ความคิดเห็นที่ 1 ลืมบอกในรูปเป็นรูป sc ที่ได้รับการย้อมสี มาต่อที่ Adult stem cells ดีกว่า....อันนี้น่าสนใจ เพราะไม่ผิดศีลธรรม และศักยภาพก็ไม่ได้น้อยไปว่า ESC เท่าใดนัก....ขอข้ามบางจุดที่มันลึกๆออกไปบ้างนะครับ SC มีข้อดีที่เรียกว่า การ Homing นั่นหมายความว่า เค้าจะรู้เองว่าเค้าจะต้องไปที่ไหน ไปอวัยวะไหน เพื่อไปซ่อมแซมส่วนนั้นๆ SC เองก็มีหลายชนิด เช่น 1 Endothelial stem cell ตามชื่อครับ คือไว้สำหรับการสร้างหลอดเลือด 2 Mesenchymal stem cell อันนี้เน้นไปด้านรักษาระบบประสาท กระดูก ฟัน ไรพวกนี้ 3 Hematopoietic stem cell ตามชื่ออีกเช่นกัน เค้าสามารถสร้างเลือดชนิดต่างๆได้ เช่น  เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ดังนั้นการเลือกใช้ชนิดของ stem cells ก็ต้องเลือกให้ถูก รวมถึงการเลือกระยะของเซลล์ด้วยเช่นกัน แหล่งของ stem cells ........จริงๆพบได้เกือบทุกที่ แต่มีมากที่ไขกระดูก พบได้ในเลือดของเรา ในฟันน้ำนม ไขมัน เลือดจากสายสะดือ   ข้อดี ข้อเสียของแต่ละแหล่ง ไขกระดูก ...อันนี้มี SC มาก ในอดีตถึงที่การปลูกถ่ายไขกระดูกไง แต่ตอนนั้นเราไม่ได้เรียกว่า Stem cell วิธีเอามันออกมาก็คือ วางยา เจาะไขกระดูกบริเวณสะโพก เอาให้ได้ปริมาณที่เราต้องการ ข้อเสียก็คือมี T-cells มาก (เป็นตัวจำว่าเราเป็นโรคไรมากี่ครั้ง) ซึ่งเจ้านี่แหละที่อาจทำให้การปลูกถ่ายไม่สำเร็จ จากเลือดล่ะ....อันนี้ง่ายมาก ทรมานน้อยหน่อย ฉีดยากระตุ้นที่เรียกว่า G-CSF ประมาณ 4-5 วัน ก่อนเพื่อให้เกิดการหลั่งเม็ดเลือดขาวออกมาในกระแสเลือด มันก็จะมี SC หลุดออกมาด้วย เราก็จะใช้เครื่องทีเรียกว่า Apheresis เก็บเอาเฉพาะ SC เท่านั้น อื่นๆส่งคืนกลับเข้าร่างกาย วิธีนี้หากคนเส้นที่แขนใหญ่ๆก็สบาย แต่หากเส้นที่แขนเล็ก ก็ต้องเจาะเส้นเลือดใหญ่ที่คอครับ และหมอต้องคอยดูว่าเม็ดเลือดขาวออกมามากไปไหม มากไปก็ต้องลดยาหรือหยุดยา อันนี้ก็มี T-cell เหมือนกัน แต่อยากได้ปริมาณเท่าใด สั่งได้ วันนี้ไม่พอ ก็ต่อพรุ่งนี้ คาเข็มไว้ จากคุณ : Dr. Doggy - [ 10 ก.พ. 50 17:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ฟันน้ำนม อันนี้มีแค่ Mesenchymal วิธีการก็แค่ฟันหลุดเมื่อไรก็ส่งไปห้องแล็ป ต้องส่งภายใน 72 ชม. แช่ในน้ำนม หรือแช่ในน้ำยา PBS ที่เค้าจัดไว้ให้  แล็ปจะทำการสลายส่วนกระดูกออก แล้วเอาเส้นประสาทที่อยู่ในโพรงฟันออกมา สับๆๆๆๆๆ เลี้ยงในน้ำยาเลี้ยง MSC จนได้จำนวนพอเพียง (มันเจอไม่กี่ตัว) ก่อนจะไปแช่ในไนโตรเจนเหลว จากเลือดสายสะดือ หรือเลือดสายรก.....อันนี้น่าสนใจที่สุด เพราะมันมี SC อยู่หลายชนิด และไม่มี T-cells เพราะเด็กยังไม่เคยสัมผัสโรค และ โลกเลย ยกเว้นคนที่เป็นโรคกรรมพันธุ์บางชนิด และเป็นตัวโรคเลย อันนี้เก็บไม่ได้นะครับแต่มีข้อเสีย คือ มีปริมาณจำกัด แต่นักวิทย์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาวิธีเพิ่มจำนวนมันอยู่ ก็เพิ่มได้อ่ะนะครับ แต่ Cell cycle ระยะ G0 มันน้อยทำให้ศักยภาพมันลดลง และข้อดีอีกอย่างคือ HLA (ในคนมี 6 ตำแหน่ง) ที่จะนำไปปลูกถ่าย ตรงกันแค่ 3/6 ก็สามารถแล้ว ต่างการ SC จากเลือด หรือไขกระดูกที่ ต้องตรงกัน 6/6 ถึงจะใช้ได้ครับ ในคนไทยโอกาสที่ HLA จะตรงกันได้นั้น คือ 1:50,000 ครับ ยากมากทีเดียว เค้าถึงเน้นอยากให้คนที่มีเงินหันมาเก็บ SC ของตัวเองไว้ เก็บของลูกไว้ ตัวเด็กเอง....