ความคิดเห็นที่ 1 การให้อาหารกระต่ายเลี้ยงเพื่อชีวิตที่แข็งแรงและยืนยาว เขียนโดย อเลกซานดรา ลอคสดอน โดยมี สัตว์แพทย์ แอน แมคโดแวล เป็นที่ปรึกษา คนส่วนมากมักเข้าใจว่าอาหารเม็ดที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้เลี้ยงกระต่ายมีส่วนประกอบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกระต่ายที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเราโดยเฉพาะ  แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ อาหารเม็ดดังกล่าวได้ถูกปรุงขึ้นมาเพื่อเป็นการสะดวก และประหยัดสำหรับการเลี้ยงกระต่ายเพื่อใช้เนื้อหรือขนของมันในทางธุรกิจ เนื่องอาหารเม็ดเหล่านี้สามารถทำให้กระต่ายโตเร็ว และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  แต่กระต่ายของเราเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีไว้เพื่อเป็นเพื่อนของเรา  ดังนั้นเราจึงต้องการให้กระต่ายของเรามีสุขภาพดีแข็งแรงและมีชีวิตที่ยืนยาว ซึ่งเป็นเหตุผลที่สำคัญยิ่งสำหรับการเรียนรู้และศึกษาถึงความต้องการสารอาหารที่เป็นประโยชน์สำหรับกระต่ายของเราอย่างแท้จริง กระต่ายมีระบบการย่อยอาหารที่ละเอียดอ่อนกว่าสัตว์กินพืชอื่นๆ  ดังนั้นจึงสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องมีการวางแนวทางการให้อาหารกระต่ายของเราอย่างเคร่งครัด  ระบบการย่อยอาหารของกระต่ายได้ถูกออกแบบมาให้สามารถนำเอาพลังงาน และสารอาหารต่างๆ ออกมาจากอาหารที่ไม่ค่อยมีพลังงานและคุณค่าทางอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ   ซึ่งการที่กระต่ายได้รับอาหารที่มีไขมัน และ/หรือ โปรตีนสูง แต่มีไฟเบอร์น้อย เช่นการเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว จะเป็นสาเหตุให้กระต่ายโตเร็วแต่สุขภาพไม่ดี เป็นเหตุให้อายุของกระต่ายสั้นกว่าที่ควรจะเป็นด้วย  กระต่ายที่เราเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่ในบ้าน เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา จึงควรที่จะมีสุขภาพแข็งแรง สำหรับกระต่ายที่ทำหมันแล้ว และได้รับสารอาหารที่ถูกต้องควรจะมีอายุได้นานตั้งแต่ 8 ถึง 13 ปี จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ระบบการย่อยของกระต่าย การย่อยเริ่มต้นที่ปาก อาหารจะถูกบดด้วยฟัน และ ผสมกับน้ำลายซึ่งมีโปรตีนสามารถเริ่มย่อยอาหาร เมื่อกระต่ายกลืนอาหารลงไปในกระเพาะอาหารก็จะผสมกับกรด และเอ็นไซม์น้ำย่อย ซึ่งจะทำการย่อยอาหารอย่างต่อเนื่อง  หลังจากนั้นอาหารจะเคลื่อนออกจากกระเพาะอาหารไปยังลำไส้เล็ก ที่ลำไส้เล็กนี้สารอาหารจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย  อาหารที่ไม่ได้รับการดูดซึมก็จะเดินทางไปสู่ลำไส้ใหญ่   ณ ที่นี่อาหารจะถูกจัดลำดับตามขนาด อาหารขนาดใหญ่ ที่เป็นไฟเบอร์ที่ไม่สามารถย่อยได้ (indigestible) จะดันอาหารชิ้นเล็กกว่าที่มีไฟเบอร์ที่ย่อยได้ ให้ย้อนกลับเข้าไปในกระเพาะหมัก (Cecum หรือที่บางคนเรียกว่าไส้ตัน บางคนเรียกว่ากระพุ้งลำไส้ใหญ่) กระเพาะหมักเป็นถุงตันที่อยู่ระหว่างลำไส้เล็กกับลำไส้ใหญ่ (ถ้าเทียบกับคนจะคือไส้ติ่ง)   อาหารขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถย่อยได้จะออกมาเป็นเม็ดอุจจาระปกติ (fecal pellets)   และกระเพาะหมักที่มีอาหารชิ้นเล็กก็จะเริ่มกระบวนการหมัก ซึ่งจะผลิตอุจจาระที่เราเรียกกันว่า  อึองุ่น หรือ อึกลางคืน  (night feces หรือ cecotropes) ซึ่งกระต่ายมักจะกินจากก้นตัวเองเลย  อึองุ่นจะต่างจากอุจจาระธรรมดาโดยมีลักษณะนิ่มๆ ผิวดูมันๆ เป็นกระจุก และมีกลิ่นแรงกว่าอุจจาระธรรมดา กระเพาะหมักจะรักษาสัดส่วนอันละเอียดอ่อนระหว่าง โปรโตซัว ยีสต์ และแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย  ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับสุขภาพที่ดีของกระต่าย ถ้าหากมีอะไรมาทำให้สัดส่วนอันเปราะบางนี้เสียความดุลย์ (เช่นความเครียด หรือ ยากินฆ่าเชื้อ อย่างเพนนิซิลิน หรือ ยาที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน หรือ การกินอาหารที่มีไขมันสูง ไฟเบอร์ต่ำ  หรือ การกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เป็นต้น) แบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกายก็จะเริ่มเติบโต และจะทำการผลิตสารพิษ (ทอกซิน) ซึ่งเป็นอันตรายต่อกระต่าย และอาจจะทำให้กระต่ายตายได้   