ความคิดเห็นที่ 1 จันทร์ผา เป็นไม้ป่าประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ จันทร์ผามีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่ง จันทร์แดง หรือลักจั่น จันทร์ผาจัดเป็นไม้ยืนต้น มีความสูงประมาณ 5-7 ฟุต ลำต้นแกร่ง เปลือกนอกลำต้นมีลักษณะเกลี้ยงเป็นสีเทานวล ลักษณะลำต้นตั้งตรงเป็นลำคล้ายหมาก ใบของจันทร์ผาจะแตกใบเป้น่ช่อเฉพาะส่วนยอด แต่อาจจะมีการแตกแขนงออกจากลำต้นใหญ่ได้อีก ลักษณะใบของจันทร์ผาจะมีลักษณะใบเรียวยาว ใบจันทร์ผาจะสีเขียวเข้มปลายใบจะแหลมเป็นรูปหอก จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:55:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ริมใบเรียบเกลี้ยง ส่วนก้านใบจะมีลักษณะเป็นกาบหุ้มซ้อนทับอยู่รอบ ๆ ต้นขนาดของใบจะยาวประมาณ 1.5-2 ฟุต มีความกว้างของใบราว 4-5 เซนติเมตร ดอกของจันทร์ผาจะออกดอกเป็นพวาง โดยแตกออกจากโคนก้านใบคล้ายกับจั่นหมากด้วยเหตุนี้เอง จันทร์ผา จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ลักจั่น หมายถึงต้นไม้ ที่ไม่ใช้ต้นหมากหรือมะพร้าวแต่สามารถออกดอกเป็นจั่นได้อย่างจั่นหมาก หรือจั่นมะพร้าว เข้าทำนองว่าคล้ายกับการไปลักจั่นหมากหรือจั่นมะพร้าวมาออกที่ต้นของมันได้นั่นเอง จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จั่นดอกของจันทร์ผาพวงหนึ่ง ๆ จะมีดอกเล็ก ๆ มากมายหลายพันดอกในแต่ดอกจะมีกลีบสีขาวเล็ก ๆ จำนวน 6 กลีบที่บริเวณกลางดอกจะเป็นจุดสีแดงสด เมื่อดอกบานเต็มที่มีความกว้างดอกประมาณ 0.8 เซนติเมตร ในจั่นดอกจั่นหนึ่ง ๆ จะใช้เวลาการบานดอกนานประมาณ 10-15 วัน             จั่นดอกของจันทร์ผา แต่ละจั่นจะห้อยเป็นพวงระย้ายาว เมื่อดอกแก่และมีการผสมติดก็จะเกิดเป็นผลมีลักษณะเป็นผลกลมเล็ก ๆ ขนาดเท่ากับขนาดของผลมะแว้งผลเมื่อยังอ่อนอยู่จะมีผลเป็นสีเขียว แต่เมื่อผลแก่สุกก็จะกลายเป็นสีแดงสดและจะกลายเป็นสีดำคล้ำเมื่อ จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จั่นดอกของจันทร์ผา แต่ละจั่นจะห้อยเป็นพวงระย้ายาว เมื่อดอกแก่และมีการผสมติดก็จะเกิดเป็นผลมีลักษณะเป็นผลกลมเล็ก ๆ ขนาดเท่ากับขนาดของผลมะแว้งผลเมื่อยังอ่อนอยู่จะมีผลเป็นสีเขียว แต่เมื่อผลแก่สุกก็จะกลายเป็นสีแดงสดและจะกลายเป็นสีดำคล้ำเมื่อผลจันทร์ผาแก่จัด ในช่วงที่ผลจันทร์ผาเป็นสีดำคล้ำหรือแก่จัดนี้เองเป็นช่วงที่สามารถนำไปเพาะเพื่อขยายพันธุ์ ได้ในการขยายพันธุ์จันทร์ผาจะใช้วิธีปักชำก็ได้ เช่น หรือจะใช้วิธีหักต้นไปปักให้ขึ้นเป็นต้นใหม่ได้ จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จันทร์ผาจัดเป็นไม้กลางแจ้งที่ปัจจุบันดำลังได้รับความนิยมสูง