สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาตั้งกระทู้ข้ามห้องเพราะคิดว่าอาจจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ตัวเองจับพลัดจับผลูอาจจะไปอยู่ประเทศในกลุ่มอียูเร็วๆนี้ ก็เลยจะเอาเจ้าบุ้งกี๋ หมาบีเกิ้ลสุดแสบไปด้วยแก้เหงา ปรากฎว่าหาข้อมูลรายละเอียดเรื่องการส่งหมายากมาก แต่ในที่สุดหลังจากดูเวปจนตาลายและโทรศัพท์จนหน้ามืด ก็ได้ข้อมูลตามนี้ค่ะ

1. ก่อนอื่นก็ต้องติดต่อสถานทูตของประเทศที่เราจะพาหมาไปนะคะ หรือไม่ก็ค้นในเวปเลยค่ะ จะมีรายละเอียดพร้อม เวปที่ดีๆก็มี http://www.britischebotschaft.de/en/embassy/agriculture/pets_factsheet.htm
http://www.defra.gov.uk/

2. หมาต้องมีอายุเกิน 3 เดือน และได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน โดยเฉพาะโรคพิษสุนัขบ้าและต้องมีสมุดวัคซีนยืนยัน

3. ต้องฝังไมโครชิป iso 11784 หรือ 11785 สามารถฝังได้ที่ร.พ.หลายแห่ง พัทพาหมาไปฝังที่โรงพยาบาลสัตว์เจริญสุขค่ะ อยู่ที่ซอยทองหล่อ 10 โทร (02) 391-9707คุณหมออธิบายข้อสงสัยต่างๆของเราได้ดีมากๆ แล้วก็พนักงานทุกคนอัธยาศัยดีจริงๆค่ะ ค่าใช้จ่ายในการฝัง 600 บาทค่ะ ตอนกรอกฟอร์มขอใบรับรองไมโครชิป ระบุว่าขอภาษาอังกฤษด้วยนะคะ อีกหนึ่งอาทิตย์ ทางบริษัท Pettrac ก็จะจัดส่งมาให้ค่ะ

4. หลังจากนั้นหนึ่งเดือนจะต้องพาหมาไปตรวจเลือด ตรงนี้ล่ะค่ะส่วนที่หน้ามืด เพราะทางอียูระบุว่าจะต้องเป็นห้องแลปที่ได้รับการรับรองโดยกลุ่มประเทศอียูเท่านั้น (ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.defra.gov.uk/animalh/quarantine/pets/procedures/support-info/blood.htm )

ปรากฏว่ามีแค่หยิบมือเดียวทั่วโลก ค่าใช้จ่ายในการตรวจเลือดก็เลยแพงมากกกกกก คือ 15,000 บาท (ตอนนั้นเป็นลมไปแล้วค่ะ)

หลังจากนั้นก็เลยกลับมาตรวจสอบกับกรมปศุสัตว์ ที่กองระหว่างประเทศ (จำชื่อเต็มๆไม่ได้ค่ะ) คุณหมอที่กรมก็ยืนยันว่าในไทยไม่มีแลปที่อียูรับรองจริงๆ พอได้รับคำยืนยันอย่างนั้นก็ทุบกระปุกหมูพาหมาไปตรวจเลือดด้วยจิตใจอันแสนปวดร้าว เอิ้ก เว่อร์ไปหน่อย อย่าว่ากันนะคะ ทางโรงพยาบาลสัตว์เจริญสุขจะส่งผลไปตรวจที่แลป Biobest ในอังกฤษ และถ้าต้องการใช้ด่วนก็จะส่งแฟกซ์ผลเลือดมาให้เราค่ะ