ไม่ต้องดู HLA เพราะของเค้าเอง เรียกว่าอัตรา 1:1 พ่อแม่ มีโอกาสได้ใช้เลือดของลูก 1:2 เพราะเลือดลูกมาจากพ่อแม่คนละครึ่ง พี่น้อง มีโอกาสที่ HLA ตรงกัน 1:4 หรือ 1:3 หากมีลูกหลายๆคน แต่ถ้ารอบริจาค หรือหาคนที่ HLA ตรงกะเรา นู่นครับ ... 1: 50,000 อันนี้เป็นรูป สเต็มเซลล์ที่ปั่นแยกออกมาจากเลือดจากรก ก่อนจะนำไปแช่ในไนโตรเจนเหลว ดูดีๆมันมี 2 ถุง และมีปล้องๆกั้นเลือดไว้เป็นกระเปาะ อันนี้เผื่อไว้ว่าเอามาทดสอบเชื้อ หรือไว้เพิ่มจำนวนได้ในอนาคต ส่วนในถุงใหญ่อันนี้ไว้ใช้จริงๆ ณ ปัจจุบันหากต้องการใช้ จากคุณ : Dr. Doggy - [ 10 ก.พ. 50 17:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รูปครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 50 17:20:37 จากคุณ : Dr. Doggy - [ 10 ก.พ. 50 17:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รูปไม่มาแฮะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Dr. Doggy - [ 10 ก.พ. 50 17:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กลับมาเข้าเรื่องที่สัตว์บ้าง.....ตอนนี้ในสัตว์ที่พัฒนาไปถึงไหนแล้ว.... ขอตอบว่า .....ที่สัตวแพทย์ จุฬา เราไปถึง Cloning แล้วครับ ทำโดย ศ.มณีวรรณ ปัจจุบัน อ.ไม่สบาย ก็อยากขอให้สิ่งศักด์สิทธิ์คุ้มครอง อ.ให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แล้วตอนนี้เค้าไปถึงไหนกันแล้ว....กับการรักษาโรค ถ้า ตปท. ตอนนี้มีหลายที่ๆ นำ SC ที่ได้ไม่ว่าจะที่ได้จากเลือด จากไขกระดูก และจากไขมัน ไปรักษาโรคข้อ โรค เอ็น และโรคกระดูก ผลที่ได้ 85% เป็นที่น่าพอใจ....ส่วนเมืองไทย....ผมรอผู้มีจิตศรัทธามาลงทุนอยู่ครับ ฮ่า..ฮ่า... แล้ว SC ที่ได้ทำงานยังไง... SC ไม่ใช่ของวิเศษ เป็นของที่ทุกคนมี อย่างในสัตว์ข้างต้นที่กล่าว เค้าเอา SC ที่แยกได้ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก มาเลี้ยงเพิ่มจำนวนแล้วฉีดกลับไปบริเวณรอยโรคนั้น เช่น ฉีดเข้าข้อ เข้าเอ็น เป็นต้น มันจะจัดการเอง บางคนเค้าก็เหนี่ยวนำ SC ให้เป็นกระดูกอ่อน แล้วไปแปะบน scaffold เพื่อเลี้ยงมันบนนั้นให้เป็รูปที่เราต้องการ เช่น ข้อ แล้วผ่าตัดยัดใส่เข้าไป ....หมายเหตุ...ทั้งหมดที่กล่าวฟังดูง่าย แต่ที่จริงยากมากนะครับ ผมเขียนให้เข้าใจง่ายๆ.... ในอนาคตสัตว์ในเมืองไทยล่ะ.... น่าสนกับการใช้เสริมการรักษามะเร็ง หรือจำพวกโรคเลือดครับ เช่น พยาธิในเม็ดเลือด โรคเลือดทางกรรมพันธุ์ต่างๆ แล้วมันรักษาโรคเลือดได้อย่างไร เมื่อเรามี SC ที่เข้ากันได้ ในคนดูจาก HLA ในหมาดูจาก DLA ก็จัดการเหมือนให้น้ำเกลือ  SC มันจะ Homing หรือวิ่งไปที่ไขกระดูกเอง โดยปกติหากให้โดสที่เพียงพอประมาณ 10-14 วันก็จะได้เม็ดเลือดขาวหลั่งออกมาก่อน และจากนั้น 7-10 วันก็จะเป็นเม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด ...การทำงานแบบนี้จึงช่วยเสริมการรักษามะเร็งจากการฉายรังสี หรือคีโมได้อีกด้วย แล้วมีที่รับฝากเลือดจากสายรกของสัตว์ไหม.... ที่ ตปท. เช่น ออสเตรเลียมีครับ แต่เก็บสำหรับม้า ทำไมเก็บหมาไม่ได้เหรอ... ได้ครับ แต่ตอนคลอดต้องทำในห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อ ไม่ใช่คลอดปกติ โอกาสปนเปื้อนเชื้อสูงมาก และเลือดจากสายสะดือหมาก็คงไม่ได้เยอะมากมายอะไร เราเลยมองไปที่สัตว์ใหญ่ๆมากกว่า รวมถึงเงินค่าจัดเก็บที่ยังมีราคาสูงมาก (ในคนตอนนี้ประมาณ 4 หมื่นบาทครับ) เราเลยมองว่าอนาคตอาจเลือกเก็บจากไขกระดูก หรือไขมันแทนมากกว่า รูปนักวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการณ์ clean room  กำลังปั่นแยก SC ออกจากเลือดจากสายรก เดี๋ยวต้องปั่นอีกหลายครับ...ก่อนจะเหลือแค่นิดเดียวตามรูปด้านบน จากคุณ : Dr. Doggy - [ 10 ก.พ. 50 17:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ใครอยากให้เขียนต่อก็มาลงชื่อแล้วกันนะครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่า เขียนไปจะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน มันออกแนววิชาการ ผมก็พยายามเขียนให้เข้าใจง่าย แต่ก็ทำได้แค่นี้อ่ะครับ ...หรือใครอยากรู้ลึก ก็เชิญวันอาทิตย์ที่ 18 กพ. นี้ที่ห้องเสาวคนธ์ ชั้น 16 รพ.ปิยะเวท เวลา 13-16 น. ก็จะมีผมบรรยาย และก็จะมี รศ.นพ.ไพโรจน์ ที่ทำเด็กหลอดแก้วคนแรกของไทยได้มาร่วมบรรยายประโยชน์ และการนำสเต็มเซลล์ไปใช้ครับ ไม่เสียค่าใช้จ่าย กินฟรี มีของแจก.. จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 10 ก.พ. 50 18:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีประโยชน์มากมายค่ะ ถึงแม้ว่าหนูจะไม่ค่อยเข้าใจศัพท์อารายพวกนี้แต่ก็ทำให้ได้ความรู้เยอะเลยนะคะ ขอบคุนมากๆๆนะคะ เขียนต่อเลยค่าๆๆๆ จากคุณ : เบลล์ลี่ (ชาบี) - [ 10 ก.พ. 50 18:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาต่ออีกนิดก่อนไปกินข้าวครับ....เอาเรื่องห้องในรูป คห.5 ก่อนแล้วกันนะครับ ทำไมห้องที่จะต้องสะอาดมากเลยเหรอ....ในรูปเรียกว่าเป็น clean room class 100 คือ หมายความว่า ในอากาศ 1 ลบ.ฟุต จะมีอนุภาคที่ขนาด  0.5 ไมครอน ไม่เกิน 100 ชิ้น ห้องผ่าตัดทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ class 10000 ครับ ที่ต้องสะอาดมาก เพราะว่า เราคิดว่าเลือดพวกนี้ต้องฉีดกลับเข้าไปในร่างกายมนุษย์ทางเส้นเลือด ดังนั้นยิ่งสะอาดได้มากเท่าไรยิ่งดี ลดโอกาสการปนเปื้อนเชื้อ ผนังห้องทุกด้านเป็นวัสดุที่ไม่ก่อการติดไฟ ห้องนี้จะควบคุมได้ทั้ง ความกดดัน อุณหภูมิ ความชื้น และอนุภาคเล็กๆ เช่น ฝุ่น นอกจากนี้ยังต้องมีการตรวจสอบการปนเปื้อนเชื้ออย่างสม่ำเสมอครับ.... รูปนี้เป็นเครื่อง เป่าลมไล่ฝุ่นๆตามตัวเราก่อนเข้าห้องชั้นในสุดครับ จากคุณ : Dr. Doggy - [ 10 ก.พ. 50 19:53:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นประโยชน์มากๆค่ะ เคยได้ยินที่เขาใช้ สเต็มเซลล์ในคนป่วยเบาหวาน และได้ผลดี... ข้อมูลดีๆ ที่พิมพ์มาขออนุญาติเซฟและเผยแพร่ต่อ เพื่อนและญาติที่เป้นโรคเบาหวาน นะค่ะ ยิ่งรู้ว่ามีการจะใช้ สเต็มเซลล์ในสัตว์อีกด้วย ...