เนื่องจากวงการไม้ประดับนิยมจะนำจันทร์ผาไปกตแต่งสวนหย่อมกันมากนั่นเอง            ในการปลูกจันทร์ผา ควรปลูกในดินทีผสมด้วยหินหรือลูกรังให้มาก ดังนั้นในหลุมที่ขุดเตรียมไว้เพื่อปลูกจันทร์ผา จึงควรมีการผสมดินปลูกใหม่ให้เหมาะสม ดังกล่าวเพราะถ้าหากปลูกจันทร์ผาโดยวิธีกรปลูกลงในดินล้วน ๆ แล้ว ยอดของจันทร์ผาที่เกิดใหม่จะลีบเล็กลงทั้งนี้เพราะจันทร์ผาเป็นไม้ที่มีรากแข็งแรงและ ชิบฝังรากลึก ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี ดังนั้น การปลูกจันทร์ผาโดยใช้ส่วนผสมที่มีหินหรือลูกรัง จะช่วยรากของจันทร์ผาแข็งแรงและทนแล้งได้ดี ดังนั้น หากปลูกจันทร์ผาในดินล้วน ๆ รากของจันทร์ผาจะไม่แข็งแรง และมีผลทำให้ยอดลีบเล็กลงได้ จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากเหตุผลดังกล่าวมานี้เอง เราจึงมักจะพบเห็นจันทร์ผาในธรรมชาติขึ้นอยู่ตามภูเขาสูง ๆ หรือตามเกาะแก่งกลางทะเลที่ห่างไกลจากฝั่ง           การขยายพันธุ์จันทร์ผา ในสมัยก่อนนิยมใช้วิธีการปักชำโดยการตัดหน่อหรือกิ่งของจันทร์ผาจากต้นเดิมแล้วนำมาปักชำ ในกะบะเพาะชำ หรือจะใช้วิธีการหักต้นจันทร์ผาไปเพาะชำ หรือปักลงในแปลงปลูกโดยตรง จันทร์ผาก็สามารถจะเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่แต่ในปัจจุบันเกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยง ต้องประสบปัญหาในการหาต้นพันธุ์จันทร์ผา ทั้งนี้อันเนื่องมาจากจันทร์ผาที่เกิดในธรรมชาติมักจะเกิดขึ้นในแหล่งที่เป็นป่าอนุรักษ์หรือ ในที่วนอุทยาน อุทยานแห่งชาติ ฯลฯ จึงทำให้ต้นพันธุ์จันทร์ผา เริ่มที่จะหายากขึ้น จึงได้มีการคิดค้น การเพาะขยายพันธุ์ต้นจันทร์ผาจากเมล็ดโดยศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์พืชสวนเลย จังหวัดเลย จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในตอนที่ผ่านมา เราได้นำเสนอเรื่องราวของจันทร์ผา และรายละเอียดของการเกิดของจันทร์ผาในธูรรมชาติกั้นไปแล้วนะคะว่า จันทร์ผาเป็นไม้ป่าในธรรมชาติที่ชอบขึ้นอยู่ตามภูเขา ในประเทศไทยเราจะพบเห็นจันทร์ผาขึ้นอยู่ทั่วไปในจังหวัดเลย และในการนำจันทร์ผามาเพื่อขายหรือจำหน่ายในลักษณะไม้ประดับนั้นจะใช้วิธีการตัดกิ่งใหม ่ที่แตกมาจากต้นมาทำการเพาะชำและปลูกเลี้ยงไว้เพื่อขายหรือจำหน่ายต่อไป การกระทำในลักษณะกังกล่าวจึง เป็นส่วนหนึ่งของการทำลายสภาพป่า ทำลายธรรมชาติ นอกจากนั้นแล้วในปัจจุบันจะพบว่า จันทร์ผาในธรรมชาตอ มักจะมีอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยานแห่งชาติ จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วนอุทยานและป่าอนุรักษ์ ด้วยเหตุนี้เองการที่จะเพาะขยายพันธุ์จันทร์ผาเพื่อการขายหรือจำหน่าย จึงเป็นปัญหาต่อผู้ปลูกเลี้ยงและเกษตรกรเป็นอย่างมากและประการสำคัญเป็นเหตุที่ทำให้ ต้นจันทร์ดผาที่มีจำหน่ายอยู่ขณะนี้มีราคาสูงมากอีกด้วย            ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้เอง ศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์พืชสวนจังหวัดเลย จึงได้ทำการทดลอง เพื่อ นำเมล็ดพันธุ์จันทร์ผามาเพาะขยายพันธุ์และปรากฎผลว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใน นอกจากนี้การนำเมล็ดพันธุ์จันทร์ผามาเพาะเลี้ยง ยังเป็นการช่วยลดการทำลายธรรมชาติลดการทำลายสภาพป่าได้อีกวิธีหนึ่งด้วยนะคะ จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เทคนิคและขั้นตอนในการขยายพันธุ์จันทร์ผาจากเมล็ด ของศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์พืชสวนเลย จังหวัดเลยมีดังต่อไปนี้            เมื่อต้นจันทร์ผาออกดอกในราวเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ แล้วดอกของจันทร์ผาได้รับการผสมประมาณเดือนเมษายน ดอกนั้นก็จติดเมล็ดจันทร์ผาสุกพร้อมจะนำมาใช้ในการเพาะขยายพันธุ์ต่อไปได้ให้นำเมล็ด จันทร์ผาที่สุกนี้มาล้างทำความสะอาด ปล้วนำไปเพระในวัสดุเพาะชำ ซึ่งจะจัดทำเป็นแปลงขนาดพอเหมาเกับจำนวนเมล็ดพันธุ์ที่เรามีโดยมใช้วัสดุเพราะสำคัญ ที่มีส่วนผสม ในอัตราส่วนดังนี้ คือ ทราย:แกลบดำ = 1:1 แล้วนำเมล็ดพันธุ์จันทร์ผามาหว่าน จากนั้นกลบเมล็ดจันทร์ผาด้วยวัสดุเพาะชำเล็กน้อยพอมิดเมล็ดแล้วรดน้ำ หมั่นรดน้ำ นานประมาณเดือนเศษเมล็ดจันทร์ผาก็จะแตกให้ต้นใหม่ พอต้นจันทร์ผาขึ้นสุงประมาณ 3-+4 นิ้ว ก็แสดงว่าต้นจันทร์ผาที่ได้พร้อมที่จะให้คุณผู้ฟัง/เกษตรกรนำไปแยกปลูกในแปลงที่เตรียม ไว้ต่อไป จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 08:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ในแปลงปลูก ก็จะเตรียมดินธรรมดา แล้ววางระยะปลูกให้ต้นห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร หลังจากนี้ก็คงหมั่นดูแลรดน้ำจนกระทั่งต้นสูงประมาณ 12 นิ้ว ก็พร้อมสำหรับการที่จะนำออกาจำหน่ายได้ โดยอาจจะแยกลงในถุงหรือในกระถางก็ได้            เนื่องจาก จันทร์ผาจัดเป็นไม้ประดับที่หายาก และเป็นพืชที่ทางราชการหวงห้ามอยู่ด้วย ประกอบกับความต้องการของตลาดก็มีสูงมาก ราคาจึงดีหรือสูงกว่าไม้ประดับโดยทั่วไป ดังนั้น จึงน่าจัดเป็นพืชไม้ประดับอีกชนิดหนึ่ง ที่น่าสนใจนำมาทำเป็นอาชีพเสริมได้นะคะ เพราะนอกจากจะให้ราคาดีแก่เกษตรกรผู้ปลูกเลี้ยงแล้ว ยังเป็นช่วยลดการทำลายธรรมชาติแสละสิ่งแวดล้อมอีกด้วยคับ จากคุณ : คอนหวัน49 - [ 11 ม.