ความคิดเห็นที่ 1 นกแก้ว ครอสบรีดอมตะ    By yut1678   สวัสดีครับ ผู้อ่านTH@i CB ฉบับที่แล้วต้องขออภัยอย่างแรง ที่ดีดส่งบทความไปให้คุณ gold –E เนื่องจากติดภาระกิจด่วนต้องเดินทางจึงทำให้ไม่สามารถพิมพ์ต่อจนจบได้  แต่อย่างไรก็ตามคุณ Gold-E คงไม่ทำให้เพื่อน ๆผู้อ่านผิดหวังนะฮับ เพราะรู้ ๆมือกันอยู่แล้ว ฉบับนี้ขอพักเรื่องปลาสายพันธ์แท้ไว้ก่อนเนื่องจากได้รับอีเมล์และโทรศัพท์หลายสายที่กรุณาโทรเข้ามาสอบถามเรื่องปลานกแก้วกันมาตลอด เพราะดันไปบอกว่าจะเขียนเรื่องของเจ้าปลานกแก้วให้อ่านกันในกระทู้ปลาหมอสี ประกอบกับตัวเองก็ตั้งท่ายิก ๆมาหลายทีแล้ว จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้กล่าวถึงเจ้าตัวนี้สักที หลังจากที่รอคอยกันมาเนิ่นนานจนมีน้องที่สนิท ๆกันโทรมาถามว่า บทความเรื่องนกแก้วที่พี่บอกน่ะ ชาติไหนจะลงมือเขียน รออ่านจนเหงือกแห้งแล้ว โถน้องเอ๊ย วันที่พิมพ์ต้นฉบับนี่ กองบก.กำลังจิกหลังพี่อยู่เลย เขาส่งต้นฉบับกันหมดแล้วเหลือผมคงเดียวนี่แหละ รอปิดเล่มไม่ลงซักที ก็แหม คงจะหายแห้งกันแล้วนะ รอบนี้ แต่ให้จบสมบูรณ์ต้องรอไปอีกชาติหนึ่งน่ะ ( ฉบับหน้า )เพราะหน้ากระดาษไม่พอจ้า เนี่ย นี่ก็โม้ไปครึ่งค่อนหน้าแล้ว ยังไม่เข้าเรื่องเลย  เมื่อจะกล่าวถึงปลาหมอสีนกแก้ว ซึ่งเป็นปลาหมอสีครอสบรีดตัวหนึ่งที่ยืนยงคงกระพันชาตรีมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบกว่าปี แล้วเหลือเชื่อมั้ยล่ะ อะไรที่ทำให้เจ้าปลาตัวนี้ถึงได้เป็นอมตะอยู่ในวงการปลาสวยงามได้ยั่งยืนขนาดนี้ มามะตามผมมาผมจะพาไปรู้จักเจ้าปลาหมอสีที่มีคนรู้จักหน้าค่าตามากที่สุดตัวหนึ่งแต่มีคนรู้เรื่องของมันน้อยเหลือเกิน....ปลาหมอสีนกแก้ว ปลาหมอสีนกแก้ว ไม่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีการบรรยายลักษณะทางพันธุกรรม เพราะเป็นปลาสายพันธ์แท้สองสายพันธ์มาครอสสปีชี่ย์กัน แต่เรารู้ว่าต้นกำเนิดของปลานกแก้ว มาจากประเทศไต้หวัน เป็นปลาที่มีความน่ารัก น่าเลี้ยงอย่างยิ่งตัวหนึ่ง ทนทาน น่ารัก แข็งแรง เลี้ยงง่าย ฉลาดและ เชื่อง กว่าปลาทอง ด้วยนิสัยที่น่ารักน่าชังไม่ค่อยเป็นอันตรายต่อปลาอื่นด้วยรูปร่างหน้าตาที่เด๋อด๋า เอ๋อเหรอเหมือนตัวการ์ตูนด้วยรูปทรงกลม ๆป้อมๆลีลาการว่ายดุ๊กดิ๊กดูหน้าตลกขบขันนั้น ทำให้นกแก้วติดตลาดภายในประเทศอย่างรวดเร็วและต่อมาเมื่อฝูงนกแก้วก็ย่ำทัพกรีฑาออกจากไต้หวันไหลสู่ตลาดนอกประเทศ  ก็สร้างความงงงวยและแตกตื่นต่อนักเลี้ยงปลาสวยงามทั่วโลก จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพื่อนๆผู้อ่านรู้มั้ยว่าเจ้าปลาที่หน้าตารูปทรงประหลาดปนสมเพชตัวนี้เป็นปลาที่เกิดมาสร้างสถิติโลกหลายอย่างให้แก่ตัวมันเองโดยหาปลาสีครอสบรีดอื่นๆเทียบได้ยากเท่าที่รวบรวมมาได้มีดังนี้ 1.ปลานกแก้วเป็นปลาหมอสีครอสบรีดที่ถูกส่งออกมากที่สุดในโลกประมาณกันว่ากว่า1,000,000 ตัว/ปี(หนึ่งล้านตัว)โดยเฉพาะในเมืองไทยมีการนำเข้าจากประเทศมาเลเซียประเทศเดียวประมาณ100,000 ตัว/ปี หลายคนอาจจะนึกแย้ง ก็ขอทำความเข้าใจเสียก่อนว่า1,00,000ตัวต่อปีนั้นไม่ใช่ปลาฝอยหรือปลา เซ็นต์นะครับแต่เป็นปลาระดับ1.5 นิ้วกว่าขึ้นไปจนถึง 4 นิ้ว นะขอบอก 2.ปลานกแก้วเป็นปลาหมอสีครอสบรีดที่ถูกนำมาตัดหางเพื่อเหตุผลทางการค้ามากที่สุดในโลก 3.ปลานกแก้วเป็นปลาหมอสีครอสบรีดที่ถูกย้อมสีก่อนส่งมากที่สุดในโลก จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:05:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ประวัติความเป็นมาของนกแก้วและความลับอันดำมืดของ Back water fish นกแก้วเป็นปลาที่ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกที่ประเทศไต้หวันในปีคริสต์ศักราช1980 ถ้าเทียบเป็นพศ.ก็ปี 2523ปรากฏโฉมต่อสายตานานานชาติในปี 1986 หรืออีก 6 ปี (2529)ต่อมา ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้นในวงการปลาสวยงามทั่วโลกต่างตกตะลึงกับรูปร่างหน้าตาทรวดทรงและฉงนกับความลับอันดำมืดของมันว่ามันเป็นปลาที่เกิดจากอะไร??? ซึ่งต้นสายปลายทางที่มันกำเนิดขึ้นนั้นทางผู้ผลิตในประเทศไต้หวันได้ปกปิดไว้อย่างแน่นหนาถึงขนาดฟาร์มที่ผลิตปลานกแก้วจะมีห้องบรีดปลานกแก้วโดยเฉพาะผู้ที่รู้สายในการทำจะเป็นเจ้าของฟาร์มหรือผู้ที่เกี่ยวข้องสำคัญๆเท่านั้น แม้แต่คนงานก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไป  สิ่งที่คนงานเห็นจะเป็นเพียงถาดไข่ที่ออกมาจากห้องบรีดปลาเพื่อนำมาเพาะฟักข้างนอกเท่านั้น การปรากฏตัวขึ้นของนกแก้วนอกจากจะสร้างความแปลกใหม่ให้แก่วงการปลาสวยงามแล้วปริมาณการส่งขายของปลานกแก้วกระจายไปทั่วโลกด้วยปริมาณการส่งมหาศาลทำให้พ่อค้าหรือฟาร์มต่างๆพยายามค้นหาต้นสายปลายทางของนกแก้วให้ได้หลายฝ่ายได้มองไปถึงปลาหมอสีสายพันธ์แท้ตัวหนึ่งที่มีชื่อเรียกเช่นเดียวกันคือปลาหมอสีนกแก้ว Hoplarchus psittacus  ( Heckel,1840 )ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้อาศัยอยู่ในประเทศบราซิลและโคลัมเบีย ในเขตลุ่มน้ำอเมซอนเป็นปลาที่ถูกเรียกว่า black water fishเนื่องจากน้ำในธรรมชาติของลุ่มน้ำอเมซอนจะมีสีดำคล้ำมันจึงได้ชื่อเรียกเล่นๆนี้มา  อีกทั้งหน้าตามันก็คลับคล้ายคลับคลาจัง ( คิดกันไปเองทั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวกันเลย ) Hoplarchus psittacus  ( Heckel,1840 ) จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ฮุ ฮุ ฮุ อย่านึกว่าไต้หวันหมู  เพียงเพราะชื่อมันพ้อง หน้าตามันคล้ายเท่านั้น  ลูกปลายังมีการสับขาหลอกให้เจ้าของดีใจเล่น ๆว่าโตขึ้นต้องสวย ที่ไหนได้ขี่หร่อย่างกะปลานิล  แล้วไต้หวันมันจะสับขาไม่เป็นเรอะ ใช่มั้ยเล่า  มันพัฒนามาจากปลาตัวนี้จริง ๆหรือหลายๆคนต่างค้นหาเพื่อที่จะได้มันมา แต่ black water fishในสมัยนั้น จัดเป็นปลาที่หายากนำเข้ามายากมากเนื่องจากระยะทางไกลโพ้นกว่าครึ่งโลกการขนส่งการลำเลียงที่ยังไม่เจริญและรวดเร็วเหมือนสมัยปัจจุบันเป็นสิ่งที่ไกลเหลือเกินที่จะได้มา การจะได้ปลาหมอสี psittacus สักตัว จึงต้องลงทุนสูงทั้งเงิน เวลา และความเสี่ยงว่าปลาจะตายมั้ย เพราะไกลเหลือเกิน อีกฝ่ายหนึ่งก็มีความหวังกับปลาตัวผู้และตัวเมียที่ไต้หวันปล่อยออกมาแบบไม่จำกัดเพศ ว่าจะต้องผสมพันธ์กันได้และให้ลูกออกมาเป็นปลานกแก้วแน่นอนทีนี้ล่ะไต้หวันก็ไต้หวันเถอะจะผูกขาดเจ้าปลานกแก้วไว้ประเทศเดียวไม่ได้แน่ ๆ แต่ก็แน่นอน ไต้หวันไม่ใช่อ๊ด ๆนะ ในชั่วเวลาไม่นาน หลายคนเริ่มรู้จักกับคำว่า  “ หงายท้อง “ จะไม่รู้จักได้ไงล่ะ  เจ้า black water fish จะอาไปเข้ากับปลาอะไรล่ะ ที่ทำให้มันมีสีอย่างนั้น ( ต้องไม่ลืมว่า