ความคิดเห็นที่ 739
คงไม่เข้าข้างใคร ไม่ชี้ถูกชี้ผิด นะครับ... เพราะเชื่อในวุฒิภาวะของแต่ละคนว่า เมื่อได้อ่านแล้ว มีสติ ตัดสินปัญหาต่างๆ ได้... เข้ามาอ่านบ่อยๆ ทั้งที่ไม่ใช่เจ้าประจำห้องนี้ ที่เข้าบ่อยๆ เพราะน้องในห้องนี้เคยเข้าไปทักทายในห้อง BP... เลยตามน้องเขามาดูอาหารน่าอร่อยของที่นี่... ต้องขอชื่นชมในฝีมือการทำอาหารของแต่ละท่าน แต่คิดในใจว่า น่าจะมีหัวข้อย่อยเรื่องเคล็ดลับในเรื่องของอาหาร หรือเคล็ดลับอื่นๆ แทรกไปด้วยก็คงเป็นประโยชน์ไม่ใช่น้อย... อ้าว..นอกเรื่องไปเสียแล้ว ย้อนกลับมาว่าเรื่องที่ตั้งใจจะเล่าดีกว่า...
ใจก็อยากให้เรื่องนี้จบไวๆ เพราะเข้าใจและเห็นใจทุกฝ่าย...ทั้งคุณหมอ, ภรรยาคุณหมอ, สัตวแพทย์ 2 คนแรก, เจ้าของโรงเชือด (งงหละซิ คนนี้มาเกี่ยวอะไร แต่ถ้าคุณคุ้นเคยในแวดวงนี้จะรู้ว่าเกี่ยวครับ), เจ้าหน้าที่วัดสวนแก้ว, พระที่วัดในกบินบุรี, คนดูแลหมู, ปศุสัตว์, และสุดท้ายคือพระเดชพระคุณพระพยอม... เหล่านี้ทุกคนต้องตกเป็นจำเลยในการวิจารณ์ครั้งนี้... ทั้งที่จะกล่าวโทษ ก็กล่าวโทษได้ทุกคน ถ้าจะกล่าวชม ก็ชมได้ทุกคน...
ผมอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่วันแรกๆ ตอนยังไม่เป็นข่าว ช่วงนั้นอยู่ต่างจังหวัด น้องที่ทำงานที่เข้าพันทิพประจำเขาเปิดให้อ่าน... อ่านทีแรกก็ยอมรับว่า ตกใจครับ.. เฮ่ย.. ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในวัด ... ด้วยความที่ตัวผมคุ้นเคยกับการไถ่ชีวิตสัตว์มานาน ก็งงครับว่า เอ... ไม่เคยมีการไถ่ชีวิตหมูที่ไหนมาก่อน แล้ววัดนี้รับไปได้ยังไง ... เพราะตอนนั้นยังไม่ลงหนังสือพิมพ์ครับ ข้อมูลก็มีนิดเดียวข้างเดียว เจ้าของกระทู้ก็เข้ามาครั้งเดียวก็ไม่เห็นเข้ามาให้รายละเอียดเพิ่มอีก... เลยต้องนั่งอ่านข้อคิดเห็นที่รุนแรง เรียกว่า ทั้งวัดทั้งพระ โดนกระหน่ำซะอ่วมจนผมสลดใจ ...
ตอนหลังเป็นข่าวทั้งทางหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ (ช่วงอ่านข่าวของแต่ละช่อง) และเจ้าของกระทู้มาชี้แจงเพิ่มเติม... ผมจึงได้รับข้อมูล และเข้าใจเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาคัดค้านความคิดเห็นใคร...
แต่ที่ผมจำมีเรื่องเล่านี้ เป็เพราะผมเห็นมีบางกระทู้ มีข้อคับข้องใจ ไม่เข้าใจกระบวนการไถ่ชีวิตสัตว์ (ผมพูดถึงการไถ่นะครับ ไม่ใช่การรับสัตว์ที่ไถ่มาดูแล) และบางช่องความคิดเห็น ที่ดูจะกลุ้มใจว่า ต่อไปจะทำยังไงดี วันข้างหน้า เมื่อเราไถ่ชีวิตเขาแล้ว เราจะต้องมาเสียความรู้สึกแบบนี้อีกหรือเปล่า... ผมก็จะเล่าข้อมูลอะไรเล็กน้อย จะไม่พยายามให้ทุกฝ่ายเสียหาย... (จะว่าเล็กน้อยก็ไม่ใช่ ผมเล่ายาวเลย)
การไถ่ชีวิตสัตว์... เขาไถ่ชีวิตสัตว์อะไรกันบ้าง... ที่ไหนเขานิยมไปร่วมทำบุญกัน และบังเกิดผล... พอไถ่ชีวิตเขาแล้ว เขาเหล่านั้นไปไหน...
เมื่อก่อนนี้ ก็อย่างที่บางข้อคิดเห็นบอกไว้... ตามวัดในต่างจังหวัด คนมักจะแอบมาปล่อยหมาแมว... มีบ้างที่เกิดสัตว์พิการแล้วเจ้าของจะฆ่า หรือสัตว์อย่างวัวควายพิการถูกใช้งาน พระท่านมักจะขอบิณฑบาทสัตว์เหล่านั้นมาดูแลที่วัด บางแห่งมีแม้กระทั้งเสือด้วยซ้ำไป... จนชาวบ้านบางครั้งวัวควายที่ตกจากรถของโรงฆ่าสัตว์ หรือไปเห็นวัวควายจะถูกเชือดมีน้ำตาไหลออกมาแล้วนึกสงสาร จึงซื้อมาถวายวัด ด้วยเชื่อว่าเป็นเขตอภัยทาน สัตว์เหล่านั้นคงจะปลอดภัยกว่าเลี้ยงไว้เอง...
ต่อมามีการริเริ่ม ไถ่ชีวิตโคกระบือ... แห่งแรกที่ผมได้ยินว่าริเริ่มทำ เป็นวัดที่อยู่แถวๆ ท่าน้ำปากเกล็ด (ไม่กล้าบอกชื่อ) บางคนได้ยินที่วัดอื่นทำมาก่อนก็ไม่ว่ากัน... ก็มีการระบุว่า บริจาคตัวละเท่าไร ถ้ากำลังเงินไม่ไหวก็หุ้นกันคนละเท่าไร (คงไม่บอกพฤติกรรมต่างๆ นะครับ) ตอนหลังเจ้าอาวาสก็ถูกขับไล่ไป... ต่อมาก็มีวัดและหน่วยงานอื่นๆ และมูลนิธิ สมาคมของเอกชน ทำบ้าง แต่จัดรูปแบบการบริจาคให้ดีขึ้น ชัดเจนขึ้น... จึงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้... ได้มีการจัดระบบ โดยการซื้อโคกระบือ ในโรงเชือดจริงๆ ... มีกระทำพิธีทางศาสนาในโรงเชือด โดยมีรถบัส นำผู้บริจาคไปเข้าร่วมพิธี... หลังจากนั้นมอบให้ทางปศุสัตย์ตรวจสอบ และมอบให้กับธนาคารโคกระบือนำไปให้กับเกษตรกรในที่ต่างๆ ที่ได้รับการตรวจสอบแล้วว่า เป็นผู้ที่เหมาะจะได้รับมอบโคกระบือเหล่านี้ไปเลี้ยง...
โคกระบือที่ได้รับมอบไป ต้องนำไปเลี้ยงเพื่อใช้งาน... จะนำไปฆ่าไม่ได้ (ถ้ามีการฆ่าจริงๆ ก็คงไปทำอะไรไม่ได้ นอกจากลงโทษทางสังคม และงดความช่วยเหลืออื่นๆ ที่อาจจะมีต่อไป) ... แต่ถ้าวัวควายที่ได้รับไปเลี้ยง ตกลูกออกมาเป็นตัวผู้ ก็จะเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เลี้ยงโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าตกลูกมาเป็นตัวเมีย ต้องมอบลูกให้กับทางธนาคารโคกระบือ เพื่อนำไปให้กับผู้ที่เหมาะสมอื่นๆ ต่อไป...
กลุ่มที่นิยมไถ่ชีวิตโคกระบือ ในแต่ละปีก็จะมีวัด มูลนิธิ สมาคมของชาวจีน มาทำบ่อย... อย่างเมื่อเดือนที่แล้วก็มีขบวนรถบัส โครงการของหลวงตาบัวมาไถ่ชีวิตโคกระบือจากโรงเชือดอยุธยาไปหลายร้อยตัวทีเดียว... โครงการนี้ก็จัดรูปแบบได้ดีทีเดียว (บอกสักที่นึงเลย คนอยากถามจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเข้ามาถาม)...
มีคนเคยถามผมเหมือนกันว่า เคยมีการไถ่ชีวิตหมู และเป็ดไก่จากโรงฆ่าไหม... ผมก็ไม่เคยได้ยิน แต่สอบสอบถามจากโรงเชือดหมูและปศุสัตว์ จนได้ความว่า... ไม่เคยมี... เพราะถ้ามี จำนวนหมูที่ถูกไถ่ชีวิตจะมีมาก เพราะราคาต่ำกว่าวัวความยเยอะ จึงคาดว่าจะมีคนบริจาคล้นหลาม... ผลเสีย ประการแรกคือ หมูจากขาดหายไปจากท้องตลาดทันที เพราะในแต่ละวัน จำนวนหมูที่ถูกฆ่า มีจำนวนมากกว่าโคกระบือหลายเท่า โดยเฉพาะเป็ดไก่ ผลเสียจะกระทบกับผู้บริโภคมาก... และสัตว์เหล่านี้ เลี้ยงเพื่อกินเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้งานได้เลย... เมื่อแจกชาวบ้าน จึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากเลี้ยงเพื่อรอให้มันแก่ตาย...
ท่านที่สงสัยในเรื่องการไถ่ชีวิตสัตว์คงเข้าใจแล้วนะครับ... ถ้าอยากร่วมทำบุญก็ทำได้ครับ แต่เลือกหน่วยงานที่เขาทำโครงการแบบนี้ดีกว่า... อย่างวัดสวนแก้ว เจตนาเขาทำการเลี้ยงสัตว์เล็กอย่างหมาแมวที่ถูกทอดทิ้งมากกว่า... พอมีคนนำวัว ควาย หรือสัตว์อื่นมาให้ ก็คิดว่าคงไม่เกินกำลังวัดที่จะรับเลี้ยง ทั้งที่ตัวเองไม่รู้ ไม่ทราบขั้นตอนวิธีการ... ใครนำสัตว์อะไรมาให้ ก็รับไว้เสียทุกอย่าง... ก็เป็นความหวังดีของทางวัดสวนแก้วหละครับ ที่อยากริเริ่มโครงการดีๆ ของทางวัด... ต้องขอชมเชย... แต่เมื่อมีเหตุแบบนี้ ก็อยากให้ศึกษาให้ถ่องแท้ ก่อนรับอะไรมาเลี้ยง... ปัญหาจะได้ไม่เกิดอีก....
ก็ต้องชมคุณหมอ โดยเฉพาะภรรยา.. กรณีนี้ หมูตกมาจากรถตรงหน้า ภรรยาคุณหมอเกิดความสงสารจึงอยากขอซื้อไว้เลี้ยงเอง (ในตอนนั้นเชื่อว่า เขาคงยังไม่นึกถึงการบริจาคให้วัด)... และได้รีบโทรปรึกษาสามี ไม่ได้ทำโดยพลการ... ตรงนี้ต้องขอชื่นชมภรรยาคุณหมอครับ ถือว่าเป็นเด็กสาวที่มีน้ำใจงามคนหนึ่ง...
ส่วนคุณหมอก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ พยายามแก้ปัญหาต่างๆ จนสุดท้ายต้องไปมอบให้วัดดูแล... ส่วนควรหรือไม่... โทษคุณหมอก็คงไม่ถูกนัก เพราะหมอเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ และหมอเองก็นึกว่าทางวัดมีความสามารถที่จะรับเจ้าสำโรงไปดูแลได้
ส่วนวัดสวนแก้วก็ต้องขอชมเชยครับ ที่พยายามริเริ่มโครงการแบบนี้ เพราะคิดว่าตัวเองคงทำได้... ก็คงต้องเป็นบทเรียนของทางวัดต่อไป...
ส่วนพระที่อำเภอกบินฯ ก็คงไม่ตั้งใจจะมุสาหรอกครับ... พระท่านก็คน ตอนแรกพระรูปแรกก็คงไม่รู้... พอรู้แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก หาทางออกไม่เจอ... เหมือนลูกน้องผมหละ พอถาม อ้าว... ใครกินชอคโกแล็ตในตู้เย็นไป แต่ละคนก็จะอึกอักๆ บอกเปล่า... ไม่รู้... ทั้งที่ถ้าบอกความจริงมา หรือรับความจริงมา ผมก็คงไม่ถือโทษโกรธกัน... ก็ขอให้เราเห็นใจพระท่านเถอะครับ... ถ้าท่านสติแน่วแน่ กว่านี้ ท่านคงไม่เป็นแค่พระลูกวัดธรรมดาแน่ๆ คงได้ชั้นราช ชั้นเทพไปแล้ว... เป็นพระก็ยังต้องขัดเกลา ฝึกตนครับ... อย่าคิดว่าเป็นพระแล้ว จะต้องสุดยอด ไม่ผิดเลย... ให้เวลาท่านฝึกตนไปก่อนครับ...
ช่วงต้นกระทู้แรกๆ อาจมีการกล่าวรุนแรง และถึงขั้นด่าทอกันไปบ้าง ก็อย่าไปเก็บมาเป็นคำพูดเลยครับ... เพราะในช่วงแรกๆ แต่ละคนก็ยังไม่ค่อยมีข้อมูล... จึงยังไม่มองภาพในมุมกว้างไม่ออก... จึงสงบจิตมองหาเหตุแห่งกรรมไม่ได้.. การกล่าวการเขียนอะไรมา ก็ดูจะรุนแรงไปบ้าง...
แต่เมื่อถึงตอนนี้แล้ว... เชื่อว่าหลายคนได้เห็นเหตุผลต่างๆ แล้ว... ผมเชื่อว่า คงเป็นการทำผิดพลาดไป ไม่ได้เป็นการตั้งใจกระทำชั่วหรอก...
ผู้ชำแหละกับปศุสัตว์ เราก็ต้องเชื่อในคำให้การ และคำสารภาพของเขา... เราอย่าปิดหัวใจตัวเอง ไม่เชื่อคำกล่าวของเขา... ผมเองเชื่อในคำพูดของคนชำแหละหมู, ปศุสัตว์ และ พระ... เหมือนที่ผมเชื่อในคำพูดของคุณหมอและภรรยานั่นหละ... ส่วนใครพูดจริงเท็จ นั่นเป็นสำนึกในใจที่ต้องติดตัวของเขาไป....
จากคุณ :
หมอนทองแท้
- [
10 ก.พ. 49 16:56:06
]
|
|
|