ค. 50 09:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อมูลเยอะดีจังคะ ที่บ้านซื้อมา กระถาง 1ปี๊บ มี 4หน่อ ราคาอยู่ 1300 แนะนำว่าน่าปลูกค่ะ จากคุณ : บนฟ้า - [ 11 ม.ค. 50 10:09:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่เคยเห็นมา ทั้งตามบ้านคน และภูเขาหินปูนริมทะเลแถวบ้าน ก็เห็นชนิดเดียวนะครับ แต่รูปร่างอาจผิดกันจนมองเหมือนกับเป็นคนละชนิดกัน ตามภูเขาหินปูนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะตามริมทะเล จะเห็นได้ชัดว่า ต้นเรียวเล็กและดูผ่านๆ จะเหมือนจะเอนเสียมากกว่าขึ้นตรงแบบที่เห็นปลูกประดับไว้ตามบ้าน ผมเคยนำต้นเรียวเล็กจากภูเขาหินปูนเอามาปลูกที่บ้าน ต้องรอให้มันมีกิ่งก้านหรือมีหน่อออกมาก่อน แล้วนำมาปลูกใหม่อีกทีจึงจะได้ต้นสวยๆ ที่เห็นเขาใช้ประดับสวนในบ้านกันครับ แต่ใช้เวลานานมาก หากคิดว่ามีหลายชนิด ผมคิดว่าคุณเอกคงเข้าใจต้นไม้บางชนิด ที่เกิดขึ้นบริเวณใกล้ ๆ แถว ๆ จันผาขึ้นอยู่ เช่นริมทะเลก็มี ต้นลำเจียก หรือ ต้นเตยทะเล มองไกลๆ คล้ายจันผา เหมือนกันนะครับ จากคุณ : Heron (Heron) - [ 11 ม.ค. 50 10:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมมีอยู่ต้นนึงปลูกไว้ไก้ลบ่อปลาแต่อยู่ในกระถางมาประมาณ 11 ปีแล้วลำต้นสูงปี๊ด แต่ทำไมใบล่างๆจะเป็นสีน้ำตาลแล้วก็เหี่ยวทุกใบเลยต้องคอยดึงออกเป็นประจำส่วนใบบนยอดก็เขียวเป็นปกติดีครับ จากคุณ : mr.jorjae - [ 11 ม.ค. 50 10:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอาดอกจันผามาฝากค่ะ จากคุณ : อุมาวดี - [ 11 ม.ค. 50 12:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หอมมากในยามค่ำค่ะ จากคุณ : อุมาวดี - [ 11 ม.ค. 50 12:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากการสังเกตของผมเอง ผมว่ามี2แบบนะคือแบบใบตกกับใบตั้ง พวกใบตกนี่ส่วนใหญ่จะมาจากธรรมชาติป่าเขา ลักษณะใบจะห้อยย้อยเมื่อใบล่างตกแล้วจะเป็นสีน้ำตาล ส่วนแบบใบตั้งส่วนใหญ่มาจากการเพาะเลี้ยงลำต้นจะอ้วนกลมใบตั้งชี้ถึงใบล่างตกก็ยังไม่ค่อยเปลี่ยนสี ที่บ้านผมมีทั้งสองแบบ เอาแบบใบตั้งของที่บ้านมาให้ดูครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ชับบี้ - [ 11 ม.