น่าสนใจมากๆ กระทู้ความรู้บางครั้งอาจคนเข้าน้อย แต่เชื่อว่าจะได้รับความสนใจ เป็นประโยชน์ และ ผู้ที่ยังไม่เข้าใจก็จะได้รับอนิสงฆ์นี้ด้วย อย่ากระนั้นเลย ***โหวตค่ะ****** จากคุณ : เจ๊แหนมกะน้าพุ้ย - [ 10 ก.พ. 50 20:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นเรื่องที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ ถึงเราจะเข้าใจไม่ทั้งหมด แต่ก็เข้าใจดีถึงประโยชน์ในการใช้ sc รักษาโรคร้ายแรงที่ยังบางโรคยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาดได้แต่ sc ก็ช่วยได้ เพราะหลานเราก้เป็นโรคทาลัสซีเมียค่ะ  สงสารหลานที่สุด  โหวตค่ะ จากคุณ : แม่หมูตุ๋น (จมูกโต) - [ 10 ก.พ. 50 20:27:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เขียนต่อเลยค่ะ..ถึงมันจะฟังดูวิชาการหน่อยๆแต่ก็มีประโยชน์และได้ความรู้มากเลยค่ะ จากคุณ : ซ่าส์ - [ 10 ก.พ. 50 20:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากๆสำหรับความรู้ใหม่ๆค่ะ มีประโยชน์มากเลยล่ะค่ะ จากคุณ : แก่ม แก๊ม - [ 10 ก.พ. 50 20:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ชอบกระทู้คุณหมอ Doggy มากๆเลยค่ะ อ่านแล้วได้ประโยชน์ดี บางทีเป็นการนั่งอ่านเงียบๆเอาความรู้ไป ไม่ทราบว่าคุณ Doggy จะอธิบายต่ออีกนิดได้ไหมคะ เวลาที่คนเค้าไปขายเลือด คือบอกว่าขาย Plasma นี่อ่ะค่ะ มันเป็นยังไงคะ แล้วขายกันได้แทบทุกอาทิตย์เลยเหรอ เห็นฝรั่งบางคนบอกว่าไปขาย plasma นี่แหละ ขายประจําเลย ได้เงินหนละ 50 เหรียญ แล้วขายยังงี้เค้าไม่เพลียเหรอคะ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 10 ก.พ. 50 21:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มารออ่านด้วยคนค่ะ จากคุณ : Nu_Dede - [ 10 ก.พ. 50 21:48:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มาลงชื่อรออ่านด้วยค่ะ จากคุณ : jee-pumpkin - [ 10 ก.พ. 50 21:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณทีมาให้ความรู้นะคะ  รออ่านต่ออยู่ด้วยคนค่ะ  ได้ความรู้เยอะมากๆเลยค่ะ  เคยได้ยินเหมือนเจ๊แหนมฯคห.9 ที่เขาใช้กับผู้ป่วยเบาหวาน  แต่ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์มากขนาดนี้.. อืม.. อยากอ่านต่อแล้วล่ะค่า.. จากคุณ : แม่น้องลีซอ - [ 10 ก.พ. 50 22:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ++รออ่าน และ โหวตค่า จากคุณ : junmino - [ 10 ก.พ. 50 23:07:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นเรื่องที่กำลังสนใจอยู่พอดี อยากจะเก็บ SC  ตัวเองแต่ก็เกิดเร็วไปหน่อย 555 ครั้นจะเก็บของสมาชิกในบ้านก็ดันบงการให้สมาชิกหลงรักคานทอง เลยไม่ต้องเก็บของใครแล้ว 555 เรื่องดี มีประโยชน์แบบนี้รออ่านต่ออยู่ค่ะ จากคุณ : แม่บัดดี้ (อ้วนดำปื๊ดปื๊อ) - [ 10 ก.พ. 50 23:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณหมอขา ... ประโยชน์ของ Stem Cell ที่เกี่ยวกับระบบเลือดเนี่ย ในวันข้างหน้ามันหมายความว่า จะเป็นไปได้หรือไม่คะ หากจะทำให้การถ่ายเลือด การให้เลือดของหมา ๆ แมว ๆ มันไม่ใช่เรื่องยากกกกกอย่างที่เป็นอยู่เช่นในปัจจุบัน คืออาจจะอธิบายคำถามได้ไม่ดี แต่ความหมายก็คือ อยากเห็นการให้และรับบริจาคเลือดหมาแมว เป็นสิ่งที่ไม่ลำบากยากเย็นอย่างที่เป็นอยู่น่ะค่ะ เวลาอ่านเจอกระทู้ขอรับบริจาคเลือดแล้วมันแบบว่า ... จิตตกอ่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ... - [ 11 ก.