ในทางตรงกันข้ามผลิตผลที่เกิดจากการหมักในกระเพาะหมักอย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความสมดุลของสัดส่วนของ โปรโตซัว ยีสต์ และแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทำให้เกิดอึองุ่นปกติ และเมื่อกระต่ายกินกลับเข้าไปใหม่ (coprophagy) ทำให้ระบบการย่อยปกติของกระต่ายสามารถดูดซึมสาร อาหาร และวิตามินที่จำเป็นเหล่านี้จากอึองุ่นที่ได้การหมักอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นกระเพาะหมักจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของกระต่าย และมีหลักฐานบ่งบอกว่า แบคทีเรียที่ได้จากการกินอึองุ่นที่กินกลับเข้าไปนี้ จะช่วยย่อยอาหารในท้องได้สมบูรณยิ่งขึ้น (Laura Tessmer, B.Sc. and Susan Smith Ph.D: Rabbit Nutrition 1998) จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ความสำคัญของไฟเบอร์ และการให้อาหารที่เหมาะสม เมื่อกระต่ายได้รับอาหารที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือได้รับอาหารที่มีไฟเบอร์ที่ย่อยไม่ได้ไม่เพียงพอ หรือได้รับอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป กระเพาะอาหารและลำไส้ (Gastro-Intestinal หรือ GI) จะไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ และจะเริ่มหยุดทำงาน ซึ่งจะทำให้เกิด การหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหาร (GI stasis) ในระดับต่างๆ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาโดยทันที กระต่ายอาจตายด้วยความทรมานได้ อะไรคือการหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหาร   เมื่อความเร็วในการส่งอาหารผ่านระบบการย่อยอาหารได้เปลี่ยนไป ซึ่งจะส่งผลทำให้กระเพาะ และกระเพาะหมักว่างเร็วขึ้น ซึ่งเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในความอยากอาหารของกระต่าย อาการไม่อยากกินนี้เป็นได้กับทั้งน้ำและอาหาร เมื่อกระต่ายไม่กินทั้งน้ำและอาหารจะทำสุขภาพแย่ลง เนื่องจากร่างกายขาดน้ำและอาหาร   ดังนั้นร่างกายจะปรับตัวโดยการดูดน้ำจากกระเพาะ และกระเพาะหมักในอัตราที่เพิ่มขึ้น ทำให้สิ่งที่อยู่ในทางเดินอาหาร (เช่น อาหาร เส้นขนที่กลืนลงไปจากการแต่งตัว) เกิดการขาดน้ำ อาหารในกระเพาะ และกระเพาะหมักขาดน้ำ จึงแห้งและจับกันเป็นก้อนแข็ง  ซึ่งกระต่ายก็จะไม่สามารถขับถ่ายเอาก้อนอาหาร และขน ออกออกจากร่างกายได้  กระต่ายจึงเกิดอาหารอิ่ม ไม่สบายท้อง และมักจะมีก๊าซในทางเดินอาหาร (เนื่องจากมีการสะสมของแบคทีเรียที่ไม่ดีในกระเพาะหมัก)  ยิ่งทำให้เกิดการไม่อยากอาหารมากขึ้นไปอีก กระต่ายที่เกิดการหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหารส่วนมากจะไม่ยอมกินอาหาร และเป็นโรคเบื่ออาหาร (anorexic) และ ปัญหาแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นคือตับวาย เนื่องจากการดูดซึมสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียไม่ดีจากกระเพาะหมัก สารพิษนี้จะทำลายตับ ทำให้ถึงแก่ความตายในที่สุด โดยส่วนมาก หากเจ้าของช่างสังเกตุและเห็นว่ากระต่ายมีอาการผิดปรกติแต่เนิ่นๆ อาการหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหารจะสามารถแก้ไขได้ โดยใช้เวลา และความใจเย็น ประกอบกับคำแนะนำที่ดีจากสัตว์แพทย์ แต่ในที่นี้เราจะเน้นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะรู้ได้อย่างไรว่ากระต่ายเรามีปัญหา ควรสังเกตุดูอุจจาระอย่างสม่ำเสมอ กระต่ายควรจะถ่ายเยอะ และเป็นก้อนกลมเหมือนถั่วลันเตา และควรมีขนาดเดียวกัน และรูปทรงเดียวกันทุกก้อน ถ้ากระต่ายไม่ถ่าย หรือถ่ายน้อยกว่าปรกติ หรือมีอุจจาระรูปร่างแปลกๆ หรือถ่ายเป็นสร้อย อาจเป็นสัญญาณว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น จึงควรพากระต่ายไปพบสัตว์แพทย์  หรือถ้าหากต้องการรักษาเองในเบื้องต้น ก็ควรให้กระต่ายกินยารักษาก้อนขนขนาดยาว 1 นิ้ว วันละ 1-2 ครั้งเป็นเวลา 3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือ กระต่ายหยุดกินอาหาร หรือ หยุดกินน้ำ หรือ มีอาการปวด หรือถ้ากระต่ายไม่ถ่ายเป็นเวลา 12 ถึง 24 ชั่วโมง ต้องพากระต่ายไปหาสัตว์แพทย์ทันที ทั้งนี้ การให้กระต่ายเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนกินยาแก้ก้อนขน โดยไม่ได้ปรึกษาสัตว์แพทย์ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายได้ ในกรณีที่ให้กระต่ายกินยาแก้ก้อนขนเพื่อเป็นการป้องกันอาจจะมีผลดีในบางกรณี