ความคิดเห็นที่ 1 อาหารตามกำลัง อย่าตามใจ อาจเกิดเรื่อง!! "อาหาร" สิ่งสำคัญในการดำรงชีพของสิ่งมีชีวิต คุณสุรศักดิ์ แนะนำว่า ในกระต่ายทารก หรือกระต่ายที่มีอายุต่ำกว่า 6 สัปดาห์ ไม่ควรพรากลูกจากแม่กระต่ายอย่างยิ่ง เพราะเป็นวัยที่กระต่ายยังไม่หย่านม แต่หากเป็นกระต่ายวัยเด็ก หรือมีอายุตั้งแต่ 6 สัปดาห์ ขึ้นไป ควรให้อาหารแข็ง หรืออาหารเม็ดสำเร็จรูป ในปริมาณค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอยู่ในสภาวะของการเริ่มต้นปรับตัว หากกระต่ายถูกเปลี่ยนเจ้าของ ผู้เลี้ยงควรสอบถามจากร้านหรือผู้เลี้ยงเดิมก่อนว่าให้อาหารชนิดใดมาก่อน เพื่อไม่ให้กระต่ายเปลี่ยนอาหารโดยฉับพลัน อาจเกิดอาการท้องเสียจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ จากนั้นหากต้องการเปลี่ยนอาหารตามกำลังทรัพย์ ควรใช้วิธีผสมอาหารเดิมและอาหารใหม่รวมกัน แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนอาหารใหม่ ขณะเดียวกันในกระต่ายวัยเด็ก ควรให้กินหญ้าอันเป็นอาหารหลักของกระต่ายมาก ๆ โดยเฉพาะหญ้าอัลฟาฟ่า ซึ่งเป็นหญ้าที่มีธาตุอาหารและไฟเบอร์สูง หรืออาจให้หญ้าทิโมที่ หรือเบอร์มิวด้าก็ได้ หลายคนที่คิดว่าการให้หญ้าขนหรือหญ้าที่เก็บได้ทั่วไป แต่ปัจจุบันคงไม่สะดวกนักสำหรับผู้เลี้ยงในเมือง หรือหากสามารถเก็บได้ควรทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนให้กระต่าย โดยแช่น้ำให้นานหรือผสมด้วยด่างทับทิมก่อน เนื่องจากเชื้อโรคหรือสารเคมีจะส่งผลต่อกระต่ายได้ง่าย "การให้หญ้าจะช่วยสร้างความเพลิดเพลินในการขบเคี้ยวให้แก่กระต่าย ช่วยในเรื่องการขัดฟัน และระบบการย่อยอาหารของกระต่าย สำหรับหญ้าอัลฟาฟ่าจะมีโปรตีนและแคลเซียมค่อนข้างสูง แต่หากให้มากเกินไปแคลเซียมจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ อาจทำให้เป็นนิ่วง่าย แต่สำหรับกระต่ายเด็ก กระต่ายท้อง กระต่ายให้นมลูก จำเป็นที่จะต้องให้แคลเซียมค่อนข้างสูง ช่วงนี้สามารถอัดหญ้าอัลฟาฟ่าเต็มๆ ได้เลย แต่หากช่วงที่โตเต็มที่หรืออยู่สภาวะปกติการให้หญ้าอัลฟาฟ่ามากๆ ไม่ใช่ผลดีเสมอไป" คุณมณฑิรา กล่าวเสริม เพราะเคยมีประสบการณ์ตรง ส่วนการให้ผักสดกับกระต่าย คนส่วนใหญ่มักปฏิบัติอยู่นั้น คุณสุรศักดิ์ บอกว่าเป็นเรื่องดี แต่แนะนำให้เป็นรางวัลดีกว่า เพราะถ้าเทียบผักสดต่อหนึ่งชนิด คงมีสารอาหารที่กระต่ายต้องการไม่ครบถ้วนแน่นอน เพราะสัตว์น่ารักและเจ้าเล่ห์อย่างกระต่าย มักเลือกกินสิ่งที่ตัวเองชอบก่อน ควรให้อาหารที่มั่นใจว่ามีคุณค่าครบผสมผสานเป็นอาหารหลัก