ความคิดเห็นที่ 1 เราชอบใช้ไม้ที่มีลวดลายเกลี้ยงๆตา หรือเป็นสไตล์แนวลักษณะของเส้นตรง ชนิดของไม้ก้อชอบแบบมีลายไม้สะอาดๆในตัวหน่อยก้อพอ แล้วเรามาย้อมสีไม้เอาก่อนที่จะลงเคลือบเงา ห้องไหนอยากได้ไม้คิ้วหรือกรอบหน้าต่างสีไหนก้อเลือกเล่นระบบตามใจฉัน นี่กรอบไม้ตรงหน้าต่างห้องครัว ใช้ย้อมสีฟ้าอมเทา แต่ไม่ย้อมเข้ม พอทาสีย้อมเสร็จ ทิ้งแค่แป๊บเดียวรีบเช็ดออกทันที เราจงใจให้สีย้อมมันมีความเหลื่อมเข้มอ่อน จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 20:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม้คิ้วตรงด้านบนของฝาด้านเตาผิงกับกรอบไม้ในห้องออฟฟิศย้อมสีแดงแบบนี้ เป็นสีแดงนุ่มตา ไม่ใช่แดงเร้าใจเหมือนสีแดงตามศาลเจ้า จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 20:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ซูมให้เห็นสีไม้ใกล้ๆเลยค่ะ จะเห็นได้ว่าความรู้สึกนุ่มนวลที่ได้จากการย้อมสีไม้นี้จะต่างกันกับการทาสีมากมาย จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 20:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การย้อมสีไม้จะมีขั้นตอนที่จุกจิกกว่า เสียเวลากว่าการทาสีธรรมดาๆหลายขั้นตอน แต่ขณะเดียวกันให้ความรู้สึกที่ประณีตกว่า การย้อมสีไม้จะยังคงให้เห็นลายไม้อยู่ ใช้กับพวกงานที่ต้องการโชว์บุคลิคความงามของเนื้อไม้ได้ดี เราสามารถคุมระดับสีเข้มอ่อนได้ เพราะการย้อมสีไม้นี่ เราใช้แปรงทาสีย้อมลงไปบนเนื้อไม้ พักไว้ซัก 5 นาทีแล้วก้อใช้ผ้าสะอาดแห้งๆเช็ดออก สละถุงเท้าผ้าคอตตอนเก่าๆซักคู่นึงมาใช้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ เพราะคอตตอนนี่ดูดซับนํ้าดีที่สุด พอย้อมสีไม้ลงไปแล้ว สีซึมในไม้แค่ไหนก้อดูกันเองว่า อ่อนเข้มได้ตามใจชอบหรือยัง ไม้แต่ละชนิดมีคุณสมบัติการดูดซึมสีที่ไม่เท่ากันน่ะค่ะ ไม้เนื้อแข็งจะดูดซึมสีได้ยากกว่าไม้เนื้ออ่อน เราจึงต้องคอยสังเกตดูเอาเอง ถ้าสียังเข้มไม่พอ ก้อลงแปรงย้อมสีรอบสอง พักไว้แล้วเช็ดสีส่วนเกินออกอีก ทําจนสีที่ย้อมเข้มได้ที่แล้ว วางพักให้แห้ง แล้วถึงจะมาลงเคลือบเงากัน นํ้่ายาเคลือบเงานี่มีหลายชนิดให้เลือกใช้อีก แม่น้องไทจําได้ว่าสมัยเล็กๆเวลาทําพวกงานไม้ส่งครู เราเคยชินกับการใช้พวกเชลแลคกับแลคเกอร์เป็นตัวเคลืือบเงา เปิดขวดออกมานี่กลิ่นมันเหม็นๆฉุนๆ เพราะทั้งสองอย่างนี้แม้จะเป็นผลิตผลจากธรรมชาติ แต่ใช้พวกสารระเหยพวกเอธิลแอลกอฮอล์เป็นตัวทําละลาย กลิ่นมันอบอวลอยู่ในบ้านน่าเวียนหัว แม่น้องไทจําได้เลาๆว่าทาเสร็จรอบแรกแล้ว ต้องนั่งพักรออยู่นานเหมือนกันให้เคลือบเงามันแห้งสนิทกว่าจะลงรอบสองได้ ถ้าดวงซวยเจออากาศอบอ้าวแถมมีมรสุมพัดผ่านอ่าวไทย ทําให้ฝนตกหนักติดๆกันหลายวันขึ้นมา ไอ้เชลแลคกะแลคเกอร์นี่ก้อหนืดๆ ไม่ค่อยจะยอมแห้งซักกะที ดังนั้นทาเสร็จไปรอบที่หนึ่ง ก้อต้องมานั่งล้างแปรงกะทินเนอร์ไปซะหนนึงกว่าที่จะได้มาใช้รอบสอง เรียกว่ากว่าจะได้ส่งงานไม้กะครูซักชิ้นนึง ดมทินเนอร์ซะหลายหนเลยทีเดียว เรื่องรอยังพอทนได้ แต่ข้อที่แม่น้องไทตะหงิดไม่ชอบแบบฝังใจมาตลอดเกี่ยวกับพวกเชลแลคกับแลคเกอร์ก้อคือ โทนสีที่แฝงอยู่ในนํ้ายา พอเราทานํ้ายาเคลือบไปรอบสองรอบ งานไม้ถ้าไม่แดงขึ้นก้อเหลืองลง สีไม้มันเพี้ยนไป ตรงนี้มันเป็นธรรมดาของเชลแลคกับแลคเกอร์ขวดละห้าบาทสิบบาทที่เราเด็กๆซื้อมาใช้กันน่ะนะ พอมาลงทุนทําห้องครัวในบ้านตามที่เคยลงมาให้ดูในกระทู้ก่อนหน้าโน้นแล้ว ถึงได้ถึงบางอ้อว่า เชลแลคกับแลคเกอร์เกรดอุตสาหกรรมที่เค้าใช้กับงานไม้เฟอร์นิเจอร์ดีๆนี่มันใสแจ๋วเป็นคนละเรื่องไปเลย เกรดนี้ใช้แล้วสีไม่เพี้ยน แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 50 23:21:11 แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 50 20:48:35 จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 20:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เชลแลค(Shellac) คือ ครั่งในภาษาไทยนั่นแหละค่ะ แต่เป็นครั่งบริสุทธิ์ที่ผ่านกรรมวิธีการกรองด้วยไอนํ้า เอาพวกสิ่งเจือปนอื่นๆเ่ช่นเปลือกไม้ ปีกแมลงครั่ง ดิน ทราย กรวดออกไป แล้วเอาครั่งเหลวๆนั้นมารีดให้แข็งเป็นแผ่นๆ แล้วก้อมาป่นแตกหยาบๆซะ ดูเหมือนเปลือกของแลค(Shell-Lac) ซึ่งออกมาเป็นคําว่า Shellac นั่นเอง ตรงนี้ยังเป็นวัตถุดิบครั่งร้อยเปอร์เซนต์อยู่ให้สามารถเอาไปใช้ในหลายๆอุตสาหกรรมต่อได้ เช่น ในการทําเป็นนํ้ายาเคลือบเงา เค้าก้อเอาครั่งบริสุทธิ์นี่แหละไปผสมกับพวกสารทําละลาย ออกมาเป็นนํ้ายาเคลือบเงาที่เรียกทับศัพท์เลยว่า เชลแลคน่ะค่ะ ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตครั่งที่สําคัญของโลก น้องๆอินเดียเลยทีเดียว เราเลี้ยงแมลงครั่ง(Lac) กันมากแถวๆภาคเหนือและอีสาน ให้แมลงครั่งมันดูดนํ้าเลี้ยงจากต้นไม้ แล้วมันจะคายยางออกมาหุ้มตัวมันไว้ ยางเหนียวๆหุ้มตัวแมลงครั่งนี้แหละค่ะที่เค้าเอามาชั่งโลขาย เรียกยางนี้ว่า ยางครั่ง หรือสั้นๆว่า ครั่ง ครั่งนอกจากจะให้สีแดงธรรมชาติซึ่งชาวบ้านใช้ในการย้อมผ้าไหม และให้ประโยชน์ในการเคลือบเงาเฟอร์นิเจอร์แล้ว ครั่งยังมีดีในตัวอีกหลายๆอย่างที่หลายต่อหลายคนอาจจะไม่รู้หรือนึกไม่ถึง คุณสมบัีติที่โดดเด่นข้อนึงของครั่งคือ เป็นผลิตผลจากธรรมชาติที่ไม่มีสารพิษอะไรเลย สามารถรับประทานได้ ดังนั้น ครั่งจึงรุ่งจรัสแสงมากในอุตสาหกรรมยาและอาหาร คือ เป็นตัวเคลือบผิวของเม็ดยา กับใช้การแว๊กซ์ผิวผลไม้ไม่ให้ผิวเหี่ยวย่นเร็ว เป็นการยืดอายุของผลไม้ให้นานขึ้น สําหรับแม่น้องไทแล้ว ถ้าพูดถึงครั่งขึ้นมา จะนึกแว๊บย้อนไปถึงที่ทําการไปรณีย์ทุกที เพราะสมัยเด็กนั้นชอบตระเวณเล่นไปทั่ว เล่นโน่นเล่นนี่ตามประสา แล้วก้อชอบไปยืนดูเจ้าหน้าที่ไปรณีย์หยดครั่งแดงๆทับบนเชือกป่านห่อของก่อนที่เค้าจะตีตราพัสดุ อาการหยดครั่งมันทําให้ห่อพัสดุดูขลังขึ้นมายังไงไม่ทราบ แต่เมื่อช่วงที่ไปเมืองไทยเมื่อปีก่อนนี้ แม่น้องไทไปแวะที่ทําการไปรณีย์กับหมาน้อยพุงกาง เห็นไปรณีย์บ้านนอกเค้าไม่มีการใช้เชือกป่านกับครั่งแล้ว แต่ใช้เทปพลาสติกสีนํ้าตาลหนาๆมาปิดแทน เฮ้อ  ความเจริญของประเทศมันน่าจะมาถึงขีดสุดแล้วนะเนี่ย จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 20:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แลคเกอร์(Lacquer) ดั้งเดิมนี่มาจากธรรมชาติเหมือนกัน แต่ไม่ใช่มาจากตัวแมลงครั่งนะคะ แม้ว่าศัพท์ของมันจะมีคําว่า  Lac อยู่ แต่แลคเกอร์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวแมลงครั่งเลย แลคเกอร์เป็นการค้นพบดั้งเดิมของชาวจีน แลคเกอร์มาจากยางของกอไม้ในตระกูลที่เรียกกันว่า ซูแมค (Sumac) หรือรัส (Rhus) ที่แม่น้องไทบอกว่าเป็นกอไม้ ไม่ใช่ต้นไม้เพราะว่ามันไม่ใช่ต้นไม้เดี่ยวๆแบบต้นไม้ยืนต้นลําต้นเดียว แต่เป็นไม้ที่ขึ้นเป็นกอเป็นดงพรืดสูงท่วมหัวฝรั่งน่ะค่ะ ช่วงลําต้นแต่ละลําของมันจะโปร่งๆ ไม่มีใบอะไรมาก แต่ใบจะขึ้นไปบานแตกเป็นลานพัดอยู่ข้างบนหมด ต้นพวกนี้เวลาเข้าฤดูใบไม้ร่วง ใบเปลี่ยนสีสวยแจ๊ดแสบสันลูกกะตาสุดๆ ช่วงเปลี่ยนเป็นสีส้มนี่เรียกว่าส้มแบบนีออนมาเลย พอเปลี่ยนเป็นแดงก้อแดงได้บาดตาบาดใจ มีชีวิตชีวามาก เป็นหนึ่งในกลุ่มต้นไม้ที่เปลี่ยนสีได้สวยจริงๆ แต่ไม่ว่าจะงามยังไง ต้นไม้ตระกูลนี้ไม่มีใครปลูกดูเล่นในบ้านเลย เพราะยางมันเป็นพิษ ถูกแล้วร่างกายจะคัน เห่อแดง แม้แลคเกอร์จะเหมือนกับเชลแลคตรงที่ว่า เป็นผลิตผลที่มาจากธรรมชาติเหมือนกัน แต่เนื่องจากแลคเกอร์หรือยางไม้ที่ได้จากบางสายพันธุ์หรือหลายๆสายพันธุ์ของต้นซูแมคนี้มีสารพิษในตัวนั้น ดังนั้น เค้าจึงไม่นิยมเอาแลคเกอร์มาใช้ในพวกอุตสาหกรรมอาหารและยามากเท่าเชลแลค แลคเกอร์จึงไปรุ่งโรจน์อยู่ในพวกอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์หรือพวกรถยนต์อะไรมากกว่า ช่วงหลายสิบปีหลังมา อเมริกามีการผลิตแลคเกอร์ที่มาจากสารสังเคราะห์ออกมาใช้ด้วย จึงทําให้คําว่าแลคเกอร์ในปัจจุบันจึงมีทั้งจากยางไม้ธรรมชาติและเป็นสารสังเคราะห์ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 20:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เฟอร์นิเจอร์สวยๆแพงๆที่มีเชลแลคกับแลคเกอร์เป็นตัวเคลือบนั้น เค้าใช้เครื่องพ่นเอา มันถึงได้นํ้ายาเคลือบที่สวย บางเฉียบ ไม่หนาเตอะตะเป็นผลงานราคาถูก แต่เราแค่ทําโปรเจคซ่อมแซมตกแต่งโน่นนี่เล็กๆน้อยๆในบ้าน เราไม่มีเครื่องพ่นหรอก แถมเราก้อไม่อยากให้มีกลิ่นฉุนๆติดอยู่ในบ้านด้วย สมัยนี้มีการผลิตนํ้ายาเคลือบเงาสังเคราะห์ให้มือสมัครเล่นอย่างเราๆได้เลือกใช้กัน ที่ได้ยินได้ฟังในโฆษณากันบ่อยๆก้อวานิช(Varnish) กับโพลียูริเทน(Polyurethane) จริงๆแล้ววานิชมีทั้งสารธรรมชาติและสารสังเคราะห์ แต่ว่าในระดับการใช้ที่ไม่ใช่งานอุตสาหกรรมแล้ว คือที่ขายอยู่ตามร้านพวกคอนเซ็ป Do-It-Yourself นี่จะเป็นสารสังเคราะห์ซะทั้งนั้นแหละค่ะ ดังนั้นโดยหลักการง่ายๆสําหรับมดเล็กๆอย่างเราๆแล้วนี่ สองตัวนี้เหมือนๆกัน วิธีการใช้ไม่ยุ่งยากอะไร เป็นนํ้ายาที่ใช้แปรงทาเอาได้ ทาไปไม่นานก้อแห้ง ทําให้ทาซํ้าสองซํ้าสามได้เร็วขึ้น และไม่ต้องทนกับกลิ่นเหม็นฉุนอย่างที่เคยเป็นมา ทั้งนี้เพราะมีการใช้สารทําละลายตัวอื่นๆแทนเอธิลแอลกอฮอล์น่ะค่ะ แต่สองตัวนี้ต่างกันที่ระดับความแข็งของผิวหน้าที่เคลือบ พวกพื้นไม้แผ่นที่ปูในบ้านที่ต้องทนกับการเหยียบยํ่าไปมานี่ เค้าเคลือบโพลียูริเทนหมด เพราะโพลียูริเทนมันเคลือบผิวหน้าได้แข็งกว่าวานิช ทําให้ทนต่อรอยขีดข่วนได้มากกว่า บางคนติว่าโพลียูริเทนเมื่อเอามาเคลือบเงาเฟอร์นิเจอร์ มันดูคล้ายเคลือบพลาสติกไปหน่อย พวกช่างโปรทั้งหลายที่มีอุปกรณ์เครื่องพ่นพร้อม จะชอบเชลแลคกับแลคเกอร์มากกว่า บอกว่าความรู้สึกมันนุ่มผิดกัน แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 50 20:23:47 จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 20:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เวลาเราทํางานไม้เล็กๆน้อยๆในบ้าน ทําชั้นวางของ ทําไม้คิ้วตกแต่งห้องหับเล็กๆน้อยๆนี่ เราไม่มีเครื่องพ่นเคลือบเชลแลคหรือแลคเกอร์เหมือนพวกโรงงาน ดังนั้นเราจะใช้แปรงเป็นอุปกรณ์หลักในการลงเคลือบเงา นํ้ายาสังเคราะห์แบบนี้สะดวกสําหรับเรามากกว่า ไม่ว่าจะเลือกใช้วานิชหรือโพลียูริเทน พอเอาแปรงลงนํ้ายาไปจนแห้งแล้ว ต้องใช้กระดาษทรายละเอียดมาขัดผิวหน้า เป็นการขัดเอาฟองอากาศปุ่มปํ่าที่เกิดจากขั้นตอนการแปรงออก แล้วใช้ผ้าเช็ดฝุ่นออกให้หมดก่อนที่จะลงเคลือบหนต่อไป พวกนํ้ายาเคลือบเงานี่ แต่ละชนิดก้อจะมีความมันวาวหลายระดับให้เลือก ถ้าเราจะเอาแบบมันแผล็บ ก้อซื้อรุ่น Gloss มาใช้ รองลงมาก้อคือ Semi-Gloss ตํ่าสุดคือเอาเคลือบเงาแบบด้านๆไม่แววเลยก้อ Satin หรือ Matte เลือกใช้กันได้ตามความชอบของแต่ละคน พ่อน้องไทเค้าชอบใช้โพลียูริเทนแบบ Semi-Gloss กับงานไม้ในบ้าน เราไม่ค่อยใช้อะไรแบบแวววาวมาก เพราะ ความมันแวววาวที่น้อยลงมา ให้ความรู้สึกในการมองดูที่เบากว่ากันไปด้วยเหมือนกัน ไม่ดูเป็นพลาสติกเคลือบหนาๆ ทําให้เฟอร์นิเจอร์ดูมีราคากว่ากันมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นด้วยนะคะ บางชิ้นใช้นํ้ายาเคลือบแบบมันแววเยอะๆคือ Gloss ก้อออกมาดูดีเชียว แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 50 23:22:26 จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โต๊ะตัวนี้เป็นของเก่าของทวดของน้องไทที่ชํารุดทรุดโทรม อาของน้องไทเอาไปซ่อมแซมเป็นงานอดิเรกยามว่างเสาร์อาทิตย์อยู่สามเดือนหกเดือน แล้วเค้ายกให้กับเรา สีโต๊ะเป็นสีเดียวกันกับชั้นวางเหนือเตาผิงที่เราทําขึ้นเลย เพียงแต่เค้าเลือกใช้เคลือบเงาอย่าง Gloss โต๊ะตัวนี้ซ่อมออกมาได้สวยเลยทีเดียว จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พ่อน้องไทเค้ามีข้อติในนํ้ายาวานิชว่า นํ้ายาวานิชมีโทนสีเหลืองนิดๆอมแฝงอยู่ในตัว ถ้าเอามาทาเคลือบงานไม้สีเข้มๆดําๆไม่มีปัญหาให้เห็น จะมองไม่เห็นจุดด้อยตรงนี้ แต่ถ้าเอามาใช้กับงานไม้สีอ่อนแล้ว พอทานํ้ายาวานิชไปสองสามหนเค้าจะมองเห็นสีเหลืองตัวนี้เหลือบแพล่บแฝงออกมาในผลงาน เค้าเลยไม่เลือกใช้่ แต่นํ้ายาโพลียูริเทนจะใสกิ๊ก ทาเคลือบงานไม้ลงไปหลายๆหน งานก้อยังใสแจ๋ว การจะเช็ดเก็บฝุ่นจากการขัดกระดาษทรายบนผิวหน้าให้ดีนั้น เราซื้อผ้าผืนเล็กๆที่เหนียวๆหนืดๆสําหรับเช็ดเก็บฝุ่นแบบนี้โดยเฉพาะมาใช้ ผืนนึงไม่แพงค่ะ ผืนละราวๆเหรียญนึงเองค่ะ ผ้าจะเป็นใยบางๆเหนียวๆดูเหมือนขนมลาของทางภาคใต้ เวลาเช็ดลงไปทีนี่ ละอองฝุ่นเฝิ่นเล็กๆบนไม้ติดขึ้นมาบนผ้าหมด ผ้ามันเก็บฝุ่นให้เกลี้ยงเลยค่ะ ผ้าพวกนี้ใช้เสร็จก้อทิ้งไป พอเราลงเคลือบเงาสลัีบกับการขัดถูด้วยกระดาษทรายละเอียดไปซักสองสามหน ฝีแปรงจะวิ่งลื่นขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อรู้สึกว่าฝีแปรง  แทบจะไถลื่นบนผิวไม้เหมือนสเก๊ตแล้ว แสดงว่าผลงานที่ทําเข้าขั้นประณีตแล้วค่ะ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 นี่ล่ะค่ะ อุปกรณ์การทําของแบบนี้มันก้อมีง่ายๆแค่ไม่กี่ชิ้นนี้เองแหละ สีย้อมไม้กระป๋องนึง เคลือบเงากระป๋องนึง แปรงอันนึง ถุงเท้าเก่าๆคู่นึง ผ้าใยเช็ดฝุ่นผืนนึง แล้วมีหัวสมองคนทําอยู่หน่อยนึง  อ้อ การซื้อแปรง มีเคล็ดลับอยู่ว่า ให้ซื้อแปรงที่ทํามาจากขนสัตว์ธรรมชาติ แม้ราคามันจะแพงเป็นสองเท่าของแปรงที่ทําจากขนวิทยาศาสตร์ แต่แปรงที่ทําด้วยขนธรรมชาติจะไม่ทิ้งรอยฝีแปรงไว้บนเนื้องาน ความละเอียดของงานมันผิดกันน่ะค่ะ นอกจากอุปกรณ์ที่เห็นในรูปนี้แล้ว ในบ้านนี่ควรมีพวกเลื่อย กับโต๊ะวัดมุมเอาไว้วัดเลื่อยไม้เข้ามุมแล้วนะคะ อุปกรณ์พวกนี้เราทยอยซื้อหามาไว้ในโรงรถตั้งแต่หลายปีมาแล้ว แล้วก้อมีทินเนอร์สําหรับล้างแปรงตอนเสร็จสุดท้ายซักขวดนึงด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 50 22:07:26 จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนที่เราจะเจาะรูขึ้นชั้น แม่น้องไทช่วยมองว่าระดับความสูงได้ที่หรือยัง น้องไทเค้าอยากจะช่วย พ่อเค้าเลยถามน้องไทว่า ชั้นเอียงหรือเปล่า TanThai, is the shelf straight now?  Is it o.k.? น้องไทหยุดมองแล้วก้อถามพ่อกลับว่า Oh, where is bubble? แล้วรีบวิ่งเปิดประตูไปที่โรงรถไปหยิบตัววัดความตั้งฉากมา แม่น้องไทต้องช่วยอุ้มให้เค้าขึ้นไปวางตัววัดบนชั้นได้ แล้วไทก้อทําทีมั่วเป็นมืออาชีพ เลียนแบบพ่อมานั่นแหละ ทําทีมองตําแหน่งของลูกโป่งก่อนที่จะตอบพ่อว่า It’s o.k now เครื่องมืออันนี้เรียกว่า level (คํา Noun) เป็นตัวที่ใช้ช่วยวัดความตั้งฉากทั้งในแนวตั้งและแนวดิ่ง อาการตั้งฉากในแนวดิ่ง เรียกว่า level (คํา Adjective) อาการตั้งฉากในแนวตั้งเรียกว่า plumb (คํา่ Adjective) เวลาที่แม่น้องไทช่วยเป็นลูกมือทํางานก่อสร้างภายในบ้าน บางทีช่วงกําลังวัดตําแหน่งจะเจาะรูที่ข้างฝา ระหว่างจะใช้ดินสอกาทําตําแหน่งหมายเอาไว้นั้น ถ้าพ่อน้องไทเค้าหันมาถามว่า Where is the level? หมายถึง เค้าถามหาเครื่องมืออันนี้ จะเอามาวัดเพื่อความแม่นยํา ถ้าเค้าหันมาถามว่า Is it level? หมายความว่า เค้าถามว่ามันตั้งฉากในแนวนอนแล้วหรือยังอ่ะเธอ  ยังงี้เราก้อต้องช่วยเช็คด้วยการวางเครื่องมือ level อันนี้ในแนวนอนให้ ถ้าลูกโป่งลอยมาอยู่ตรงกลางพอดี แสดงว่าตรงแล้ว กาได้โลด แต่ถ้าเจอคําถามมาว่า is it plumb? ยังงี้หมายถึง เค้าต้องการจะรู้การตั้งฉากในแนวดิ่ง เราต้องหันเครื่องมือตัวนี้วัดทางดิ่งให้เค้า ไม่ว่าจะวัดที่แนวไหน ตําแหน่งตัวลูกโป่งจะเป็นตัวบอกให้รู้ว่า