เรียน ผอ.เขต พ.
สำนักงานเขต พ. โดยคุณ ก. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล ได้มาตรวจสอบบ้านพักอาศัยของข้าพเจ้าและครอบครัว ในวันพุธที่ 26 กรกฎาคม 2549 แต่ไม่พบข้าพเจ้า เนื่องจากเป็นวันทำงาน จึงได้ฝากบันทึกตรวจสาธารณสุขไว้กับแม่บ้านของบ้านข้างเคียง
ข้าพเจ้าได้ดำเนินการหลังจากได้รับบันทึกดังกล่าวดังนี้
1. วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2549 ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์ติดต่อคุณ ก.(เจ้าหน้าที่เขตฯ) ทราบว่ามีผู้ร้องเรียนเรื่องสุนัขส่งเสียงดังและส่งกลิ่นเหม็น และได้รับคำแนะนำว่าให้ข้าพเจ้าเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาลเพื่อทำบันทึกยินยอมจะปรับปรุงแก้ไขในเรื่องดังกล่าว โดยสามารถทำบันทึกยินยอมฯ กับเจ้าหน้าที่ท่านใดก็ได้ และได้นัดข้าพเจ้าในวันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2549
2. วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม 2549 ข้าพเจ้าได้เดินทางมาที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ สำนักงานเขต พ. เพื่อทำบันทึกยินยอมฯ โดยได้พบคุณ ว. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ เป็นคนรับเรื่องไว้ เนื่องจากคุณ ก. ไม่อยู่ ทั้งนี้ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า ไม่ทราบเรื่องร้องเรียนดังกล่าว จึงไม่สามารถให้ข้าพเจ้าทำบันทึกยินยอมฯ ได้ พร้อมทั้งได้ขอสำเนาบัตรประจำตัวของข้าพเจ้าไว้เพื่อที่จะจัดทำหนังสือตักเตือนเป็นทางการต่อไป
3. วันพุธที่ 9 สิงหาคม 2549 ข้าพเจ้าและครอบครัวได้รับหนังสือจาก สนง.เขต พ. เรื่องคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นให้แก้ไขเหตุเดือดร้อนรำคาญ จึงเกิดความทุกข์ใจและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ใช่หนังสือตักเตือนตามที่เจ้าหน้าที่ได้บอกกล่าวแต่กลับเป็นหนังสือคำสั่งให้แก้ไข มีใจความสำคัญว่า ให้ลดจำนวนสุนัขให้น้อยลงและทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยงสุนัข พร้อมทั้งหามาตรการป้องกันอันก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นอันเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญรบกวนผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง หากฝ่าฝืนจะมีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีสิทธิ์อุทธร์คำสั่งฉบับนี้ต่อ รมต.ว่าการสาธารณสุขภายใน 30 วันนับแต่ได้รับหนังสือคำสั่งฉบับนี้ ซึ่งจากการสอบถามข้างบ้านที่ติดกันก็ไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตฯ มาสอบถามอะไรเพิ่มเติมอีก จึงไม่ทราบว่าทางสำนักงานเขตฯ มีกฎเกณฑ์อะไรมาตัดสินในเมื่อยังไม่ได้เข้ามาตรวจสอบในบ้านของข้าพเจ้าเลย ทั้งนี้ข้าพเจ้าใคร่ขอชี้แจงเรื่องทั้งหมดดังนี้ ครอบครัวข้าพเจ้าเริ่มเข้ามาอยู่อาศัย ณ บ้านหลังนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 และเริ่มเลี้ยงสุนัขตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ตัว อายุเฉลี่ย 10 ปี ซึ่งที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้ดูแลรักษาความสะอาดพื้นที่เลี้ยงสุนัขทั้งในเวลาเช้าและเย็นเป็นประจำตลอดระยะเวลา 14 ปีตั้งแต่เลี้ยงสุนัขมา โดยที่บ้านหลังที่ติดกับข้าพเจ้าทั้งซ้ายและขวา (ในหมู่บ้านเดียวกัน) ต่างรับรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และไม่เคยมีการต่อว่าหรือมีการร้องเรียนใดๆ เกิดขึ้นเลย จะมีเพียงบ้านด้านหลัง (นอกหมู่บ้านแต่บังเอิญหลังบ้านกับหลังบ้านชนกัน) ซึ่งเพิ่งก่อสร้างเสร็จและย้ายเข้ามาอยู่ประมาณไม่เกิน 1 ปี อาจเกิดความเดือดร้อนรำคาญจากสุนัขของข้าพเจ้า แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข้าพเจ้าได้รับบันทึกเมื่อ 26 ก.ค. แล้ว ข้าพเจ้าและครอบครัวก็มิได้นิ่งนอนใจ โดยได้เพิ่มมาตรการการดูแลรักษาความสะอาดพื้นที่เลี้ยงสุนัขไม่ให้ส่งกลิ่นอย่างเต็มความสามารถ ส่วนเรื่องการดูแลสุนัขไม่ให้ส่งเสียงซึ่งปกติที่ผ่านมาสุนัขจะเห่าส่งเสียงก็ต่อเมื่อเจ้าของกลับจากที่ทำงาน หรือมีคนเดินผ่านมาด้อมๆ มองๆ ภายในบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสุนัขเฝ้าบ้านไม่ใช่จะเห่าส่งเสียงตลอดเวลาและข้าพเจ้าได้สอบถามข้างบ้านทั้งด้านซ้าย ด้านขวา และด้านหน้า (บ้านในหมู่บ้าน) ก็ไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ข้าพเจ้าและครอบครัวได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของบ้านใกล้เคียงเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันการที่สำนักงานเขตได้มีคำสั่งให้ลดจำนวนสุนัขให้น้อยลง ข้าพเจ้าขอเรียนว่าข้าพเจ้าและครอบครัวไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากหากนำสุนัขไปปล่อยตามสถานที่ต่างๆ ก็จะเป็นการเพิ่มภาระให้กับสังคมและเจ้าหน้าที่ของ กทม. อีกทั้งในแง่ของมนุษยธรรมและจริยธรรม จึงไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ และที่สำคัญการลดจำนวนสุนัขดังกล่าวจะมีผลกระทบทางด้านจิตใจต่อข้าพเจ้าและครอบครัวเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ข้าพเจ้าขอรับรองว่าจะพยายามดูแลและรักษาความสะอาดพื้นที่บริเวณบ้านพร้อมทั้งจะดำเนินการต่อเติมรั้วบ้านด้านหลังของข้าพเจ้าให้มิดชิดทันทีที่ข้าพเจ้ามีความพร้อมที่จะสามารถต่อเติมรั้วดังกล่าวได้ เพื่อมิให้เกิดการรบกวนผู้พักอาศัยบริเวณใกล้เคียงต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและใคร่ขอความเห็นใจด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง
จากคุณ :
แม่โบกี้
- [
10 ส.ค. 49 16:03:50
]