ค. 50 13:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คงต้องบอกว่าในประเทศไทยมีพรรณไม้ในสกุลจันผา (Dracaena) ที่พบตามภูมิภาคต่างๆ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันจนเห็นได้ชัด อย่างน้อยๆก็มากกว่า 6-7 อย่าง ขอยกตัวอย่างให้ฟังเท่าที่เคยพบเห็นมาด้วยตัวเอง โดยขอเรียกเป็นชื่อไทยๆ ที่นิยมใช้เรียกกัน หรือตามแหล่งที่พบ เพื่อใช้แยกแยะดังนี้ จันทร์ผายักษ์ดอยอ่างขาง ต้นเดี่ยวไม่ค่อยแตกกิ่งแขนง ลำต้นสูงใหญ่มาก ที่เห็นมากกว่าสี่ห้าเมตร ใบยาว ค่อนข้างกว้างกว่าชนิดอื่นๆ ใบหนาเหมือนแผ่นหนัง ขอบใบคม ใบมีคายเคลือบสีอมฟ้า ดูได้ที่บริเวณสวนบอนไซดอยอ่างขาง ในสถานีฯโครงการหลวง ซึ่งเป็นต้นที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติบริเวณนั้นครับ จันทร์ผาแคระดอยเชียงดาว ต้นเป็นพุ่มเตี้ย สูงอย่างมากเมตรกว่าๆ ถึงสองเมตร ใบเป็นช่อจำนวนไม่มากตามยอด ใบสั้น เรียบ สีเขียว ขอบไม่คม ไม่มีคายเคลือบใบ พบมากตามเขาหินปูนบนดอยเชียงดาว และมีที่ดอยอ่างขางด้วยครับ จันทร์ผา เป็นชนิดธรรมดาที่มีปลูกเลี้ยงเป็นไม้ประดับทั่วๆไป อย่างต้นที่มีภาพมาให้ชมด้านบน แต่ก็อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยในรูปร่างลักษณะเล้กๆ น้อยๆ ที่อาจแตกต่างไปบ้าง เช่นต้นที่พบแถวเขาหินปูนจังหวัดสระบุรี ต้นจะสูงใหญ่แตกกิ่งมาก ขณะที่จันผาที่พบบนเขาหินปูนใกล้น้ำตกบนเกาะสมุย ต้นย่อมกว่ามาก และไม่ค่อยแตกกิ่ง จันทร์แดง เป็นตัวที่ถูกขุดออกมาขายจากเขาหินปูนแถวปราจีน สระบุรี เช่นเดียวกับจันผาธรรมดา แต่ต้นนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดที่ใบหนาเหมือนแผ่นหนัง ใบค่อยๆ สอบเรียว ลำต้นมีรอยแตกเป็นร่องแนว โคนต้นที่มีอายุมากๆจะมีเปลือกล่อนเห็นชัดเจน จันสร้อย หรือจันทร์หอม เป็นต้นที่แตกกิ่งแขนงมากที่สุด เป็นเหมือนไม้พุ่ม อาจสูงใหญ่ได้มากกว่าสามสี่เมตรง ใบแคบยาว ห้อยระย้า พบตามเขาหินปูนหลายแหล่ง ซึ่งแต่ละแหล่งก็มีความแตกต่ากันไปในรายละเอียด อย่างต้นที่พบบนเขาหินปูนสวนหินผางาม หรือกุ้ยหลินเมืองไทยที่จังหวัดเลย กับต้นที่พบแถวไทรโยคของเมืองกาญจน์ ก็ดูต่างกันที่ทรงใบเป็นต้น นี่เป็นเพียงแค่บางลักษณะที่ยกตัวอย่างมาให้ดูเฉพาะสกุล Dracaena ที่มีทรงต้นในแบบที่เราเรียกว่าจันทร์ชนิดต่างๆ ซึ่งยังไม่รวม Dracaena ชนิดอื่นๆ ที่มีลักษณะไม่เป็นยืนต้น หรือไม้พุ่มซึ่งพบได้มากมายในป่าของไทย นอกจากนี้พวกจันทร์สร้อย ที่พบทางปักษ์ใต้ โดยเฉพาะที่พบตามเกาะต่างๆ บางแหล่งมีต้นแคระแตกเป็นพุ่มเตี้ยๆ หรือมีใบยาว บิดม้วนเป็นพิเศษ สวยงามอย่างมาก ที่ผมไม่ได้ระบุว่า จันทร์ ลักษณะต่างๆ ที่กล่าวมามีชื่อวิทย์ฯ อย่างไรบ้างนั้น ก็เนื่องจากว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการศึกษา ชำระสะสาง หรือ revise แก้ไขจัดจำแนก