แต่หากให้ยาแก้ก้อนขนกับกระต่ายที่มีอาการหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหารแล้วก็จะเป็นผลร้าย เนื่องจากสิ่งที่อยู่ในทางเดินอาหารได้เกิดการแห้งแข็งตัว บางครั้งแข็งเป็นก้อนอิฐ การที่จะให้วัสดุที่เหมือนขี้ผึ้งไปเคลือบก้อนแข็งๆ นั้นไว้ อาจจะไปหยุดยั้งการดูดซึมน้ำกลับเข้าไปในก้อนนั้นๆ ทำให้ก้อนนั้นไม่สามารถแตกออกและถ่ายออกมาได้ ด้วยเหตุนี้ น่าจะเป็นการดีที่จะเน้นการเพิ่มความชื้นให้ก้อนในทางเดินอาหาร  ก่อนที่จะใช้ยาถ่ายที่ทำจากปิโตรเลียม ถ้าต้องใช้ และขอย้ำว่าถ้ากระต่ายของคุณมีอาการหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหาร ให้พาไปหาสัตว์แพทย์ทันที ที่ซูคอนเนอร์ เราจะให้ยาแก้ก้อนขนความยาวประมาณ 1 นิ้ว กับกระต่ายสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อเป็นการป้องกัน ในช่วงผลัดขนอาจจะให้มากขึ้น และเราจะให้ผักเพิ่มจากปรกติ และนำผักไปล้างน้ำก่อนจะให้เพื่อเป็นการเพิ่มน้ำให้กับกระต่าย นอกจากการให้อาหารที่ถูกต้อง การออกกำลังกาย การสังเกตุอุจจาระกระต่ายอย่างใกล้ชิด รวมถึงการสังเกตุอาการทั่วๆ ไปของกระต่าย จะทำให้ทางเดินอาหารมีสุขภาพดี และกระต่ายมีความสุข การหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหารมักจะถูกวินิจฉัยผิดว่าเป็นโรคก้อนขน  กระต่ายที่เป็นโรคก้อนอาหาร ซึ่งเป็นผลจากการหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหาร แตกต่างจากก้อนขนอยู่ในระบบทางเดินอาหาร และต้องการวิธีรักษาที่แตกต่างกัน การวินิจฉัยโรคผิด ทำให้วิธีรักษาผิดไปด้วย ซึ่ง เป็นอันตรายร้ายแรงต่อกระต่าย  ดังนั้นการช่วยเหลือจากสัตว์แพทย์เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด  ในกรณีเช่นนี้แม้กระทั่ง สัตว์แพทย์บางท่านที่ไม่คุ้นเคยกับการดูแลรักษากระต่ายก็ยังอาจจะผิดพลาดได้  ดังนั้นคุณควรจะหาสัตว์แพทย์ที่คุ้นเคยกับการรักษากระต่ายเพื่อพึ่งพาในกรณีฉุกเฉิน  สัตว์แพทย์ที่ชำนาญทางกระต่ายจะสามารถบอกเราได้ว่ากระต่ายเรามีการหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหาร หรือว่าเกิดการอุดตัน และหมอจะสามารถแนะนำการแก้ไขอย่าถูกต้องได้ด้วย จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การป้องกันดีและคุ้มค่ามากกว่าการแก้ไข : พื้นฐานการให้อาหารที่ถูกต้อง อาหารเม็ด และหญ้าแห้ง : สำหรับกระต่ายเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี ควรให้กินอาหารเม็ดธรรมดาที่สดใหม่ โดยไม่จำกัดปริมาณ   โดยควรมีปริมาณไฟเบอร์สูง (18% - 20%) มีโปรตีนปานกลาง (14% - 16%) กระต่ายโตควรจะได้รับอาหารเม็ดที่มีโปรตีนน้อย (10% หรือน้อยกว่า) มีไฟเบอร์สูง โดยควรให้ 1/4 ถ้วยต่อน้ำหนัก 5 ปอนด์ต่อวัน   ถ้าหากกระต่ายของคุณไม่สามารถรักษาน้ำหนักให้คงที่ได้ (ขึ้นง่าย หรือ ลงง่าย) ควรจะไปพบสัตว์แพทย์  ไม่ควรให้กระต่ายกินอาหารที่มีเมล็ดพืชผลไม้ ผลไม้แห้ง หรือมีธัญพืชที่ย้อมสี  อาหารเหล่านี้ถูกทำให้เป็นที่ต้องตาของมนุษย์ แต่มันไม่ดีต่อสุขภาพของกระต่าย โดยธรรมชาติกระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่กินเมล็ด ไม่กินผลไม้ ไม่กินธัญพืช   อาหารที่ไม่มีประโยชน์ (junk food) เหล่านี้  มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง  ตามที่ได้กล่าวแล้วในเบื้องต้น  ทำให้มีการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ให้ผลร้ายต่อกระต่าย (แบคทีเรียไม่ดี)  (แม่หมีฯคิดว่าเหมือนคน ที่มักชอบกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพตัวเอง เช่น ช็อคโกแลต ไอศครีม หรือของทอดๆ เป็นต้น) แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 08:45:47 จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หญ้าแห้งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับอาหารกระต่าย หญ้าแห้งจะเป็นแหล่งไฟเบอร์ที่สำคัญอันดับแรกของกระต่าย ซึ่งจะทำให้ระบบย่อยอาหารของกระต่ายอยู่ในสภาพดี หญ้าแห้งยังมีประโยชน์นอกเหนือจากนั้นคือ  หญ้าแห้งเป็นสิ่งที่ให้ความบันเทิงกับกระต่ายด้วย กระต่ายจะชอบจัดเรียงหญ้าแห้ง หรือขุดขึ้นมา และจัดไว้ตามที่กระต่ายตามต้องการ   หญ้าแห้งทำให้กระต่ายต้องเคี้ยวซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำให้ฟันกระต่ายมีสุขภาพดี เนื่องจากฟันกระต่ายจะยาวขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องให้กระต่ายได้เคี้ยวสิ่งที่ปลอดภัย