Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    แตกประเด็นจากกระทู้ @>>> เปิดรับสมัครนาย/นาง แบบน้องม๋าเพื่อจัดทำไดอารี่ปี08 เพื่อการกุศล <<<@

    จากกระทู้ในลิงค์ดังกล่าว http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J5345495/J5345495.html

    ผมว่าจะไม่เข้ามายุ่งด้วยแล้วเชียวนา  แต่เห็นแล้วมันอดไม่ได้  ใครก็ ก็อยากให้ลูกตัวเองได้ลงหนังสือกันทั้งนั้น  มันเป็นเรื่องธรรมดา  ไม่ใช่ความขี้เห่อขี้เท่ออะไรหรอกครับ  ใคร ๆ ก็อยากโชว์ของลับ เอ๊ย..ของรัก  ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกตัวเองได้มีที่ระลึก

    และผมก็เชื่อว่า  ทุกคนก็คงอยากให้เพื่อน ๆ สมหวังกันถ้วนหน้า  เพราะเรามันเผ่าพันธุ์สองขาหัวใจสี่ตีนกันทั้งนั้น

    ถ้าคุณจะทำเป็น สคส  คุณก็ต้องบังคับขายเป็นเซ็ท  ม่ายงั้นใคร ๆ ก็ซื้อแต่ลูกตัวเองเป็นส่วนใหญ่

    ถ้าคุณทำเป็นปฏิทิน มันก็ลงรูปได้น้อย

    ถ้าคุณทำเป็นสมุดจดเบอร์โทร  มันก็ดีอย่างที่แม่ละมุนเสนอ คือใช้ได้เรื่อย ๆ ไม่มีวันหมดอายุ  ลงรูปได้เยอะ  เพียงแต่เราอาจจะได้รูปเล็ก  และสมัยนี้คนนิยมเมมเบอร์ในโทรศัพท์มากกว่า  แต่ก็ถือเป็นความคิดที่สร้างสรร ไอเดียดีครับ

    ส่วนในความคิดของผม  อยากให้ทำเป็นไดอารี่  ทำแบบดีหน่อย หนาสักนิด ไม่ใช่ทำแค่ 12 เดือน ทำหน้าละประมาณ 2 สัปดาห์

    คือผมมานึกได้ว่า  ผมทำหนังสือให้เพื่อนขายสินค้ายี่ห้อนึง  พิมพ์ 4 สีทั้งเล่ม กระดาษอาร์ตมันทั้งเล่มเลย  รูปเล่มขนาด 5 * 7.5 นิ้ว  ก็เกือบ ๆ ครึ่ง A4 น่ะนะ  ความหนาประมาณ 60 หน้ารวมปก  เย็บมุงหลังคาสองเข็ม  เค้าพิมพ์ครั้งละ 10,000 เล่ม  ผมขายเค้าแค่ประมาณ 12-14 บาทเอง (ราคานี้ไม่รวมค่าจัดทำอาร์ตเวอร์ค)

    คือผมมาคิดว่าราคามันก็ไม่ได้แพงอะไร  แต่เพราะเค้าพิมพ์เยอะไงก็เลยได้ราคาที่ถูกแบบนี้  แต่เราคงทำไดอารี่พันทิพขายไม่ได้มากเท่านี้แน่  ยกเว้นเกิดปาฎิหาร์ย์ขนาดกระแสของนวลขึ้น

    งั้นเราจะทำยังไงดี.....

    ก็เพราะจำนวนมันมากขนาดนั้น ราคาขายแค่ 10 กว่าบาทเอง  เมื่อเราลดจำนวนลง  เราก็ยอมจ่ายแพงขึ้นสิ  เราหยุดคุยเรื่องจำนวนไว้ก่อน เด๋วมาว่ากันใหม่ว่าควรพิมพ์ซักเท่าไหร่

    ในเรื่องจำนวนหน้านั้น  เปิดมาหน้าซ้ายอาจเป็นรูปหมา หน้าขวาอาจจะลงช่องรายการอาทิตย์ถึงจันทร์ 1 หรือ 2สัปดาห์  แล้วแต่ความหมาะสมเรื่องความหนาของหนังสือที่เราต้องการ

    ข้อเสียของการทำไดอารี่คือมันใช่ได้แค่ปีเดียว  และมันจะขายได้แค่ไม่เกินครึ่งปี  เพราะเลยครึ่งปีไปแล้วคนก็จะรอซื้อของปีใหม่กันแล้ว  จะเอาไปแจกใครเวลานั้นมันก็ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มปี  แล้วตกลงเราจะขายได้ซักกี่เล่มและควรผลิตซักเท่าไหร่

    ก็เลยมาถึงข้อสรุปในบรรทัดนี้ว่า  เราควรรับรูปทุกรูปที่ทุกคนต้องการจะลง  แล้วทำเล่มหนาหน่อย  ทุกคนที่นำรูปลูกมาลงจะต้องเสียเงินรายละ 2,000 บาท (ราคานี้ยืดหยุ่นได้) เหมือนเป็นค่าลงโฆษณาตามหนังสือไง  แต่เมื่อหนังสือเสร็จคุณจะได้หนังสือคนละ 10 เล่ม (ก็ตกเล่มละ 200 บาทตามจำนวนเงิน 2000 ที่คุณชำระไป)  ปีใหม่นี้คุณจะมีไดอารี่แจกให้เพื่อนสนิท คนที่คุณรักหรือยัดเยียดให้คุรที่คุณเคารพคนละ 10 เล่ม

    สมมตว่ามีคนสนใจ 50 ราย ๆ ละ 2000 เท่ากับคุณมีต้นทุนการทำหนังสือ 100000 บาท ซึ่งผมยังไม่แน่ใจว่าจะพอหรือเปล่า  แต่ถ้ารวมห้องแมวด้วยน่าจะได้ซัก 100 ราย  ก็จะได้ทุนประมาณ 200000 บาท  ด้วยเงินจำนวนนี้ถ้าทำหนังสือได้ซัก 2-3000 เล่ม  จัดส่งให้ผู้อุปการะ 100 ราย ๆ ละ 10 เล่มก็เป็นจำนวน 1000 เล่ม

    สมมตว่าเราคำนวณไว้แล้วว่าเงิน 200000 มันพอดีทุนกับการจัดทำไดอารี่ 2500 เล่ม หลังจากส่งหนังสือให้ผู้มีอุปการะคุณแล้ว  เราก็ไม่มีหนี้สินเหลือ ไม่เหลือความเสี่ยงว่าเราจะขาดทุนจากการระดมทุนครั้งนี้  หนังสือที่เหลืออีก 1,500 เล่มนั้นคือกำไรล้วน ๆ เพื่อเข้ากองทุน  เอามาประมูลบ้าง เอามาขายตามบูธบ้าง  และถ้าใครมีช่องทางที่เอาเข้าไปจำหน่ายตามแผงขายหรือตามซีเอ็ด ดอกหญ้าได้  มันก็จะหมดเร็วขึ้น  อาจจะทำโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ว่าเป็นการกุศลสักหน่อย  ก็น่าจะเร่งการขายได้เร็วขึ้น  แต่เกิดถ้าขายไม่ดีล่ะ หนังสือเหลือเยอะ  เราก็ไม่มีหนี้เพราะเราได้จากสปอนเซอร์มาครบแล้ว  เพียงแค่โปรเจคท์นี้เราหาเงินเข้าบัญชีได้น้อยกว่าที่หวังไว้ ก็แค่นั้น  ทำเป็นเล่นไป ชั่งกิโลขายโลละ 2-3 บาทเลยนา

    ที่บอกไว้แต่แรกว่าไม่ค่อยอยากยุ่ง  เพราะผมเองเป็นโรงพิมพ์เอง  ผมไม่ต้องการให้ใครมองว่าผมมาโหนกระแสหากิน หางานในนี้

    ที่ว่ามันอดไม่ได้เพราะว่าเรื่องต้นทุนเรื่องการทำงานด้านนี้เรารู้อยู่เต็มอก  และเห็นใจทุกคนที่อยากมีรูปเด็ก ๆ ในบ้านร่วมอยู่ในไดอารี่  มันเป็นความภาคภูมิของพ่อแม่ทุกคน

    ก็แค่เสนอความคิดไว้เป็นทางเลือกเอาไปประยุกต์ดู  ช่วยเป็นที่ปรึกษาได้  แต่เอาไปพิมพ์ที่อื่น ไม่ต้องเอามาทำที่นี่  ถึงงานผมจะน้อย แต่ก็รักในศักดิ์ศรีของตัวเองพอ  เด็ก ๆ ในบ้านผมก็ไม่ได้ส่งมาร่วม  เป็นแค่กองเชียร์แคม ๆสนามก็มีความสุขแล้วครับ

    ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ก็เพราะคิดว่ามันน่าจะให้ข้อสรุปกับพวกคุณได้ในแบบที่สมหวังกันทุกคน

     
     

    จากคุณ : ลุงศรอรชุน - [ 28 เม.ย. 50 14:46:50 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom