|
ผมแปลกใจตรงที่ปัญหานี้มันมีมานาน แต่ทำไมหน่วยงานรัฐไม่มีปัญญาแก้ไขให้หมดไปได้ซักที
คนพวกนี้มันรู้จุดอ่อนคนไทยครับ คนไทยส่วนใหญ่ขี้สงสาร และมีความเมตตา เห็นช้างเดินตุ้ยนุ้ยก็อดไม่ได้ที่จะซื้ออ้อยเลี้ยงช้าง
แต่ความเมตตาของเรานี่แหละครับ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปัญหามันยังคงอยู่
มิพักที่ต้องพูดถึงกฏหมายที่มีบังคับใช้ แต่ก็ไม่เอาจริงซักที
การนำช้างมาเร่ร่อนผิดกฏหมายหมายหลายฉบับ ทั้ง พรบ.สัตว์พาหนะพ.ศ.2482 , พรบ.การสาธารณสุขพ.ศ.2535 พรบ.โรคระบาดสัตว์พ.ศ.2499, พรบ.ทางหลวงพ.ศ.2535 พรบ.จราจรทางบกพ.ศ.2522 และ พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ.2535
คนที่มีหน้าที่บังคับใช้กฏหมายไม่รู้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ?????
ถ้ามันแก้ที่การใช้กฏหมายไม่ได้ เห็นทีจะต้องเริ่มต้นแก้ที่ตัวเราก่อนครับ นั่นก็คือต้องใจแข็งไม่ควักเงินซื้ออ้อยไปเลี้ยงช้าง
วิธีนี้อาจแก้ปัญหาไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็คงช่วยให้มันลดลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง ที่สมัยก่อนเราเคยใช้เป็นพาหนะรบทัพจับศึก กู้บ้านกู้เมืองได้ก็เพราะช้างนี่แหละครับ ประวัติศาสตร์เขาก็บันทึกไว้
ที่ยังคงมีอยู่ในแบบเรียนตอนนี้ ก็คือเหตุการณ์ที่พระนเรศวรทรงทำยุตถหัตถี ด้วยการไส "พระคชาธาร" เข้าชนกับพระมหาอุปราชา
แต่ตอนนี้สถานะของช้างไทยคือการเดินเร่ร่อนตามผับ, บาร์เบียร์ และ ตลาดนัด
อย่าไปฝากความหวังไว้ที่องค์กรเอกชนเลยครับ เพราะพวกเขาไม่ได้มีแรง มีกำลังมากเท่าภาครัฐ อีกทั้งมันยังเป็นหน้าที่ของภาครัฐโดยตรงที่ต้องแก้ปัญหา
มูลนิธิเพื่อนช้าง หรือ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ แทบไม่มีเงินมาทำอะไรได้เลย
รัฐนี่แหละครับ ที่ต้องเป็นเจ้าภาพแก้ปัญหา เพราะมันเป็นเีื่องของการบังคับใช้กฏหมายโดยตรง
ผมว่าโครงการประเภท "ปล่อยช้างเข้าป่า" น่าจะสำคัญน้อยกว่าโครงการประเภท "ช่วยช้างเร่ร่อน" นะครับ เพราะมันคือต้นธารของการแก้ปัญหาโดยองค์รวมในเรื่องของช้าง
ช่วยไม่ให้มันโดนทรมานก่อนเถิด
จากนั้นค่อยมาทำเรื่องส่งมันกลับคืนป่า......
จากคุณ |
:
ตุ้ม (Toom McCartney)
|
เขียนเมื่อ |
:
14 พ.ย. 55 08:29:35
|
|
|
|
|