เช่น หญ้าแห้ง หรือ ของกัดเล่นที่เป็นไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันยาวเกินควร  กระต่ายที่มีปัญหาเรื่องฟันจะเป็นต้นเหตุนำไปสู่ปัญหาการหยุดนิ่งของทางเดินอาหาร   ควรจะมีหญ้าทิมโมธี หญ้าโอ๊ต หรือหญ้าอื่นๆ ให้กระต่ายสามารถกินได้ตลอดวัน กระต่ายแข็งแรงที่อายุน้อยกว่า 1 ปีสามารถกินอัลฟาฟ่าซึ่งมีแคลลอรี่และแคลเซี่ยมสูงได้ (อัลฟาฟ่าอาจทำให้กระต่ายโตมีปัญหาเรื่องไต และกระเพาะปัสสาวะ)   จึงไม่ควรให้กระต่ายโตเต็มที่และมีสุขภาพแข็งแรงกินอัลฟาฟ่า   ในอีกมุมหนึ่ง  การที่ให้กระต่ายเด็กกินอัลฟาฟ่าอาจจะทำให้ยากที่จะเปลี่ยนไปให้หญ้าที่มีโปรตีน และแคลเซี่ยมต่ำลงเมื่อกระต่ายมีอายุมากขึ้น ที่ซูคอนเนอร์เราให้กระต่ายเด็กเริ่มกินหญ้าแห้งธรรมดา เนื่องจากกระต่ายเด็กจะได้กินอาหารเม็ดที่ทำจากอัลฟาฟ่าอยู่แล้ว เราจึงคิดว่ามันไม่จำเป็นต้องกินหญ้าอัลฟาฟ่าอีก แต่กระต่ายบางตัวก็ต้องการได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูง (เช่น กระต่ายแก่ กระต่ายป่วย หรือ กระต่ายแองโกล่า เป็นต้น) จึงยังต้องการหญ้าอัลฟาฟ่าอยู่  ขอย้ำว่าควรปรึกษาสัตว์แพทย์หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการให้อาหารกระต่าย ที่ซูคอนเนอร์ เราให้กระต่ายทุกตัวกินหญ้าแห้งทิโมธี ผสมกับหญ้าโอ๊ต ผสมกับหญ้าออชาด และผสมส่วนผสมพิเศษของซูคอนเนอร์ (ส่วนผสมของหญ้าโอ๊ต บาร์เล่ย์ และ วีท) นอกจากในกรณีที่กระต่ายตัวนั้นจะมีความต้องการทางด้านอาหารเป็นพิเศษตามคำสั่งของหมอ  เรารู้สึกว่าการให้หญ้าหลายอย่างจะกระตุ้นให้กระต่ายอยากกินหญ้า และยังมีสารอาหารหลากหลายอีกด้วย มันไม่เป็นอันตรายใดๆ และยังเสริมให้กระต่ายกินไฟเบอร์มากขึ้นด้วย ไม่ควรซื้ออาหารเม็ด และหญ้าแห้งจากร้านขายของชำ หรือร้านขายของสัตว์เลี้ยง เพราะอาหารและหญ้าอาจจะค้างอยู่ในร้านมาเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้อาหารเก่าเก็บ และไม่มีสารอาหารเท่าที่ควร   คุณสามารถหาอาหารกระต่ายดีๆ (เช่น OxBow, Purina High Fiber.. ) ได้จากร้านขายอาหารสัตว์ที่ได้รับความไว้วางใจ  หรือจากร้านออนไลน์ของเรา สัตว์แพทย์บางแห่งก็ขายอาหารกระต่ายคุณภาพดี และบางทีหน่วยงานที่ช่วยเหลือกระต่ายก็จะขายทั้งหญ้า และอาหารคุณภาพดี เพื่อนำรายได้มาช่วยรองรับค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือกระต่าย (อย่างเช่นที่เราทำอยู่)  (แม่หมีฯ ว่าข้อนี้อาจไม่สามารถใช้กับเมืองไทยได้ เนื่องจากเมืองไทยไม่เหมือนอเมริกา) จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผัก และผลไม้ : การให้กระต่ายได้กินผักหลายๆ ชนิด ทุกวัน จะช่วยให้กระต่ายได้รับสารอาหารครบถ้วน ควรให้ผักสด 2 ถึง 4 ถ้วย ต่อน้ำหนัก 5 ปอนด์ ต่อวัน (คือ 5 ปอนด์ของน้ำหนักที่ควรจะเป็น หรือ optimum weight นะคะ ไม่ใช่น้ำหนักจริงของกระต่าย  เช่นกระต่ายฮอลแลนด์ลอป อายุ x เดือน ควรจะหนัก x กิโลกรัม เป็นต้น)   ผักควรจะสด ล้างสะอาด และถ้าเป็นไปได้ควรเป็นผักออร์แกนิก (organic)  แครอท กับ แรดิช ควรจะเป็นออร์แกนิกเช่นกัน เนื่องจากปรกติคนจะไม่รับประทานต้นของแครอท และแรดิช   ดังนั้นคนจึงไม่สนใจว่าต้นของแครอท หรือแรดิช จะมีการสะสมของยาฆ่าแมลงที่พ่นหรือไม่  ส่วนนี้ของแครอท และแรดิชจึงเป็นอันตรายต่อกระต่ายอย่างยิ่ง และเพื่อให้แน่ใจว่ากระต่ายได้รับสารอาหารครบถ้วน ควรให้ผักวันละ 3 อย่าง และให้อย่างน้อย 1 ใน 3 นั้นมีวิตามินเอ คุณอาจจะสามารถให้กระต่ายกินผลไม้ได้บ้างในบางครั้ง  สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ควรให้กินผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง (เช่น แพร์ แอปเปิ้ล มะเขือเทศ) มากกว่าอาทิตย์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง และควรให้ไม่เกิน 1 หรือ 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำหนัก 5 ปอนด์ อย่าให้กระต่ายที่กำลังคุมน้ำหนักกินผลไม้ การกินน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้กระต่ายอ้วน เพราะได้รับแคลอรี่มากเกินไป น้ำตาลที่ร่างกายไม่ได้ใช้ จะเปลี่ยนไปเป็นไขมัน (แม่หมีฯว่าผลไม้ที่ไฟเบอร์น้อยไม่ควรให้เลยนะคะ) จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การควบคุมปริมาณอาหารเม็ด ให้กินหญ้ามากๆ และให้กินผักหลากหลายชนิด เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้กระต่ายมีสุขภาพดี