พ. 50 00:19:54 A:210.246.75.228 X: TicketID:003926 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มาลงชื่อรออ่านค่ะ ได้ความรู้เพิ่มและอยากทราบต่อค่ะ จากคุณ : เป็ดหัดบิน - [ 11 ก.พ. 50 01:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มีสาระประโยชน์มากๆ คะ ลงต่อนะคะ มีสตีมเซลล์ให้ผู้ป่วยเบาหวานด้วยหรอคะ ทำยังไงอธิบายหน่อยได้ไหมคะ พอดีคุณพ่อเป็นเบาหวาน แล้วตอนนี้ก้อเป็นไต แล้วด้วย อยากช่วยเหลือคุณพ่อคะ จากคุณ : ปลาพะยูนน้อย - [ 11 ก.พ. 50 10:05:14 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อยากอ่านต่อค่ะ ไม่เข้าใจเท่าไหร่ (โง่) แต่ว่าอยากมีความรู้ทางการแพทย์ติดตัวไว้ค่ะ อยากรู้ว่าอะไรที่จะช่วยชีวิตเราและสัตว์เลี้ยงในอนาคตต่อจากนี้ค่ะ จากคุณ : PePsi_O - [ 11 ก.พ. 50 12:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มาต่อเรื่องการขายพลาสม่าเป็นเรื่องแรกก่อนแล้วกันครับ...อันนี้ผมก็ไม่ทราบข้อมูลครับ แต่รู้ว่าทำอย่างไร จะพยายามอธิบายง่ายๆนะครับ ยังจำเครื่อง Apheresis ที่ผมกล่าวในกระทู้ต้นๆได้ไหมครับ  เครื่องนี้อ่ะน่าสนใจและก็ทำประโยชน์ได้มากมาย  ก่อนอื่นมารู้จักคำนี้ก่อนครับ มันมีความหมายว่า to remove ดังนั้นเครื่องนี้จึงมีไว้ใช้สำหรับเก็บเซลล์อะไรก็ได้ที่เราต้องการจากเลือด เช่น เก็บพลาสมา เก็บเม็ดเลือดแดง เก็บเกล็ดเลือด เก็บสเต็มเซลล์ เป็นต้น เรียกว่าเพียงแค่กดปุ่มเลือกว่าต้องการเก็บอะไร มันก็เก็บให้อย่างนั้น อย่างอื่นก็ใส่คืนกลับเข้าร่างกายตามเดิม ในอดีต....หากมีคนต้องการเกล็ดเลือด จะต้องหาคนมา 6 คนเพื่อให้เพียงพอ แต่ตั้งแต่มีเครื่องที่ว่า เราใช้เพียงแค่คนเดียวเป็นผู้ให้ (donor) ก็เพียงพอ แล้วเครื่องนี้มันใช้หลักการอะไร....ทำไมมันถึงเก็บแยกเซลล์ชนิดต่างๆได้ถูกต้อง....?? ก็หลักการเครื่องปั่นแยกที่เราเรียกว่า Centifuge นี่แหละครับ หลักการที่ว่าเซลล์แต่ละชนิดมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน  เซลล์ที่หนักก็จะตกอยู่ชั้นล่าง เซลล์ที่เบากว่าก็จะอยู่ชั้นบน.........ลองนึกดูหากมีเขื่อนมากั้นชั้นต่างๆอย่างเป็นระดับ แล้วมีท่อดูดเอาเซลล์ชั้นนั้นๆออกไปไงล่ะครับ (ผมพยายามเปรียบเทียบให้เห็นภาพนะ มันมีไรที่มากกว่านี้เยอะ) หลักการก็มีแค่นี้ครับ ดังนั้นแค่เก็บพลาสม่านี่สบายมากครับ เกล็ดเลือดที่เป็นชั้นบางๆตรงกลาง ยังเก็บได้แบบว่าไม่มีการปนเปื้อนเม็ดเลือดแดงเลย หากมีก็น้อยมากจนไม่ต้องซีเรียสในการใช้ครับ ลองนึกตามผมนะ...มีบางโรคที่เชื้อโรคอาศัยในน้ำเลือด หรือพลาสม่า หากคนไข้ปั่นแยกเอาพลาสม่าออกจากร่ายกาย ก็เท่ากับว่า เค้าได้เจือจางโรคที่เค้าเป็นอยู่ มีรายงานว่าหากเค้าทำแบบนี้หลายๆรอบเชื้อจะลดลงเหลือต่ำมากครับ แต่เมื่อแยกเอาพลาสม่าออกจากร่างกายแล้ว หมอเค้าก็ต้องเอาพลาสม่าเทียม หรือน้ำเกลือใส่เข้าไปแทนที่เช่นกันครับ ไม่งั้นจะเสียระดับน้ำในร่างกาย ช็อคได้ครับ วิธีที่ผมว่านี้เรียกว่า Theraputic Plasma Exchange (TPE) แล้วคนที่จะทำ Apheresis ที่ว่านี่ต้องทำอย่างไร เจ็บไหม?? ก็แค่เจาะแขน 2 ข้างครับ ข้างนึงไว้ดูดออก  อีกข้างไว้ใส่คืน หมายความว่าเลือดจะออกจากแขนข้างหนึ่งแล้ววิ่งไปปั่นแยกที่เครื่องที่ว่านี้ เครื่องก็จะเก็บส่วนที่เราต้องการ อะไรที่ไม่ต้องการก็จะส่งคืนไปยังแขนอีกข้างหนึ่ง....