นั่นคือเวลาเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ปลาครอสบรีดคืออะไร ปลาครอสสปีชี่ย์ คืออะไร ยังไม่มีใครรู้จักหรือสนใจ ไม่มีใครรู้จักเท็กซัสแดง,ฟลาวเวอ์ฮอน อะไรก็ม่ายรู้ )  เอามาว่ายหน้าดำอยู่ในน้ำพอ ๆกับเจ้าของปลา ส่วนที่เก็บตัวผู้และตัวเมียไว้เพื่อจะก็อปปี้ปลาออกมา ก็หงายท้องอีกคนละดอกสองดอก ปลาตัวผู้เป็นหมัน ผสมตัวเมียไม่ได้ อยากจะเล่าเกร็ดความรู้สักเล็กน้อยก่อนเข้าเรื่องต่อ  ประเทศไต้หวัน เป็นประเทศเล็กๆที่อยู่ใกล้กับประเทศจีนมีสถานภาพเป็นเกาะๆหนึ่งซึ่งจีนฮึ่ม ๆแฮ่ ๆ อยู่เรื่อยๆมาเป็นทศวรรษแล้วเรื่องการเมืองไม่ขอพูดถึงแต่จะพูดถึงเรื่องปลาสวยงามอย่างเดียว ขออนุญาติเจ้าของรูปนะครับ จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในอดีตประเทศไต้หวันเป็นประเทศที่มีการส่งออกการพัฒนาสายพันธ์มีศักยภาพเกี่ยวกับปลาสวยงามมาเป็นอันดับหนึ่งของโลก ปัจจุบันไม่แน่ใจเพราะจีนน่ากลัวมากเรี่องศักยภาพการผลิตแต่ที่ไต้หวันยังครองความเป็นเจ้าของปลาสวยงามอันดับหนึ่งของโลกไว้ได้ตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือการวิจัยและพัฒนาสายพันธ์ปลาเพื่อการพาณิชย์ ฟาร์มปลาของประเทศไต้หวัน ได้รับการสนับสนุนอุ้มชูจากรัฐบาลในเรื่องภาษี วัตถุดิบ และการเอื้ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ  ( ดูของพี่ไทยแล้ว น้ำตานอง ถ้ามีเงิน พึ่งตัวเองเถอะนะ ง่ายกว่า เร็วกว่าเยอะ  )ฟาร์มในไต้หวันมีห้องวิจัย คิดค้นพัฒนาสายพันธ์ปลาสวยงาม ส่วนการพัฒนานั้นผู้เขียนไม่อาจทราบได้ว่าเขาก้าวล้ำไปไกลถึงไหนแต่ที่รู้อยู่อย่างก็คือ  มีการใช้หลักวิศวพันธุกรรมศาสตร์ในปลาสวยงามมาใช้เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว  การตัด ต่อ ยีนส์ การดัดแปลงโครงสร้างทางด้านพันธุกรรมปลาสวยงาม ไต้หวันน่าจะก้าวไกลกว่าเราหรือแม้แต่ชาติอื่น ๆหลายช่วงตัว ทางรัฐบาลของเขาสนับสนุน โอบอุ้มโครงการเหล่านี้ที่มีค่าใช้จ่ายสูงมหาศาล ในเรื่องทำการวิจัย การทดลอง เราได้เห็นปลาม้าลายที่มีสีสะท้อนแสงออกมาแล้วในปัจจุบัน เอ ส่วนที่เรายังไม่รู้อีกล่ะ ลองนึกเล่น ๆดูซิ เช่นเขาทำพ่อปลาที่เป็นนกแก้วสีแดงที่ผ่านการตัดต่อยีนส์ให้มีเชื้อได้แล้ว ( ตั้งนานมแล้วแหละ ) มั้ง  แถมยังถ่ายทอดให้ลูกมีรูปทรงเป็นนกแก้วได้ทั้งโขลง มั้ง แต่........ความลับไม่มีในโลก ต้นกำเนิดนกแก้ว แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 50 01:16:55 จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หลายปีต่อมา หลังจากน้องนก เอ็ย นกแก้วได้ถูกส่งไปขายทั่วโลก ( มูลค่าตอนนั้นเมื่อนำมาขายในเมืองไทยใหม่ ๆ เกือบ 20 ปีก่อน มูลค่าหลักพันนะ ฮับ ) ความลับที่มืดมัวเริ่มคลี่คลาย  ไม่มีใครบอกได้ว่าใครเป็นผู้ค้นพบ แต่ปลาอีกตัวที่เข้ามาสะดุดหูผู้เลี้ยงนกแก้วคือ ปลาหมอเซวาลุ่ม ( Heros sevarum )   ซึ่งเป็นปลาหมอสีที่อาศัยอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำอเมซอน ประเทศบราซิลเช่นกัน ซึ่งขณะนั้น เซวาลุ่ม ได้มีการนำเข้ามาในเมืองไทยแล้ว และประกอบกับสมัยนั้นปลาหมอสีในแถบเอมริกากลางและใต้ เริ่มเข้ามาแพร่หลายในประเทศมากมายหลายเผ่าพันธ์ทั้งปลาหมอสี เรด เดวิล (Amphiophus labiatus ) “เรด เดวิลที่มีทรงจะออกทรงยาว หัวแหลม ปากหนา” หรือ  ( Cichlasoma erythraeum )  เรดเดวิล ที่มีทรงออกไปทางหนา ตัวใหญ่ บึกบึน หัวมีสันคล้ายไมดาส  ซึ่งฝรั่งใช้เรียกเรด เดวิล เช่นกัน , ปลาหมอสี ไมดาส (  Amphiophus citrinellus )หรือที่เรารู้จักกันในนาม ฟามิงโก เรด อเมริกา ในปัจุบัน แต่ตัวทีเด็ดคือ ซินสไปลุ่ม (Vieja synspillum ) ได้มีการจับคู่ผสมพันธ์กัน ความลับอันดำมืดก็เปิดเผยออกมา จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในต่างประเทศเขาทำตารางการบรีดปลานกแก้วออกมาเป็นข้อ ๆ โดยจะมีปลาหลักดังนี้ ไมดาส+ซินไปลุ่ม เซวาลุ่มเขียว+ไมดาส เซวาลุ่มเขียว+เรด เดวิล สาย (Amphiophus labiatus ) เซวาลุ่มทอง+เรดเดวิล สาย (Cichlasoma erythraeum ) เรดเดวิลทั้งสองสาย+ซินสไปลุ่ม จริง ๆแล้ว ฝรั่งมันไล่สายยืดยาวสับสนกว่านี้ ผู้เขียนเห็นว่าไม่จำเป็น เพราะการบรีดนกแก้วปัจจุบัน จะยืนสาย ซินสไปลุ่ม+ไมดาส เป็นส่วนใหญ่ เพราะเซวาลุ่ม จะเป็นปลาที่ค่อนข้างอ่อนแอ เมื่อจะนำมาเข้าคู่กับไมดาส  ไม่เหมาะสมกันเท่าไหร่ เพราะความข็งแรงในตัวปลาไม่สามารถเทียบกันได้  แต่ก็มีคนทำออกมาแล้ว ปลานกแก้วที่ผ่านเซวาลุ่ม จะมีส่วนสัดค่อนข้างบาง ดวงตาจะมีสีแดงปนอยู่เยอะ บ้างตัวขึ้นเป็นวงขอบตาสีแดงเลย ซึ่งหน้าตาจะผิดแผกไปจากนกแก้วปัจจุบันที่เราพบเห็น  อีกทั้งความแข็งแรง ทนทาน อุปนิสัยส่วนตัวจะไม่เหมือนปลานกแก้วที่ผ่านมาทางซินสไปลุ่มและไมดาส  แต่ถ้าจะทำเพื่อนำไปพัฒนาต่อก็แล้วแต่......... vieja  synspilum (Hubbs, 1935) จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยัง ๆ  ประวัติความเป็นมายังไม่จบ  กาลเวลาต่อมา ในสมัยก่อนนกแก้วที่เราเห็นนั้นยังไม่ได้มีการย้อมสี หรือใช้เคมีใด ๆทั้งสิ้น ปลานกแก้วที่ส่งมาล้วนแต่มีสีเหลือง สีขาว สีส้ม ด่าง ๆ  เมื่อหลาย ๆประเทศเริ่มผลิตนกแก้วออกมาได้เอง ยอกขายปีละเป็นแสนของไต้หวันก็ตกลง  แต่ก็อย่างทีบอก ไต้หวันไม่อู๊ด  หลังจากซุ่มหายไปพักหนึ่ง มันก็โผล่มาอีก   ปริศนาความแดงที่โค-ตระแดง ตลาดปลาปลานกแก้วที่แพร่กระจายออกไปนั้นเริ่มแตกตื่นอีกคราเมื่อฝูงปลาสีแดงล็อตใหญ่ ได้ออกมาสู่ตลาดต่างประเทศ ทำให้คนเลี้ยง คนขาย ตาค้างกันอีกครั้ง  ฝูงนกแก้วย้อมสีที่ออกมาราวกับชุบเลือดออกมา มันแดงจนได้สมญานาม นกแก้วเลือด ( Red blood parrot ) ส่วนคนไทยจะเรียกมันว่า “ นกแก้วย้อม “อะไรทำให้มันแดงได้ขนาดนั้น ไต้หวันทำได้อย่างไร  มันผสมออกพันธ์ปลาหรือผสมสีใส่ตัวปลาหว่า  (ในกาลต่อมาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยังมีสีม่วง สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง ออกมาอีก แต่ไม่โดดเด่นและได้รับความนิยมเท่าสีแดง )ยังแค่นั้นยังไม่พอ ยังมีอีกเวอร์ชั่นออกมาอีก น่ารักเหลือเกิน จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปริศนารูปหัวใจ นกแก้วขนาดกำลังน่ารัก สีแดงเลือดอีกชุดก็ถูกปล่อยออกมาอีก คราวนี้มันไม่มีหาง มันมีครีบหลังกับทรีบทวารที่เลื่อนลงมาติดกัน แถมว่ายได้ ดำรงชีวิตได้เป็นปกติ เป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายรูปหัวใจ โผล่ออกมาให้คนเลี้ยงปลากรี๊ดสนั่นอีก ปลานกแก้วอารายหว่า และก็เช่นเคยฝรั่งเรียกเจ้านกแก้วนี้ว่า love heart parrot หรือ heart parrot นกแก้วรูปหัวใจความรัก หรือ นกแก้วรูปหัวใจ  ส่วนคนไทย “ นกแก้วเลิฟ “ จ้า