โปรดคำนึงด้วยว่าเวลาที่ให้อาหารสำคัญพอๆ กับการให้สารอาหารที่สมดุลย์ สิ่งที่สำคัญคือการแบ่งให้อาหารเม็ด และผัก ในตอนเช้าและเย็น และให้กระต่ายได้มีหญ้าแห้ง และน้ำสะอาดกินตลอดวัน โปรดจำไว้ว่าการออกกำลังกายก็สำคัญในการที่จะทำให้ระบบย่อยอาหารของกระต่ายมีสุขภาพดีเช่นกัน  กระต่ายควรได้ออกกำลังกายนอกกรงอย่างน้อยวันละ 3 ถึง 5 ชั่วโมง ไม่ควรเปลี่ยนอาหารอย่างกระทันหัน การเปลี่ยนอาหารเร็วเกินไปจะทำให้กระต่ายท้องเสีย หรือมีการเติบโตของแบคทีเรียที่ไม่ดี โปรดคำนึงว่ากระต่ายแต่ละตัวมีความต้องการทางโภชนาการไม่เหมือนกัน กระต่ายเด็ก กระต่ายแก่ กระต่ายพันธุ์เล็ก อย่าง ND หรือกระต่ายพันธุ์ใหญ่ อย่าง Flemish Giant และกระต่ายพันธุ์ขนยาว มีความต้องการทางโภชนาการไม่เหมือนกัน ควรขอคำปรึกษาสัตว์แพทย์ผู้ชำนาญด้านกระต่ายสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผักที่ดีต่อกระต่าย ให้อย่างน้อยวันละ 3 อย่าง ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บหลังชื่อผัก มีความหมายดังนี้ค่ะ (1) เป็นผักที่มีวิตามินเอ ควรให้วันละ 1 อย่าง (2) กระต่ายบางตัวอาจจะกินผักชนิดนี้ แล้วเกิดก๊าซในท้อง หากกินแล้วท้องเสียให้งด (3) ผักเหล่านี้มีแคลเซี่ยมสูง อย่าให้มาก ให้สัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ครั้งเท่านั้น สำหรับกระต่ายอายุมากที่มีปัญหาเกี่ยวกับ กระเพาะปัสสาวะหรือไต ให้หลีกเลี่ยงผักเหล่านี้ นอกจากจะเป็นคำสั่งของสัตวแพทย์ (4) ผักเหล่านี้มี ออกซิเลท (oxalates) หรือ กรอยโตเจน (goitrogens) ซึ่งอาจทำให้เกิดอุจจาระเป็นดินน้ำมัน และอาจทำให้ปัญหาด้านแคลเซี่ยมหรือไตแย่ลง จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาดูกันว่ากินผักอะไรได้บ้าง ผักบางอย่างในบ้านเราก็ไม่มีค่ะ อัลฟาฟ่า ยอดอ่อนแรดิช และ ยอดอ่อนโคลเวอร์ (Alfalfa, Radish and Clover Sprouts) โหระพา (Basil) Beet Greens (1) ผักฮ่องเต้ (Bock Choy) บร็อคโคลี่ (Broccoli) (1, 2) บรัสซัส สเปราท์ (Brussels Sprouts) หัวแครอท และต้นแครอท (Carrots and Tops) (1) หัวบีทชาร์ด (Chard) Chicory Greens (3) Cilantro โคลเวอร์ (Clover) Collard Greens (3) Dandelion Greens (ปราศจากยาฆ่าแมลง) มะเขือม่วง มะเขือยาว (Eggplant) เอนไดฟ์ (Endive) เอสคาโรล (Escarole) หญ้า Grass – ปราศจากยาฆ่าแมลง ปุ๋ย และ สารพิษ คะน้า (Kale) (3, 4) มินต์ (Mint) Mustard Greens Mustard Spinach (3) ใบกระเจี๊ยบ (Okra Leaves) ผักชีฝรั่ง (Parsley) (1) Chinese Pea Pods (1) ใบเปปเปอร์มินต์ (Peppermint Leaves) พริกหยวก (Peppers) เขียว เหลือง แดง ใบฟักทอง (Pumpkin Leaves) Radicchio ต้นแรดิช (Radish Tops) ใบราสเบอรี่ (Rasberry Leaves) สควอช เช่น ซูคินี่ ฟักทอง (Squash : Zucchini, Yellow, Butternut, Pumpkin) Turnip Greens (3) ผักกาดต่างๆ เลี่ยงบางอย่าง และห้ามให้ไอซ์เบริ์ก (Various Lettuces, Avoid Very Light Hearts: Romaine, Butter, Green Leaf, Boston, Bibb, Arugula.. No Iceberg) วอเตอร์เครส (Watercress) (1) ต้นข้าวสาลี (Wheat Grass) จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผลไม้ ให้ผลไม้สัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง ในปริมาณน้อย อย่าให้กระต่ายกินเม็ดผลไม้ ผลไม้ที่กระต่ายกินได้มี สัปปะรด เมล่อน มะละกอ พีช พลัม (ลูกไหน) แพร์ ราสเบอรรี่ สตรอเบอรรี่ จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อย่าให้กระต่ายกินเมล็ดข้าว (เช่นเมล็ดข้าวเปลือก เมล็ดข้าวสาลี ธัญพืช) พืชฝักตระกูลถั่ว (เช่น ถั่วลิสง ถั่วแระ ถั่วฝักยาว) และ ถั่วเปลือกแข็ง (เช่น วอลนัท เกาลัด) ของเหล่านี้ไม่ใช่อาหารตามธรรมชาติของกระต่าย ซึ่งอาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบบการย่อยอาหารของกระต่าย จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แนวทางการให้อาหารกระต่ายเพื่อให้มีสุขภาพดี กระต่ายโต กระต่ายโตควรให้หญ้าแห้งไม่จำกัดปริมาณ (ไม่ใช่แบบอัดเม็ด หรืออัดก้อน หรือแบบหั่น) และควรมีผักสดหลายๆ อย่าง และให้อาหารเม็ดที่ทำจากทิโมธีในปริมาณที่จำกัด กระต่ายเด็ก กระต่ายที่อายุ 3 สัปดาห์ขึ้นไป  สามารถให้อาหารเม็ดที่ทำจากอัลฟาฟ่า และ หญ้าแห้งในปริมาณไม่จำกัด หญ้าแห้งสำคัญต่อสุขภาพของกระต่าย เนื่องจากเป็นแหล่งสำคัญของไฟเบอร์/กากอาหาร