ไม้ในสกุลนี้ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเลย เพียงแต่มีการลงชื่อของนักพฤกษศาสตร์ ผู้จะรับผิดชอบศึกษาพืชสกุลนี้เอาไว้ในธรรมเนียบ Flora of Thailand เท่านั้นครับ ตำราเทียบเคียงเพื่อจำแนกชนิด Dracaena ของประเทศเพื่อนบ้านก็ยังไม่สมบูรณ์พอ ที่จะสามารถนำมาตรวจสอบชนิดในบ้านเราได้ อย่างของจีนได้กล่าวถึงชนิด Dracaena cambodiana และบางตัวที่พบในไทยด้วย นอกจากนี้ เพือ่นผมที่เป็นนักพฤกษศาสตร์อยู่ที่สถาบันแห่งหนึ่ง ยังเคยสำรวจพบพวกจันทร์ผาที่ดอยตุงซึ่งมีลักษณะแปลกมาก คือต้นสูงใหญ่แต่ใบสั้นแคระเป็นกระจุก เหมือนกับชนิดที่ผมเคยเห็นขึ้นทั่วไปในซิกขิม ที่อินเดีย ก็เป็นได้ว่าอาจเป็นชนิดใหม่ๆหรืออาจเป็นตัวที่กระจายพันธุ์ลงมาจากจีน หรือเทือกหิมาลัย และยังมีจันทร์ที่พบแถวป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก ก็มีลักษณะแปลกแตกต่างจากแหล่งอื่นๆ คงจะต้องรอการศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกต้องก่อน เราจึงจะบอกได้ว่า ประเทศไทยมีไม้ที่อยู่ในกลุ่ม "จันทร์ผา" กี่ชนิดครับ แต่ตอนนี้ก็ช่วยๆกัน อนุลัก...เอ้ย ไม่ใช่ อนุรักษ์ ไว้หน่อย เดี๋ยวจะไม่มีอะไรไว้ให้ศึกษาน่ะจะบอกให้ จากคุณ : Mr Caudex - [ 11 ม.ค. 50 20:49:12 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เมล็ดจันผา เพาะง่าย ทิ้ง ๆ ไว้ ก็ขึ้น ไม่ต้องดูแล เอาใจใส่เท่าไหร่ ครับ จากคุณ : ritman - [ 12 ม.ค. 50 08:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้นี้ดีมาก...ดีทั้งเนื้อหา และการใช้ภาษา พิมพ์ก็เรียบร้อย แทบจะไม่มีที่ผิด ขอชื่นชม จากคุณ : ชาวเหนือ - [ 12 ม.ค. 50 13:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาอ่านเอาความรู้ค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูล จากคุณ : เรือนดาว - [ 18 ม.ค. 50 02:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 จันทร์ผาทุกชนิด มักขึ้นที่โล่งแจ้งเขาหินปูน ทำให้เข้าใจผิดว่ามันชอบแล้งๆ จันผาชอบน้ำมาก แต่ทนแล้งได้ดี เป็นพืชชอบน้ำชอบแดด ไม่ชอบแฉะ ถ้าใครเอาจันผาไปปลูกที่แห้งๆอาจไม่งามและตายใด้ครับ ปกติจันผาจะมีรากหยั่งลึกในซอกหิน/หินปูน ซึ่งหินเหล่านี้ส่วนลึกจะชื้นหรือมีน้ำไหลซึมตลอดเวลา เหมือนกับที่เราเห็นน้ำหยดตามหินงอกหินย้อยในถ้ำ เราพบว่าถ้าเรานำมาปลูกประดับ ถ้าแดดดีเมื่อเขาหยั่งรากลึกถึงความชื้นใต้ดินแล้วจะเติบโตอย่างรวดเร็ว บางที่ต้องตัดทิ้งกันทีเดียว ในรูปเป็นจันผาของทางใต้ที่มีใบสั้นกว่าปกติ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ป่าใหญ่ - [ 28 ม.ค. 50 11:57:57 ]