบให้อาจารย์สง่า จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:29:46

ความคิดเห็นที่ 24 ตุ๊กตานักรบของจริง จากสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ที่เมืองซีอาน เป็นหนึ่งในสิ่งของ 328 รายการ ที่รัฐบาลจีน มอบให้กับทางวิหารเซียน ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ จากเดิมที่มีมูลค่ามากกว่าพันล้าน แสดงถึงการยอมรับในตัวอาจารย์สง่า ทั้งจากทางภาครัฐทั้งในและนอกประเทศ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:31:12

ความคิดเห็นที่ 25 เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ ซึ่งเคยแสดงปาฏิหารย์ให้เป็นที่ปรากฏ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:31:37

ความคิดเห็นที่ 26 จากซ้ายไปขวา จันทรครรภโพธิสัตว์ พระไภษัชยไวฑูรยประภาสคุรุพุทธเจ้า และสุริยครรภโพธิสัตว์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:32:01

ความคิดเห็นที่ 27 จากซ้ายไปขวา เทพหูทิพย์ ซุ่นฮวงยื่อ พฤฒาจารย์เห้งเซี้ยมเหล่าโจ้ว เทพตาทิพย์โชยหลี่งั่ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:32:32

ความคิดเห็นที่ 28 เทพเจ้ากวนอู เง็กเซียนฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต่อจากตั่วเหล่าเอี๊ย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:32:57

ความคิดเห็นที่ 29 คั่นจังหวะการชมเพราะมีคนมามอบเงินบริจาคให้กับทางวิหารเซียน ซึ่งปัจจุบันยังมีหนี้กว่าสามสิบล้าน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:33:22

ความคิดเห็นที่ 30 รถม้าสมัยโบราณ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:33:47

ความคิดเห็นที่ 31 จานหินฝนหมึกขนาดใหญ่ชิ้นนี้ มีน้ำหนักมากถึง 250 กิโลกรัม แกะสลักลวดลายเป็นรูปมังกร 5 เล็บ 9 ตัว แหวกว่ายไปมาในกลุ่มเมฆ และของวิเศษประจำกายแปดเซียน จานหินฝนหมึกจีนชิ้นนี้ ทำจากหินพิเศษซึ่งดีที่สุดในการทำหินฝนหมึกจีน มีคุณสมบัติเฉพาะคือมีคุณสมบัติในการคงอุณหภูมิของน้ำหมึก หน้าหนาวหมึกไม่แข็งตัว หน้าร้อนหมึกไม่ระเหย ซึ่งหินพิเศษชนิดนี้ ขุดพบได้เฉพาะใต้ภูเขาแห่งหนึ่งในเมืองตวนโจว มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน  ขนพู่กันทำจากขนกระต่าย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:34:22

ความคิดเห็นที่ 32 ชมห้องประทับ ที่วิหารเซียนจัดถวาย เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จประเจ้าอยู่หัว เสด็จมาเปิดวิหารเซียน เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2536 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:34:50

ความคิดเห็นที่ 33 "หว้านซุ่ยทิง"หรือท้องพระโรงหมื่นปี คำว่าหมื่นปี เป็นคำถวายพระพรกษัตรย์ของคนจีน ด้านล่างป้าย"หว้านซุ่ยทิง" เป็นป้ายตัวอักษร"ซิ่ว"หมายถึงความมีอายุยืน ส่วนตุ้ยเลี้ยงสองข้าง เป็นลายมือมือของเลขาประธานเหมาเจ๋อตุง พระเก้าอี้ที่ประทับ อาจารย์สง่าน้อมถวายพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาศที่พระองค์เจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ เป็นงานแกะสลักไม้สมัยราชวงศ์ชิง อายุกว่า 130 ปี ใช้เวลาแกะทั้งสิ้น 7 ปี แกะจากไม้กู่ฉางมู่ ทั้งชุดหนัก 6,900 กิโลกรัม สีไม้เป็นสีธรรมชาติ ปกติแล้วชุดพระเก้าอี้ของจีน จะแกะสลักเป็นรูปสิงห์ กิเลนหรือมังกร แต่ชุดนี้แกะสลักเป็นรูปช้าง ซึ่งเข้ากับประเทศไทย เพราะว่าช้างเป็นสัตว์ประจำชาติไทย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:35:16