ซึ่งทำให้การย่อยอาหารเป็นไปได้อย่างดี ซึ่งจะช่วยยับยั้งอาการการหยุดนิ่งของระบบทางเดินอาหาร (GI Stasis) และโรคก้อนขน นอกจากนั้นยังสามารถช่วยรักษาให้ฟันกระต่ายมีสภาพดีด้วย กระต่ายอายุมากกว่า 3 สัปดาห์ควรมีหญ้าแห้งกินตลอดเวลาในปริมาณไม่จำกัด อาหารเม็ด ควรสดใหม่อยู่เสมอ ควรซื้ออาหารเม็ดเพื่อใช้ให้หมดใน 1 เดือน ไม่ควรซื้อครั้งละมากๆ เนื่องจากอาจจะเหม็นหืน และเสียคุณค่าทางอาหารไป  พอกระต่ายอายุได้ 7 เดือน หรือ 1 ปี ควรจะให้กระต่ายเปลี่ยนไปกินอาหารเม็ดที่ทำจากทิโมธี เช่น OxBow Hay’s Bunny Basic/T ผัก ควรสด และปราศจากยาฆ่าแมลง ให้ผักอย่างน้อย 3 อย่างต่อวัน เวลาให้อาหารก็สำคัญ ควรแบ่งให้อาหารเม็ด และผัก ระหว่างมื้อเช้า กับมื้อเย็น ควรมีหญ้าแห้งตลอดเวลา ** ตัดประโยคจ้ะ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 08:43:12 จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 14 นี่คือคำแนะนำในการให้อาหารกระต่าย เป็นคำแนะนำสำหรับกระต่ายที่มีสุขภาพแข็งแรง นี่เป็นแค่แนวทาง คุณควรปรึกษาสัตว์แพทย์ในกรณีที่มีคำถามเกี่ยวกับการให้อาหาร และเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับกระต่ายแก่ หรือ กระต่ายไม่สบาย กระต่ายเด็ก หรือกระต่ายวัยรุ่น แรกเกิด ถึง 3 สัปดาห์ – นมแม่ 3 ถึง 7 สัปดาห์ – นมแม่ อาหารเม็ดที่ทำจากอัลฟาฟ่า และหญ้าแห้งไม่จำกัดปริมาณ (ทิมโมธี โอ๊ต ออชาด) 7 สัปดาห์ ถึง 7 เดือน – อาหารเม็ดที่ทำจากอัลฟาฟ่าในปริมาณที่จำกัด และหญ้าแห้ง 4 เดือน ถึง 5 เดือน – เริ่มให้กินผัก (เริ่มทีละอย่าง โดยให้ไม่เกินครั้งละครึ่งออนซ์) กระต่ายวัยรุ่น: 7 เดือน ถึง 1 ปี ลดปริมาณอาหารเม็ดลงเหลือ 1/4 ถ้วยต่อวัน ต่อน้ำหนัก 5 ปอนด์ เริ่มเปลี่ยนอาหารเม็ดเป็นอาหารที่ทำจากทิโมธี เริ่มให้ผักมากขึ้น อย่างช้าๆ เริ่มให้ผลไม้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ไม่เกินครั้งละ 2 ออนซ์ (2 ช้อนโต๊ะ) กระต่ายโต: 1 ถึง 5 ปี หญ้าทิมโมธี โอ๊ต หรือหญ้าอื่นๆ ไม่จำกัดปริมาณ อาหารเม็ดที่ทำจากทิโมธี 1/4 ถึง 1/2 ถ้วย ต่อน้ำหนัก 5 ปอนด์ (ขึ้นอยู่กับระบบเผาผลาญ) ผัก 2-3 ถ้วย ต่อน้ำหนัก 5 ปอนด์ ลดปริมาณลงถ้ากระต่ายไม่กินหญ้าแห้ง ผลไม้ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จำกัดปริมาณที่ 2 ช้อนโต๊ะ ห้ามให้กระต่ายอ้วนกินผลไม้ กระต่ายสูงอายุ : มากกว่า 6 ปี ถ้ากระต่ายน้ำหนักไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป และมีสุขภาพดี ให้อาหารเหมือนกระต่ายโต ถ้ากระต่ายไม่แข็งแรง หรือ อายุมาก อาจต้องให้อาหารเม็ดไม่จำกัดปริมาณ และให้อาหารเสริมเพื่อให้น้ำหนักคงที่ กระต่ายแก่ควรพบสัตว์แพทย์ปีละครั้งเพื่อตรวจเลือด เพื่อดูปริมาณแคลเซี่ยม และการทำงานของไต แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 50 08:44:52 จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จบแล้วจ้ะ ตาแฉะกันรึยัง อยากให้กระต่าย(ในเมือง)ไทยสุขภาพดีจ้า จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 17 มิ.ย. 50 08:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคุณแม่หมีฯ ค่ะ =) ข้อมูลดี และมีประโยชน์มากๆ เลย จากคุณ : luxana - [ 17 มิ.ย. 50 10:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากๆ สำหรับข้อมูลดีๆ คับ หาหญ้าแห้งยากจังอ่ะ นังแต๊ะเอียกับเจ้าวิสต้ายังไม่เคยกินหญ้าเลย จากคุณ : ตี๋มือใหม่ - [ 17 มิ.ย. 50 10:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อยากให้ลูกๆ อยู่กับเรานานๆ ต้องทำยังไงน้า >>> อย่าโยน จากคุณ : เสียงเรียกวาซาบิ จากซาซิมิน้อย - [ 17 มิ.ย. 50 11:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่า พี่วิกกี้ น่ารัจังเลย อุตส่าห์แปลมาให้อ่านด้วย  ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ จากคุณ : deer_do_la - [ 17 มิ.ย. 50 11:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากๆ คะพี่วิกกี้ อ่านแล้วเป็นความรู้มากๆ เลยคะ  อ่านแล้วมีไอเดียในการให้ผักอีกเยอะ เลย อิอิ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Iccy_su - [ 17 มิ.ย. 50 11:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณ คุณแม่หมีตัวอ้วน มากๆ เลยค่ะ สำหรับข้อมูลดีๆ ^-^ จากคุณ : หม่ามี๊โบกี้กะบาร์บี้ (หม่ามี๊โบกี้กะบาร์บี้) - [ 17 มิ.