หากแขนมีเส้นเลือดที่เล็กไป อันนี้อาจเจาะที่คอแทนครับ... จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 11 ก.พ. 50 14:18:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องที่ 2 เบาหวาน....กะสเต็มเซลล์  อันนี้ขอไม่กล่าวประวัติ หรือการปลูกถ่ายเซลล์อื่นๆนะครับ สเต็มเซลล์ (SC) นั้นเราคิดว่าในอนาคตจะรักษาให้หายเลย น่าจะเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 นั่นหมายความว่า SC จะไปสร้างตับอ่อนให้ใหม่....คนเป็นเบาหวานชนิดนี้ คือคนที่เป็นมาแต่กำเนิดครับ ตับอ่อนมีปัญหา แต่คนเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ก็อย่าน้อยใจ มีการทดลองการนำ sc ไปทำให้มันสร้างอินซูลินได้ครับ แต่ทั้งนี้อย่างที่บอกยังอยู่ในขั้นทดลอง การรักษาแผลเบาหวานด้วย SC ก็คือ การเหนี่ยวนำให้ร่างกายหลั่ง  SC ออกมาจากไขกระดูกสู่กระแสเลือด แล้วก็ใช้เครื่อง Apheresis เก็บ SC ที่ได้ ซึงมันก็คือ Hematopoietic Stem cells นั่นเองซึ่งมันก็ได้ทั้ง  Endothelial SC มันก็เลยช่วยทำให้แผลเบาหวานซึ่งปกติไม่ค่อยมีเลือดมาเลี้ยงก็มีมาเลี้ยง เกิดการสร้างหลอดเลือดบริเวณรอบๆแผลนั่นเอง SC ที่หมอได้มา หมอเค้าก็ฉีดส่วนนึงรอบบาดแผล อีกส่วนก็ฉีดเข้าที่เส้นเลือดดำปกติ มันก็จะ Homing (ยังจำคำนี้ได้ไหม หาดูกระทู้บนๆ) ไปหาบาดแผลเอง... แล้วถ้าคนไข้มีแผลหลายที่ล่ะ??? มันก็วิ่งไปทุกที่เลยครับ ดังนั้นคนที่อยากรักษาด้วย SC ก็ควรจะดูแลตัวเองให้มีแผลน้อยๆหน่อย เช่นจะรักษาหัวใจ แต่ดันมีแผลที่ก้น  SC มันก็แบ่งกันไปทำงานนะครับ แล้วต้องให้ SC มากแค่ไหน...?? เท่าที่รู้ให้มากเท่าไร ยิ่งดี ยิ่งทำงานเร็ว แต่ปัญหาคือ บางที่มีบริเวณที่เล็ก ฉีดไปนิดเดียวก็แย่แล้ว จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 11 ก.พ. 50 14:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 รูป apheresis จาก National Cancer Institute จากคุณ : Dr. Doggy - [ 11 ก.พ. 50 14:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องที่ 3 เรื่องเลือด-สเต็มเซลล์ ...กะน้องหมา...และความฝันของผม สัตวแพทย์เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจครับในเรื่องเลือดของน้องหมาแมว ผมเองก็อยากเห็นวันนั้นมาถึงเร็วๆ ....ขอบอกตามตรงนะ ที่ผมมาทำในคนเพราะผมคิดว่าในหมาต้องใช้กำลังทรัพย์ที่ค่อนข้างสูงในการรักษาด้วย SC หากในคนไปได้ด้วยดี ผมเชื่อว่ามันจะทำให้ราคาลดลงและหมาก็สามารถที่จะทำได้เช่นกัน (ถ้าผมไม่ถูกเค้าเตะออกจากบริษัทนะ ฮ่า....ฮ่า....) ผมเชื่อว่าหลายๆมหา'ลัยก็พยายามด้วยกันทั้งนั้น ผมคุยกับอาจารย์ที่จุฬา ท่านก็จะช่วยครับ แต่หลายๆท่านรวมทั้งผมก็งานยุ่ง แต่ยังไงก็จะพยายามทำให้ได้ครับ.....มาต่อที่หมาดีกว่า ในอนาคตแน่นอนครับ SC จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น หลายๆโรคที่ไม่สามารถรักษาได้ อนาคต "ยา" อาจใช้น้อยลง คนหรือสัตว์ จะหันมารักษาตัวเอง ด้วยเซลล์ของตัวเอง ซึ่งเราเรียกว่า Autologous เพราะว่าวิธีนี้จะตัดปัญหาเรื่องการแพ้ออกไป การเข้ากันได้ของเซลล์ก็จะมากด้วย ที่ผมหวัง (ฝัน) ในน้องหมาก็เรื่อง มะเร็ง กับ พยาธิในเม็ดเลือด หากเป็นไปได้ในอนาคต เมื่อหมาเลือดแดงจาง เกล็ดเลือดต่ำ ...หมอก็จะฉีด Hematopoietic SC ให้กับหมา ซึ่งมันก็จะวิ่งปรู๊ด..ไปที่ไขสันหลัง และเริ่มการผลิตเม็ดเลือดชนิดต่างๆ และเกล็ดเลือดออกมา....หมาก็รอด...อ้อ...แต่อย่าลืม ต้องรักษาที่ต้นตอของโรคด้วยนะครับ อิอิ... มะเร็งตับ....ตัดตับทิ้งเลย เดี๋ยวฉีด SC ที่เปลี่ยนเป็นเซลล์ตับรอไว้แล้ว ฉีดไปที่โคนตับที่โดนตัด 6-7 สัปดาห์ ตับใหม่ก็งอกออกมา.....เอ๊ะ Doggy มันเพ้อเจ้อไรเนี่ย ...สิ่งที่ผมพูดมาตรงนี้มีโอกาสเป็นจริงได้ครับ ทุกวันนี้เราเปลี่ยน SC ให้เป็นเซลล์ตับได้ครับ โลกใบนี้ทำได้แล้ว แต่ก็อย่างว่า อยู่ขั้นทดลองครับ แต่เครื่องล้างตับมีแล้วนะครับ ฟันชุดที่ 3 ตอนนี้ก็ทำได้แล้วที่อังกฤษ แต่เท่าที่รู้ มันไม่ทน พอไปปลูกมันอยู่กะเหงือกเราได้ไม่นาน แล้วมันก็ตายครับ ถึงแม้ว่าที่พูดวันนี้ในหมามันเป็นความฝัน แต่เชื่อเถอะครับอีกไม่นานเกินรอ มันสามารถเป็นความจริงได้เช่นกัน แล้วเลี้ยง SC ยังไงให้กลายเป็นเซลล์ชนิดต่างๆได้...?? เขียนง่ายนิดเดียวครับ...เอา SC มา ใส่สภาพแวดล้อมที่เหมาสมกะเซลล์นั้นๆเข้าไป ใส่ตัวกระตุ้นเข้าไปเหนี่ยวนำให้เซลล์กลายเป็นเซลล์ที่เราต้องการ แค่นี้มันก็เปลี่ยนแล้วครับ ....การเปลี่ยนแบบนี้เราเรียกว่าการ Differentiation ครับ ทุกวันนี้หลายๆเซลล์ในร่างกายนักวิทยาศาสตร์รู้แล้วว่าจะเหนี่ยวนำให้เป็นเซลล์นั้นๆด้วยสารอะไร ใช้อะไรเลี้ยงมันให้โต มันควรอยู่ในสภาวะแวดล้อมแบบไหน...แต่การทำจริงๆมันยากมากก...กกครับ จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 11 ก.พ. 50 15:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 27 รูปจากไหนไม่รู้ จำไม่ได้ครับ จะเห็นว่าในรูปนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงสเต็มเซลล์ อันนี้เป็น สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนนะครับ โดยจะเปลี่ยนให้เป็นเซลล์ชนิดต่างๆ เรียงจากซ้ายไปขวาดังนี้ครับ เซลล์ตับอ่อนส่วนที่เป็น Islets ที่ผลิตอินซูลิน , เม็ดเลือดต่างๆ , กล้ามเนื้อหัวใจ , เส้นประสาท , เซลล์ตับ แต่อย่าคิดว่าของสเต็มเซลล์จากตัวอ่อน (Embryonic SC) เท่านั้นที่ทำได้นะครับ  Adult SC ที่ได้จากเลือดจากสายรก สายสะดือ ก็ทำได้ครับ....ผมมี paper ที่เปลี่ยน SC ที่ได้จากเลือดจากสายรก สายสะดือ เปลี่ยนเป็น เซลล์หลอดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจ กระดูกอ่อน เซลล์ตับ เส้นประสาท สร้างอินซูลิน และช่วยเสริมการรักษาทำให้ผู้ป่วยโรคไตมีโอสรอดมากขึ้นครับ.....ดังนั้นถึงบอกว่า Adult SC เช่น เลือดจากสายรกนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า SC ที่ได้จากตัวอ่อนเท่าใดนัก จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 11 ก.