ความคิดเห็นที่ 34 . จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:35:50

ความคิดเห็นที่ 35 ป้ายชื่อวิหารเซียน ลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา พร้อมนามาภิไธย เมื่อครั้งเสด็จเปิดห้องศิลปกรรมไทยที่ชั้นสอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:36:19

ความคิดเห็นที่ 36 พระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ในชุดจีนสมัยราชวงศ์ชิง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:36:59

ความคิดเห็นที่ 37 พระสยามเทวาธิราชจำลอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:37:24

ความคิดเห็นที่ 38 เดินต่อไปห้องโถงประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ ด้านหน้าเป็นสหัสกรอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือ เจ้าแม่กวนอิมพันมือ รูปหล่อสำริดโบราณสมัยราชวงศ์ถัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:37:49

ความคิดเห็นที่ 39 ด้านซ้ายเป็นแผ่นหินแกรนิต แกะสลักภาพการเดินทาง ไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป ของพระถังซำจั๋ง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:38:56

ความคิดเห็นที่ 40 ด้านขวาเป็นแผ่นหินแกรนิต แกะสลักภาพแปดเซียนข้ามสมุทร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:39:36

ความคิดเห็นที่ 41 เจ้าแม่กวนอิมปางประทานพร แกะสลักจากหินหยกขาว อายุพันกว่าปี จากสมัยซ่งเหนือ ประดิษฐานในบุษบกแบบจีน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:40:17

ความคิดเห็นที่ 42 เจ้าแม่กวนอิมพันมือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:40:41

ความคิดเห็นที่ 43 เดินไปที่ด้านหลังฝั่งซ้ายของชั้นล่าง มีบันไดขึ้นไปชั้นสองและชั้นสาม ฝาผนังด้านขวามือ มีภาพอาจารย์เซียนสง่า กุลกอบเกียรติ และคุณวินัย กุลกอบเกียรติ์ ผู้เป็นน้องชาย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:46:01

ความคิดเห็นที่ 44 ยังไม่ขึ้นชั้นสอง แต่เลี้ยวเข้าห้องด้านซ้ายซึ่งเป็นห้องรับรองแขก มีหุ่นขี้ผึ้งของอาจารย์เซียน สง่า กุลกอบเกียรติ ซึ่งยังมีคนมาไหว้ขอให้ท่านช่วยเหลือ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:46:29

ความคิดเห็นที่ 45 จากนั้นเดินไปยังห้องอาหารด้านหลัง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:46:59

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นห้องปรับอากาศซึ่งตั้งโต๊ะได้เก้าโต๊ะ แต่วันนี้จัดเตรียมอาหารไว้ห้าโต๊ะ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:47:24

ความคิดเห็นที่ 47 เดิมมีข่าวว่ามื้อเที่ยงจะเป็นอาหารเจ จานแรกยกมาจึงอุทานกันว่าเหมือนมาก กลายเป็นว่าเจ้าของสถานที่ยกเลิกอาหารเจ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:48:08

ความคิดเห็นที่ 48 อาหาร ขนม ผลไม้ มากมายมหาศาล จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:49:11

ความคิดเห็นที่ 49 มอบของที่ระลึกและเงินบริจาค เพื่อขอบคุณเจ้าภาพเพื่อนร่วมรุ่น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:50:00

ความคิดเห็นที่ 50 มีคนเกิดวันนี้หนึ่งคน อุตส่าห์ขับรถตามมาร่วมงาน ไม่มีเค้ก จึงเปลี่ยนเป็น"เชี่ยงซิ่วหมี่" หรือผัดหมี่อายุยืน ให้แฮ้ปปี้เบิร์ทเดย์หนึ่งจาน รอครบหกสิบค่อยจัดแซยิดโต๊ะจีนร้อยโต๊ะ พร้อมเค้กเก้าชั้นเลี้ยงเพื่อนฝูง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:51:21

ความคิดเห็นที่ 51 อิ่มแล้วเดินชมวิหารเซียนกันต่อ ขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:52:08

ความคิดเห็นที่ 52 ชั้นสองเป็นหอเซียน ประดิษฐานรูปหล่อปิดทองเซียนลื่อต่งปิง หนึ่งในเทพแปดเซียน จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:52:41

