PANTIP.COM : J4843629 นอกจาก ร.พ.สัตว์เกษตร แล้ว มีที่ไหนที่รับฉีดวัคซีน FIV (เอดส์แมว) บ้าง [แมว]

ความคิดเห็นที่ 11

ต้องดูว่าแมวเบื่ออาหารด้วยหรือไม่ เพราะบ่อยครั้งที่แมวจะไม่ค่อยกินอาหารเพราะลิ้นเป็นปื้นแดง มันเลยเจ็บลิ้นครับ เจไดผมก็เป็น แต่ตอนนี้หายแล้ว
ข้างล่างนี่คือข้อมูลเรื่องหวัดแมวที่ผมไปค้นมาได้ครับ

โรคหวัดแมว ( Cat Flu)

สวัสดีกันอีกครั้งกับท่านผู้อ่านทุกท่าน เร็วจริงๆ เลยนะครับเข้าเดือนที่เก้าของปีกันแล้ว สภาพอากาศในบ้านเราก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ไม่ว่าจะอากาศร้อน หนาว หรือฝนตก บางครั้งอาจพูดได้ว่าวันหนึ่งมี 3 ฤดูเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งทีสำคัญก็คือเรื่องสุขภาพของตัวท่านเองหรือน้องเหมียวของท่าน เราคงจะต้องดูแลเรื่องสุขภาพันให้มากขึ้นโดยเฉพาะในเดือนกันยายนของทุกปี บ้านเราจะเป็นฤดูฝน ฝนตกกันแทบทุกวัน สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้บางครั้งน้องเหมียวของท่านไม่สบาย มีไข้ตัวร้อน ไม่กินอาหาร นอนซึมอยู่กับบ้าน และอื่นๆ มีมากมายหลายคำถามเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพของน้องเหมียว แต่คำถามส่วนใหญ่มักจะถามเกี่ยวกับว่าทำไมน้องเหมียวถึงมีอาการซึม มีน้ำมูก ขี้ตาเยอะ ไม่ยอมกินอาหาร น้องเหมียวเป็นหวัดได้เหมือนคนเราหรือเปล่า จะรักษาหายไหม และป้องกันอย่างไร ดังนั้นในฉบับนี้ผู้เขียนจึงได้รวบรวมข้อมูล และเนื้อหามาตอบกันในคอลัมน์นี้เลยก็แล้วกันนะครับ

แน่นอนครับว่าน้องเหมียวของท่านมีโอกาสเป็นโรคหวัดได้เหมือนคน ซึ่งทางสัตวแพทย์เรียกโรคหวัดแมวว่า Cat Flu นั่นเอง โรคนี้เป็นโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ Feline Calici Virus (FCV) และ Feline Herpesvirus (FHV) เชื้อทั้ง 2 ชนิดเป็นเชื้อไวรัสด้วยกันทั้งคู่ และมักก่อโรคต่อสัตว์ โดยเฉพาะน้องเหมียวของท่านจากการศึกษาพบว่า แมวทุกอายุ ทุกสายพันธุ์ มีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ได้ทั้งหมด โรคหวัดแมวสามารถพบได้เกือบทุกส่วนของโลก (พอๆ กับโรคหวัดที่เกิดขึ้นในคนเลยทีเดียว) และพบว่ามีแมวอีกจำนวนมากเป็นตัวอมโรค (แมวที่มีเชื้ออยู่แล้วแต่ไม่แสดงอาการ) ซึ่งอาการนี้จะแสดงออกมาเมื่อมีอาการเครียดเกิดขึ้น เช่น ช่วงหลังคลอด ขณะให้นมลูก ช่วงหลังผ่าตัด เมื่อมีการเปลี่ยนที่อยู่ หรือได้รับยากลุ่มสเตอรอยด์เป็นระยะเวลานาน เป็นต้น

โรคหวัดแมวจะพบได้บ่อยในกลุ่มแมวที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีน อัตราการติดโรคอาจสูงถึง 100 % แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วอัตราการตายจะไม่สูงมาก แต่ว่ามีโอกาสที่จะสูงถึง 30 % ได้ในลูกแมวที่เครียดหรือมีโรคอื่นแทรกซ้อน ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้มีหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น

• การสัมผัสโดยตรงกับน้ำมูก และสิ่งคัดหลั่งอื่นๆ ของแมวที่เป็นโรคหวัดซึ่งละอองของสิ่งคัดหลั่งเหล่านี้จะกระจายไปได้เพียงประมาณ 4 ฟุต เป็นอย่างมาก

• การสัมผัสเชื้อไวรัสที่อยู่ตามเสื้อผ้าของตัวท่าน และตัวน้องเหมียวเอง

• การสัมผัสกับแมวที่เป็นตัวอมโรค

ถ้าโรคนี้จะเกิดกับลูกแมวแล้วละก็ มักจะเป็นลูกแมวที่เกิดจากแม่แมวที่เป็นตัวอมโรค และในช่วงแม่แมวให้นมลูกนั้นจะทำให้แม่แมวมีความเครียด ซึ่งจะทำให้ร่างกายของแม่แมวปล่อยเชื้อออกมาทำให้ลูกแมวสามารถติดโรคนี้จากแม่แมวได้ แต่โดยทั่วไปแล้วลูกแมวจะติดเชื้อนี้เมื่ออายุประมาณ 5-8 สัปดาห์ เพราะว่าจะเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันจากแม่เริ่มลดลง ร่างกายของลูกแมวก็จะเริ่มอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน

เมื่อน้องเหมียวของท่านเป็นหวัด ก็จะมีอาการทางคลินิกที่ท่านสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายๆ คือ

• มีน้ำมูกไหล ขี้ตาเฉอะแฉะมากกว่าปกติ

• จามหรือไอมากจนผิดปกติ

• เบื่ออาหาร

• ช่องปากอักเสบ เช่น มีแผลในช่อง โดยเฉพาะลิ้น

• มีไข้ ซึม หมดเรี่ยวแรง

• ตาอักเสบ และเกิดแผลหลุมที่กระจกตาได้

ในบางกรณีที่น้องเหมียวของท่านอาจจะเป็นโรคปอดบวมหรือโรคทางเดินหายใจแทรกซ้อนตามมาได้ โดยเฉพาะน้องเหมียวที่มีอายุน้อยมากๆ และอายุมากเกินไป อาจทำให้น้องเหมียวของท่านเสียชีวิตได้ ส่วนน้องเหมียวที่กำลังจะกลายเป็นแม่ก็น่าเสียดายที่อาจจะต้องเสียลูกเพราะว่าแท้งได้ ดังนั้นถ้าท่านสังเกตเห็นน้องเหมียวของท่านแสดงอาการดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็แสดงว่าน้องเหมียวของท่านกำลังเริ่มป่วยแล้วนะครับ

ท่านไม่ต้องกังวลไปหรอกครับเมื่อน้องเหมียวของท่านเริ่มป่วยเป็นโรคหวัดแมว เพราะว่าโรคนี้ถ้าเป็นไม่รุนแรงมากนัก แมวของท่านจะสามารถหายเองได้ แต่ควรทำการแยกแมวป่วยออกจากแมวตัวอื่นๆ เพราะว่าจะได้ไม่ทำให้แมวตัวอื่นพลอยติดโรคไปด้วย ควรเลี้ยงแมวที่ป่วยในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี คอยทำความสะอาดตา และจมูก และข้อควรระวังก็คือ อย่าให้น้องเหมียวของท่านกินยาลดไข้โดยพลการ เพราะว่ายาลดไข้บางชนิดอาจทำให้น้องเหมียวมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียวแต่ถ้าอาการไม่ทุเลาลง และป่วยเป็นระยะเวลานานขึ้น ผู้เขียนอยากแนะนำให้ท่านรีบพาน้องเหมียวไปพบคุณหมอโดยด่วน เพื่อเข้ารับการรักษาจะดีที่สุดนะครับ

ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลดีต่อโรคหวัดนี้ให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาตามอาการ และดูแลประคับประคองได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของตัวน้องเหมียวด้วยนะครับ แต่วิธีที่ดีทีสุดก็คือ เพียงท่านพาน้องเหมียวของท่านไปพบคุณหมอ เพื่อรับการตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไปเท่านี้ น้องเหมียวของท่านก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรงตลอดไปครับ

จากคุณ : piras - [ 3 พ.ย. 49 20:35:12 ]