พ. 50 15:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 28 -  งึมๆงำๆ...อ่านแล้วเหมือนดูหนัง Sci-fi เลย    ขอถามนอกเรื่องนิดค่ะ SC นี่เวลาจัดเก็บทาง รพ.จะเมีบริการจัดเก็บหรือมีบริษัทเอกชนเป็นผู้ดำเนินการอ่ะคะ จากคุณ : อ้วน เตี้ย เปรี้ยว ซ่า - [ 12 ก.พ. 50 02:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มาลงชื่ออ่านค่ะหมอ ไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็มีประโยชน์มากๆ สำหรับข้อมูล ขอบคุณคุณหมอที่เสียสละเวลามาให้อ่านกัน ทั้งๆ ที่งานเต็มมือ  ขอเป็นกำลังใจให้สานฝันสู่ความสำเร็จนะคะ จากคุณ : บ้าน จ.จาน - [ 12 ก.พ. 50 10:56:04 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ลงชื่ออ่านด้วยคนค่ะ  ติดตามเรื่อง SC ที่คุณหมอโพสมาตลอดเลยค่ะ จากคุณ : ลูกหมากั๊ต (gatsy1) - [ 12 ก.พ. 50 15:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอลงชื่อ และส่งแรงใจให้กับนักวิจัยและค้นคว้าพัฒนาทุกท่านค่ะ อยากให้ทุกคนเผื่อแผ่ต่อสิ่งมีชีวิตเหมือน จขกท.จังค่ะ ขอบคุณมากนะคะ จากคุณ : LAW_KAYA - [ 12 ก.พ. 50 16:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เดี๋ยวค่อยมาตอบนะครับ...... จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 12 ก.พ. 50 19:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตอบก่อนดีกว่า ที่ถามว่าทาง รพ. หรือเอกชน เป็นผู้จัดเก็บ ตอบว่า....เราทำการจัดเก็บตอนคนคลอดลูกใน รพ.ครับ หมอสูติเป็นคนแทงเข็มเจาะเลือดจากสายรกครับ ส่วน บ. จะเป็นผู้ช่วยเหลือครับ รวมทั้งจัดส่งไปยังห้องแล็บครับ....แล็บเป็นของเอกชนครับ กล่องเก็บของผมมีฝังชิพด้วยนะครับ เพื่อตรวจสอบอุณหภูมิตลอดการขนส่งให้ได้มาตรฐานครับ จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 12 ก.พ. 50 20:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาอ่านครับหมอ เซฟเก็บไว้เป็นความรู้คงไม่ว่าอะไรนะครับ อ้อ...หมออย่าลืมเอาไปใส่ในบล๊อกของหมอด้วยนะครับ เป็นประโยชน์มาก จากคุณ : สยามวรรณกรรม - [ 12 ก.พ. 50 21:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มาอ่านต่อค่ะ..ชอบๆ ได้ความรู้เยอะดี จากคุณ : ซ่าส์ - [ 12 ก.พ. 50 21:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 36 แวะมาอ่านค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : bear in mind - [ 14 ก.พ. 50 23:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 วันที่ ๑๘ น่าสนใจค่ะ แต่สงสัยว่าจะอู้งานไปไม่ได้ รอคุณหมอมาเล่าให้ฟังคงได้ใช่มั้ยคะ จากคุณ : รักกันรักกัน - [ 15 ก.พ. 50 12:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ไว้จะกลับมาเล่าแล้วกันครับ จากคุณ : doggy (Dr. Doggy) - [ 15 ก.พ. 50 19:05:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากค่ะ ความรู้ดีๆ อย่างนี้ เดี๋ยวจะบอกน้องสาว(ตั้งครรภ์)อยู่พอดี ให้ไปฟังวันที่ 18 นะคะ จากคุณ : ตื่น? - [ 16 ก.พ. 50 07:33:35 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มาขอเซฟค่ะ จากคุณ : แม่บัดดี้ (อ้วนดำปื๊ดปื๊อ) - [ 20 ก.พ. 50 03:43:49 ]