ความคิดเห็นที่ 53 ลื่อต่งปิง หรีอ ลื่อโจ้ว เกิดวันที่ 14 เดือนสี่ สมัยราชวงศ์ถัง เป็นคนเฉลียวฉลาดแต่เด็ก เคยไปสอบจิ้นซื่อสองครั้ง แต่ตก ท่องเที่ยวพเนจรทั่ว ระหว่างพักโรงเตี๊ยมเมือง หันเอ้อ ได้พบกับอาจารย์ ฮั่นจงหลี ทั้งสองสนทนาเรื่องธรรมะถูกอัธยาศัย ลื่อต่งปิงถอนใจว่า ชีวิตช่างอาภัพ สอบจิ้นซื่อไม่ได้สักครั้ง ฮั่นจงหลีเอาหมอนในย่ามยื่นให้ พร้อมกล่าวว่า เจ้าจงหนุนหมอนใบนี้ จักทำให้ทุกอย่างสมหวัง จึงหนุนหมอนหลับไม่รู้ตัว ขณะนั้นเจ้าของโรงเตี๊ยมกำลังนึ่งข้าวเกาเหลียงอยู่ ลื่อต่งปิงได้ฝันเห็นอนาคตว่า ชั่วครู่เดียวชีวิตขึ้นๆลงๆ เปลี่ยนแปลงมากมาย ตั้งแต่สอบได้จิ้นซื่อ เป็นนายอำเภอเมืองลั่วหยัง ได้เลื่อนตำแหน่งหลายครั้ง กระทั่งเป็นแม่ทัพรบชนะข้าศึก มีอำนาจวาสนา มั่งมีศรีสุข 50 ปี เป็นอัครมหาเสนาบดี 10 ปี ต่อมาถูกปลดออกจากตำแหน่ง ชีวิตตกระกำลำบาก ตื่นขึ้น ฮั่นจงหลีกล่าวว่า เกาเหลียงยังไม่สุก ฝันจบชั่วชีวิต ลื่อต่งปิงแปลกใจ อาจารย์รู้ความฝัน ฮั่นจงหลีว่า ชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้แหละ ลื่อต่งปิงจึงปลงตก ละกิเลส ขอปวารณาเป็นศิษย์ ฮั่นจงหลีได้นำลื่อต้งปิงไปบำเพ็ญเพียรที่เขานกกระเรียนและถ่ายทอดเคล็ดลับ จนสำเร็จเป็นเซียน(วิกิ) เซียนลื่อต่งปิงสะพายกระบี่วิเศษที่ได้จากมังกรไฟ เป็นที่หวาดกลัวของเหล่าปีศาจ เป็นเซียนองค์ที่สามในแปดเซียน เป็นเซียนที่เป็นที่นับถืออย่างมากองค์หนึ่งในวัฒนธรรมจีน เชื่อว่าหากกราบไหว้จะช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายอัปมงคล ช่วยคุ้มครองจากสิ่งที่มองไม่เห็น เวลาล้างป่าช้า จะต้องมีการอัญเชิญท่านวิสุทธิเทพลื่อต่งปิงมาคุ้มครอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:53:22

ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีการทำพิธีก้งจูเทียน คือการบูชาเทพธรรมบาล 24 พระองค์บนสรวงสวรรค์ มีการสานเส้นหมี่เตี๊ยว 30 กิโลฯเป็นรูปมังกร ใช้เวลาสานหนึ่งอาทิตย์ เพื่อถวายเป็นเครื่องบูชา จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:54:58

ความคิดเห็นที่ 55 ผนังด้านขวาเป็นภาพปูนปั้น ตอนที่แปดเซียนเดินทางไปอวยพรวันเกิดอ๊วงบ๊อ หรือเจ้าแม่สวรรค์บนสวรรค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:58:10

ความคิดเห็นที่ 56 ส่วนผนังด้านซ้ายเป็นภาพปูนปั้น ซึ่งน่าจะเป็นตอนที่องค์ชายหม่างหลง โอรสของ"ตังไฮ้เล่งอ๊วง" หรือมังกรจ้าวสมุทรที่ทะเลต้งไฮ้ ขัดขวางข้ามสมุทรไปช่วยผู้ประสพภัยโรคระบาดของฮั่นจงลี้และหลี่ทิไกว้ จนถูกฆ่าตาย ทำให้เกิดตำนานแปดเซียนข้ามสมุทร ไปยังเกาะโอสถ เพื่อนำยาไปรักษาโรคระเบิด จนเกิดการต่อสู้กับตังไฮ้เล่งอ๊วง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:58:56