หน้ากระดาษหมดแล้วครับ ไว้มาต่อกันฉบับหน้า ( อดใจรอหน่อยนะ อย่างอนซะก่อนล่ะ )จะมาว่ากันถึง เส้นทางสายนกแก้ว ว่ากันตั้งแต่มันลืมตามองดูโลก การทำนกแก้วเลิฟ การทำย้อมสี  การส่งออก วิธีการดูเพศนกแก้ว เทคนิคการเลือกนกแก้ว การดูสีนกแก้ว การแบ่งประเภทนกแก้ว นิสัยและลักษณะทางพันธุกรรมของนกแก้ว ฯอื่นฯ ที่ตอนนี้นึกม่ายออกแล้ว พบกันในเล่มหน้า มีความสุขกับการเลี้ยงปลาครับ จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:37:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาต่อภาค 2 กันเลยนะครับ  ^__^ นกแก้ว ครอสบรีดอมตะ ภาค 2 ตอน เส้นทางสายนกแก้ว BY: yut1678 สวัสดีครับเพื่อน ๆผู้อ่านนิตยสาร TCB ทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อน ๆที่ให้ความสนใจในเรื่องราวของนกแก้วกันอย่างมากมาย ซึ่งได้กรุณาสอบถามกันมาทั้งทางโทรศัพท์และอีเมล์ ซึ่งต้องขอขอบคุณไว้นะที่นี้ด้วย ผู้เขียนจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดต่อไป มามะ...ว่ากันต่อ นกแก้วถูกจัดเป็นปลาหมอครอสบรีดสายหนึ่งที่ฝรั่งมังค่าเรียกว่า Hybrid cichlids ซึ่งรวมไปถึงปลาครอสบรีดอื่น ๆอย่างกัมฟา , ฟลาวเวอร์ฮอน หรือ เท้กซัสแดง การเรียกชื่อปลานกแก้วทางวิทยาศาสตร์ จะใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ของปลาสองสายที่ผสมกัน โดยมี x อยู่ตรงกลาง ยกตัวอย่างเช่นปลาคราฟ หรือปลาทอง จะเขียนชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  Carassius auratus x Cyprinus carpio. เป็นต้น นกแก้วมันเกิดขึ้นมาท่ามกลางเสียงประณาม ก่นด่า ของเหล่านักวิชาการทั่วโลก ที่ต่อต้านปลา Hybrid ข้อดี ข้อเสียต่าง ๆที่ยกขึ้นกล่าวถึงนั้น เป็นรายละเอียดที่น่าสนใจ แต่เนื้อหานั้นค่อนข้างยาว และออกเป็นรูปวิชาการมากซึ่งถ้ามีโอกาสจะนำเขียนให้อ่านกัน จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ฉบับที่แล้วเรามาจบตอนกันที่นกแก้วเลิฟโผล่ออกมาแล้วก็จบ เหมือนฉากสุดท้ายของหนังที่ทิ้งเชื้อรอทำภาค 2 เลย ฉบับนี้เรามาว่ากันในเรื่องราวของเส้นทางสายนกแก้วกัน มาครับตามผมมา ผมจะพาไปให้รู้จักแง่มุมเสี้ยวหนึ่งของชีวิตนกแก้วในวัยเยาว์ก่อนที่จะถึงมือผู้เลี้ยงเรา ๆท่าน ๆโดยละเอียด ในส่วนที่น้อยคนนั้นจะรู้ อีกทั้งขอออกตัวไว้ก่อนว่า ในรายละเอียดบางส่วนไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นข้อตกลงในส่วนของข้อมูลทางเจ้าของฟาร์มกับผู้เขียน ส่วนที่ไม่สามารถเปิดเผยได้นั้นอาทิเช่น เรื่องรายละเอียดในเชิงลึกของการย้อมสีปลานกแก้ว พ่อแม่ปลานกแก้วที่ใช้ในการผลิตปลานกแก้วในเชิงอุตสาหกรรมระดับส่งออก ฯลฯ เป็นต้น จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เส้นทางสายนกแก้วนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 60 เป็นต้นมา ทันทีที่ปลานกแก้วได้ออกสู่ตลาดโลก โดยประเทศไต้หวัน ประเทศผู้ผลิตปลาสวยงามอันดับ 1 ของโลกในยุคนั้น กลายเป็นปลาสวยงามที่มีความนิยมติดอันดับต้น ๆอย่างรวดเร็ว ความแปลกและสวยงามในรูปลักษณของนกแก้วเป็นที่ต้องการอย่างสูงในต่างประเทศ ( นักวิชาการหรือคนไม่เห็นด้วยตำหนิกันอย่างมากเรื่องการบรีดปลานกแก้ว ด่ากันไปแต่ก็ขายดี๊ ดี )จำนวนการผลิตที่ได้มาแต่ละครอกไม่พอเพียงต่อการส่ง ราคาต่อตัวถือว่าแพงมากในยุคนั้น การผลิตนกแก้วแต่ละครอกให้สมบูรณ์พร้อมส่งพอจะไล่เรียงได้ดังนี้ ทันทีที่ลูกนกแก้วลืมตาดูโลก ทางฟาร์มจะใช้เวลาประมาณ 5-7 เพื่อรอให้ลูกปลานกแก้วที่ยังเป็นฝุ่นอยู่บินขึ้นน้ำ ( ศัพท์ของนักเพาะปลาบ้านเราน่ะ ) จากนั้นจะเริ่มให้อาหารผงโปรตีนสูง ( โปรตีนสูงกว่า 60 % บวก )ที่นำมาละลายน้ำให้เหมือนลูกไร ให้ลูกปลากิน ปลาพวกนี้ตั้งแต่เกิดจะแทบไม่ได้กินอาหารสดเลย เนื่องเพราะทางฟาร์มกลัวการติดเชื้อมาก การติดเชื้อแล้วทำให้เกิดการตายของลูกปลาครอก ๆหนึ่งหมายถึงสูญเสียเงิน , เวลา และโอกาสในเชิงธุรกิจด้วย การพลาดส่งออร์เดอร์หนึ่งอาจจะหมายถึงการพลาดออร์เดอร์ถัดมา เพราะเมื่อลูกค้าที่ต้องการของไม่ได้ ก็จะต้องไปติดต่อที่ฟาร์มอื่นแทน เป็นการสูญเสียหลายกระท่อกมาก ทำให้แต่ละฟาร์มจะบรีดลูกปลานกแก้วเอาไว้เป็นชุด ๆตลอดทั้งปี จากการที่ได้พูดคุยผู้นำเข้านกแก้วจากต่างประเทศนั้น พอได้ข้อมูลมาว่า ยกตัวอย่างประเทศมาเลเซียประเทศเดียวซึ่งมีฟาร์มขนาดใหญ่หลาย ๆแห่งที่ทำปลานกแก้ว โดยในแต่ละฟาร์มจะบรีดลูกปลานกแก้วเอาไว้ตลอด โดยใช้ระบบทดแทนรุ่นกัน ในแต่ละไตรมาสปลานกแก้วที่ได้ขนาดจะส่งออกต้องมีของอยู่ในมือไม่ต่ำกว่า 3-4-50,000 ตัว ต่อสามเดือน เพื่อป้องกันของขาด ในฟาร์มขนาดใหญ่ยักษ์ อาจจะมีเก็บถึงแสนตัวในแต่ละรอบ ลองคิดดูเล่น ๆว่า ประเทศไต้หวัน , มาเลเซีย ,อินโดนีเซีย ,จีน และไทย อันเป็นแหล่งผลิตปลานกแก้วที่สำคัญของโลก รวมๆกันแล้วปริมาณเท่าไหร่ต่อปี !!! [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การทำเลิฟศัลยกรรมขั้นแรกของนกแก้ว มาว่ากันต่อในส่วนของลูกปลา ซึ่งช่วงนี้จะโตเร็วมาก เพราะจะอัดอาหารให้กินทั้งวัน เปลี่ยนน้ำบ่อยมาก เนื่องจากนกแก้วมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่สาว ๆชอบคือ กินเก่งแต่ไม่อ้วน เอ็ยไม่ใช่ กินเก่งแต่โตช้า เมื่อลูกปลาได้ขนาดประมาณ 1 นิ้ว จะมาถึงขั้นตอนสำคัญคือ การทำเลิฟ อ็ะ ๆ อย่าคิดลึกซึ้งปานนั้น การทำเลิฟของปลานกแก้วคือการตัดหางเพื่อทำปลานกแก้วรูปหัวใจความรัก ( ฝาหรั่งมันเรียกว่าอย่างนั้นน่ะ ) การทำเลิฟของนกแก้วสันนิฐานว่าเกิดมาจากการที่ฟาร์มได้บรีดปลานกแก้วออกมาเป็นจำนวนมาก และในจำนวนมากนั้นก็มีมากที่เป็นปลาพิการคือข้อหางคด หางลีบ หางบิด ตลอดจน หางแตกเป็นเสี้ยนถึงโคนหางอันเป็นส่วนกระดูก และมันมีจำนวนมากจนถึงขั้นทิ้งก็เสียดาย เลยตัดหางออก เลี้ยงไปเลี้ยงมาไหงมันเป็นอย่างนี้ไปได้ ตัวก็อ้วนกลมอยู่แล้ว หน้าตาก็บ้องแบ๊ว ครีบหลังกับครีบทวารดันเลื่อนเข้าหากัน ก่อให้เกิดรูปทรงอันแปลกประหลาด แถมดันไปคล้ายรูปหัวใจเข้าให้อีก คราวนี้ความรักจึงบรรเจิดดังไปทั่วโลกเลย ขายดิบขายดีออร์เดอร์ท่วมทะลัก คราวนี้พวกพ้องตัวดี ๆเลยพลอยซวยไปด้วย โดนตัดหางเป็นทิวแถว การตัดหางเป็นขั้นตอนที่หลายคนคิดว่าน่าจะหวาดเสียวมาก เพราะเลือดคงสาดกระจายกันเลย  แต่จริง ๆแล้วเป็นขั้นตอนง่าย ๆเพราะปลาที่โดนตัดหางเป็นปลาขนาดเล็ก และเลือดก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่คนตัดหางปลาจะต้องเร็วและชำนาญมาก เพราะตัดกันทีเป็นพัน ๆตัว ตามออร์เดอร์ลูกค้า ในการตัดให้ได้ส่วนพอดี คือไม่ตื้นจนเหลือข้อหางและไม่ลึกเว้าเข้าไปในตัวปลามากเพื่อปลาเมื่อหายบาดเจ็บแล้ว การเจริญเติบโตของครีบเครื่องจะได้ส่วนสัดที่พอดิบพอดีกัน