ให้เป็นเวลา เช้าและเย็น คู่กับการให้หญ้าตลอดทั้งวันจะดีกว่า เพื่อสร้างวินัยการกินให้กับกระต่ายและสุขภาพที่ดีของกระต่ายเอง ส่วน "น้ำ" ควรเป็นน้ำสะอาด อาจหยดผสมวิตามินลงไปในน้ำด้วยก็ได้ แต่ต้องไม่ให้ขาด เพราะแม้จะสามารถขาดอาหารได้เป็นวัน แต่กระต่ายไม่สามารถขาดน้ำเกิน 12 ชั่วโมง จากคุณ : หม่ามี้ฝน - [ 22 มี.ค. 50 21:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรียนรู้นิสัยตามธรรมชาติ ฝึกการขับถ่าย ต้องยอมรับว่ากระต่ายเป็นสัตว์ลำไส้ตรงมาก หมายถึง กินทางปากออกทางทวารได้ในเวลาไม่นาน อาจสร้างความหนักใจแก่ผู้เลี้ยงที่เลี้ยงกระต่ายไว้ในบ้าน แต่โดยปกติแล้วอุจจาระกระต่ายจะไม่มีกลิ่นเหม็น สามารถหยิบจับได้ด้วยมือ หากผิดปกติจะมีกลิ่นเหม็น "กระต่ายโดยธรรมชาติ จะขุดโพรงอยู่ และขับถ่ายไว้ในที่อีกที่หนึ่งเพื่อลวงสัตว์ป่าที่อาจเป็นอันตรายหรือเป็นสัตว์ที่เป็นผู้ล่า เหมือนเป็นการหลอกล่อให้ไปอยู่ตรงนั้น กระต่ายจึงมักขับถ่ายเป็นที่ และสามารถฝึกขับถ่ายได้ แต่การปล่อยปัสสาวะ ก็เป็นการประกาศเขตแดนของกระต่ายเช่นกัน เจ้าของต้องไม่ตามใจมาก หรือปล่อยเละเทะไม่ได้ โดยกั้นให้กระต่ายอยู่ในที่ที่ต้องการเฉพาะช่วงที่กระต่ายขับถ่ายเท่านั้น ประมาณ 2 สัปดาห์ กระต่ายจะรู้ว่า หากจะขับถ่ายต้องเข้าไปในกรง "ในการนำกระต่ายเข้าบ้าน ช่วงแรกควรปล่อยให้กระต่ายศึกษาที่ที่เราเตรียมไว้ให้ อย่าเพิ่งไปยุ่งกับกระต่าย จนได้เริ่มรู้ว่าที่นี่ปลอดภัยสำหรับเขา หากต้องการปฏิสัมพันธ์ให้ได้ผลดี ถ้าที่จะนำไปเลี้ยงใหญ่เกินไป ควรกั้นขอบเขตเพื่อให้กระต่ายทำความรู้จักกับเราได้ง่ายขึ้น โดยการปล่อยให้กระต่ายวิ่งเล่นในบริเวณนั้นแล้วเราก็ไปนั่งไปนอนอยู่ในนั้นให้กระต่ายได้ดมได้เล่นและคุ้นเคย หากกระต่ายมาสัมผัสเราอาจเคลื่อนไหวตอบสนองเพื่อให้กระต่ายรู้ว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตและรับรู้ อาจส่งเสียงพูดออกไปก่อน เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่รับรู้เกี่ยวกับเสียงได้ดีที่สุด เมื่อกระต่ายเชื่องแล้ว หากอยากมาหาเขาจะมาหาเอง ไม่ใช่ถึงเวลาก็ปล่อยให้เขาวิ่งเล่นไปตามประสา พออยากอุ้มก็เข้าไปไล่จับ อย่างนี้กระต่ายจะหนีไปตลอด" คุณสุรศักดิ์ บอกต่อว่า ส่วนเรื่องทำความสะอาด กระต่ายสามารถอาบน้ำได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนครึ่งขึ้นไป แต่ไม่จำเป็น ควรอาบให้เฉพาะกระต่ายเปื้อน โดยการใช้อาบน้ำอุ่นไม่ถึงกับร้อน ล้างทำความสะอาดกับแชมพูสำหรับแมว พยายามอย่าให้น้ำเข้าหู เช็ดตัวและเป่าให้แห้งโดยใช้ไดร์เป่าขนห่างๆ ด้วยความร้อนต่ำสุด ส่วนกระต่ายขนยาวจะยุ่งยากกว่าตรงการแปรงขน ซึ่งกระต่ายขนยาวมักมีขนที่ละเอียดและอ่อนนุ่ม ขนจึงพันกันได้ง่าย ต้องแปรงขนบ่อยครั้งเพื่อให้กระต่ายรู้สึกสบายตัว และป้องกันกระต่ายกัดกินขนตัวเองเพราะความเครียด อาจส่งผลให้มีปัญหาเรื่องลำไส้ได้ง่าย "การทำความสะอาดแทบจะไม่ต้องทำ เพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่รักสะอาดอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับลักษณะที่เลี้ยง ถ้าดมแล้วรู้สึกได้ว่ามีกลิ่นเหม็นแล้ว จัดการได้โดยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำที่ผสมแชมพูอ่อนๆ บิดให้แห้ง แล้วเช็ดตัวเขา ลูบไล้ตามตัว แต่ไม่แนะนำให้ทำกับกระต่ายขนยาว เพราะวิธีทำความสะอาดที่ดีที่สุด คือการแปรงขน" ประธานชมรมกล่าวต่อถึงวิธีที่สังเกตขนตกค้างในกระต่ายอย่างง่ายๆ ก็คือ ให้สังเกตว่ากระต่ายหยุดถ่ายหรือถ่ายเป็นปกติหรือไม่ หากผิดสังเกตแนะนำให้สับปะรดสุกหรือน้ำสับปะรดป้อนให้กระต่าย ประมาณ 2 ช้อนชา วันละครั้ง จะช่วยย่อยสลายขนอุดตันในกระเพาะและลำไส้ได้ ส่วนเรื่องวัคซีนไม่จำเป็นหากไม่เลี้ยงในสถานที่เสี่ยง แต่หากเลี้ยงกับสุนัขควรฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าหลังจากกระต่ายมีอายุ 6 เดือน และหากผู้เลี้ยงนิยมให้อาหารสด เช่น ผัก ผลไม้สด แนะนำให้มีการถ่ายพยาธิทุก 2 เดือน โดยยาฉีด จากคุณ : หม่ามี้ฝน - [ 22 มี.ค. 50 21:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผสมพันธุ์ไม่มาก ตามหน้าที่ - หลีกมะเร็ง กระต่ายสามารถผสมพันธุ์ได้ในอายุ 6 เดือน แต่หากเป็นกระต่ายที่สมบูรณ์แข็งแรง จะสามารถผสมพันธุ์ได้ ตั้งแต่อายุ 4 เดือนครึ่ง ซึ่งสามารถติดลูกได้แล้ว แต่ยังไม่เหมาะสม ซึ่งโดยปกติแล้วกระต่ายมีช่วงเวลาฮีตนานถึง 15-24 วัน ในเวลา 1 เดือน ผสมได้ทุกเดือนหากผสมติดแล้วใช้เวลาตั้งท้องประมาณ 28 วัน จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดกระต่ายจึงผสมพันธุ์ง่าย ติดลูกง่ายและขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ผู้เพาะพันธุ์บางรายสามารถจำหน่ายได้ในราคาถูก "ตามตำรากระต่ายตัวเมียที่ผ่านการผสมและออกลูกแล้ว 1 ครั้ง ในชีวิต จะมีอัตราเสี่ยงในการเป็นมะเร็งในมดลูกต่ำมาก ถ้าเปรียบเทียบกับกระต่ายตัวเมียที่เลี้ยงโดยไม่ได้ผสมพันธุ์แล้วออกลูกเลย มีความเสี่ยงมากกว่าถึง 80% จึงวางแผนให้ตัวเมียมีลูกได้หนึ่งครั้งในชีวิต