ความคิดเห็นที่ 57 วิสุทธิเทพลื่อต่งปิง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:59:33

ความคิดเห็นที่ 58 ชั้นสามของวิหารเซียน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง และพระบรมสารีริธาตุ ภาพเขียนพุทธประวัติโดยรอบ 15 ภาพ เป็นฝีมือการวาดของอาจารย์คำนวน ชานันโท ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม พุทธศักราช 2540 สาขาทัศนศิลป์(ภาพประกอบหนังสือ) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:00:10

ความคิดเห็นที่ 59 พระพุทธรูปศิลาหลังพระพุทธเจ้าน้อย เป็นพระพุทธรูปที่ได้มาจากบุโรพุทโธ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:00:37

ความคิดเห็นที่ 60 วัดญาณฯและวิหารเซียนหันไปทางทิศตะวันตก แทนที่จะหันไปทางทิศตะวันออก เนื่องจากด้านหลังเป็นภูเขาโอบล้อม ถ้าหันหน้าเข้าหาภูเขา จะเป็นการปะทะกับพลังน้ำ เนื่องจากธรรมชาติของน้ำ จะไหลลงจากที่สูงไปสู่ที่ต่ำ ตัวพระอุโบสถ วางอยู่บนตำแหน่งของหงส์ ศาลานานาชาติริมสระน้ำอยู่บนตำแหน่งเจ็ดดาว มีเขาชีโอนอยู่ในตำแหน่งหัวมังกร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:01:05

ความคิดเห็นที่ 61 มีพระมหามณฑปพุทธบาท ภปร. สก.อยู่ตรงตำแหน่งของดวงแก้วระหว่างตำแหน่งหงส์และมังกร จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:01:38

ความคิดเห็นที่ 62 จากชั้นสามของวิหารเซียน สามารถมองเห็นเขาชีจรรย์ เขาชีจรรย์ถูกสร้างขึ้นมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น สมเด็จพระญาณสังวร เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งทรงเสียดายเขาชีจรรย์ ที่มีภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่สง่างามตามธรรมชาติ แต่กำลังถูกระเบิดทำลายทุกวัน จึงทรงดำริที่จะอนุรักษ์เขาชีจรรย์ให้คงอยู่ คู่กับเขาชีโอน ซึ่งมีส่วนหนึ่งอยู่ในเขตสังฆาวาสของวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ด้วยการสร้างพระพุทธรูปแกะสลัก บนหน้าผาเขาชีจรรย์ ให้เป็นปูชนียสถานสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง ปางมารวิชัยเลียนแบบ พระพุทธนวราชบพิตรศิลปะสุโขทัยผสมล้านนา ขนาดความสูง 109 เมตรหน้าตักกว้าง 70 เมตร ฐานบัวหรือบัวบัลลังค์ สูง 21 เมตรรวมความสูงขององค์พระและบัลลังค์ทั้งสิ้น 130 เมตรเป็นแบบนูนต่ำ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:02:13

ความคิดเห็นที่ 63 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตพระราชทานนามว่า "พระพุทธมหาวชิร อุตตโมภาสศาสดา" มีความหมายว่า"พระพุทธเจ้าทรงเป็นศาสดา ที่รุ่งเรื่องสว่างประเสริฐดุจดังมหาวชิระ" ที่มา: Sattahipbeach.com  ทั้งชีโอนและชีจรรย์ เป็นชื่อแม่ชีศักดิ์สิทธิ์สององค์ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:02:58

ความคิดเห็นที่ 64 จากระเบียงชั้นสาม มองลงมาที่ลานชั้นสอง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:03:34

ความคิดเห็นที่ 65 อาคารทางด้านซ้ายและขวาเป็นห้องศิลปกรรมไทย ทางด้านขวามือเป็นห้องจัดแสดง พระพุทธรู)ปางต่างๆ เรือในพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมาค ส่วนห้องซ้ายมือจัดแสดงหุ่นละครเล็ก ของโจหลุยส์ ยังเขียวสด รวมถึงศิลปะไทยอื่นๆ ศาลาด้านซ้ายเป็นศาลเทพเจ้ากวนอู ศาลาด้านขวาเป็นศาลไท้เสียงเล่ากุง(เล่าจื๊อ)ศาสดาแห่งลัทธิเต๋า บนลานเป็นรูปหล่อสัมฤทธิ์ เช่น โป๊ยเซียน ซี้ไฮ้เล่งอ๊วง(สี่มังกรจ้าวสมุทร) หลี่ซื่อหมิง ปฐมบรมกษัตรย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ไต้ฮงกงโจวซือ พระภิกขุผู้ยิ่งด้วยกุศลทานในสมัยราชวงศ์ซ่ง ฮั่วท้อเซียนซือ หมอเทวดาสมัยสามก๊ก เจ็งคุ้ยโจวซือ เทวดาผู้ปราบภูติผีปีศาจ นักพรตจางเต้าหลิน ผู้สถาปนาลัทธิเต๋า เจ้าสำนักนิกายเจิ้นอี้ เป็นต้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:04:02

ความคิดเห็นที่ 66 นอกจากนี้ยังมีรูปหล่อพระวัดเส้าหลิน ส่วนที่เดินชมอยู่เป็นพระไทยไม่ทราบวัด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:04:42

ความคิดเห็นที่ 67 วันนี้อากาศไม่ร้อน จึงถือโอกาสลงไปเดินบนลานชั้นสอง ซึ่งปกติแล้วพื้นจะร้อนจนฝ่าเท้าแทบไหม้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:05:08

ความคิดเห็นที่ 68 รูปหล่อตรงกลางลาน ซึ่งมีตราประทับด้านหลัง มาจากประเทศจีน ส่วนด้านข้างเป็นฝีมือช่างไทย รูปหล่อแถวนี้ มีจูแซเนี้ย(เจ้าแม่ประทานบุตร) เจ้าแม่สวรรค์และเง็กเซียนฮ่องเต้ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:05:32

ความคิดเห็นที่ 69 รูปหล่อทั้งหมดรมดำ ยกเว้นองค์สีทองด้านหน้า คือ"ขวยแชเอี๊ย"(K'uei Hsing) เทพประจำดาวศึกษา ที่นักศึกษาและผู้เข้าสอบไล่ให้การเคารพบูชา เป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษาและการเรียนรู้ ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องอะไรกับ พระเจ้าหมั่นแช้ง(กวางตุ้ง) หรือบุ่นเชียงตี่กุน ในศาลเจ้ากวางตุ้ง(กว้องสิว) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการศึกษา ที่มีผู้นิยมไปกราบไหว้ร่วมกับรูปเคารพของขงจื้อ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:07:00

ความคิดเห็นที่ 70 นอกจากบรรดาทวยเทพแล้ว บนลานชั้นสองยังมีประติมากรรมรูปหล่ออีกสองชุด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:07:24

ความคิดเห็นที่ 71 ชุดแรกเป็น ประติมากรรมรูปหล่อร่วมสมัย วิถีชีวิตชาวจีนพื้นบ้าน เช่น การเล่นหมากรุกจีน การดูดวง การตั้งวงดื่มน้ำชา เป็นต้น จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:07:46

ความคิดเห็นที่ 72 อีกชุดเป็นประติมากรรมรูปหล่อพระวัดเส้าหลิน แสดงวิทยายุทธของวัดเส้าหลิน ถอดแบบมาจากพระวัดเส้าหลินที่ยังมีชีวิตอยู่จริง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:08:10

ความคิดเห็นที่ 73 ลงจากวิหารเซียนเดินอ้อมไปด้านหลัง เพื่อไปยังอาคารกุลกอบเกียรติ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:08:48

ความคิดเห็นที่ 74 ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:09:16

ความคิดเห็นที่ 75 เนื่องจากเป็นสถานที่เก็บอัฐิอาจารย์เซียนสง่า กุลกอบเกียรติ ด้านหลังอิงภูเขา เขาด้านซ้ายคือเขาชีจรรย์ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 21:24:00 จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:09:54

