ความคิดเห็นที่ 1 มาต่อคิวฟังด้วยคนค่ะ  ทำของพี่ชายที่ฝากเลี้ยงตายไปแล้วด้วย  ฮือๆๆๆๆๆ จากคุณ : rpoyse - [ 25 เม.ย. 50 13:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับกล้วยไม้ชนิดนี้ Thunia alba เป็นกล้วยไม้ที่หายากพอสมควร เนื่องจากถูกเก็บออกมาจากแหล่งกำเนิดอย่างมาก ปัจจุบันก็ยังพบได้ในหลายพื่นที่ แต่จำนวนไม่มากนัก ส่วนเรื่องปลูกเลี้ยงคิดว่าคงต้องขื้นๆ หน่อย  ยังไงก็รอเซียนมาตอบนะครับ ขอให้รอดนะครับ จากคุณ : JUNGLE MAN - [ 25 เม.ย. 50 14:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อย่าไปเลี้ยงเลยค่ะ  เลี้ยงยากมากๆ จากคุณ : เหลืองจันท์ - [ 25 เม.ย. 50 14:14:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อยากบอกว่าเลี้ยงง่ายมั่กๆ ช้างงาเดียว เป็นกล้วยไม้ชอบความชื้นสูง ปลูกเลี้ยงในร่มรำไร  เครื่องปลูกใช้รากเฟินต่างๆ มะพร้าวสับก็ได้  ตอนที่เลี้ยงอยู่จะสังเกตุได้ว่า พอแตกหน่อใหม่ หน่อเดิมก็จะค่อยๆ แห้งเหี่ยวไป หน่อใหม่ที่ว่าจะค่อยๆยาวจะสุดปลายก็จะออกดอก เมื่อออกดอกแล้วจะทิ้งใบ (เหลือแต่งา) ก็ต้องรอให้แต่หน่อใหม่ในปีต่อไป หมุนเวียนอย่างงี้ทุกปี จากคุณ : นางแอ่น - [ 25 เม.ย. 50 14:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รบกวนคุณนางแอ่น ช่วยเอาภาพที่เลี้ยงได้หลายปีมาให้ชมหน่อยค่ะ แล้วจะเชื่อว่าเลี้ยงง่ายจริงๆ  เพราะฉันยังไม่เห็นใครที่เลี้ยงได้เกินจากสองปีไปเลย  มีแต่ลีบลงๆๆๆ  จะหาความชื้นได้เหมือนป่าที่มันเกิดได้ที่ไหน จากคุณ : เหลืองจันท์ - [ 25 เม.ย. 50 19:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 น้องอุ๊พี่พึ่งจะเลี้ยงได้ไม่ถึง 3 เดือน ได้มาแบบมีแต่หน่อเก่าหน่อละอัน แล้วรอจนแตกหน่อเล็กแล้วจึงจับปลูกครับ  แต่ก็ได้หน่อเล็กสั้นลงนะครับ เลี้ยงสองต้น ต้นแรกใน semi-hydro อีกต้นใน spragnum moss ตอนนี้สูงประมาณ 1 ฟุตแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะยาวมากกว่านี้ ต้นที่อยู่ใน Semi-Hydro ตอนนี้แทงดอกแล้ว น่าจะได้ซัก 3 ดอก แต่ยังไม่บาน คิดว่าอีกซักอาทิตย์สองอาทิตย์น่าจะบานครับ แต่ไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงได้ข้ามปีครับ เพราะอย่างที่บอกดูแล้วมันเล็กกว่าเดิม แต่ผมก็ไม่ได้เลี้ยงใน Evap นะครับ เลี้ยงใต้ต้นหมากเหลืองอยู่ ไว้รออีกซักปีจะบอกว่าเลี้ยงได้หรือเปล่า อิอิอิ นี่เป็นรูปเก่าตอนเริ่มจับปลูกใน Semi-Hydro จากคุณ : Pic-s - [ 25 เม.ย. 50 20:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รูปข้างบนถ่ายเมื่อ 24 กพ ครับ นี่เป็นรูปก่อนจับใส่กระถาง รอจนรากเค้าออกมาเยอะแล้ว จึงจับใส่ครับ จากคุณ : Pic-s - [ 25 เม.ย. 50 20:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนนี่ถ่ายวันที่ 3 มีนาคมครับ จากคุณ : Pic-s - [ 25 เม.ย. 50 20:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นี่เป็นอีกหน่อที่ปลูกในมอส ถ่ายวันที่ 3 มีค เหมือนกัน ส่วนรูปปัจจุบันเดี๋ยวจะลองถ่ายให้ดูครับ จากคุณ : Pic-s - [ 25 เม.ย. 50 20:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดีครับ เอารูปมาช่วยแจมครับ ปลูกมาได้ 3 เดือนแล้วครับ ผมเอากาบมะพร้าวอัดขนาบทั้ง 2 ข้างครับ ดูๆก็แข็งแรงดีนะครับ ส่วนจะโตเหมือนต้นแม่หรือเปล่าก็ไม่รู้ครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : parishii - [ 25 เม.ย. 50 21:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดอกสวยหรือเปล่าครับ วันนี้เห็นวางขายแว๊ปๆแต่ไม่รู้ว่าดอกเป็นอย่างไรก็เลยเมินซะ semi-hydro นี่เลี้ยงได้หลายตัวแล้วเนอะพี่พิชิต จากคุณ : พีแพท47 - [ 25 เม.