ความคิดเห็นที่ 5
กระผมจำเนื้อหาสาระที่ท่านกล่าวได้ ท่านบอกว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์ในจังหวัดภาคใต้ได้พัฒนาดีขึ้นมาโดยลำดับ และบอกว่าบัดนี้ไม่มีปัญหาเรื่องแบ่งแยกดินแดนแล้วปัญหาภาคใต้ไม่มีความแตกต่างไปจากจังหวัดชายแดนอื่น ๆ ไม่มีลักษณะพิเศษ เมื่อไม่มีลักษณะพิเศษ ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องมีหน่วยงานพิเศษจึงให้ยกเลิก ศอบต.และยกเลิกถอนกองกำลังพลเรือนตำรวจทหาร 43 ออกมาอันนี้คือสิ่งที่คิดใหม่ทำใหม่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ไม่เชื่อเรื่องความคิดแบ่งแยกดินแดนถือว่าหมดแล้ว แล้วท่านยังบอกด้วยซ้ำไปว่าที่มีอยู่ก็โจรกระจอก และย้ำว่ารัฐบาลของท่านไม่ขี่ช้างจับตั๊กแตนคือปัญหาที่มีอยู่เป็นปัญหาตั๊กแตน ก็ใช้ตั๊กแตนแก้ปัญหาไม่ใช้ช้างไปแก้ปัญหา
หน่วยงานที่มีอยู่ยกเลิกนี่คือความเชื่อของรัฐบาลประกาศเมื่อกลางปี 2545 ประธานที่เคารพครับความจริงแล้วก่อนที่จะถึงช่วงที่รัฐบาลประกาศยกเลิกศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเป็นสัญญาณมาก่อนแล้ว แต่รัฐบาลไม่ไหวตัวเท่านั้นเองไม่เชื่อพวกเราในที่นี้เริ่มปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามความเข้าใจของแต่ละท่านต่างกันไปหลายท่านบอกว่าปัญหามันเกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 เมื่อเกิดการปล้นปืนในค่ายทหารบางท่านหลายท่านบอกว่าเขาถือว่าเหตุร้ายเริ่มเมื่อวันที่มีระเบิดที่วัดช้างไห้ ผมกราบเรียนท่านประธานว่าผมจับตาดูปัญหานี้ถ้าจะให้ผมเริ่มผมจะเริ่มเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2544 คือวันที่เริ่มมีกระบวนการยิงตำรวจวันเดียว 5 คน 3 จังหวัดพร้อมกัน 24 ธันวาคม 2544 ผมคิดว่าเป็นการเริ่มต้นล้างแค้นหลังจากรัฐบาลได้ใช้นโยบายจะยุติปัญหาอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่วันที่ 7 เมษายน 2544 และนายกรัฐมนตรีเดินทางไปหาดใหญ่ประชุมข้าราชการแล้วท่านออกมาแถลงว่าบัดนี้รัฐบาลรู้ปัญหาภาคใต้หมดแล้วทุกอย่างจะแก้ไขเสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน
ความจริงก็เป็นเรื่องที่ถ้าหากทุกอย่างยุติภายใน 3 เดือน แต่ว่า 3 เดือนมันมาจากอะไร มันมาจากความคิดที่จะยุติปัญหาง่าย ๆ ด้วยการใช้มาตรการผิดทำนองครองทำตามกฎหมาย ท่านประธานที่เคารพคือระบบอุ้มฆ่า แนวความคิดนี้ความจริงในที่ประชุมที่ท่านนายกไปให้นโยบายนั้น มีข้าราชการระดับสูงทุกกระทรวงแต่ไม่ค่อยมีใครกล้าท้วงมีคนเดียวที่กล้าติงและบอกว่าสิ่งที่นายกฯ คิดคือในที่ประชุมวันนั้นคงจะไม่ได้พูด 3 เดือน เขาบอกผมว่าพูด 2 เดือนด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมาให้สัมภาษณ์ที่หลังก็พูดถึง 3 เดือน ท่านรองแม่ทัพคนที่ติงนายกฯวันนั้นคือรองแม่ทัพอาวุโสที่สุดในภาค 4 ท่านบอกกับผมว่าวันนั้นท่านต้องไปแทนท่านแม่ทัพภาค 4 พลโทณรงค์ เดชอุดม ซึ่งไปรับเสด็จ ท่านรองแม่ทัพต้องไปแทนท่านก็ติงนายกฯวันนั้นว่าความคิดที่จะยุติปัญหารวบรัดรวดเร็วในช่วงเวลา 2 เดือน หรือ 3 เดือนก็ตามอาจจะทำได้ยาก
ท่านประธานที่เคารพครับ ท่านรองแม่ทัพเรวัติ บอกผมว่าท่านนายกฯ ก็ไม่พอใจแล้วในที่สุดท่านรองแม่ทัพคนนี้เมื่อครบปีงบประมาณความหวังที่จะเป็นแม่ทัพก็หมด ท่านก็ย้ายเข้าประจำเป็นผู้ทรงคุณวุฒิยุติชีวิตทหารเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง ผมกราบเรียนท่านประธานเรื่องนี้เพราะนี้คือความเชื่อรัฐบาล การที่ออกนโยบายออกมาแต่ละครั้งในตอนหลังนั้นล้วนแล้วแต่มาจากความเชื่อของรัฐบาล รัฐบาลไม่ถือนโยบายความมั่นคงแห่งชาติฉบับที่ 4 เป็นแนวปฏิบัติทั้งที่ตัวเองต้องใช้ตั้งแต่ 43 ตั้งแต่ปี 2544, 45, 46 อีก 3 ปี และวันนี้นโยบายฉบับนี้ครบกำหนดแล้วครับยุติไปเมื่อปี 46,47, 48 ไม่มีนโยบายใหม่ทราบวาระแต่ยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบ เมื่อเราไม่มีนโยบายยึดก็เป็นเรื่องลำบาก การแก้ปัญหาขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้มีอำนาจ ผมจึงขอพูดแก้ต่างให้แก่เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และประชาชนผู้บริสุทธิ์ว่าเราไปตำหนิติเตียนเขา แต่ฝ่ายเดียวก็ไม่ยุติธรรมหลายคนต้องทำตามนโยบาย เมื่อนโยบายออกมาอย่างนี้ก็ต้องทำอย่างนี้เพียงแต่กฎหมายไม่ให้อภัยถ้ารู้ว่านโยบายคำสั่งผิดแล้วยังไปทำ
ผมกราบเรียนท่านประธานว่าวันนี้คนบริสุทธิ์เสียชีวิตมากมายเกือบทุกวันไม่ใช่ความผิดของข้าราชการที่เป็นตัวสาเหตุ สาเหตุที่แท้จริงมาจากนโยบายของรัฐบาล เพราะข้าราชการเหล่านั้นคือใคร คือข้าราชการที่รับราชการมานานไม่ใช่เพิ่งเข้ามาในรัฐบาลชุดนี้ และทำไมเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้จึงไม่เกิดตอนนั้น เพราะเขาไม่ให้นโยบายไปในทางที่ผิดผมเข้าใจดีว่ารัฐบาลถนัดเรื่องนี้ในขณะนี้นโยบายที่ออกมาในปี 2548 ที่เพิ่งแถลงไปเมื่อวันที่ 23 นี้จึงได้เขียนเรื่องนโยบายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้เป็นพิเศษ และย้ำเรื่องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และย้ำว่าจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด
ท่านประธานที่เคารพครับ การปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัดไม่ต้องเขียน รัฐบาลทุกชุดต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัดเรื่องนี้จะหย่อนเรื่องนี้จะตึงไม่ได้ครับ แต่ต้องเขียนขึ้นมาพิเศษในนโยบายปีนี้ของรัฐบาลในการแถลงนโยบายเสมือนยอมรับว่าที่ผ่านมามันไม่ได้เป็นไปตามเรื่องนั้น และก็จริงคือเราใช้อำนาจเกินกฎหมาย
ผมสนับสนุนการใช้กฎหมายโดยเด็ดขาดผู้ที่กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นพุทธ มุสลิมไม่มีข้อยกเว้นแต่ความเด็ดขาดนั้นต้องเด็ดขาดตามกฎหมายไม่ใช่เด็ดขาดเหนือกฎหมาย ไม่ใช่สงสัยใครอุ้มฆ่า เมื่อคืนนี้ผมได้ยินท่านวุฒิสมาชิกจากจังหวัดสงขลาได้พูดเรื่องนี้ในฐานะท่านเป็นตำรวจพูดได้ชัดเจน เพราะมันมีการส่งมือเก็บจากส่วนกลางไปในพื้นที่แล้วท่านบอกว่าคนเหล่านี้ได้ดิบได้ดี คนเหล่านี้ลงไปได้อย่างไรถ้าฝ่ายนโยบายไม่สั่ง กระผมคิดว่าเราจึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เสียสละเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้นต้องได้รับการคุ้มครอง เขามีสิทธิ์ป้องกันตัวถ้าคนร้ายทำอะไรก็ตามที่เป็นการปทุษร้ายต่อเขา แต่เขาไม่มีสิทธิ์ฆ่าคนบริสุทธิ์แล้วไปยิงทิ้ง ฆ่าทิ้ง หรืออุ้มฆ่า นี่คือกฎหมายที่เป็นความเคร่งครัด
จากคุณ :
NaiTonTaeng
- [
25 ก.ย. 48 08:10:41
]
|
|
|