ความคิดเห็นที่ 76 ด้านบนเป็นรูป"ฮก"เทพองค์กลางใน"ฮก ลก ซิ่ว"(วาสนา โชคลาภ อายุยืน) ซึ่งเป็นต้นตระกูลของอาจารย์เซียนสง่า กุลกอบเกียรติ ฮก(ในภาษาแต้จิ๋ว) หรือ ฝู(ภาษาจีนกลาง) หมายถึง บุญวาสนา อำนาจ เกียรติยศ ลักษณะของฮก เป็นรูปขุนนางจีนสวมหมวก มีใบพูกางออกไปสองข้าง มือถือคธายู่อี่ ซึ่งเป็นคธาแห่งความสมปรารถนา มีพาหนะ คือ ค้างคาว เหตุที่เป็นค้างคาว เนื่องจากเป็นสัตว์สี่เท้าแต่มีปีก เป็นสัตว์ที่ไม่รู้จักลงยังแผ่นดินเหมือนนกทั้งปวง จึงเป็นที่หมายแห่งวาสนา มีชื่อเดิมว่า"ก๋วยจื่องี้" เป็นข้าราชการระดับอัครเสนาบดีที่จงรักภักดี ซื่อสัตย์ ยุติธรรม รับใช้ราชการนานหลายแผ่นดิน ความซื่อสัตย์ และ จงรักภักดีต่อแผ่นดินนั้น เป็นที่ประจักษ์ต่อฮ่องเต้หลายพระองค์ จึงมีราชการโองการ ให้อยู่ในตำแหน่งตลอดทั้ง 4 แผ่นดิน และได้รับมอบดาบหยก และเข็มขัดหยก ให้สามารถทำการใดๆแทนฮ่องเต้ก่อน แล้วค่อยทูลถวายภายหลังได้ ท่านก๋วยจื่องี้ เป็นข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่ง นานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน(วิกิ) จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:10:38

ความคิดเห็นที่ 77 15.09 น.ก่อนลาคุณจินตนา กุลกอบเกียรติ กรรมการและผู้จัดการ มูลนิธิเอนกกุศลศาลา(วิหารเซียน) ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึก ที่หน้าบันไดทางขึ้นวิหารเซียนก่อนเดินทางต่อ วิหารเซียนเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:11:07

ความคิดเห็นที่ 78 จากวิหารเซียนนั่งรถย้อนกลับทางเดิม เพื่อไปไร่องุ่นซิลเวอร์เลค ซึ่งอยู่ติดกับเขาชีจรรย์ ครั้งหลังสุดที่มา คือเมื่อครั้งพาลัคกี้มาเที่ยว "เที่ยวไปกินไป @ สัตหีบ : พาลัคกี้ไปเห่าเครื่องบิน" http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/07/D9440945/D9440945.html จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:11:35

ความคิดเห็นที่ 79 มีการสร้างอาคารหลังใหม่แทนอาคารหลังเดิม เป็นแบบสมัยนิยม ที่สร้างให้มีจุดถ่ายรูปเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:12:12

ความคิดเห็นที่ 80 ผลงานในอดีตในโลกภาพยนต์ของเจ้าของไร่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:12:45

ความคิดเห็นที่ 81 แม้ว่าจะไม่มีการเก็บค่าผ่านประตู แต่ค่าบริการอื่นๆก็แพงเอาเรื่อง เช่น ห้องน้ำในอาคารหลังใหม่ เก็บค่าบริการคนละ 10 บาท ค่ารถนั่งชมไร่ คนละ 70 บาท เพื่อนกลุ่มหนึ่งนั่งจิบกาแฟพักผ่อนบนลานของอาคารใหม่ แต่อีกกลุ่มหนึ่งเลือกนั่งรถชมไร่ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:13:21

ความคิดเห็นที่ 82 มีการสร้างจุดให้หยุดลงรถถ่ายรูปสามจุด จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:13:51

ความคิดเห็นที่ 83 มีสะพานน้ำหลากข้างจระเข้ยักษ์ คล้ายกับที่ยูนิเวอแซลสตูดิโอ จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:14:33

ความคิดเห็นที่ 84 จุดแรกที่แวะจอดคือทุ่งกังหันลม จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:15:10

ความคิดเห็นที่ 85 จุดที่สองเป็นลานดอกไม้หน้าเรือนพัก ซึ่งตั้งชื่อตามหนังที่เจ้าของไร่เคยแสดง จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:15:59

ความคิดเห็นที่ 86 แต่ละจุดมีเวลาให้สิบนาทีเพื่อถ่ายรูป จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:16:47

ความคิดเห็นที่ 87 กำกับการแสดงให้หวานแหววหน่อย จากคุณ : laser เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:17:22