ความคิดเห็นที่ 1 ข้อมูล เป็นซิมบิเดียมขนาดเล็ก ใบมีลักษณะกว้างต่างจากซิมบิเดียมอื่นๆ ใบยาว 20-49 ซม. กว้าง 3.5-6.2 ซม. ใบค่อนข้างหนา ช่อดอกห้อยยาว 15-44 ซม. มีดอก 15-50 ดอกเรียงกันชิด สีน้ำตาลอมเขียว ปากสีม่วง ดอกขนาด 2.5-3.5 ซม. จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เขตการกระจายพันธุ์ เขาเมฆลายา(Meghalaya)  เขาขาเสิย (Khasia Hills) ในภาคเหนือของอินเดีย สิกขิม ภูฐาน ภาคตะวันออกของเนปาล(1,700-2,200 เมตร)   ภาคเหนือของไทย(1,450 เมตร) จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สิกขิม  ดาร์จิลิง จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ภูหลวง จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:06:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ฤดูการออกดอก   เมษายน-มิถุนายน จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ซิมบิเดียมเดโวเนียนั่ม หรือ กะเรกะร่อนใบพาย เป็นซิมบิเดียมที่มีความพิเศษ มีลักษณะโดดเด่นแตกต่างจากซิมบิเดียมชนิดอื่นๆในสกุลเดียวกันอย่างมาก ไม่มีซิมบิเดียมชนิดใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกับกะเรกะร่อนใบพายมากพอ  ทำให้กะเรกะร่อนใบพายต้องถูกจัดออกมาอยู่ในเซคชั่นของตนเองต่างหากคือ section Bigibbarium ลักษณะโดดเด่นที่ชัดเจนที่สุดของกะเรกะร่อนใบพายที่ดูแตกต่างจากซิมบิเดียมชนิดอื่นๆก็คือใบที่กว้างช่วงปลายใบ แต่โคนใบสอบแคบ เนื้อใบค่อนข้างหนา เป็นมัน ทำให้ดูละม้ายกับกล้วยไม้ในสกุล Coelogyne จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กะเรกะร่อนใบพายที่เก็บมาจากภาคเหนือของอินเดียในปี ค.ศ.1837บานครั้งแรกประเทศอังกฤษใน ค.ศ. 1843 ที่เมือง Chatsworth ในสวนของ Duke of Devonshire   ใน ค.ศ. 1843 ปีเดียวกันกับที่ดอกบาน Paxton ได้บรรยายและวาดภาพลงในหนังสือ Magazine of Botany ในช่วงปี 1849-1978 มีการเก็บกะเรกะร่อนใบพายได้อีกหลายครั้งจากบริเวณเดิมในภาคเหนือของอินเดียได้แก่ สิกขิม ภูฐาน และภาคตะวันออกของเนปาล ที่ระดับความสูง 1,700 -2,200 เมตร แสดงให้เห็นถึงการกระจายพันธุ์ที่จำกัดบริเวณอย่างมากและเป็นซิมบิเดียมที่หายากมากชนิดหนึ่ง การค้นพบกะเรกะร่อนใบพายบนยอดภูหลวงที่ระดับ 1,450 เมตรในปี ค.ศ.1983 โดยคณะของ Du Puy และ Seidenfaden นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่าภูมิใจในความหลากหลายของเมืองไทยเพราะภูหลวงอยู่ห่างไกลจากสิกขิมอย่างมาก นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีกะเรกะร่อนใบพายบนยอดดอย หรือ ภูในประเทศลาวและเวียดนาม   ในปี ค.ศ. 1988 มีรายงานการค้นพบกะเรกะร่อนใบพายในประเทศเวียดนาม บริเวณที่ราบสูงรอบเมืองดาลัต ตัวอย่างดอกและรูปถ่ายได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วจาก ดร.ไซเดนฟาเดน แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 10:36:57 จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กะเรกะร่อนใบพายบนภูหลวงออกดอกก่อนคือในเดือนเมษายน  ส่วนพวกที่อยู่ภาคเหนือของอินเดียออกดอกช่วงพฤษภา-มิถุนายน สำหรับกะเรกะร่อนใบพายที่สืบสายมาจากภาคเหนือของอินเดียที่ปลูกเลี้ยงในแคลิฟอร์เนียก็ออกดอกในช่วงพฤษภา-มิถุนายน เช่นกัน  ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มที่พบบนภูหลวงอาจจะไม่ต้องการความหนาวมากเท่ากับกลุ่มที่มาจากภาคเหนือของอินเดีย ในภาคเหนือของอินเดียสามารถพบกะเรกะร่อนใบพายขึ้นทั้งบนพื้นหิน หน้าผา และคาคบไม้ที่มีมอส ไลเคน และซากใบไม้ทับถมอยู่ สามารถทนน้ำค้างแข็งที่เกิดขึ้นเป็นประจำได้ดี บนยอดภูหลวงพบกะเรกะร่อนใบพายขึ้นบนพื้นหินที่มีทรายผสมกับเศษใบไม้ อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ยๆ และมักพบรอยไหม้ (Sunburn)บนใบที่เกิดจากแดดได้บ่อยๆ สีช่อดอกและฝักดูกลมกลืนกับพื้นหิน พื้นทราย ใบไม้แห้ง ได้อย่างดี หากไม่สังเกตให้ดีก็จะมองไม่เห็นแม้กระทั่งช่อดอกขนาดใหญ่ที่กำลังบาน กะเรกะร่อนใบพายเป็นกล้วยไม้ที่มีความไวต่อปริมาณเกลือที่มีในน้ำที่ใช้รด เลี้ยงยาก และไม่สามารถทนความร้อนในพื้นราบเขตร้อนได้ หากนำมาเลี้ยงก็จะตายในเวลาอันรวดเร็ว แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 10:21:37 จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ลูกผสมต้นแรกของซิมบิเดียมชนิดนี้คือ Cym Langleyense ซึ่งเป็นการผสมเข้ากับซิมบิเดียมปากนกแก้ว (Cym lowianum) ได้รับการจดทะเบียนในปี ค.ศ.1911 ได้ลูกผสมที่สวยงาม มีช่อดอกโค้งห้อย ชื่อ Langleyense มาจากชื่อเมือง Langley ในประเทศอังกฤษ และได้เปลี่ยนรูปให้เป็นคำละติน ชื่อ Langleyense ยังได้ถูกนำไปใช้สร้างเป็นภาพยนต์โดยมีสัตว์ประหลาดที่เป็นตัวกินทุกสิ่งที่เป็นอดีตชื่อ Langleyense ตามนิทานปรัมปรา มีเนื้อเรี่องน่าสนใจทีเดียว รูป Cym Langleyense จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ปัจจุบันลูกผสมของกะเรกะร่อนใบพายได้รับความนิยมอย่างสูงในต่างประเทศเพราะให้ลูกที่มีช่อดอกโค้งห้อย สวยงาม จำนวนดอกมาก ช่อดอกแน่น ขนาดต้นพอดีๆเหมาะกับการใช้งานเป็นไม้กระถาง และมีฤดูการออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้ดอกไม้มากที่สุดในประเทศเขตหนาวเช่นญี่ปุ่น อเมริกา ฮอลแลนด์ รูปลูกผสมที่เกิดจาก devonianum 1. (Cym florribundum x Cym devonianum) x Cym florribundum ‘Tokyo Dome’ จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 2. Cym erythrostylum x Cym devonianum จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 3. Cym Kiwi Baron ต้นนี้ก็มีเชื้อสาย devonianum เช่นกัน จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามมาเซฟครับ อิอิ จากคุณ : d-k - [ 4 เม.ย. 49 10:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทั้งสวย ทั้งได้ความรู้ ขอบคุณคับผม จากคุณ : t'pong2 - [ 4 เม.ย. 49 10:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ได้ความรู้มากๆค่ะ จากคุณ : บุหงากะสุต - [ 4 เม.ย. 49 10:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 16 และที่กำลังจะทำซ้ำ Cym ensifolium x Cym devonianum จากคุณ : สำเภางาม - [ 4 เม.ย. 49 10:30:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณครับที่ช่วยเพิ่มความรู้ จากคุณ : asuorchid - [ 4 เม.ย. 49 10:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สวยและมีความรู้ด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : สิงโตอ้วน - [ 4 เม.ย. 49 10:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ชอบใบพายครับ สวยมากๆน่าจะทนร้อนได้จะดีมากๆ จากคุณ : ดีเจอรรณพ - [ 4 เม.ย. 49 10:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พี่ท็อปสวยมากเลยครับ เสียดายผมไม่ได้ไปด้วย แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 10:59:13 จากคุณ : Paphmania - [ 4 เม.ย. 49 10:56:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ยอดมาก ๆ เลยครับ ต้องเก็บเข้าคลังกระทู้ครับ จากคุณ : Pic-s - [ 4 เม.ย. 49 11:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้ และชอบซิมบิเดียมตัวนี้มากครับ จากคุณ : ลุงหนวด (ลุงหนวด๒๕๔๗) - [ 4 เม.ย. 49 11:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ได้ชมภาพสวยๆ และความรู้ที่เพิ่มขึ้น  ขอบคุณค่ะ จากคุณ : anlee - [ 4 เม.