ย. 50 11:21:13 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณค้าาา ข้อมูลดีเหลือหลาย... จากคุณ : appletree_ja - [ 17 มิ.ย. 50 12:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณพี่วิคกี้มากค่ะ ข้อมูลดี มีประโยชน์มั่กๆเลยค่ะ คุณแม่มือใหม่แบบพีช ได้ประโยชน์ท่วมท้นเลยค่ะ ^^ ฮะเก๋า : ขอบคุณข้อมูลดีๆจากป้าวิคกี้ด้วยคนนะฮับ ต่อไปมะมี๊จะได้รู้ซักกะที ว่าอะไรที่มีประโยชน์กับป๋มฮะ จากคุณ : เด็กหญิง_ลูกท้อ - [ 17 มิ.ย. 50 12:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เซฟไว้ทั้งภาคอังกิด(ให้พ่อเค้าอ่าน) กับเซฟกระทู้นี้แล้ว อ่าน คห แรกๆ หลับเลยวิกกี้ ก๊ากกกก แต่พออ่านลงมาเรื่อยๆ อ่านเพลินมาก คิดตามไปด้วยเลยล่ะ ขอบคุณมากๆเลยวิกกี้ เธอคือ guardian angel ของชั้นสำหรับงานนี้ กลุ้มพอควร เรื่องติดอาหารเม็ดมากๆ กับไม่ชอบหญ้าแห้ง และทิโมธี จะหักดิบอีกทีดีป่าวก็ไม่รู้ บุญหล่นมันอึดด้วยน่ะ ไม่มี ก็ ไม่กินๆๆๆ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 17 มิ.ย. 50 13:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากค่ะ..ข้อมูลดีๆแบบนี้ ลูกเราชอบทานข้าวสวยเป็นชิวิตจิตใจ แล้วจะทำไงดีเนี้ย จากคุณ : มามี้@ian - [ 17 มิ.ย. 50 13:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เอ้อ มีกระต่ายตัวไหน เปนแบบโบกี้บ้างมะคะ ถ้ามีอาหารเม็ด จะไม่กินหญ้าเนี่ย เจอปัญหานี้อยู่อ่ะ ละเพราะแบบนี้ ทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติจนท้องเสีย ไปรอบนุงแว้วว  (เมื่อเดือนก่อน T_T) จากคุณ : หม่ามี๊โบกี้กะบาร์บี้ (หม่ามี๊โบกี้กะบาร์บี้) - [ 17 มิ.ย. 50 15:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณพี่วิคกี้ค่ะ จากคุณ : love_net - [ 17 มิ.ย. 50 15:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โห...ตาเปียกเลยค่ะพี่วิคกี้ 555 ขอบคุณมากๆเลยนะคะสำหรับสาระดีๆ มีประโยชน์มากๆเลยค่ะ ^_^ จากคุณ : JDT - [ 17 มิ.ย. 50 16:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค้าาา จากคุณ : KanaPopeye - [ 17 มิ.ย. 50 17:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มินต์ (Mint) ^ ^ ^ นึกถึงไอติมรสมินต์  แต่ผมเรียกว่า "ไอติมรสสะระแหน่" จากคุณ : เข้ามาจอบ - [ 17 มิ.ย. 50 17:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากมากคะพี่ จากคุณ : dorapanda - [ 17 มิ.ย. 50 22:16:49 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณมากๆค่ะพี่ ขอดูดความรู้ไหมหน่อยนะคร้า~~~ จากคุณ : ame (ogamiya) - [ 17 มิ.ย. 50 22:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เยี่ยมจิงๆ.. จากคุณ : cowgirl (cowgirl_milk) - [ 17 มิ.ย. 50 23:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณมากค่า พี่วิคกี้ผู้น่ารัก เสียสละเวลาแปลให้เราๆได้อ่าน ยากเหมือนกันนะ...แต่จะพยายามเพื่อแมวน้ำจะได้แข็งแรงๆ ยิ่งๆขึ้น ต้องเซฟให้พ่อกะแม่อ่าน (ผู้ทำหน้าที่รับช่วงต่อชั่วคราว) จากคุณ : เจ้าหนูลูกชิ้น - [ 18 มิ.ย. 50 00:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ยินดีแปลให้อ่านกันจ้ะ ตัวเองก็พยายามจะทำให้ได้เหมือนกัน น้องมุกมุกไม่มีป้ญหา เพราะกินทุกอย่าง หม่อมแม้มจะไม่ค่อยชอบกินหญ้าแห้งเท่าไหร่ ตอนนี้หัดไปเรื่อยๆ  ไม่รู้เมื่อไหร่จะกิน ลูกปัดก็ไม่ค่อยกินหญ้าแห้งเหมือนกัน จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 18 มิ.ย. 50 08:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณค่ะแม่หมีตัวอ้วน จาก คห. 12 ที่บอกว่าห้ามให้กินเมล็ดข้าวนี่ รวมไปถึงข้าวสวย ข้าวเหนียว อะไรทำนองนี้ด้วยหรือเปล่าคะ? ชอบจัง เนื้อหาดีมากๆ เลย หากมีอะไรที่ให้เราช่วยแปลได้ก็บอกนะคะ ^^ จะได้แบ่งปันความรู้กัน จากคุณ : กระต่ายน้อยแดนเถื่อน - [ 18 มิ.ย. 50 09:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ข้อมูลดี ๆ แปลมาให้เราถึงที่ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ จากคุณ : แม่นู๋มี่ - [ 18 มิ.ย. 50 10:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตอบคุณกระต่ายน้อยค่ะ รวมข้าวสวย ข้าวเหนียวค่ะ ยินดีให้ช่วยแปลเลยค่ะ เดี๋ยวไปหาข้อมูลดีๆ แล้วจะมารบกวนนะคะ จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 18 มิ.