ย. 50 22:15:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 วันที่ 20 พ.ค. รอลุ้นชมเซมิไฮโดรครับพี่ จากคุณ : หมอกฝน - [ 25 เม.ย. 50 22:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อันนี้เป็นภาพถ่ายวันนี้ครับ จริง ๆก็ประมาณ สองเดือนพอดีจากวันแรกที่ถ่าย ต้นนี้ดันแทงดอกออกมาแล้วครับ สงสัยจะกลัวตัวตายมากเลยรีบออกดอกซะไวเลย อิอิอิ ไว้ดอกบานแล้วจะเอามาให้ชมครับ ไม่รู้จะพิการหรือเปล่า จากคุณ : Pic-s - [ 25 เม.ย. 50 22:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ช้างงาเดียว จะเลี้ยงได้ประมาณ 2-3 ปีแรกเท่านั้น ปีแรก ๆ ก็แตกหน่องามยาวและออกดอกขาวปากเหลืองสวย เหมือนทุก ๆ คนแหล่ะครับ แต่ว่าพอปีถัด ๆ ไป หน่อจะสั้นลง บางทีหน่อก็ยาวได้แค่ครึ่งแล้วก็เน่าดำ เขาก็พยายามจะแตกหน่อออกมาใหม่แต่ก็เป็นเหมือนเดิมก็เลยไม่รอด ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าเราเลี้ยงไม่ดี หรือเขาไม่ได้พักตัวอย่างจริงจังเหมือนในธรรมชาติ ทำให้ความอดทนต่อโรคน้อยลง ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ จากคุณ : บ้านค่าย - [ 26 เม.ย. 50 05:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ เห็นด้วยกับคุณบ้านค่ายและคุณเหลืองจันท์ แต่ผมไม่เคยเลี้ยงหรอกครับ ดูคนอื่นเลี้ยงก็เป็นเหมือนที่คุณบ้านค่ายบอกเลยครับ ช้างงาเดียวที่ผมเคยพบในธรรมชาติจะขึ้นอยู่ตามช่องเขาที่มีอากาศเย็นในเวลาเช้า ที่สำคัญจะมีลมเย็นๆ ชื้นๆ พัดผ่านเอื่อยๆ เกือบตลอดเวลาครับ นอกจากเครื่องปลูกที่เหมาะสมแล้ว เย็นๆ ชื้นๆ ลมพัดเอื่อยๆ ตลอดเวลา ถ้าทำได้ก็อาจจะเลี้ยงได้ครับ จากคุณ : น้าโหด - [ 26 เม.ย. 50 06:57:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แอบมาเก็บความรู้ค่ะ จากคุณ : ลูกปืน - [ 26 เม.ย. 50 08:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดีจังครับ ได้ความรู้จากผู้มีประสบการณ์มาเพิ่ม ผมคิดว่าคงจะเป็นอย่างคุณ บ้านค่ายว่าหละครับ เพราะสังเกตใด้จากหน่อใหม่จะไม่โตเท่าหน่อเก่า และสมมติว่าเค้าผ่านไปได้อีกปี ปีหน้าหน่อใหม่ก็คงเล้กลงไปอีกและทนไม่ได้ ตายไปในที่สุด แต่เมือเผลอเอามาเลี้ยงแล้วก็ต้องลองดูซักตั้งครับ จะได้ไมไปหามาเลี้ยงอีก จากคุณ : Pic-s - [ 26 เม.ย. 50 08:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทุกๆ คำแนะนำที่จะไม่ทำให้เราเผลอไปหามาเลี้ยงเข้า จากคุณ : ไทอิสระ - [ 26 เม.ย. 50 11:46:36 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตัวนี้ไม่น่าเลี้ยงในพื้นราบร้อนๆได้ครับ หน่อใหม่ก็จะค่อยๆฝ่อเล็กลง   เคยเลี้ยงแล้ว ไม่รอดครับ จากคุณ : สำเภางาม - [ 26 เม.ย. 50 14:12:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ได้ความรู้..ขอบคุงคร๊าฟ จากคุณ : na_nin - [ 26 เม.ย. 50 15:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอแสดงความเห็น จากการสำรวจป่าอุ้มผาง ก็พบกล้วยไม้ช้างงาเดียวนี้เหมือนกัน แต่ไม่มาก จัดว่าหายากอยู่เมื่อเทียบกับกล้วยไม้อื่น บางพื้นที่พบที่ความสูงระดับ 1600 ม. บางพื้นที่พบระดับ 900 ม. แต่เขาจะขึ้นบนต้นไม้ที่มีมอสขึ้นเยอะ ชอบความชื้นสูงมาก คล้ายๆ เฟิน ในเขตพื้นราบน่าจะเจริญได้ยาก จึงแนะนำว่าไม่ควรเลี้ยง ตอนนี้เป็นช่วงที่เขาเจริญหน่อใหม่ จึงไม่ค่อยเห็นดอกเท่าไร่ ไว้จะนำภาพในธรรมชาติมาให้ชมครับ จากคุณ : คนดอยอุ้มผาง - [ 26 เม.ย. 50 18:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาเก็บความรู้เหมือนกัน ขอบคุณสำหรับข้อมูลของทุกท่านค่ะ จากคุณ : ปานิสรา - [ 26 เม.ย. 50 19:39:54 ]