โดยการตัดหาง จะต้องเตรียมดู้ขนาดใหญ่ การทำน้ำให้สะอาดปราศจากเชื้อโรคเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และใส่ยาเต็ดตร้าไซคลินผงที่มีความบริสุทธิ์สูง เคมีตัวนี้ส่วนมากจะใช้ของประเทศเยอรมัน เป็นหลัก นัยว่าให้ผลดีกว่าประเทศอื่น ๆ การตัดหางปลานกแก้ว จะไม่ใช้กรรไกรตัดเพราะศพไม่สวย ม่ายช่าย แต่บาดแผลที่ตัดจะไม่ค่อยเรียบ แต่จะใช้มีดที่มีความบางและมีความคมสูง วางปลาลงบนโต็ะตัด ใช้มีดกดกรึบเอายาป้ายโยนใส่ตู้เป็นอันเสร็จพิธี เมื่อแผลหายสนิทและเมื่อมันโตก็จะเป็นอย่างที่เราเห็นนกแก้วเลิฟทั่ว ๆไป การทำเลิฟจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับออร์เดอร์ นกแก้วเลิฟจะมีราคาแพงกว่านกแก้วธรรมดา 10-15 % เช่นนกแก้วธรรมดาส่งอยู่ตัวละ 80 บาท เลิฟก็อาจจะ 85-90 บาทอะไรอย่างนี่เป็นต้น เสร็จไปอีกขั้นตอนหนึ่ง จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 01:57:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ้อ อีกนิดหนึ่ง สำหรับนกแก้วที่มีเขา ซึ่งผมเรียกว่านกแก้วแรด แต่คุณนิค147 ( NICK 147 )ในเวปปลาหมอสีเรียก นกแก้วยูนิคอร์น เป็นปลาที่มีลักษณะเว้าบริเวณสันหลัง ทำให้กล้ามเนื้อส่วนหลังหัวมีลักษณะแหว่งลงไปคล้ายมีนอแรดขึ้นมาบนหลัง อธิบายให้เห็นภาพยากเหมือนกันแฮะ นกแก้วประเภทนี้ถ้ากำเนิดมาจากธรรมชาติก็ถือว่าเป็นของแปลกใหม่ซึ่งหากพิการโดยธรรมชาติแบบนี้เราคงเห็นกันได้น้อยมาก ๆ แต่มีช่วงหนึ่งที่มีนกแก้วประเภทนี้ออกมามากจนไม่น่าจะเกิดจากธรรมชาติแล้ว  คนทำปลาประเภทนี้ตายไปคงยิ่งกว่าตกนรกไปว่ายป๋อมแป๋มในกระทะทองแดงน้ำย้อมสีแหงม ๆ เพราะเป็นการเอาปลาที่มีขนาดพอสมควรมาวางยาสลบ แล้วใช้มีดที่มีความคมสูงประเภทมีดผ่าตัด กรีดตัดกล้ามเนื้อบริเวณสันหลังออกให้เป็นรูปเว้าลงไป ก่อนที่จะดึงหนังและกล้ามเนื้อให้มาชิดและทำการเย็บติดกัน แล้วทายาปล่อยปลาให้พักพื้นรักษาแผลระยะหนึ่ง เป็นขั้นตอนที่ทรมานปลามาก เหมือนสาว ๆที่ยอมทำศัลยกรรมเพื่อความงาม แต่นั่นเป็นความสมัครใจที่อยากจะเจ็บเพื่อความสวย แต่ปลาคงไม่มีความคิดเช่นนั้นแน่ ๆ คงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ สำหรับนกแก้วประเภทนี้ เดี๋ยวยาว จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ศัลยกรรมที่ 2 ของนกแก้ว การย้อมสี เมื่อนกแก้วโตขึ้นจนได้ขนาด ปลาตัวไหนที่ไม่ลอกสีก็จะถูกอับเปหิออกจากก๊วน ส่วนจะไปไหนมิอาจทราบชะตากรรมได้ แต่โดยรวมปลาที่ลอกสีมีน้อยมากในแต่ละครอก เพราะการเพาะพันธ์นกแก้วในเชิงส่งออก คู่พ่อแม่ปลาจะถูกคัดคุณภาพสุด ๆเพื่อการนี้ เมื่อได้ขนาดที่ต้องการแล้วก็จะมาถึงขั้นตอนการย้อม ที่ขอบอกว่าเป็นการทรมานสัตว์อย่างแสนสาหัสอีกอย่างหนึ่ง เหมือนทหารที่เข้าเรียนหลักสูตรเสือคาบดาบ กองทัพบกหรือนักทำลายใต้น้ำ ( ซีล ) กองทัพเรือ ที่กว่าจะจบแทบรากเลือด อะไรประมาณนั้น ที่มาของการย้อมสีไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ริเริ่ม แต่คงเนื่องมาจากปลาแต่ละตัวในครอก ๆเดียวสีสันหาได้สดสวยงามเหมือนที่เราเห็นไม่ อีกทั้งปลานกแก้วในแต่ละครอกออกมาโทนสีหาเหมือนกันไม่ ปลาในขนาดเล็กจะให้สีสดสวยเหมือนปลาใหญ่นั้นเป็นไปไม่ได้ ส่วนใหญ่ที่เห็นคือไม่ขาวก็เหลือง ติดส้มน้อยและไม่ต้องคุยถึงสีแดงหายาก รวมไปถึงตลาดต่างประเทศที่ประเทศคู่แข่งทำนกแก้วออกมาขายแข่งจนท่วมตลาดแล้ว การย้อมสีปลาจึงเป็นเหตุผลหนึ่งในเชิงการค้าที่คนคิดค้น ซึ่งป่านนี้ถ้าตายไปแล้วอาจตกนรกไปว่ายป๋อมแป๋มอยู่ในกระทะทองแดงที่ไม่ใช่น้ำเหล้าแต่เป็นน้ำย้อมสีอยู่ก็ได้ การย้อมสีปลานกแก้วมีอยู่ 3 อย่างคือ การฉีดสี , การแช่สี  และการให้อาหารเร่งสีแบบเข้มข้น สีที่ใช้ฉีดหรือแช่นกแก้ว คือสีผสมอาหารที่เราใช้อยู่ทั่ว ๆไป  แต่การใช้สีจะมีเรื่องของยี่ห้อ คุณภาพ สัดส่วนการผสมสี และรายละเอียดปลีกย่อยที่ผู้เขียนก็ไม่สามารถทราบได้ เพราะหวงกันมาก ถือเป็นสูตรลับเฉพาะของแต่ละค่ายเลยทีเดียว แม้คนไทยเองการทำปลานกแก้วย้อมสีมีคนรู้หรือที่ชำนาญอยู่ไม่มาก นับหัวได้ในเมืองไทย อีกทั้งแต่ละคนก็หวงกันซะเหลือเกิน  แบบนี้แหละที่ทำให้คนไทยสูญเสียวิชา ความรู้ สิ่งดี ๆที่สามารถนำไปสร้างสรรค์พัฒนาอะไรได้อีก ให้ตายไปกับตัวมากมาย จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 นอกเรื่องนิดนะ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันเมืองไทยยังมีคนหัวจูราสิคอยู่มาก เนื่องจากวิชาความรู้ที่เก็บงำไว้นั้น ถูกเก็บอยู่ในหัวของคน ๆเดียว ความรู้เหล่านั้นนับวันจะโบราณไปตามกาลเวลา ขาดการเปิดกว้างเพื่อรับองค์ความรู้ใหม่ ๆที่จะนำมาพัฒนาเสริมสร้างข้อมูลความรู้ที่มีอยู่เหล่านั้นให้เท่าทันกับยุคสมัย ทัดเทียมหรือเหนือกว่าคู่แข่ง ยกตัวอย่างเช่น การผลิตปลานกแก้วของไทยเราถ้าจัดอันดับแล้ว ของเราจมอยู่อันดับบ๊วย ทั้งมาตรฐานปลาในส่วนของของรูปทรง ความเหมือนกันในจำนวนมากของปลาในครอก สีพื้นฐานปลา การย้อมสี ทั้ง ๆที่เรารู้ขั้นตอนการทำ การผลิตเป็นอย่างดี ทำไมเราสู้เขาไม่ได้ ทำไมปลานกแก้ว บางล็อตเมื่อเติบใหญ่ขึ้น สีตามตัวถึงแตกเป็นสะเก็ดสี  ส้ม ๆแดง ๆด่าง ๆ แต่กลับปลาของประเทศอื่นกลับแดงเนียนเสียเหลือเกิน เติบใหญ่โตขึ้นมาสีสันกลับดี หลายตัวสีแดงสดเนียนงามทั้งตัว ทั้ง ๆที่เป็นปลาย้อมตั้งแต่เล็กเช่นกัน เฮ้อ น้ำตานองอาบสองแก้ม จริง ๆ จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การฉีดสีของนกแก้ว จะเริ่มฉีดเมื่อปลานั้นจะถึงเวลาส่ง โดยการใช้สีผสมอาหารฉีดเข้าที่ใต้สันหลัง ให้สีนั้นถูกดูดผ่านไปตามผิวหนัง นกแก้วตัวหนึ่งโดนอย่างน้อย 2 เข็ม  จากนั้นจึงนำไปในส่วนของแช่สีซึ่งเราเรียกว่าย้อมนั้น เริ่มต้นโดยนำปลาทั้งฝูงไปแช่ในตัวยาชนิดหนึ่งที่เรารู้จักคุ้นเคยกันดีแต่ไม่มีใครนึกถึงในโดสที่เข้มข้น หรือบางเจ้าก็จะใช้เคมีที่เป็นกรดอ่อน ๆ เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อลูกนัยน์ตาของปลา ตัวยาและกรดที่ว่านี้ใช้เพื่อละลายเมือกปลาที่ปกคลุมทั่วตัวออก ความรู้สึกถ้าเป็นคนก็คงเหมือนกับเอากระดาษทรายละเอียดมาถูตัวเพื่อให้หนังกำพร้าลอกมั้ง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดก็จะนำปลาทั้งฝูงนั้นใส่ลงไปในน้ำย้อมสี ตามธรรมชาติของปลานั้นเมื่อเนื้อตัวมีอาการระคายเคืองปลาจะสร้างเมือกขึ้นมาคลุมเพื่อลดอาการระคายในส่วนนั้น ๆ ระหว่างที่ปลามีเมือกที่คลุมตัวไม่สมบูรณ์และปลานั้นกำลังสร้างเมือกใหม่ขึ้นมาทดแทน ผิวหนังชั้นในของปลาก็จะดูดซึมน้ำผสมสีเหล่านั้นไปผิวหนัง บริเวณส่วนสันหลังของปลาอันเป็นบริเวณกล้ามเนื้อจะดูดซึมสีได้มากที่สุด จนเป็นที่มาของแถบสีบนสันหลัง โดยทางฟาร์มจะแช่ปลาอยู่ในน้ำย้อมจนปลาสร้างเมือกขึ้นมาคลุมจนแดงเสมอดีกันแล้วประมาณ 24 ชั่วโมง ระหว่างการแช่นั้นปลาที่ตายก็ตายไป แต่นกแก้วเป็นปลาที่มีความทนทานสูงมาก อัตราการสูญเสียจะน้อย เพราะถ้าเป็นปลาสายพันธ์แท้อย่างบัลซานี่ ( Geophagus Balzanii )หรือ ริวูเลตัว ( Aequidens rivolatus ) ซึ่งเป็นปลาที่จะมีอาการแพ้สีอย่างมากใส่เข้าไปม่องเท่ง ไม่รอด แต่นกแก้วสามารถอยู่รอดได้  นี่แหละที่ความหวั่นวิตกสำหรับนักวิชาการอย่างหนึ่งเกี่ยวกับปลา Hybrid ล่ะ เพราะการที่มันพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งนั้นเมื่อไปอยู่ในแหล่งน้ำต่าง ๆจะทำให้ปลาสายพันธ์แท้ในธรรมชาติน่าเป็นห่วง จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เข้าเรื่องต่อ  เมื่อครบกำหนดก็เปลี่ยนถ่ายน้ำพร้อมนำส่งได้ ฝูงปลาที่ถูกย้อมสีออกมาใหม่ ๆนั้น เท่าที่ผู้เขียนเคยเห็น น้ำที่ใช้เลี้ยงต้องเปลี่ยนอยู่หลายรอบ และต้องทิ้งไว้หลายวัน กว่าน้ำในตู้จะหายแดง  ส่วนปริมาณ สัดส่วนการผสมสี ยี่ห้อ และรายละเอียดปลีกย่อยทั้งการฉีดและการแช่ ในเชิงลึก ไม่ทราบครับ   และขั้นตอนสุดท้ายคือการให้อาหารเร่งสีแบบเข้มข้น จะต้องใช้เพื่อรักษาสภาพสีให้อยู่นานที่สุด แต่การใช้อาหารเร่งสีเป็นเพียงขั้นตอนสดท้ายระหว่างการเลี้ยงเพื่อรอส่ง แต่ส่วนใหญ่เมื่อย้อมเสร็จจะทำการส่งเลย การใช้อาหารเร่งสีแบบนี้จะทำให้ปลามีสีที่แดงสดดีและอยู่ได้นานบางตัวเป็นเดือน บางตัวหลาย ๆเดือน และบางตัวตลอดชีวิตของมัน ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกเช่นกัน   และที่แน่นอนที่สุด ปลานกแก้วทุกตัวที่ส่งออกหรือขายในเชิงธุรกิจระดับนานาชาติ ทั้งของไต้หวัน , มาเลเซีย ,อินโดนีเซีย ,ไทย และที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งคือจีน เนื่องจากราคาถูก ทุกตัวที่ออกมาสู่ตลาดผ่านการย้อมสีมาแล้วทุกตัว ผู้เขียนเคยได้มีโอกาสเข้าไปทำธุรกิจเล็ก ๆน้อย ๆฟาร์มแห่งหนึ่งที่มีการนำนกแก้วไต้หวันเข้ามาแต่มิได้จำหน่ายในเมืองไทย เพราะเป็นออร์เดอร์เฉพาะจากยุโรปเท่านั้น นกแก้วที่นำเข้ามาจากต่างประเทศซึ่งปัจจุบันไทยนำเข้านกแก้วมาเลย์มากที่สุด นกแก้วไต้หวันนั้นได้มีการนำเข้ามาบ้างโดยมีเส้นทางคือ จากไต้หวันมาลงที่สิงค์โปร์อันเป็นโบรกเกอร์ใหญ่ปลาสวยงามของโลก จากสิงค์โปร์กระจายไปยังลูกค้าต่าง ๆทั่วโลก ของไทยก็มีการนำเข้ามาโดยผ่านสิงค์โปร์เช่นกัน แต่ไม่ปรากฏในท้องตลาดเพราะเป็นเพียงแค่ทางผ่านเพื่อพักปลาก่อนส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศแถบยุโรปอันเป็นลูกค้าของไทยอีกที นกแก้วไต้หวันแท้ ๆปัจจุบันแทบจะไม่มีการนำเข้ามาแล้วเนื่องจากไม่มีออร์เดอร์เพื่อส่งต่างประเทศ อันเพราะมาจากต้นทุนสูงกว่านกแก้วจากจีนหรือมาเลย์หลายเท่าตัวนัก อีกทั้งคนไต้หวันเองก็นิยมเลี้ยงนกแก้วอยู่ไม่ใช่น้อย และการเลี้ยงของเชาวไต้หวันนั้น นิยมเลี้ยงกันเแป็นฝูง ซื้อกันทีร้อยกว่าตัว ตัวเลขมงคลของเขาคือ 148-149 ตัว ชาวไต้หวันจะซื้อปลานกแก้วทีละ 148-149 ตัวเพื่อเลี้ยงตามฮวงจุ้ยของเขา คนไต้หวันเองจะให้ความสำคัญกับนกแก้วด่าง ( ปลาที่มีเซลเม็ดสีไม่สมบูรณ์ ทำให้ผิวปลาเป็นด่างขาวตามลำตัวบางส่วน ซึ่งต่างประเทศถือว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง )มากเป็นพิเศษ จัดว่าเป็นปลาที่มีราคากว่าปลาสีแดงเนียน ๆ ไม่เหมือนบ้านเราที่ให้ความสำคัญกับปลาตัวเมียสีแดงเนียน ยิ่งหัวโหนกเหมือนปลาตัวผู้ราคายิ่งสูง ส่วนของไต้หวันเองไม่สนใจเรื่องตัวผู้ตัวเมีย ราคาปลานกแก้วไต้หวันที่ประเทศเขาขนาด 2-3 นิ้ว ตกตัวละ 500 บาทไทย ขนาด3-4 นิ้วตกประมาณตัวละ 1,000 บาท ราคานี้เป็นราคาส่งเป็นร้อยตัวขึ้น ซึ่งยังไม่รวมค่าขนส่ง ภาษี ค่าชิบปิ้ง อื่น ๆอีกจิปาถะ ซึ่งจะเห็นได้ว่าค่าตัวมันราคาจะสูงกว่านกแก้วประเทศอื่น ๆหลายเท่าตัว จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นกแก้วที่ถูกส่งออกไปยังต่างประเทศจะถูกแบ่งเกรดเอาไว้ 3 เกรด คือ เกรด A , B และ C ปลานกแก้วในแต่ละล็อตเมื่อรวม ๆกันก่อนแบ่งเกรดจะเป็นตัวผู้ถึงร้อยละ 70 การคัดเกรดปลาจะคัดจากรูปทรงปลาหาใช่เพศเป็นหลักเหมือนบ้านเรา ปลาเกรด A และ B จะมีรูปทรงอ้วนกลม ส่วนเกรด C จะเป็นปลาที่คัดเหลือมาจากสองเกรดดังกล่าว และปลาที่อยู่ในเกรด C จะเป็นปลาตัวผู้ 90 % ขึ้นไป เนื่องจากปลาตัวเมียจะมีรูปทรงกลม สวยกว่าตัวผู้ จึงทำให้มันไปอยู่ในเกรด A และ B เสียเป็นส่วนใหญ่ และนกแก้วที่ส่งมาขายในบ้านเรานั้นส่วนใหญ่จะเป็นปลาเกรด C  ซึ่งข้อนี้ผู้เขียนได้พิสูจน์ด้วยตัวเองเมื่อครั้งไปซื้อนกแก้วที่ชายแดนมาเลย์ จากนกแก้ว 4,000 ตัวที่เตรียมส่ง สามารถคัดนกแก้วตัวเมียที่แน่ใจได้ประมาณร้อยกว่าตัวเท่านั้น จากปริมาณ2,000ตัว เพราะเวลาจำกัดเนื่องจากต้องแพ็คปลาเพื่อนำไปสนามบินส่งลูกค้าตามเวลา ผู้เขียนเคยได้ดูวีดีโอคลิปภาพปลานกแก้วจากร้านปลาในประเทศไต้หวัน ที่เพื่อนไปถ่ายมาต้องยอมรับว่า ปลานกแก้วไต้หวันของเขาทั้งรูปทรงและคุณภาพยังทิ้งห่างปลานกแก้วประเทศอื่นหลายช่วงตัวนัก ปลานกแก้วไต้หวันถึงจะถูกย้อมมาตั้งแต่เล็กจนโตสีสันไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าสีแดงที่เนียนในเนื้อ รูปทรง บางตัวซึ่งเป็นตัวเมียหัวโหนก อาจจะเนื่องมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าการย้อมสี เหล่าปลา พื้นฐานสีในตัวปลาเอง ทำให้นกแก้วไต้หวันตัวเมียเป็นนกแก้วที่มีราคาสูงและเป็นที่ต้องการของนักครอสบรีดปลาบ้านเราอยู่ตลอดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:31:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หน้ากระดาษหมดแล้วครับ ฉบับหน้ามาว่ากันเรื่องใกล้ตัวหน่อย เรื่องวิธีการดูสีปลานกแก้ว การดูเพศ ลักษณะทางพันธุกรรมของนกแก้ว , คิงคอง ,นกแก้วคิงคองและซินแดง รวมไปถึงนิสัยใจคอที่เกิดมาจากท้องแม่เดียวกันไหงออกมาหน้าตาไม่เหมือนกันแถมนิสัยใจคอก็แตกต่างกัน ถ้าไม่ไหว้ครูนานหรือว่ายออกทะเลไปซะไกล ฉบับหน้าควรจะจบเสียที ฉบับนี้เส้นทางสายนกแก้วคงทำให้ผู้อ่านได้รู้ถึงเส้นทางนกแก้วตั้งแต่เล็กจนโตว่า กว่าที่จะได้มันมาเลี้ยงนั้น ปลานกแก้วในตู้ที่ว่ายน่ารัก บ้องแบ๊วในตู้นั้น วัยเยาว์มันผ่านบางสิ่งบางอย่างที่เรา ๆท่าน ๆไม่อยากจะเชื่อว่ามันผ่านมาได้ ชีวิตคนบางคนยังไม่ทนทุกข์ทรมานเท่านกแก้วตัวเล็ก ๆที่เราเลี้ยงมาเลย  เพราะฉะนั้นเมื่อเราเจออะไรที่โหดร้ายและดูเหมือนว่าชีวิตเรารันทดเหลือเกิน ให้หันไปมองปลานกแก้วในตู้ที่ท่านเลี้ยงนะ มีความสุขกับการเลี้ยงปลาครับ   yut1678@yahoo.com ขอขอบคุณ คุณก็ก ร้าน E-AQUARIUM ตลาดศรีสมรัตน์                  คุณผัด ร้านปลาสมบูรณ์ ปาร์ดังเบซาร์                  คุณหมอ  เพื่อน และฟาร์มปลา ที่ให้ข้อมูลแต่ไม่ประสงค์จะออกนาม จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นกแก้วอมตะ ภาค 3 .... โลกของนกแก้ว สวัสดีครับเพื่อนผู้อ่านนิตยสาร TCB ทุกท่าน ฉบับที่แล้วเราว่ากันไปถึงเส้นทางสายนกแก้วกันแล้ว ได้รับการตอบรับอย่างดี และต้องขออภัยจริง ๆสำหรับเพื่อนบางคนที่ได้โทรเข้ามาสอบถามรายละเอียดบางอย่าง ต้องขอบอกไว้ในที่นี้ด้วยนะครับ ว่าคำถามบางคำถามที่สอบถามกันมานั้น ผู้เขียนไม่รู้จริง ๆ ไม่ได้อำ ไม่ได้หมกเม็ด ไม่ได้หวงวิชา แต่ไม่รู้จริง ๆครับ ในฉบับนี้เรามาร่ายรำกันต่อ โดยจะกล่าวถึงโลกส่วนตัวของนกแก้วกันครับ ในที่นี้หมายถึงรายละเอียดต่าง ๆที่เป็นตัวตนของมันให้ได้อ่านกัน ไม่อยากไห้วครูนาน เดี๋ยวรำออกทะเล ไปต่อกันเลยครับ ^__^ จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ลักษณะทางพันธุกรรม ของนกแก้ว นกแก้วนั้นเป็นปลา hybrid ชื่อทางวิทยาศาสตร์ไม่มี แต่สามารถเรียกเจ้าปลาตัวนี้ได้โดยใช้ชื่อพ่อ แม่ ปลามารวมกันฉบับที่แล้วดันไปยกตัวอย่างปลาทองเลยโดนผู้อ่านท่านหนึ่งเมล์มาถาม เรื่องการเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ของนกแก้วล่ะ เขียนอย่างไร อือฮึ มันก็จริงแฮะ เอาเป็นว่าการเขียนส่วนใหญ่จะใช้ synspilum X citrinellus คือ ในการทำปลานกแก้วนั้นหลาย ๆคนคงจะทราบว่านกแก้วนั้นได้เกิดจากปลาสายพันธ์แท้สองสายพันธ์มาผสมกัน โดยในนกแก้วและพี่น้องมันที่จะกล่าวถึงนี้ จะยึดหลักพ่อและแม่เป็นซินสไปลุ่ม และ ไมดาสหรือเรด เดวิล เฉพาะเท่านั้น ไม่ขอกล่าวรวมไปถึงนกแก้วจากสายปลาอื่นนะครับ ลูกที่ได้ของสองพ่อแม่ปลานั้นจะให้ลูกออกมามีสามลักษณะ คือ นกแก้ว , คิงคอง และซินแดง จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 นกแก้ว ยีนส์ด้อยที่มีเสน่ห์ นกแก้ว นั้นถือได้ว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่พอสมควร หลาย ๆคนคงไม่เคยเห็นหรือคิดว่า นกแก้วจะมีขนาดเติบใหญ่ได้มากกว่า 1 ฟุต น้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม มีหัวโหนกเป็นลูกได้เหมือนฟลาวเวอร์ฮอน์ อายุยืนได้ถึง 10 ปีขึ้น แต่ขนาดโตเต็มที่ของนกแก้วไม่สามารถคาดเดาได้ว่าตัวไหนมันจะใหญ่ได้เต็มที่ แม้จะมาจากพ่อแม่เดียวกัน คงเนื่องมาจากความด้อยทางพันธุกรรม จึงทำให้มันในบรรดาพี่น้องครอกเดียวกันมีขนาดเติบใหญ่เต็มที่ไม่เท่ากัน แต่ขนาดความใหญ่ของนกแก้วที่ใหญ่เต็มที่จะมาจากสายหลักข้างต้นที่ผมว่าไว้ทั้งสิ้น นกแก้วถือได้ว่าเป็นปลาที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในส่วนด้อยที่สุดในบรรดาปลาพี่น้องสามตัวที่กล่าวมา เพราะรูปร่าง หน้าตา นิสัย พอจะจัดแบ่งได้หลากหลายในเรื่องรูปทรง แต่รูปทรงที่เป็นมาตรฐานครองใจนักเลี้ยงทั่วโลกคือ อ้วนดำ เอ๊ย ม่ายใช่ อ้วนแดงจ้า นกแก้วที่ดีต้องมีกะโหลกงองุ้มลง ลำตัวต้องมีลักษณะทรงกลม ที่แน่ ๆ ปากของนกแก้วต้องเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมคว่ำ ริมฝีปากต้องไม่สามารถประกบหรือขบกันได้ ลักษณะปากจะเป็นตัวตัดสินว่าปลาตัวไหนเป็นนกแก้ว ตัวไหนเป็นคิงคอง นิสัยของนกแก้ว นกแก้วนั้นถึงจะเด๋อด๋า แต่ก็ถือว่าเป็นปลาหมอครอสบรีดสายหนึ่ง เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่มันก็มีพฤติกรรมเหมือนปลาหมอสีครอสบรีดหรือสายพันธ์แท้ขนาดใหญ่ ในเรื่องการหวงถิ่น การขุด ทึ้ง ทำลาย แต่ในความเหมือนปลาหมอสีอื่น ๆนั้น มันก็มีความแปลกซ่อนอยู่ที่ปลาหมอครอสบรีดหรือสายพันธ์แท้ไม่มีคือ นกแก้วเป็นปลาสังคม หมายถึงการอยู่รวมกันเป็นปลาฝูง ปลานกแก้วสามารถเลี้ยงรวมกันได้อย่างไม่มีอันตรายต่อกัน แต่ต้องใส่ในจำนวนที่มากกว่า2 หรือ 3 ตัว อย่างต่ำ ๆควรจะมีหลักสิบขึ้น จะช่วยให้ปลาไม่ค่อยก้าวร้าวซึ่งกันและกัน โดยปลาจะจัดลำดับความสำคัญในฝูงกันเอง อีกทั้งนกแก้วเป็นปลามวยเชิง คอยแต่ขู่ไปขู่มามากกว่า อีกทั้งมีริมฝีปากไม่สมบูรณ์จึงไม่สามารถขบกัดได้ ทำได้แต่เพียงเอาหัวชน การเลี้ยงรวมกันจึงไม่ก่อให้เกิดบาดแผล หรืออันตรายรุนแรง นกแก้วเป็นปลาที่เชื่องคนเลี้ยงเหมือนปลาหมอสีครอสบรีด แต่ในความเชื่องนั้นก็จะแฝงความกลัวไว้ค่อนข้างมาก คือไม่สามารถจับต้องตัวมันเล่นได้เหมือนปลาฟลาวเวอร์ฮอน์ ในช่วงตอนแรกเมื่อนำนกแก้วมาปล่อยใหม่ ๆในตู้ จะเห็นถึงความหวาดกลัวที่มันแสดงให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นการซุก การหลบ ตามซอกหลืบ มุมของตู้ แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งประมาณ 3-4 วันพอปรับตัวเข้ากับพื้นที่ได้แล้ว นกแก้วจะเชื่องและไม่กลัวคนเลี้ยง เมื่อถึงเวลาอาหารหรือคนเดินผ่านมันจะกรูเข้ามาขออาหารถึงขอบตู้ ในความหวงถิ่นของนกแก้วนั้นเป็นการหวงที่น่าขำ กลางวันไล่กันแทบเป็นแทบตาย หวงที่ หวงทางขู่กันไปขู่กันมา ไม่ให้ปลาตัวอื่นเข้าใกล้ แต่ตอนกลางคือบริเวณที่หวง ๆนั้นกลับเป็นที่นอนสุมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ตื่นมาวันใหม่ค่อยไล่กันใหม่ ตอนกลางคืนยามปิดไฟแล้วสักพัก คุณลองลงมาที่ตู้ปลาที่คุณเลี้ยงนกแก้วดูสิ แล้วค่อย ๆเปิดไฟดูตอนฝูงมันนอน คุณจะพบเห็นความน่ารักของเจ้านกแก้วที่คุณเลี้ยงอยู่ ในตอนที่มันหลับ จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คิงคอง ความครึ่ง ๆกลาง ๆของสายพันธ์ เป็นปลาที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์นัก สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ คิงคองจะมีลักษณะค่อนข้างกลมหรือออกสั้นแม้จะไม่เท่านกแก้วก็ตาม คิงคองจะมีความเหมือนปลาพ่อและแม่ ในสัดส่วนที่พอ ๆกัน โดยจะมีส่วนหัวหน้าตาค่อนไปทางซินสไปลุ่ม 65% ไมดาส 35 % ริมฝีปากของคิงคองส่วนใหญ่จะบางและต้องปิดสนิท คิงคองนั้นตอนเล็กจะดูเหมือนไม่ค่อยสั้น แต่เมื่อตัวใหญ่แล้วจะออกสั้นหรือกลมแทบทุกตัว จัดเป็นปลาครอสบรีดที่มีทรงสวยกว่าเพื่อน ๆในพี่น้องของมัน จริง แล้วยังมีปลาอีกตัวหนึ่งที่เกิดขึ้นมาขั้นกลางระหว่างนกแก้วและคิงคอง คือ นกแก้วคิงคอง เป็นปลาที่มีรวมเจ้าสองตัวนี้ไว้ด้วยกัน เข่นหัวเหมือนนกแก้วแต่ทรงปลาเหมือนคิงคอง คือจะออกแบนไม่กลม หรือบางที่หน้าคิงคองแต่ทรงปลาออกไปทางนกแก้ว แต่ส่วนใหญ่เราจะตัดสินกันที่ปากของปลามากกว่าบอดี้ เพราะฉะนั้นผู้เขียนจึงไม่ขอแยกส่วนปลาตัวนี้ออกมา ให้ยุ่งยาก วุ่นวายไปเปล่า ๆ ส่วนอีกชื่อที่ผู้อ่านคงเคยได้ยินคือ กอลิล่า นั้นก็เป็นชื่อที่ร้านหรือผู้ขายเรียก ซึ่งก็แล้วแต่เพราะขืนตาม ๆกันไปอีกหน่อยคงจะมีชื่อประหลาด ๆออกมา อย่าง อุรังอุตัง หรือ ซิมแปนซี ตามออกมาอ่ะ นิสัยของคิงคอง คิงคองค่อนข้างดุ และหวงถิ่นกว่านกแก้ว การเลี้ยงปลาคิงคองในที่เดี่ยว จะทำให้มันมีอุปนิสัยที่ก้าวร้าวสูง ทั้งตัวผู้และตัวเมีย อีกทั้งคิงคองเป็นปลาที่มีริมฝีปากสมบูรณ์ การขบกัด จะรุนแรงกว่านกแก้ว ปลาตัวผู้ก็ดุ ตัวเมียก็ดุ คิงคองตัวเมียทำแม่พันธ์ยากกว่านกแก้วตัวเมีย เพราะเนื่องจากอุปนิสัยดังกล่าว แต่คิงคองเป็นปลาที่กลัวปลาใหญ่ การจับคู่ปลาคิงคองตัวเมีย ต้องใช้ตัวผู้ขนาดใหญ่กว่ามันพอสมควร ยิ่งในกรณีตัวเมียมีอายุและมีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือแล้ว การจับคู่ปลาต้องระมัดระวังตัวผู้พอสมควร เพราะในการทำเท็กซัสแดง เราจะได้ยินเสมอว่าคิงคองตัวเมียซัดปลาเท็กเขียวตัวผู้ตายเสมอ ๆ โดยเฉพาะตอนไข่จะดุเป็นพิเศษ แต่คิงคองตัวเมียเป็นปลาที่เก่งกว่านกแก้วอยู่อย่างหนึ่ง คือเป็นปลาที่เลี้ยงลูกได้ดีมาก มีความรักและหวงพร้อมสู้เพื่อไข่หรือลูกสุดใจขาดดิ้นตัวหนึ่ง คิงคองตัวผู้ก็เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ไม่เบาไปกว่านกแก้วเช่นกัน แต่คิงคองจะมีทรงที่สั้นมาช่วย และบางตัวจะมีหัวโหนกขึ้นมาเมื่อมีอายุมาก ๆ อีกทั้งในตัวเมียบางตัวก็มีหัวโหนกตุ่ยขึ้นมาเหมือนกัน แม้นาน ๆจะโผล่มาให้เห็นสักตัว คิงคองสามารถเลี้ยงรวมปะปนกับฝูงนกแก้วได้ จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ซินแดง สายพันธ์ที่แค่เกือบจะ.....สมบูรณ์ เป็นปลาตัวสุดท้ายที่ได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของพ่อและแม่ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ที่สุดในบรรดาพี่น้องของมัน ซินแดงจะมีลัษณะที่ส่วนหัวคล้ายซินสไปลุ่ม แต่จะมีริมฝีปากจะหนาเหมือนไมดาส คือหนากว่าคิงคอง รวมไปถึงลำตัวจะไปเหมือนไมดาสด้วย คือออกยาวหน่อย แต่เมื่อเติบใหญ่ถ้าเลี้ยงดี ๆจะได้ความกว้างและอ้วนเข้ามาช่วย ทำให้มันเป็นปลาที่มีความสวยกว่าตอนเล็ก ๆค่อนข้างเยอะเลย ซินแดง เป็นปลาที่บนจุดสูงสุดของความสมบูรณ์ในการครอสสปีชี่ย์ของ 2 สายพันธ์ แต่ในความสมบูรณ์ของรูปร่าง ทรวดทรง หน้าตาที่สวยงามนั้นมันซ่อนความบกพร่องทางลักษณะพันธุกรรมไว้คือ ตัวมัน พี่น้องมัน ตัวผู้อาจจะร้อยละ 99 เป็นหมันไม่สามารถผสมพันธ์ได้ แม้จะเคยได้ยินมาบ้างว่าปลาบางตัวมีเชื้อ แต่ก็ไม่เคยได้เห็นจะ ๆกับตาสักที ซินแดงมีนิสัยที่รวมเอานิสัยของพ่อและแม่เข้าไว้ด้วยกันคือ เป็นปลาที่ปรับตัวได้ไม่เร็ว ขี้ตื่นตอนเล็กเหมือนซินสไปลุ่ม แต่เมื่อปรับตัวได้จะเป็นปลาที่มีความดุและก้าวร้าวสูงเหมือนไมดาส ในปลาตัวเมียยังเป็นที่ต้องการของตลาดสม่ำเสมอ แต่ต้องได้โทนสีแดงแก่หรือแดงเข้มจะดี พูดถึงสี เรามาว่ากันถึงวิธีการดูสีปลากัน จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สีของปลานกแก้ว อย่างที่รู้ ๆกันว่าปลานกแก้วเป็นปลาที่ผ่านการย้อมสีมาแล้วเกือบทั้งสิ้น นกแก้วตัวผู้จะมีสีสันที่ดีกว่าตัวเมีย ให้ระมัดระวังจุดนี้ด้วยเวลาเลือกซื้อนกแก้วตัวเมีย สีของนกแก้วที่ดีคือ ต้องแดงแก่ หรือแดงสด และสีต้องเนียน แดงเนียนในที่นี้คือ ต้องแดงในเนื้อ แดงในเนื้อเกล็ด ไม่ใช่แดงคลุม หรือแดงลอยบาง ๆ เนื่องจากนกแก้วย้อมนั้น ตัวมันจะดูดซึมสีย้อมเข้าไป ก่อนจะสร้างเมือกคลุมตัว ทำให้สีที่เราเห็นนั้นมันอยู่เหมือนลอย ๆ มองไม่เห็นลอนเกล็ด เช่นช่วงท้อง ปลานกแก้วที่สีดีนั้น ส่วนใหญ่เมื่อเวลา ดรอปสี จะมีพื้นตัวเป็นสีโทนชมพูมากกว่าส้มหรือเหลือง การดรอบสีของปลานกแก้วตัวเมียไม่ใช่ข้อด้อย ถ้าเราเคยเห็นว่ามันเคยแดงได้ใจ ก็ไม่ต้องไปกังวลมากเมื่อมันดรอป พึงระลึกเสมอว่า ปลาดรอบสีแล้วบางเวลาหรือบางช่วงมันแดง แสดงว่ามันแดงมาจากข้างในมัน ไม่ใช่แดงย้อม ที่แดงไม่เคยดรอบ ไป ๆมา ๆแดงไม่เคยดรอบยังน่ากลัวซะกว่า แต่ก็มีอยู่บ้างที่จะมีนกแก้วที่แดงไม่เคยดรอบ แต่ต้องดูให้ขาดว่าที่แดงนั้น นั้นแดงย้อมหรือแดงจากตัวมันเอง ก็ให้สังเกตลักษณะของสีดังที่กล่าวไว้ ใครมีนกแก้วแบบนี้เก็บไว้เถอะ หายากแล จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 27 วิธีการดูเพศนกแก้ว วิธีการนี้สามารถดูได้ทั้งตัวผู้ตัวเมียคือ วิธีการดูท่อเพศ ตัวผู้จะมีท่อเพศยาวเรียว ปลายแหลม ซึ่งในปลาตัวผู้ที่เคยฉีดเชื้อมาแล้ว ปลายที่แหลมนั้นจะอาจจะแตกและมีสีดำเช่นกัน ส่วนตัวเมียจะมีท่อเพศใหญ่กว่า จะมีฐานคล้ายสามเหลี่ยมมุมป้าน มีท่อยื่นออกมา ในส่วนปลาตัวใหญ่หรือมีขนาดแล้วก็ดูไม่ยากเย็นนัก แต่ในปลาขนาดเล็กบางทีก็จนปัญญาเหมือนกัน อีกวิธีคือ ดูครีบตะเกียบใต้ท้อง ตัวเมียจะมีลักษณะสั้นไม่แหลมเป็นเส้น ตัวผู้จะมีครีบตะเกียบที่แหลมเป็นเส้นกว่าตัวเมีย วิธีนี้ใช้ได้เฉพาะปลานกแก้วเท่านั้นและไม่ทุกตัวที่เป็นเช่นนั้น แต่โดยมากจะเป็นเช่นนั้น ในส่วนคิงคองและซินแดงไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้ บางทีการเลี้ยงนกแก้วหรือคิงคองมานาน เลี้ยงปริมาณเยอะ ๆ มีเวลานั่งชมพฤติกรรมการเป็นอยู่ของมันก็พอจะบอกได้ว่าปลาตัวไหนที่เราเลี้ยงเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย เมื่อถึงจุด ๆหนึ่งเมื่อเราไปเห็นปลาที่อื่น บางทีการมองดูปลาว่ายสักพัก ก็พอจะคาดเดาได้ว่าตัวไหนคุณชายตัวไหนคุณหญิง ปลาบางตัวมีหน้า มีลูกตา มีทรวดทรงที่เป็นลักษณะเฉพาะว่าข้านี่แหละตัวผู้ หนูนี่แหละตัวเมีย บางทีก็ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เพราะใช้ความรู้สึกที่สั่งสมมาตัดสินใจ และแน่นอนไม่มีทางถูกร้อย % นอกจากปลาตัวนั้นไข่แล้วเท่านั้น จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 02:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาเป็นเขียดเป็นปาดนะครับ รอกระทู้จบไม่ไหวครับ จะหลับเสียก่อนนอนดึกจังเลยครับ ขอบคุณครับ กระทู้ดีมากเลยครับไว้พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อครับขอโทษที่เสียมรรยาทครับ จากคุณ : JJ (ลูกเฟิร์น) - [ 11 ก.