ความคิดเห็นที่ 1 ยังไม่มีใครตอบเข้ามาตอบเอง... หลังจากโพสถามแล้วก็ลอง search ก็เลยเจอคำตอบค่ะ  หุหุหุ  ^_^  หากใครมีประสบการณ์จริงก็เอามาแชร์กันนะคะ จะในประเทศ นอกประเทศก็ได้ค่ะ ************************************ *บทความนี้คัดลอกจาก นิตยสารเที่ยวรอบโลก ฉบับเดือนกรกฎาคม 2549* คอลัมน์ Ask the expert เรื่องโดย คุณ ภัทรียา การนำสัตว์เลี้ยงโดยสารเครื่องบิน การที่ต้องปล่อยสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่กับบ้านเพียงลำพังอาจจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลหลายท่าน ด้วยเหตุนี้สายการบินต่างๆจึงได้อนุญาตให้มีการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินไปด้วย ส่วนวิธีการและขั้นตอนจะเป็นอย่างไรนั้น เที่ยวรอบโลกได้รับเกียรติจากคุณธนู เสาวรส ผู้จัดการกองพัฒนาการตลาด หน่วยธุรกิจการพาณิชย์สินค้าและไปรษณีย์ภัณฑ์ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มาไขข้อข้องใจให้ทราบกัน สำหรับการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกับเรามี 2 วิธีนะครับ หนึ่งคือพาไปเช็คอินพร้อมกับผู้โดยสารเอง เรียกว่า pet in cabin ซึ่งจะมีกฎระเบียบรองรับไว้ อาทิ สัตว์จะต้องสะอาด ไม่ตั้งท้อง ไม่เป็นอันตรายและรบกวนผู้โดยสารผู้อื่น ต้องมีกรงเรียบร้อยที่ถูกต้องตามกฎ คือมีขนาดไม่เกิน 22x15x12 นิ้ว น้ำหนักรวมของสัตว์และกรงต้องไม่เกิน 10 กิโลกรัม และขึ้นได้ไม่เกิน 2 ตัวต่อเที่ยวบิน แต่ถ้าเป็นเครื่องลำเล็ก เช่น  โบอิ้ง 737 อนุญาตให้นำขึ้นได้ไม่เกิน 1 ตัว แต่ในกรณีที่สัตว์ไม่เหมาะสมที่จะนำขึ้นเครื่องในห้องโดยสาร หรือถ้ามีขนาดเกินที่กำหนด ก็จะสามารถโหลดไปใต้ท้องกับสัมภาระได้ เรียกว่า pet in hold ในส่วนของขั้นตอนการนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่อง เราก็ต้องติดต่อจองพื้นที่ไว้ก่อน ยิ่งถ้าเดินทางในช่วงพีกมากๆ เช่น สงกรานต์ก็ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเนิ่นๆ นั่นคือเมื่อท่านโทรมาสำรองที่นั่งสำหรับตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็แจ้งให้พนักงานทราบว่าจะมีสัตว์เลี้ยงไปด้วย เราก็จะคุยรายละเอียดกันว่าจะนำไปยังไง จากนั้นก็ให้แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับขนาด น้ำหนัก อายุของเขา แล้วก็ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับกรง ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะมีกฏเกณฑ์สากลกำกับเอาไว้ตามมาตรฐานของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ว่าด้วยระเบียบการชนส่งสัตว์มีชีวิต (Live Animal Regulation) สำหรับค่าใช้จ่ายในการนำสัตว์เลี้ยงโดยสารเครื่องบิน ไม่ว่าจะนำขึ้นในเคบินหรือจัดส่งในห้องสัมภาระ จะชาร์จราคาเท่ากับ Excess Baggage หรือค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บจากน้ำหนักส่วนเกินแล้วแต่เส้นทางบิน ซึ่งก็คือ 1% ของราคาตั๋วชั้น 1 ในแต่ละเที่ยวบิน จะมีเพิ่มเติมก็คือกรณีนำสุนัขนำทางของผู้โดยสารที่พิการทางสายตาหรือการได้ยิน ทางการบินไทยอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น อีกวิธีนอกเหนือจากนั้นคือถ้าท่านเจ้าของไม่ได้เดินทางเองแต่อยากส่งสัตว์เลี้ยงไปกับเครื่องบิน ก็ส่งไปในรูปของคาร์โก้ได้ ซึ่งอันนี้เราจะมีกฏเกณฑ์ว่าจะโหลดยังไง จะต้องใส่กรงยังไง จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้ส่งที่จะตองเตรียมเอกสารต่างๆที่จะใช้ในการส่ง เช่น ใบรับรองสุขภาพสัตว์ ใบรับรองการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า รวมไปถึงใบอนุญาตนำสัตว์เข้าประเทศปลายทางด้วย ซึ่งส่วนนี้สอบถามได้จากเจ้าหน้าที่ของสายการบิน เพราะบางประเทศห้ามนำเข้าสัตว์บางชนิด ในการส่งสัตว์เลี้ยงไปทางคาร์โก้ มีข้อกำหนดต่างๆคล้ายกันกับการนำเขาโดยสารไปด้วย แต่พอถึงวันที่กำหนดเดินทาง ผู้ส่งจะต้องนำสัตว์เลี้ยงมาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่คลังสินค้าไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงก่อนจะบิน เพื่อตรวจสอบการบรรจุว่าแข็งแรงเรียบร้อยดี ซึ่งทางการบินไทยก็มีข้อกำหนดในการปฎิบัติการรับสินค้าไว้ เพื่อให้สัตว์ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด เช่น จัดวางในที่อุณหภูมิพอเหมาะ มีอากาศถ่ายเทดี หรือไม่วางสัตว์ที่มีความรู้สึกไว เช่น สุนัขไว้ใกล้กับศพ คือบางครั้งจะมีการขนศพขึ้นเครื่องบินด้วย เมื่อตรวจสิบเอกสารและกรงสัตว์ที่จะทำการขนส่งแล้ว เราก็จะออกใบตราส่งสินค้า เรียกว่า Air Waybill ใบนี้จะใช้สำหรับกำกับการส่งสินค้าแบบเดียวกับตั๋วผู้โดยสาร และคิดค่าส่งตามที่กำหนด ปัจจุบันเราคิดอัตราระวางที่ 150% ของระวางขนส่งสินค้าทั่วไป เช่น ถ้าจะส่งไปโตเกียว ค่าส่งสัตว์มีชีวิตจะอยู่ที่ 185 บาทต่อ 1 กิโลกรัม ถ้าไปลอนดอนชีวิตจะอยู่ที่ 414 บาทต่อ 1 กิโลกรัม ถ้าไปปลายทางใหม่ที่การบินไทยกำลังจะเปิดในเดือนตุลาคม คือโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ จะอยุ่ที่ 431 บาทต่อ 1 กิโลกรัม เป็นต้น ซึ่งส่วนการขนส่งสัตว์เลี้ยงทางคาร์โก้ เราถือว่าเป็นสินค้าที่จะต้อดูแลเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นจะมีการติดต่อประสานงานระหว่างทุกหน่วยงานตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยใช้รหัสว่า AVI เจ้าหน้าที่จะได้รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องดูแลเป็นพิเศษอย่างไรบ้าง จึงต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปกติเล็กน้อย รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวการการส่งสัตว์เลี้ยงทางอากาศลักษณะคาร์โก้ รวมทั้งอัตราค่าขนส่ง สอบถามได้ที่แผนกรับสินค้าขาออก โทร. 0-2535-3152-5 และสำหรับการนำสัตว์เลี้ยงร่วมเดินทาง สามารถติดต่อได้ที่กองสำรองที่นั่งผู้โดยสาร โทร.1566 หรือ               0-2628-2000 จากคุณ : มาม่าน้ำข้น - [ 27 มิ.ย. 50 10:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น้องยูมิจะโกอินเตอร์เหรอจ๊ะ ไปอยู่ตลอดเลยเหรอ ต้องคิดถึงแน่ๆเรย ที่เมกาดีนะ แค่ตรวจสุขภาพนิดหน่อยแล้วก็ไปอยู่กับเจ้าของได้เลย รู้มาจากเปิ้ล (เริ่มต้นจากที่นี่) เค้าก็เคยพาไปอยู่เมกาค่ะ แต่ที่เยอรมันอ่ะ ถ้าหล่นต้องไปอยู่ หล่นจะต้องไปอยู่สถานกักกันสัตว์เพื่อตรวจและดูอาการอีก 6 เดือน!!! ไม่เข้าใจหัวอกเจ้าของซะเร้ยยยย จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 27 มิ.ย. 50 15:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องตรวจสุภาพเพื่อขอ International Health Certificate ด้วยนะคะ ที่เมืองไทยเราไม่แน่ใจกระบวนการ แต่ที่อเมริกาเราก้ก็ให้หมอตรวตและออกใบ จากนั้นต้องไปให้สาขาของกระทรวงเกษตรปั๊มอีกทีค่ะ ต้องมีอายุไม่เกิน (ถ้าจำไม่ผิด) 7 วันก่อนการเดินทางนะคะ อัตราค่าโดยสาร สมัยเราเอาแกมจิมาก็หลายปีอยู่ โหลดใต้เครื่องเดินทางด้วยกันของ United เค้าจะมีบัตรติดอย่ที่กรง แล้วก่อนเครื่องออกจะมีคนฉีกบัตรออกจากกรงขึ้นมาให้เราบนเครื่อง เพื่อยืนยันว่ากระต่ายมาลำเดียวกับเรา โหลดเรียบร้อยแล้ว (จำได้ว่าตอนเปลี่ยนเครื่องครั้งนึงเค้าไม่เอาบัตรมาให้ ตามแทบตาย เค้าก็บอกว่าขึ้นแล้ว แต่บัตรอยู่ไหนไม่รู้ กลัวแทบตาย แต่สุดท้ายก็มาพร้อมกัน) ตอนนั้น Carrier เล็กสุด(มีจำกัดขนาดลองดูได้ในเวป ใส่หมาตัวเล็กๆได้สบาย กระต่ายไม่ต้องห่วงค่ะ) 170 USD ค่ะ ถ้าโหลดใต้เครื่อง ควรซื้อ Carrier ที่มีใบรับรอง (จากอะไรซักอย่าง เป็นชื่อย่อ น่าจะ FTA มั๊ง) ถ้าเป็นไปได้อยากให้ระวังเรื่องสภาพอากาศ เพราะถึงแม้ใต้เครื่องจะปรับความดันและอุณภูมิแล้ว เรามาถึงดอนเมืองแกมจิตัวเย็นเจี๊ยบ เย็นไปทั้งกรงเลย เค้าจึงไม่แนะนำให้เดินทงในช่วงที่อากาศร้อนมากๆ เพราะเวลาขึ้นๆลงๆ แวะที่ไหน สัตว์ก็จะต้องเจออากาศหนาวๆร้อนๆ อาจจะมีปัญหาปรับตัวไม่ทันค่ะ สำหรับการเอาขึ้นบนเครื่องนี่ ต้องดู routhe ด้วย อย่างตอนเราหาข้อมูลนี่ บางสายการบินยอมให้เอากระต่ายขึ้นในเคบินได้ (หลายสายการบินให้แต่หมา แมว และนกค่ะ) แต่พอโทรไปถาม กลับได้รับข้อมูลว่า เอาขึ้นเครื่องไม่ได้ เพราะอย่างนั้นต้องเอาลง transit ที่ Narita Airport แต่กฏของญี่ปุ่น การจะนำสัตว์เข้าและออกจากประเทศ ต้องผ่านการกักกัน 3 วัน (เข้า 3 ออก 3) เค้าบอกว่าแม้แต่แค่ transit ก็ไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นได้รับข้อมูลที่ถูกต้องรึป่าว ลองเช็คดูนะคะ จากคุณ : กระต่ายเมืองกรุง - [ 27 มิ.ย. 50 16:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะพาน้องยูมิ ไปอเมริกา เหรอค๊า ดีจัง น้องยูมิจาได้ไปเที่ยวอเมริกาซะด้วย (อยากไป ๆ) อ่าอันนี้ขอถามนะคะ ว่า  ถ้าประเทศใกล้ ๆนี่ไม่ห่วงเท่าไหร่นะคะ แต่ถ้าไกลๆ อย่างอเมริกา นี่ เรื่องอาหารการกินนี่ เราสามารถทิ้งอาหารไว้ในกรงขนส่งเค้าได้ไหมคะ เพราะนั่งเครื่องนานมากเลยนะ ปล. พายุมิอเมริกาด้วยนะหนับหนุนคะ แต่ แต่ ข้างๆ อะ เค้ามะให้ปายนะ เค้าหวง อิอิ จากคุณ : Iccy_su - [ 27 มิ.ย. 50 18:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนนี้ก็กำลังเตรียมการพาน้องกระต่ายเข้ามาค่ะ เริ่มแรกก็ต้องไปขอใบอนุญาตินำเข้า-ส่งออกจากกรมปศุสัตว์ค่ะ ติดต่อวันเดียวได้เลยค่ะใบอนุญาติมีอายุ หนึ่งเดือนค่ะ จากนั้นก็ไปขอใบอนุญาติจากกรมป่าไม้ค่ัะ้เนื่องจากน้องกระต่ายจัดว่าเป็นสัตว์ป่า(ภายใต้อนุสัญญา CITES) ที่กรมป่าไม้เนี่ยดำเนินเรื่องนานมา่กค่ะเนี่ยยื่นใบพร้อมเอกสารไปแล้วสองอาทิตย์ยังไม่ได้รับกาีรตอบรับเลยค่ะตอนนี้ก็ได้แต่รอ น้องกระต่ายก็ยังเข้ามาไม่ได้ค่ะ....เศร้า จากนั้นต้องเอากระต่ายไปตรวจสุขภาพตามเงื่อนไขที่กรมปศุสัตว์ออกไว้ค่ะ ที่สำคัญอย่าลืมใบนำเข้าน้องกระต่ายเข้าประเทษอเมริกานะคะไม่งั้นไม่ให้น้องเข้าค่ะ แถมยังเอากลับไม่ได้ด้วยค่ะเค้าจะทำลายอย่างเดียว ...... เข้าเว็ป ของกรมป่าไม้เพื่อโหลดแบบฟอร์มได้ค่ะ ที่ www.dnp.go.th เบอร์โทร 025614292 ค่ะ หรือถ้าสะดวกก็ไปติดต่้อที่ หน่วยงาน CITES ชั้น 1 อาคารปลอดประสก (ไม่รู้สะกดถูกหรือเปล่านะคะ) หรือไม่ก็ลองโทรถามด่านกักกันสัตว์สนามบินสุวรรณภูมิได้ีค่ะ เจ้าหน้าที่ใจดีมาก เบอร์ค่ะ 02-1340731-2, 02-1340636 ลองสอบถามดูนะคะ เพราะเราเองก็ไม่ชัวร์ว่าให้ข้อมูลตรงรึเปล่าเพราะเราจะนำเข้ามาไทยค่ะ ไม่ได้พาออกไป แต่คาดว่าขั้นตอนคงไม่ต่างกันมากนักเนอะ.... โชคดีนะคะ จากคุณ : ซาโย (aoiobake) - [ 27 มิ.ย. 50 19:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ค่าธรรมเนียมในการขอเอกสารฟรีค่ะ แต่ค่าตรวจสุขภาพไม่ทราบค่ะว่าบ้านเราราคาเท่าไหร่ จากคุณ : ซาโย (aoiobake) - [ 27 มิ.ย. 50 19:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ยังพี่แดงยังไม่ไป ไปปลายปีค่ะ เราจะให้เค้านั่งไปกับเราเดินทางสองคน การบินไทยไม่มีปัญหาค่ะ กฎที่ญี่ปุ่นเหมือนเดิมค่ะ ต้องไม่ทรานซิสที่นู่น  เราก็หาจากในนี้ติดต่อปศุสัตว์เรื่องขั้นตอนอยู่ค่ะ รายระเอียดเด๋วหลังไมค์ไปนะคะ จากคุณ : เริ่มต้นจากที่นี่ - [ 28 มิ.ย. 50 01:01:09 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณเพื่อนๆนะคะ ที่มาแชร์ความรู้ให้ฟังค่ะ จะพาน้องยูมิไปอยู่เลยค่ะ ไปแต่งงานค่ะ ป๊ะป๋าเค้าทำงานที่นู่น  ว้า... ทั้งญี่ปุ่น เยอรมัน เป็นที่ที่อยู่ในแผนหมดเลยค่ะ  ตอนแรกกะว่าจะไปแวะเที่ยวที่บ้านญาติป๊ะป๋ายูมิ ที่โตเกียวก่อน 2-3 วัน หรือไม่ก็อาจจะไปเยอรมันบ้านคุงย่ายูมิ  สงสัยคงต้องเลือกบินตรงซานฟราน 17 ชม แล้วก็ค่อยไป salt lake ต่อแล้วล่ะ  แล้วยูมิจะเป็นไงเนี่ย ไม่ได้พักเลย  แต่ก็ดีจะได้ถึงเร็วๆ ไม่ต้องมัวโอ้เอ้...อิอิอิ ^_^ เอ..แล้วแต่ละสายการบินเนี่ยจะมีกฏเหมือนหรือต่างกันมากมั๊ยคะ  สงสัยเราต้องเลือกไปการบินไทยแล้วล่ะ เค้าคงเห็นใจคนไทยด้วยกันมากกว่าฝาหรั่งแหละ  เราอยากให้ยูมิไปนั่งด้วย น้องจะได้ไม่กลัว เพราะไม่เคยได้เดินทางไกล ปล. 1.พี่แดงคะ ยูมิก็คงคิดถึงพี่หล่นสุดหล่อเหมือนกัน แต่ไปแล้วยังไงก็ยังคงสิงสถิตย์ในห้องกระต่ายไปอีกนานค่ะ โชคดีนะคะที่ที่ทำงานคุงแฟนให้เอาสัตว์เข้าไปได้ มีคนเลี้ยงยูมิช่วยแล้วค่ะ 2.คุณเปิ้ล (เริ่มต้นจากที่นี่) จะเดินทางต้นปี เดือนไหนคะ  เรากะจะไปปลาย ม.ค ค่ะ หรือไม่ก็ กลาง กพ.ค่ะ 3. ขอบคุณคุณกระต่ายเมืองกรุง,คุณIccy_su และคุณซาโย ด้วยนะคะ ได้ข้อมูลเยอะเลยค่ะ  ต้องรีบหาข้อมูลเตรียมการตั้งแต่เนิ่นๆค่ะ ยูมิฝากขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ จากคุณ : มาม่าน้ำข้น - [ 28 มิ.ย. 50 10:52:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จ๋าจ้ะ ยังไงก็ยังเจอกันในเน็ตเนอะ เห็นด้วยกับที่ว่าเดินทางให้สั้นที่สุดไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของยูมิอ่ะจ้ะ จะว่าไปก็เสียดายเหมือนกันเนอะ ต้องหยุดแวะหลายที่เลย ญาติๆทั้งนั้น ขอให้เจอplanที่ดีที่สุดแล้วกันจ้า จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 28 มิ.ย. 50 15:21:37 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ยังไงขอให้รอดพ้นจากความวุ้นวายนะครับ ทำเรื่องให้ผ่านฉลุยเลยนะครับ จากคุณ : bunny_society - [ 28 มิ.ย. 50 19:38:59 ]