ย. 49 12:04:28 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบมาก ๆ เลยค่ะ ได้ทั้งอาหารตาและอาหารสมอง จากคุณ : กะปอมค่ะ - [ 4 เม.ย. 49 12:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สวยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Hexter - [ 4 เม.ย. 49 12:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณมากครับพี่ จากคุณ : ปุ้ม ครับ - [ 4 เม.ย. 49 12:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สวยมากเลยครับ จากคุณ : cyberkob - [ 4 เม.ย. 49 12:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : PIC2500 - [ 4 เม.ย. 49 14:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 29 สวยพร้อมความรู้ ... ขอบคุณครับ จากคุณ : น้าโหด - [ 4 เม.ย. 49 17:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้ามีโอกาสและพื้นที่จะเริ่มปลูกซิมบ้างแล้ว ดูกระทู้พี่ท๊อปทีไร ใจสั่นทุกที จากคุณ : หมอกฝน - [ 4 เม.ย. 49 17:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณค่ะ สวย และ ได้ความรู้ จากคุณ : เหมียวสินธร - [ 4 เม.ย. 49 18:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ดีแล้วแหละที่พันไม่ไป ไม่งั้นอาจไม่เจอก็ได้ อิ อิ งดงามเหลือเกินเลยพี่ หยั่งงี้ต้องมาช่วยเขียนกันหน่อยแล้วละครับ มีคนฝากบอกว่าอยากไปกินดอกซิมที่บ้าน อะจ๊าก จากคุณ : JUNGLE MAN - [ 4 เม.ย. 49 18:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวยมากค่ะ...และขอบคุณสำหรับความรู้ด้วยนะคะ จากคุณ : มาดามนิบง - [ 4 เม.ย. 49 18:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สวยสุดยอดจริง ๆ ข้อมูลแน่นสุด สุด จากคุณ : นพนะลิน - [ 4 เม.ย. 49 19:29:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พี่.......ถ้าพี่ไม่บอกผมก็คงไม่ทราบหรอกครับ ว่ามันหาดูยาก โชคดีจริงๆที่ได้เห็น........ ขอบคุณมากครับ....... จากคุณ : abman - [ 4 เม.ย. 49 20:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มารับประทานอาหารสมองครับ จากคุณ : Shermanindra - [ 4 เม.ย. 49 21:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ^^, จากคุณ : ปาปิลัน - [ 4 เม.ย. 49 21:53:58 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวยดีครับ มายืนยันอีกคนว่าเลี้ยงตัวนี้ไม่ได้ครับ 3 เดือนในอีเวปฯ ก็ตายเรียบเลยครับ ปล. ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : TKM (TKM) - [ 4 เม.ย. 49 22:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณคับ ได้ความรู้เยอะมากเลย จากคุณ : ไอยเรศแดง - [ 4 เม.ย. 49 23:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มาขอรับความรู้ด้วยครับ จากคุณ : ลิงเล - [ 5 เม.ย. 49 18:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมครับ จากคุณ : สำเภางาม - [ 5 เม.ย. 49 23:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อาจจะเข้ามาชมช้าไปนิด แต่ก็อยากให้กระทู้ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ครับ คือให้ความรู้ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อมือใหม่ หรือ ท่านอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่จะกรุณาแบ่งปันเฉพาะรูปภาพ ข้อมูลประกอบมักไม่ค่อยมีเวลาให้โพสกัน ทำให้มือใหม่อย่างผม เมื่อเข้ามาดูแล้วมักไม่ค่อยเข้าใจ ตามไม่ทัน ชื่นชมความงดงามได้ไม่เต็มความตั้งใจของผู้โพส เพราะหลายต่อหลายครั้ง มีแต่รูปแม้แต่ชื่อก็ไม่มี หากมีเวลา ขอความกรุณาแบ่งปันเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆนะครับ จากคุณ : Jack (ไม้ทั่วไป) - [ 9 เม.ย. 49 23:20:24 ]