พ. 50 02:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 29 การเลี้ยงดูนกแก้วควรเลี้ยงเป็นฝูง และให้อยู่ในตู้ที่มีขนาดใหญ่ มีระบบกรองที่ดี ปูหินเม็ดค่อนข้างใหญ่ ไม่ต้องประดับอะไรมากมาย การใส่กระถาง หรือ โอ่ง จะทำให้ปลาเข้าไปหลบ และจะทำให้ปลาปรับตัวช้าและกลัวคน จึงไม่จำเป็นต้องใส่อะไรประดับมากมาย แต่ถ้าต้องการใส่ ให้ทีหลังหลังจากปลาปรับสภาพปรับตัวจนคุ้นเคยกับตู้ , อาหาร กับคนเลี้ยง เสียก่อน จะแก้ปัญหาปลาหลบมุมได้ งดไม้น้ำหรือพรรณไม้น้ำทุกชนิด เพราะเป็นปลาลูกอีช่างขุดไม่แพ้ปลาหมอชนิดอื่น จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 03:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 30 นกแก้วตัวเมียเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการพัฒนาปลาครอสบรีดต่าง ๆทั้งเก่า และใหม่ ๆให้ในอนาคต นกแก้วเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย สามารถเลี้ยงอาหารได้หลากหลาย กินเก่ง กินจุ ไม่แพ้ปลาทอง หากแต่มีความอึด ทนทาน แข็งแรง สมบุกสมบันได้ในทุกสภาพน้ำ ทุกสภาพการเลี้ยงดูมากกว่า จึงจัดเป็นปลาหมอสีครอสบรีดยอดนิยมเป็นที่ต้องการในตลาดโลก คงจะต้องจบแล้วล่ะครับ อะไรที่รู้ อะไรที่ทราบ ก็ได้บอกเล่ากัน จบหมดสิ้นกระบวนความแล้ว แต่บทบาทของนกแก้ว ก็ยังคงโลดแล่นต่อไป ในกระแสธารของปลาครอสบรีด ที่ไม่ว่าจะไหลผ่านไปนานเพียงใด ปลาหมอครอสบรีดตัวแล้วตัวเล่าที่ได้เกิดขึ้น ได้โต ได้เจิดจรัส ได้คงอยู่ ได้ร่วงโรย ได้ดับสูญ อันเป็นวงจรแห่งธรรมชาตินั้น ก็ดูเหมือนสำหรับนกแก้วนั้น วงจรที่ได้เกิด ได้โต ได้เจิดจรัส จะมาหยุดลงตรง “ ได้คงอยู่ “ มานานร่วม 20 ปี และดูเหมือนมันจะหยุดอยู่ตรงนี้อีกนาน มีความสุขกับการเลี้ยงปลาครับ. หมายเหตุ : ขออุทิศบทความนี้ให้แก่ฝูงนกแก้วไต้หวันจำนวน 43 ตัว และ เท็กซัสแดง+ฟลาวเวอร์ 8 ตัว รวม 51 ตัวที่ได้เสียชีวิตทั้งหมดในวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 22549 ที่ร้านเรด ดีกรี ห้อง J22 ตลาดศรีสมรัตน์ ไว้ ณ.ที่นี้ด้วย. yut1678๑yahoo.com จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 03:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แหม นึกว่าในพันทิพจะไม่มีปาดแล้วซะอีกนะเนี่ย คุณ JJ (ลูกเฟิร์น) 55555 ลองไปเว็บปลาหมอครอสบรีดสิ ป่านนี้ปาดกันเป็นสิบแล้วฮับ ^__^ คงจะจบแล้วนะฮับ ลากกระทู้มากว่า 30 ตอน ใครเลี้ยงนกแก้วอยู่ คงจะรู้แล้วนะครับว่าความเป็นมาของมันเป็นอย่างไร ขาดตกบกพร่องตรงไหนก็ขอรับชอบ แต่ไม่รับผิดแต่ประการการใดนะฮับ ไปละครับ จากคุณ : yut1678 - [ 11 ก.พ. 50 03:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เ้ด๋วมาอ่านต่อตอนสาย ๆ อิอิ จากคุณ : สะใจโรคจิต - [ 11 ก.พ. 50 03:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สุดยอดดดดดดดดดดดดจริง ๆ สาระสุด ๆ   กว่าจะอ่านจบ..ทำเอาเหนื่อย เป็นบทความที่ดีจริง ๆ ครับ ด้วยความเคารพ ปล. นกแก้วเมืองนอก..มีใบเซอร์ฯด้วยครับ แต่ของเค้าก็สวยจริง เลี้ยงได้ตัวใหญ่มั๊กมากด้วย เห็นแล้วยังอยากได้เลย จากคุณ : ปิติ99 - [ 11 ก.พ. 50 07:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กว่าจะอ่านได้จบเหนื่อยจริง ๆ ครับแต่ได้ความรู้แปลก ๆ ใหม่ ๆ เยอะมาก ๆ ครับ สุดยอดจริง ๆ ครับ จากคุณ : ครูเม้ง ณ login ภรรยา (ยอดหญิงนักชิม) - [ 11 ก.พ. 50 09:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ อ่านจนมึน อิอิ จากคุณ : เพรดนิโซโลน - [ 11 ก.พ. 50 10:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณมาก ๆ สำหรับบทความนี้ครับ    เพิ่งจะรู้ที่มาที่ไปนี่แหละ  เลี้ยงมาตั้งนาน จากคุณ : ฟังกัสจัง - [ 11 ก.พ. 50 13:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 37 great story,wish next stories comes soon จากคุณ : mu_dang1 (mu_dang1) - [ 11 ก.พ. 50 15:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 38 บทความเยี่ยมครับ  เห็นนกแก้วแดงๆตัวใหญ่ๆอยู่ในตู้เป็นฝูง ดูแล้วมีเสน่ห์ดีครับ ต่างกับนกแก้วส้มตัวเล็กๆกันเยอะเลย จากคุณ : Dragonnorth - [ 11 ก.พ. 50 15:34:57 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ จากคุณ : r2d2r2d2 - [ 11 ก.พ. 50 16:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมากกับบทความนี้ครับ หลายๆอย่างพอจะรู้มาบ้าง แต่บางอย่างเพิ่งจะใด้รู้วันนี้เอง:))) จากคุณ : Longhairguy - [ 11 ก.พ. 50 20:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 41 หายไปนาน มากนะครับ คิดถึงครับ อ่านแล้ว ไม่เสียเวลา ที่นั้งอ่าน เป็นบทความที่ดีมากๆครับ ดีทุกอย่าง ทั้งความตั้งใจ ความจริง ข้อมูล เนื้อหา แต่เสียอย่างเดียวววววววว........................ ขาดตกบกพร่องตรงไหนก็ขอรับชอบ แต่ไม่รับผิดแต่ประการการใดนะฮับ ไปละครับ   HA  HA   HA   HA    HA    HA    HA    HA   HA จากคุณ : รักกัน - [ 12 ก.พ. 50 06:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สุดยอดครับ แฟนพันธุ์แท้ปลาหมอนกแก้ว จากคุณ : ดอกไม้พลาสติก - [ 12 ก.พ. 50 07:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เป็นกระทู้ที่ดีมากๆเลยครับ สาระเพียบเลย ขออนุญาติเซฟไว้อ่านในคราวต่อๆไปนะครับ ปล. อ่านแล้วรู้สึกสงสารนกแก้วเลิฟที่เลี้ยงไว้เลยครับ จากคุณ : Kashira (Kashira) - [ 12 ก.พ. 50 14:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณมากกกก ครับ สุดยอดเลยย ครับ จากคุณ : spec *tum* - [ 12 ก.พ. 50 17:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณมากครับ ข้อมูลแน่นจริงๆ เด๋วมาอ่านอีกรอบครับ จากคุณ : bta_crazy - [ 12 ก.พ. 50 23:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นกระทู้ที่สุดยอดมากกระทู้นึงเลยครับ ในความคิดผม จากคุณ : หัวหน้าใหญ่ - [ 13 ก.พ. 50 10:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เยี่ยมมาก แต่ สงสารนกแก้วเลิฟที่อยู่ในตู้  2 ตัว ไม่รู้เลย ไม่รู้มาก่อนเลย  สงสารเป็นที่สุด จากคุณ : RiNNe - [ 13 ก.พ. 50 16:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สุดยอดเลย ไม่ได้อ่านกระทู้แบบนี้ตั้งนานละ เนื้อหาน่าสนใจ การเรียงลำดับ เล่าปนหนุกๆ ชอบจัง นั่งอ่านจะงานการไม่ทำ เอ๋า...ก็มันจาเลิกงานแล้วนิ อ่านจบมีคนมารับไปกินข้าวพอดี ขอบคุณพี่ยุทธค่ะ ได้ความรู้เยอะมากๆ จากคุณ : Joie_Girl - [ 13 ก.พ. 50 17:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อีกประเภทที่อยากได้มาเลี้ยงครับ จากคุณ : J.สุริน169 - [ 13 ก.พ. 50 22:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ฝากรูปนกแก้วสวย ๆ ให้ดูด้วยคน อิอิ อยากได้เทคนกแก้วเหมือนในรูปเฮียจั่งจัง จากคุณ : ครูเม้ง ณ login ภรรยา (ยอดหญิงนักชิม) - [ 14 ก.พ. 50 18:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณนะครับ กับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ที่มนุษเป็นผู้สร้าง ทั้งดีและร้าย ยังไงก็คงต้องเป็นวงจรอีกต่อไปนะครับ อยากให้คนไทยเพราะพันธุ์ให้ได้ติดอันดับที่หนึ่งเหมือน กันนะครับ รักปลาเหมือนกัน จากคุณ : คนไทยรักกันดีกว่าไหม - [ 6 มี.ค. 50 15:31:11 A:203.156.86.170 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 เนื้อหา เยี่ยม!!!! ขอบคุณครับคุณ YUT1678 จากคุณ : หนุ่ย - [ 7 มี.ค. 50 09:38:53 A:202.47.225.244 X: ]