CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เรื่องน่ารู้ของ Whisky (ยาวหน่อยนะ)(ขี้เมาเข้ามาโพสต่อหน่อย)

    ด้วยสีที่เหลืองทองอร่ามราวกับน้ำผึ้งมีประกาย กลิ่นที่หอมราวกับดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมหวาน ผสมกับกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์ ทำให้พวกเราอดใจไม่ได้ที่จะดื่มมันหลังอาหารเย็น เนื่องจากประสบการณ์ ที่ผ่านมาทำให้เรารู้ว่ามันเบา และลื่นคอขนาดไหน เมื่อแตะลิ้นจะรู้สึกได้ดื่มรสหวานจากดอกไม้แล้วก็จะค่อยๆ รู้สึกถึงรสลื่นคล่องคอและสดชื่น ของลูกพีช หลังจากลงคอไปแล้วจะรู้สึกแห้งที่ลิ้น รสชาติยังหลงเหลือให้รู้สึกและนึกถึงความหวานและหอมของเหล้า
    Glenlivet 18 เป็น Single malt whisky ของทาง Speyside ที่ไม่หนักเกินไปครับ เหมาะกับการดื่มเป็น Aperitif and drink after meal อย่างมาก แต่ถ้าท่าน ผู้อ่านคิดว่าน่าจะหนักไปเปลี่ยนมาทาน Glenlivet 12 ก็ได้นะครับ จะเบาๆ กว่า หวานมีกลิ่นวานิลา หน่อยๆ ที่เขียนไม่ได้เงินจาก Glenlivet นะครับ แต่เผอิญอยาก จะแนะนำให้ท่านผู้อ่านที่เพิ่งเริ่มเล่น Single-malt ลองดูเพราะค่อนข้างจะเป็นตัวที่น่าลอง ทานง่าย แล้วคนส่วนมากก็จะชอบจริงๆ และ Glenlivet นี้ก็เจ้าของเดียวกับ Chivas ครับ (Seagram) อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ดูได้ที่ www.theglenlivet.com นะครับ
    จริงๆ แล้วผมก็อารัมภบทยาวไป เผอิญติดลมบรรยายถึงรสชาติมากไปหน่อยครับ เนื้อหาของฉบับนี้ คือ Whisky พอเขียนเรื่องนี้ไปก็คงจะติดลม คาดว่ากว่าจะจบก็อีก 3-4 ฉบับนะครับ
    เมื่อพูดถึง Whisky คนก็จะพูดถึงสกอตแลนด์ขึ้นมาทันที จนบ้านเราตั้งชื่อสกอตแลนด์ว่าเป็นเมืองน้ำเมา เมื่อตอนที่ผมมาเรียนที่สกอตแลนด์ครั้งแรก ประมาณสี่ปีที่แล้ว
    ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยากรู้เรื่อง Whisky จากถิ่นที่ เป็นเจ้าตำรับ พอเข้าไปชมรม Whisky ของมหาวิทยาลัย จึงได้รู้ว่า Whisky มาจากไอร์แลนด์ไม่ใช่สกอตแลนด์ (Irish Whisky ซึ่งก็อร่อยเหมือนกัน เช่น Jameson ครับ) แต่จะด้วยนิสัยของคนที่นี่รึเปล่าไม่ทราบ Whisky จึงแพร่หลายที่นี่ แล้วชื่อเสียงของ Scotch Whisky จึงโด่งดังไปทั่วโลก
    ตอนที่ผมเข้าชมรมใหม่ๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Single malt คืออะไร ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะยังงงๆ อยู่เหมือนกันว่า Blended กับ Single malt ต่างกัน ยังไง มาพูดถึงชนิดของ whisky กันดีกว่านะครับ
    Scotch Whisky มีสองแบบ (ขอเน้นว่า Scotch นะครับ มาจากสกอตแลนด์ได้อย่างเดียว Whisky สะกด อย่างนี้สำหรับ Whisky ของที่นี่ ขณะที่ถ้าเป็นของที่อื่น ควรจะสะกดว่า Whiskey)
    1) Malt Whisky มาจากการหมัก malt ข้าว Barley แล้วกลั่นในหม้อทองแดง (copper pot still)
    2) Grain Whisky มาจากการผสม grains แล้ว กลั่นไปเรื่อยใน patent still
    แล้ว Blended ล่ะคืออะไร? Blended คือการเอา Grain Whisky มาผสมกับ Malt Whisky (ประมาณ 95% ของ Malt Whisky ที่ผลิตเอามาใช้ผสมเป็น Blended ในขณะที่ 99.99% ของ Grain Whisky เอามา ใช้กับ Blended) ตัวอย่างของ Blended Whisky คือที่ บ้านเราฮิตๆ ดื่มกันนั่นแหละครับ พวก Johnny Walker red label, black label, blue label ทั้งหลาย เป็นต้น
    ถามว่าแต่ละ label ต่างกันยังไง? red label ก็ จะมี grain whisky ผสมเยอะหน่อย มี Single malt อายุ 8-12 ปีอยู่บางชนิด black label จะมี Single malt ที่มีอายุมากกว่านั้น หลายชนิดผสมอยู่ แล้วก็ grain น้อยหน่อย ขณะที่ blue จะมีการผสม Single malt ระดับสุดยอด 15-30 ปีที่มีรสชาติลุ่มลึกเด่นๆ หลายชนิด ผสมกัน ทำให้รสออกมากลมกลืนน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
    คนที่นำการ blend ก็คือ Master Blend ครับ (ไม่ใช่ยี่ห้อ Whisky บ้านเราอันนั้นนะครับ แต่เป็นคนผสมสูตรที่ต้องมี sense ในการดมและการชิม Whisky ระดับเซียน)
    อย่างไรก็ตาม คนในสกอตแลนด์นี้ก็ถือว่า Single Malt Whisky นี้เป็นที่สุดของที่สุดแล้ว เป็นที่ที่ pure ที่สุด มีรสชาติที่ซับซ้อนโดดเด่น เขาจะมองว่า Blend เป็นรวมมิตรครับ เมื่อรวมหลายๆ อย่างมาจะสู้ของจริง เดี่ยวๆ ไม่ได้ แล้วแต่คนนะครับ นานาจิตตัง จริงๆ ผมก็ชอบ Blend อย่าง Blue lable เหมือนกัน (ติดที่แพงไปหน่อย)
    แต่โดยรวมแล้ว ผมชอบ Malt มากกว่า Malt นี่ก็แบ่งเป็นหลายแบบ มี Vatted Malt (คือการเอา Malt ของหลายโรงกลั่นมาผสมกัน) Single Malt (มาจากโรงกลั่นเดียว) Single Cask Malt (มาจากถังเก็บบ่มหรือ cask อย่างเดียว)
    สำหรับผมแล้ว Single Malt กับ Single Cask ราคาจะแพงกว่า Vatted แล้วก็จะน่าสนใจมากกว่า เดี๋ยวนี้ก็มีคนสนใจ Malt กันมากขึ้น มีคนเอาไปลองทาน กับอาหารมากขึ้น เช่น sushi เอาไปใช้ดื่มเข้ากับสูบ cigar มีคนเก็บสะสม Single Malt ดีๆ มากขึ้น (โดยเฉพาะพวกญี่ปุ่น จ่ายกันเป็นล้าน) กลายเป็นของมีรสนิยมไป Single Malt ก็เหมือนไวน์ล่ะครับ ในแง่ที่ว่า ยิ่งเก่ายิ่งแพง ไม่ยากครับที่จะซื้อเหล้า Whisky Single Malt ดีๆ แพงๆ (เหมือนไวน์) ถ้าคนมีเงิน
    แต่สำหรับคนดื่มเป็นแล้ว ของดีไม่ใช่ของแพงหรือเก่าเสมอไปนะครับ แล้วแต่ taste ความชอบและรสนิยมของคุณเอง ฉบับหน้ามาว่ากันต่อเรื่องวิธีการชิม และเกร็ดต่างๆ ของ whisky ต่อครับ
    ผมเข้าชมรม whisky ของมหาวิทยาลัยมาได้สี่ปี ที่นี่ทำให้ผมได้พบเพื่อนดีๆ หลายคน หนึ่งในนั้นคือ Peter Ellison ที่เป็น flatmate อยู่บ้านเดียวกับผมมาเป็นปีที่สามแล้ว Pete เป็นคนที่หลงใหลใน whisky อย่างแท้จริง ตอนแรกที่เข้ามา เขาไม่ได้คิดอะไรมาก นอกจากอยากลอง อยากสัมผัสกับรสชาติ ที่สำคัญคือปริมาณแอลกอฮอล์ที่เขาจะได้รับมันมากกว่าที่จะได้จาก ในผับในราคาเท่ากัน
    แต่เมื่อหนึ่งปีผ่านไปเขาก็ได้หลงใหล whisky อย่างโงหัวไม่ขึ้น 'ดื่มนั้นเพื่อไม่ให้เมาแต่ให้รู้รสชาติอันวิจิตร' ประโยคนี้คงจะใช้ได้ดีสำหรับเขา ในปีนั้นเขาก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการของสมาคม whisky ของมหาวิทยาลัย (ในปีต่อมาเขาได้เป็นประธาน)
    เขาพยายามศึกษา whisky อย่างถ่องแท้ การเป็นนักเรียนจะทำอะไรก็ง่ายไปหมดครับ การจะไปดู distillery ต่างๆ ก็ได้ลดราคา จะเชิญวิทยากรจากโรงกลั่นมาสาธิตวิธีการชิม พร้อมด้วยการโปรโมต whisky ของตนเองนั้นก็แค่เขียนจดหมายไปหาโรงกลั่นหรือบริษัทต่างๆ เท่านั้นเอง ภายในไม่กี่อาทิตย์ บริษัทก็จะ ส่งคนของเขามาพร้อมด้วยอุปกรณ์ multi-media (ส่วนมากก็ระดับ master blend มาเลยครับ) แล้วก็ whisky ของบริษัทตั้งแต่ระดับสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปีเลยทีเดียว ทุกอย่างฟรีครับ ที่เป็นอย่างนี้เพราะบริษัทต้องการให้นักเรียนจดจำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไว้ จะได้บอกต่อแล้ว เริ่มซื้อดื่มต่อไปในอนาคต บางทีก็มาขอเป็นสปอนเซอร์ ให้กับชมรมด้วย (ปีที่แล้วก็ได้ Chivas Regal มาเป็น สปอนเซอร์)

     
     

    จากคุณ : Mooping5bath - [ 16 ก.ย. 49 23:53:29 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com