วางได้ที่หรือยังเสมอ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชั้นวางเหนือเตาผิงอันนี้เราซื้อไม้แผ่นธรรมดามาให้ได้ขนาดความยาวที่ต้องการ แล้วใช้ไม้คิ้วที่ทําด้วยไม้โอ๊คมาตัดเข้ามุมปิดเดินริมเป็นขอบลิ้นเอา เป็นการเพิ่มสไตล์ให้เกิดความเก๋ไก๋ ดูดีมีระดับขึ้นมา สีที่เราเลือกใช้ย้อมไม้เป็นสีนํ้าตาลดําที่เรียกว่า Ebony ดูไกลๆจะเหมือนสีดํา แต่ถ้ามองใกล้ๆแล้วจะเห็นลายไม้อยู่ เป็นสีที่เห็นใช้กันในเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มๆดําๆแบบดูดีมีระดับน่ะค่ะ พอสีเข้าที่แล้ว ก้อตบมันด้วยการเคลือบเงาแบบ Semi-Gloss กับขัดถูด้วยกระดาษทรายละเอียด ทําซํ้าไปมาซะสามสี่รอบ ออกมาเป็นผลงานที่ถูกใจเรามาก แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 50 07:54:02 จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พอโปรเจคนี้เสร็จ เราก้อถอนใจเฮือกเพราะต้องเดินหน้าต่อด้วยการจับสามลิงมาถ่ายรูปทําการ์ดคริสมาสต์ของปีนี้ ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก เพราะมันต้องเริ่มด้วยการตัดผมของสามหนุ่มให้ดูดีก่อน น้องไทรอดตัวเพราะพ่อเค้าเพิ่งจัดตัดผมไปหลังจากที่สร่างไข้ใหม่ๆ เหลือแต่ลิงขาวกับลิงเล็ก ปีป๊อตนั่งรอบนแป้นเสริมสวย เป็นเด็กที่ว่าง่ายที่สุดในบ้าน ตัดขนปีป๊อตนี่สบายที่สุด จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:19:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ป๊อตขออย่างหล่อที่สุดน๊า จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:21:08 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทะเลรอคิวตัดผมของตัวเองไป ก้อยืนเล่นกะหมวกของพี่ชายไป จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:22:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พอหายไข้แล้ว ก้อร่าเริงยิ้มหัวตลอด จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 วันนี้ยอมสู้กล้องให้แม่ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หน้าสวยๆหน้าผากมนๆเกลี้ยงๆแบบนี้มีให้เห็นไม่บ่อย เพราะถ้าเค้าไม่วิ่งหกล้มหัวโขกพื้นเอง ก้อเล่นๆกับพี่ชายแล้วโดนพี่ชายตบควํ่าปากเจ่อไป จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 และแล้วก้อได้เวลาถ่ายหนัง แม่น้องไทเป็นตากล้อง หนังเรื่องนี้ถ่ายกันสองวัน แม่น้องไทแทบจะเป็นลม ไม่กล้าอาจเอื้อมฝันไกลให้สามลิงสามัึคคีกันมองกล้องเลย ถ่ายไปทั้งหมดเกือบสองร้อยรูป หงอกขึ้นร่วม 32 เส้น ดูแซมเปิ้ลหลักฐานกันเอาเองค่ะ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 21 .. จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 . จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 24 .. จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ... จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:33:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 . จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สุดท้ายต้องยื่นคําขาดให้พ่อน้องไทเลือกเอารูปที่ดีที่สุดออกมาใช้ให้ได้ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พอเลือกรูปได้แล้ว ขั้นต่อไปก้อง่ายแล้วค่ะ งานขั้นนี้เป็นของพ่อน้องไทซะ เค้าเลือก Clip Art ที่ชอบๆ เลือกฟอนด์ตัวหนังสือที่ดูดี ผลิตการ์ดสวยเก๋ไก๋ออกมาให้แม่น้องไทช่วยติชมแก้ไขกันไปจนลงตัว ของพวกนี้เราชอบทํากันเอง มันจุกจิกปวดหัวหน่อย แต่ได้อะไรที่ถูกใจเราดี จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หวัดดีค่ะเพื่อนๆทุกคน แม่น้องไทมาล่าตามเคย ว่าจะโพสต์เรื่องให้อ่านมาหลายวันแล้ว แต่มัวยุ่งๆกับงานอยู่ เพิ่งมีเวลาหายใจหายคอหน่อย ตอนที่นั่งโพสต์นี้เน็ตอืดมากๆเลย เหลืออีกกระทู้นึงที่พร้อมจะโพสต์ให้อ่านกัน ถ้าไม่คืนนี้ก้อพรุ่งนี้นะคะ รอตามไปดูวันคริสมาสต์ของเรากันค่ะ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 17 ม.ค. 50 21:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาจองที่ก่อนค่ะ น้องไทเป็นหนุ่มแล้น จากคุณ : แชบ๊วย - [ 17 ม.ค. 50 21:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 รูปไม้คิ้วในความเห็นที่3และ4 สวยมากๆเลยค่ะ สีแดงแต่ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป ดูแล้วสดใสไม่แสบตา สวยจริงๆค่ะ ^ ^ กว่าจะได้ถ่ายเด็กๆทั้งสามได้คุณเขียวอ่อนคงเหนื่อยและเมื่อยนิ้วน่าดูเลยนะคะเนี่ย ปีป๊อดตัดขนใหม่แล้วหล่อมากเลยค่ะ ^ _______ ^ จากคุณ : babycinny - [ 17 ม.ค. 50 21:51:22 ]

ความคิดเห็นที่ 32 พี่น้องเล่นกันดูอบอุ่นดีนะจ๊ะ จากคุณ : กิ๊กกะเฮิร์ท - [ 17 ม.ค. 50 22:12:00 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มา ขำ ขำ ค่ะ  กว่าจะได้รูปสามเกลอที่ดีที่สุด   คุณเขียวอ่อนบอกว่าหงอกขึ้นร่วม 32 เส้น   5555555555555 จากคุณ : DOGHALL - [ 17 ม.ค. 50 22:44:38 ]

ความคิดเห็นที่ 34 น้องทะเลโตขนาดนี้แล้วเหรอคะเนี่ย ยังคิดว่าน้องยังนอนอยู่ในเบาะอยู่เลยค่ะ จากคุณ : tadam - [ 17 ม.ค. 50 23:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ง่ะ ทำไมน้องทะเลโตไวจังเลย จำได้ว่าตามอ่านมาตั้งแต่น้องยังไม่ออกเผลอแปปเดียวเป็นหนุ่มแล้ว ส่วนน้องไทยิ่งโตยิ่งหล่อน่ะค่ะ ตอนเด็กๆหน้าออกมาทางไทยน่ะค่ะ เป็นหนุ่มแล้วหน้าลูกครึ่งมาก หล่อจัง กลับมาเป็นดาราที่ไทยได้เลยน่ะนี่ จากคุณ : yo_ei-gi - [ 18 ม.ค. 50 00:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แว่บมาดูค่ะ... น้องทะเลสุดหล่อ หน้ามีแผลซะแล้ว  บนหนังตาด้านขวา กับ แก้มซ้าย ของสุดหล่อไปโดนอะไรมาเหรอคะ  ขอให้แผลหายไวๆ เหมือนกับไข้ที่หายไวๆนะคะ ^^ จากคุณ : ชิสุมุมห้อง - [ 18 ม.ค. 50 01:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สามหนุ่ม หล่อๆ ทั้งน้านนน จากคุณ : p.panda - [ 18 ม.ค. 50 07:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สามหนุ่มบ้านนี้หล่อจริง แต่น้องไทเล่นกับน้องทะเลแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ แอบเห็นภาพเขียนอักษรจีนรูปปีป๊อตที่แขวนอยู่ข้างเตาผิงด้วย สวยจังค่ะ จากคุณ : sommie - [ 18 ม.ค. 50 09:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 หวัดดีค่ะทุกๆคน เด๊วอย่าลืมไปต่อกันที่กระทู้ตอน 43 ด้วยนะคะ แม่น้องไทมาโพสต์ให้อ่านแล้วค่ะ อิอิ นั่นชื่อจีนของปีป๊อตเค้าค่ะน้องส้ม พี่ให้เขียนชื่อพู่กันชื่อแล้วเอามาใส่กรอบ วางเรียงกันกับชื่อของน้องไทกับทะเล ของปีป๊อตพิเศษตรงที่ว่าเค้าเอารูปปีป๊อต รูปตรงหน้าปกหนังสือนั่นแหละ วาดเฉพาะเค้าโครงหยาบๆให้ แปะตรงข้างท้ายชื่อ เก๋ดีเนอะ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 18 ม.ค. 50 09:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มีแต่รูปนุ่มๆ อยากให้มีรูปพี่เขียวอ่อนด้วย จะได้นับว่าหงอกเพิ่ม 32 เส้นจริงเปล่า... คิคิ ที่ว่า 32 นะ น่าจะหมายถึงอายุใบหน้ามากกว่าหรือเปล่าคะพี่ จากคุณ : แอน - มามี๊โรดดี้ - [ 18 ม.ค. 50 11:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 น่ารักดีค่ะ เข้าใจถึงความตั้งใจทำการ์ดมากออกมาดูเป็นธรรมชาติมากๆค่ะ เด็กๆน่ารักมาก ชอบน้องปีป๊อตจังค่ะ หล่อมาก จากคุณ : แม่+ป๊ะป๋าน้องนาตาลี(piaw+pop) (piaw+pop) - [ 18 ม.ค. 50 11:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โห พี่ขา หนูว่าพี่ทำอะไรทุกอย่างด้วยความตั้งใจประณีตมากๆค่ะ แล้วผลงานก็ออกมาดีมากสมกับที่พี่ตั้งใจด้วยนะคะ หนูไม่ได้พูดถึงเฉพาะเรื่องตกแต่งบ้านนะคะ หมายรวมถึงเจ้าไทกะน้องทะเลด้วยง่ะค่ะ 555555555555555555555555 จากคุณ : หมาน้อยพุงกาง - [ 18 ม.ค. 50 11:54:44 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สามหนุ่ม สามมุม  อิ่..อิ่.. จากคุณ : Hermy - [ 18 ม.ค. 50 12:58:04 ]

ความคิดเห็นที่ 44 งานนี้ที่ว่าง่ายที่สุดเห็นจะเป็นปีป๊อตนะคะ ^ ^ ชอบเหมือนกันค่ะพี่ ของทำเอง แม้จะไม่มีมูลค่าอะไร แต่คุณค่าทางจิตใจมากมายเหลือคณานับ นะคะ จากคุณ : เต้าเจี้ยว - [ 18 ม.ค. 50 13:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คห.ที่ 24  น้องทะเลเค้าร้องไห้เหรอคะ ฮ่าๆๆ สงสัยพี่แทนไทจะแกล้งน้อง มีปีป๊อตที่มองกล้องเยอะที่สุด เด็กๆบ้านนี้แต่งตัวหล่อทุกวัน  ไม่มีมอมแมมเลย จะว่าซนได้ไงเนอะ จากคุณ : คุณกุ๋ย - [ 18 ม.ค. 50 15:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบรูปหมู่มากๆ ค่ะ น่าร๊ากจิงๆ 5555555555555555555 สามลิง ถ่ายรูป จากคุณ : babbbirdbird - [ 18 ม.ค. 50 16:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47 แวะมาดูสุดหล่อทั้ง 3 ค่ะ ยังหล่อสุดๆเหมือนเคย อิอิ จากคุณ : ~sugarsour~ - [ 18 ม.ค. 50 17:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สวัสดีค่ะ เท่าที่ดูจากรูป ดูเหมือนพ่อหนุ่ม peapod จะนิ่งสุขุมที่สุดใน 3 ลิงเลย จากคุณ : Rirakkuma - [ 22 ม.ค. 50 04:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เพิ่งทราบนะคะเนี่ยว่า แชคแลคกะแลคเกอร์เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ฮ่าๆ เห็นรูปถ่ายทำการ์ดแต่ละรูป มีปีป๊อตนี่แหละ ว่านอนสอนง่ายที่ซู้ดดเลยค่ะ แต่เห็นแอบทำหน้าเซ็งๆอยู่นะ ปีป๊อต จากคุณ : oriole - [ 24 ม.ค. 50 02:45:12 ]