ย. 50 10:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากๆนะคะพี่วิกกี้ เมื่อวานนั่งอ่าน อย่างเมามันเลย วันนี้มาบอกว่า ขอบคุณมากๆค่ะ ข้าวปุ้นชอบอึเป็นสายสร้อยค่ะ แย่จัง จากคุณ : pumuq - [ 18 มิ.ย. 50 10:43:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ยกนิ้วให้เลยค่ะ ^_^ ขอบคุณข้อมูลดีๆที่มาบอกกันนะคะ จากคุณ : a little green frog - [ 18 มิ.ย. 50 10:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ดี ค่ะ คุณ แม่หมีตัวอ้วน มีข้อสงสัยนิดหน่อยค่ะ รบกวนแม่หมีนิดนึงว่า ใน คห.ที่7 เรื่องผลไม้ ที่ว่า ...ไม่ควรให้กินผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง .... คำว่าไฟเบอร์เนี่ย ในอาหารเม็ด กับไฟเบอร์ในผลไม้ มันเป็นคนละอย่างกันใช่ไหมคะ..... หลงนึกไปว่าไฟเบอร์สูงแล้วดีกับกระต่ายซะอีกค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : j_jan - [ 18 มิ.ย. 50 12:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เเม่หมีตัวอ้วนคับพักนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาเเวะห้องกระต่ายเลยอ่ะคับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคับ เเน่นมากๆไว้จะเข้ามาอ่านใหม่นะคับ จากคุณ : อู๋ (ปลาทองความจำสั้น) - [ 18 มิ.ย. 50 12:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ  อย่างนี้บุญมี กะ บุญเหลือ  ไม่ยอมกินหญ้าขนสด ๆ   แต่กินหญ้าแห้งเป็นประจำตั้งแต่เด็ก ๆ  แบบนี้มันทดแทนกันได้ป่ะคะ  ถ้าได้จะได้ไม่ต้องฝืนใจเค้ากินหญ้าสดอ่ะค่ะ จากคุณ : kaejiann - [ 18 มิ.ย. 50 13:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณ j_jan คะ เข้าใจถูกแล้วค่ะ ไฟเบอร์ดีกับกระต่ายค่ะ ที่ว่าอย่าให้ผลไม้ไฟเบอร์สูง ต้องอ่านให้จบประโยคค่ะ ตอนแรกอาจงงเล็กน้อย แต่หมายความว่า สำหรับผลไม้ไฟเบอร์สูง อย่าให้มากกว่าอาทิตย์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง และควรให้ไม่เกิน 1 หรือ 2 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำหนัก 5 ปอนด์ สำหรับผลไม้ไฟเบอร์ต่ำไม่ควรให้แลย นะคะ   คุณ kaejiann คะ หญ้าแห้งก็ไฟเบอร์สูงนะคะ ไม่กินหญ้าสด หญ้าแห้งก็ใช้ได้ค่ะ จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 18 มิ.ย. 50 17:09:04 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ แม่หมีตัวอ้วน ขอบคุณค่ะ ตอนแรกที่อ่านแล้วงง ก็พยายามอ่านกลับไปมา สุดท้ายถามดีกว่าเพื่อความชัวร์ ชัดเจน....ค่ะ :-) จากคุณ : j_jan - [ 18 มิ.ย. 50 22:36:37 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่อุส่านั่งแปลให้นะคะ เป็นประโยชน์มากมายเลย  แต่มีข้อสงสัยนิดหนึ่งอ่ะค่ะ คือกุนเชียงมันชอบกินถั่วฝักยาวมากๆๆๆๆ แต่ที่อ่านดูเค้าห้ามไว้ นี่คือต้องงดให้กินถั่วเลยใช่มั้ยคะ  (ตายแน่แกไอ้กุนเชียงอดของโปรดแล้ว ) จากคุณ : เจ้าหญิงของเฟิร์ส - [ 19 มิ.ย. 50 01:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เค้าว่าไว้อย่างงั้นค่ะ คุณเจ้าหญิงของเฟิร์ส จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 19 มิ.ย. 50 07:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ค่ะ  สงสารลูกจัง T_T อดแล้วแกไอ้กุนเชียง จากคุณ : เจ้าหญิงของเฟิร์ส - [ 19 มิ.ย. 50 10:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ปกติให้กินหญ้าสดทุกวัน  จำเป็นต้องให้หญ้าแห้งอีกไหมคะ (แล้วให้กินต้นตะไคร้แห้งๆ ได้ไหมคะ) จากคุณ : ครอบครัวโชกุน - [ 19 มิ.ย. 50 15:39:41 ]

ความคิดเห็นที่ 50 จริงๆ ตามที่เค้าเขียนไว้ เค้านับหญ้าสดเป็นผักชนิดหนึ่งค่ะ ควรให้กินหญ้าแห้งด้วย แต่เคยถามหมอรูปหล่อ หมอบอกว่ากินแต่หญ้าขนสดก็ได้นะคะ จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน - [ 19 มิ.ย. 50 15:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณคะพี่วิกกี้ นู๋หมวยเข้ามาเก็บข้อมูลก่อนไปเรียนต่อ.....ต้องขออภัยด้วยนะคะหากจะหายหน้าหายตาไปบ้าง...ปี4แล้วงานมานเยอะขึ้นอ่ะคะ... จากคุณ : sumojung - [ 20 มิ.ย. 50 11:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณคับ ^^ จากคุณ : ladydunce - [ 21 มิ.ย. 50 06:46:11 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณมากๆเลยค่า จากคุณ : seemok (seemok) - [ 21 มิ.ย. 50 14:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณค่ะ จะไปซื้อผักให้ซูชิกินละค่ะ จากคุณ : ouncejung (ouncejung) - [ วันต่อต้านยาเสพติดโลก 11:21:38 ]