5. จากนั้นเมื่อได้ผลเลือดเรียบร้อย ตามปกติแล้วจะต้องกรอกเอกสารเฉพาะของประเทศนั้นๆเพิ่มเติมด้วย อย่างของพัทก็จะมีเอกสารหนึ่งชุด ระบุรายละเอียดของหมา เจ้าของ วันที่ฉีดวัคซีน ฝังไมโครชิป ตรวจเลือด และรับรองผลการตรวจเลือดโดยสัตว์แพทย์ของรัฐ ซึ่งกรณีนี้ก็สอบถามจนได้ความว่า ผู้ที่มีอำนาจลงนามได้คือผู้อำนวยการที่สำนักงานกรมปศุสัตว์ ห้อง 308 ชั้น 3 คลังสินค้า 2 ดอนเมืองค่ะ โดยเราจะต้องกรอกเอกสารให้ครบ (ให้คุณหมอของหมาเรากรอกก็ได้ค่ะ) แล้วเตรียมหลักฐานอื่นๆ เช่น สมุดวัคซีนหมา ใบรับรองไมโครชิป บัตรประจำตัวหรือหนังสือเดินทางของเรา ฯลฯ ถ่ายเอกสารไปให้ครบด้วยนะคะ แล้วก็หอบหิ้วหมาไปหาหมอที่ดอนเมืองเลยค่ะ เราจะต้องทิ้งเอกสารไว้ประมาณ 2-3 วันแล้วค่อยไปรับอีกทีค่ะ (ส่วนหมา เอากลับบ้านมานะคะ ไม่ต้องทิ้ง อุอุ) อ้อ อันนี้คนละอันกับใบ Health certificate นะคะ อันนั้นไว้ว่ากันต่อ

6. ถ้ายังไม่เปลี่ยนใจยืนยันจะเอามันไปด้วยล่ะก็ คราวนี้ก็ต้องไปซื้อกรงหมาแบบที่เอาขึ้นเครื่องได้ค่ะ มีที่ชามูชามูกับร้านมนูญ แนะนำยี่ห้อ vari kennel ค่ะ ทนทาน สวยงาม แบกง่าย ราคาขึ้นอยู่กับขนาดหมา แต่ของเจ้าบุ้ง ไซส์กลาง จ่ายไปอีก 3,690 ราคาสมาชิกค่ะ อย่าลืมปูกรงด้วยผ้าขนหนูกับใส่ชามอาหารและน้ำดื่มแบบขวดติดกรงด้วยนะคะ

7. คราวนี้ก็มาฝึกมันเข้ากรงกันค่ะ อันนี้สำคัญนะคะ อย่าหัวเราะไป เพราะมันแคบ หมาจะกลัวมากตอนแรก ไอ้เจ้าบุ้งดิ้นใหญ่เลย แต่เรามีวิธีเด็ดสำหรับหมาตะกละค่ะ คือเอาอาหารล่อ เอากรงมาวางที่สว่างๆนะคะ มันจะไม่กลัว แล้วก็ใส่เข้าไป ของกินอะไรที่มันโปรดปราน (จริงๆมันโปรดทุกอย่าง) แล้วก็ค่อยๆดันก้นมันนิดๆ ให้มันเข้าไป แล้วก็ออกมา เข้าไปออกมาเรื่อยๆ ก็ลองปิดประตูกรงค่ะ แล้วอยู่กับมันก่อน ปิดทีแรกก็แป๊บเดียว แล้วก็ค่อยนานขึ้น หลังจากนั้นก็ลองยกกรงดูนะคะ พบว่าเป็นการออกกำลังกายที่ได้ผลมาก กล้ามแขนสวยงามทันตา ลองยกแล้วก็เดินชมนกชมไม้ไป ดูซิมันหอนมั้ย ถ้าหอน ก็เริ่มขั้นตอนใหม่ แต่บุ้งกี๋ไม่หอนค่ะ หลับเลย เฮ้อ ทำแบบนี้ดีอย่างเพราะเราจะได้เตรียมพร้อมตัวเองเวลายกมันออกมาจากสนามบินอย่างทุลักทุเลทางนู้นด้วย ว่าไม่ได้นะคะ หนักจริงๆค่ะ

8. ทีนี้พอเรารู้วันเดินทาง ก็ติดต่อสายการบินเลยค่ะ ถ้าบินตรงได้จะดีมาก ถ้าทำได้ พาหมาไปพร้อมเราเป็น accompanied luggage จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทางสายการบินจะคิดราคาเป็นน้ำหนัก ขึ้นอยู่ว่าจะไปที่ไหน แล้วคูณด้วย 150% นอกนั้นก็มีค่า terminal charge และค่าอื่นๆอีกเล็กน้อย (ตอนนั้นสมองหยุดทำงานไปนิดนึง เพราะหมดแรงจำแล้วค่ะ) ยังไงลองคิดเป็น volume weight ด้วย เพราะกฎสายการบินมีอยู่ว่าระหว่างน้ำหนักจริงกับน้ำหนักข้อหลัง อันไหนมากกว่าให้คิดอันนั้น การคิด volume weight คือกว้าง * ยาว * สูง หน่วยเป็นซม. แล้วหารด้วยหกพันค่ะ ของบุ้งลองถามผู้ร้แล้ว ท่านบอกมาว่าน่าจะ 35 กิโล รวมกรงค่ะ

9. พอติดต่อสายการบินได้เรียบร้อย สามวันก่อนวันเดินทางเอาหมาไปตรวจขอรับใบ health certificate ที่กรมปศุสัตว์ คลังสินค้าสองเหมือนเดิม เอาหลักฐานเดิมไปให้พร้อมนะคะ ค่าดำเนินการ 50 บาท รอรับได้เลย ใบนี้มีอายุ 10 วัน เพราะอย่างนั้น อย่าทำล่วงหน้านานนะคะ

10. สำหรับคนที่ไม่สามารถเอาหมาไปพร้อมกับตัวเองได้เหมือนพัท ก็ต้องหา shipping ล่ะค่ะ หลังจากเสาะแสวงหามายาวนานก็ได้ที่ dynamic air cargo (น้องที่รับสายบอกว่า 'เราส่งทุกอย่างครับ' ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่http://www.dynamicaircargo.com/) แล้วก็แจกแจงรายละเอียดรวมทั้งวันที่เราต้องการส่งหมา กับเอาเอกสารสำคัญถ่ายสำเนาไว้ให้ทุกอย่างด้วย ทางบริษัทจะทำใบ health certificate และใบนำสัตว์ออกนอกประเทศให้เรา เราก็แค่หาคนไปส่งหมาเราที่สำนักงานบริษัทที่ดอนเมือง หรือถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็นัดเค้ามารับหมาที่บ้านเราก็ได้ค่ะ ก็จะมีค่าใช้จ่ายอีกนิดหน่อย ทางบริษัทคิดค่า handling charge และค่าจัดทำเอกสารทั้งหมด 2,500 บาท ที่เหลือก็ค่าน้ำหนักตัวของหมา รวมแล้วของบุ้งประมาณ 15,000 - 17,000 บาทค่ะ (กระปุกหมูตอนนี้เกลี้ยงบ้านแล้ว)

ทีนี้ก็ไม่มีอะไรอีกนะคะ วันไปเราก็ปรึกษาหมอหมาดู ถ้าหมาเราตื่น หมอก็จะจ่ายยากล่อมประสาทให้ เราก็เตรียมเอาหมาเข้ากรง น้ำท่าอาหารให้พร้อม แล้วก็พามันไปอึไปฉี่ให้เรียบร้อย พอถึงเวลานัด ก็พาหมาไปที่บริษัท เค้าก็จะจัดการเอาหมาขึ้นเครื่องให้ค่ะ

อย่าลืมถ่ายสำเนาเอกสารสำคัญทุกอย่างเก็บไว้กับตัวเองด้วยนะคะ

ทั้งหมดนี้อาจจะดูยุ่งยากและน่ากลุ้มใจ (และทำให้จนลงมาก) อยู่ไม่น้อย แต่ถ้าใครจะพาหมาไปต่างประเทศ ก็หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์บ้างนะคะ

ถ้าผิดพลาดตรงไหน ต้องขอโทษด้วยค่ะ หรือถ้าใครรู้อะไรเพิ่มเติม ช่วยบอกด้วยนะคะ

แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 49 21:00:48