และให้กระต่ายได้ทำหน้าที่ความเป็นแม่ตามธรรมชาติด้วยเช่นกัน แต่ในหลักการธรรมชาติ ตัวเมียหนึ่งตัว ควรมีลูกไม่เกิน 4 ครั้ง ต่อปี" คุณมณฑิรา กล่าว การปฏิบัติต่อกระต่ายทุกขั้นตอน จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และเทคนิคมากมาย เพื่อการเลี้ยงกระต่ายอย่างมีคุณภาพ หากต้องการคำแนะนำ คุณสุรศักดิ์บอกก่อนทิ้งท้ายว่า สามารถติดต่อชมรมผู้เพาะเลี้ยงกระต่ายสวยงามแห่งประเทศไทยได้ที่ โทร. (02) 251-7895 หรือ (01) 733-0150 "กระต่ายจัดระเบียบตัวเองได้นะครับ ขึ้นอยู่กับตัวผู้เลี้ยง ในการเลือกซื้อครั้งแรก แค่ตัวเดียวพอ ไม่ต้องกลัวว่ากระต่ายจะเหงา เพราะเขาสามารถมีความสุขอยู่กับตัวเองได้หากเรามีของเล่นให้ แต่ข้อสำคัญเราต้องมีความรักให้เขาด้วย อย่างน้อยวันละประมาณ 15 นาที เท่านั้น" ...เจ้ากระต่ายขอแค่เนี้ย! ไม่ได้โหยหาความรักอะไรมากมาย (เหมือนมนุษย์บางคน) ใครที่เลี้ยงแบบตามมีตามเกิดอยู่น่ะ...ให้ได้ไหม !!?? จากคุณ : หม่ามี้ฝน - [ 22 มี.ค. 50 21:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 *จับหูกระต่าย เสี่ยงตาบอด !! สำหรับผู้ที่คิดมาตลอดว่าหากต้องการอุ้มกระต่ายให้จับหู... ขอย้ำอีกครั้งว่า คิดผิด !! เพราะหูของกระต่ายนั้นเต็มไปด้วยเส้นประสาทมากมาย การดึงหูกระต่ายเท่ากับการทรมานกระต่ายอย่างรุนแรง สร้างความเจ็บปวดให้กับกระต่ายมาก และอาจทำให้กระต่ายตาบอดได้ในที่สุด วิธีการอุ้มกระต่ายอย่างถูกต้อง ทำได้สองวิธี คือ 1.ใช้มือช้อนที่ขาหน้า ประคองไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งอุ้มพยุงไว้ที่ก้นให้กระต่ายได้ทิ้งน้ำหนักอย่างเต็มที่ 2.ใช้มือดึงหนังช่วงระหว่างไหล่ขึ้นมา เพราะกระต่ายมีผิวหนังสองชั้น ซึ่งหนังด้านนอกจะมีประสาทสัมผัสค่อนข้างน้อย กระต่ายจึงมักจะไม่เจ็บ และควรประคองตัวกระต่ายไว้โดยการอุ้มก้นทุกครั้ง... จากคุณ : หม่ามี้ฝน - [ 22 มี.ค. 50 21:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 *อารมณ์ส่อพฤติกรรม สุนัขกระดิกหาง แสดงความเป็นมิตร ส่งเสียงเห่าคำรามได้ยามโกรธ ไม่ใช่สุนัขเท่านั้นที่สามารถแสดงพฤติกรรมสื่ออารมณ์ได้ เพราะแม้จะไม่มีหางหรือเห่าไม่ได้ แต่กระต่ายก็รักได้ โกรธได้เหมือนกัน เป็นต้นว่า หากเมื่อใดที่เจ้ากระต่ายน้อยรู้สึกโกรธ ไม่พอใจ เมื่อนั้นพวกมันจะกระทืบเท้าหลังตึ้งๆ ทันที ไม่ใช่กระโดดโหย่งๆ ไปทางนู้นทีทางนี้ เพราะนั่นหมายถึงความดีใจ สบายใจ หรือถ้าอยู่ดีๆ ไปเล่นกับเจ้ากระต่าย ขณะที่เจ้านั่นยังไม่พร้อม หรือแม้แต่ถูกปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมฉับพลันล่ะก็ หูตั้งๆ ของเจ้ากระต่ายจะไขว้เข้าหากันคล้ายกากบาท แสดงถึงความเครียดทันที ส่วนเจ้ากระต่ายตัวจิ๋วหรือตัวใหญ่แค่ไหน หากเห็นว่ามันนอนแผ่หลา ตะแคงข้างหลับราวกับสุนัข นั่นหมายความ สบายใจเฉิบ ไม่ต้องคอยนั่งระแวดระวังภัยจนต้องให้ท้องสัมผัสพื้นตลอดเวลา แต่หากเล่นๆ กับเจ้ากระต่ายจนคุ้นเคยกันดี แล้วจู่ๆ ก็เลียไม้เลียมือเราเล่นซะอย่างนั้น อย่าเพิ่งตกใจคิดว่าเป็นกระต่ายสวมวิญญาณสุนัข เพราะนั่นหมายถึง กระต่ายกำลังแสดงความรักกับเราเจ้าค่ะ...ขอบอก!! จากคุณ : หม่ามี้ฝน - [ 22 มี.ค. 50 21:55:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : pim(พิม) - [ 22 มี.ค. 50 23:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขณะที่ เนเธอร์แลนด์ ดวาร์ฟ กระต่ายตัวเล็ก เปรียว แต่กล้า ประมาณว่า "เล็กพริกขี้หนู" หากสนิทสนมมาก มักเรียบร้อย เชื่อฟังคำสั่ง  --- ไม่จริงอะ ไม่จริ๊ง ไม่จริง ทำไมของหนูมันไม่เห็นจะเชื่องเลยฟร่ะ -*- ไอ้อาเบลเอ๊ย.... บ้านหนูก็เลี้ยงกะหมานะ ก็เลี้ยงด้วยกันได้ มีเสียงดังบ้างนิดๆ ก็โอเคนะ ไม่ขี้ตกใจอาไร ^ ^ ป.ล. ข้องใจพันธุ์ วู๊ดดี้ทอยอ่ะ รอพี่เบี้ยนมาตอบ คิก คิ จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 22 มี.ค. 50 23:22:18 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอ. . ตัวเมียควรจะผสมพันธ์และมีลูก 1 ครั้ง ถ้าไม่งั้นจะเสี่ยงเป็นมะเร็ง !!!!!!   - - จิงหรอคับนี่ ตายละหว่า แล้วจะทำไงดีละค้าบ เลี้ยงแรมๆตัวเดียว แล้วจะทำไงอ่า - -' จากคุณ : พูห์แบร์ กะ บีแบร์ - [ 22 มี.ค. 50 23:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คนข้างบนไม่ต้องห่วงลองเอากระต่ายของท่านไปมีทติ้งซักครั้งสิ รับรองกลับมาท่านจะต้องร้องว่า "ตายแล้วลูกแม่ ไปท้องกะใครมา..." นำทีม "หูดำ" โดย พี่เบี้ยนหนุ่มตาตี่ตี๋อินเตอร์และพี่รถถังล่ำบึก จากคุณ : มึนมึนจัง - [ 23 มี.ค. 50 01:21:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หูเยอะดีจริง น่าอ่านแฮะ เซฟทู้ไว้ก่อน ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 23 มี.ค. 50 01:46:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ของเราตัวเมีย 3 ตัว  ถ้าจะให้ท้องกันซักครั้ง  ลูกออกมารวมกัน คงเป็นสิบแน่ๆ  กลุ้มใจจัง  มันจะเป็งมะเร็งจริงป่าวนะ กลุ้มๆๆๆๆ เจ้าค่ะ นี่ไปอ่านเจอเลย COPY มาโพสนะ เผื่อมีประโยชน์ค่ะ จากคุณ : หม่ามี้ฝน - [ 23 มี.ค. 50 02:38:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ใช่เลยคะ ไม่ควรให้ตัวเมียมีลูกเกิน 4 ครั้งต่อปี แต่ถ้าเราไม่ใช่คนค้าขายแล้วละก้อ 2 ครั้งต่อปีก้อเป็นจำนวนที่เหมาะสมคะ อายุ 2 ปีก้อ ให้เขาหยุดท้องได้แล้วนะคะ ... เพื่อสุขภาพคะ วันนี้ได้รับความรู้เต็มหัวเลยคะ ^-^ จากคุณ : dorapanda - [ 23 มี.ค. 50 09:38:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ๊ะ....!!!! สาระดี ยาวๆๆๆๆๆ มาให้เมื่อยตาอิกแล้ว แต่ก้อจาอ่าน แล้วกรูจิโดนนายด่ามั้ยเนี่ย เอาเวลางานมาอ่านแต่กะทู้ อุอุ จากคุณ : piggiez - [ 23 มี.ค. 50 09:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากๆนะคะ  กระทู้ดีมีประโยชน์จริงๆจ้า ตอนแรกกะว่าเดี๋ยวค่อยมาอ่านเพราะมันเยอะ แต่อ่านไปอ่านมามันเพลินแฮะ อ่านหมดเลย 555 ขอบคุณมากๆนะคะ ^_^ จากคุณ : JDT - [ 23 มี.ค. 50 12:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตายละหว่า ยัย 2 ไข่ของฉานจาเป็นมะเร็งอะป่าวเนี่ย อยากได้หลาน แต่กัวเลี้ยงมะหวายอ่ะจิ 2 ตัว คูณเจ้าตัวเล็กกี่ตัวมะรุ ปวดเฮด save ก่อนดีก่า ขอบคุณนะค่ะ จากคุณ : ammy_p - [ 23 มี.ค. 50 12:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 บทความดีมากๆคะ จากคุณ : Nikk Zarx - [ 23 มี.ค. 50 13:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ หงุ เค้ายังมะพร้อมจะมีหลานหง๊า  ... แล้วลูกจะเป็นมะเร็งมะเนี่ย จากคุณ : แมวจรจัด - [ 23 มี.ค. 50 16:32:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณที่เอามาแบ่งปันค๊า น่ารักจริงๆ ^^ จากคุณ : Kellina - [ 23 มี.ค. 50 20:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณข้อมูลดีๆ เอามาแบ่งปันกันนะคะ จากคุณ : kwannoi (kwannoi) - [ 24 มี.ค. 50 11:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นะค่ะ คราวหน้ามีข้อมูลดี ๆ อีกอย่าลืมโพสต์มาให้อ่านด้วยนะค่ะ จากคุณ : แม่ปีโป้กับปูน (แม่ปีโป้กับปูน) - [ 24 มี.ค. 50 12:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ว๊ากกเพิ่งมาอ่านคะ แล้ว หนูแง๊ง ของ แม่ จะเปง เมร็ง ม๊ะ แอบ เครียด แต่ ตัว ผู้ นะ หนูมิ้นต์มี 3โต๋ ที่บ้าน ถ้าใคร อยากให้ลูก ตัวเอง มี หลาน แต่ ขาด พ่อ พันธุ์  มา เอา ของ เรา ไป ปิ๊ด ปี๊ ปิ๊ด ได้นะคะ5555 สงสารลูก ชาย เวลา มาน หื่นนะคะ อิอิ๊ จากคุณ : แม่กระต่าย - [ 29 มี.ค. 50 21:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 30 มี.ค. 50 22:35:56 ]