ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ วันจันทร์ที่ 2 ที่บุหงาไปซื้อกล้วยไม้ป่ามาจากตลาดโต้รุ่ง ซึ่งเขามาวางแบขายกับดิน วันอังคารที่ 3 ซึ่งวันนี้บุหงาไม่มีเรียน A ก็ไปส่งบุหงาพร้อมกับกล้วยไม้ที่ซื้อมาที่บ้าน แล้วAก็ไปทำงาน บุหงาก็นั่งตัดแต่ง ปลูกกล้วยไม้ไป ส่วนที่ปลูกแล้วก็มีรองเท้านารี (บางส่วน) ไอยเรศ เป็นกอยังไม่ปลูก ห้อยหัวไว้  ปากนกแก้วก็รื้ออกจากขอน เพราะคิดว่าดูไม่ค่อยสวย เลยแกะพักไว้ในตะกร้าและกะว่าจะปลูกลงกระถาง ต่อมาวันพุธที่ 4 มีเรียนตอนบ่าย ออกจากบ้านที่ร้อยเอ็ดตอน 5 โมงครึ่ง ไปเรียนที่สารคาม แล้วบ่ายๆก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ ว่ามีคนบอกว่าเราไปขโมยกล้วยไม้เค้า  พอกลับบ้านที่ร้อยเอ็ด กล้วยไม้ที่บุหงาซื้อมาก็ถูกคนนั้นยกไปหมดแล้ว คือ ไอยเรศกับปากนกแก้ว และขอนไม้ที่ปากนกแก้วเกาะ ที่แกะแล้วห้อยเอาไว้เขาก็เอาไปด้วย โทรไปหาคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้ และจะนัดเจอกันและคุยกัน เค้าบอกว่า เค้ามีพยานเป็นยามบริษัทข้างๆรู้เห็นว่ามีคนปีนกำแพงเข้าไปขโมยกล้วยไม้เค้า บอกว่าไปกันเป็นกลุ่ม 3-4 คน ไปรถมอเตอร์ไซค์ แล้วขโมยของเค้าไป แล้วเค้าก็ไปสำรวจหากล้วยไม้ของเค้าที่เค้าว่าหายไป โดยสงสัยคนกันเอง ตอนแรกไปบ้านพี่B ไม่เจอกล้วยไม้ที่เค้าว่าหายไป ก็ไปบ้านพี่ดอกบัวตอง 2 ทำท่าไปเดินดูกล้วยไม้ พอไม่เจอกล้วยไม้ที่เค้าว่าหายไป ก็มาบ้านบุหงา แกมาเจอกล้วยไม้ที่บุหงาได้มาใหม่ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ 4 พอดีตอนนั้นบุหงาไปเรียนด้วย เค้าไม่เจอบุหงา เค้าเจอแต่พ่อกับแม่บุหงา เค้าก็ทำทีว่าไปขอชมกล้วยไม้ เพราะชอบเหมือนกัน แม่ก็ใสซื่อ เพราะไม่มีอะไร ก็พาไปชมกล้วยไม้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนั้นเค้าก็กลับมาพร้อมตำรวจหลายนาย ที่พกอาวุธปืนมาหลายกระบอก และมีนักข่าวมาถ่ายทำ ออกเคเบิลทีวีที่ร้อยเอ็ด กลายเป็นว่าเค้าทำให้บุหงาเป็นเสมือนคนขโมยกล้วยไม้เค้า เพราะเค้ายืนยันว่าของเค้า เค้ากล่าวอ้างว่ามีรูปถ่ายยืนยันเป็นหลักฐาน(แต่ตอนมาเอาไม่มีรูปถ่ายมาอ้างจริงๆ) แล้วเค้าก็ยกกล้วยไม้ไป  ซึ่งตรงนี้ไม่ทราบว่าใครยกไป เพราะบุหงาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แม่ก็บอกตอนนั้นวุ่นวายมาก เจ้าหน้าที่เยอะมาก จนจำไม่ได้ว่าใครเป็นใคร แต่มีการออกข่าวที่เคเบิลแล้ว ทำให้ทุกคนในละแวกนั้นที่เห็นเหตุการณ์และได้ชมการแพร่ภาพข่าวเคเบิล ซึ่งทำให้ครอบครัวของบุหงาและบุหงาเสียชื่อเสียงมาก  และผู้คนรอบข้างที่อยู่บ้านใกล้กันก็เข้าใจผิดคิดว่าบุหงาเป็นโจร จากคุณ : บุหงากะสุต - [ 5 ก.ค. 50 17:30:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วันนี้ วันพฤหัสที่ 5 นัดคุยกับคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้  เวลา 4 โมงเช้า บุหงา A และแม่ ได้ไปที่ร้านของคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้  เพื่อที่จะบอกเหตุผล ด้วยความจริงใจของบุหงาเองว่าไม้ที่ได้มาได้มาอย่างไร ซึ่งบุหงาก็ได้ยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้ขโมย ไปซื้อมาจริงๆ ที่ตลาดโต้รุ่ง ในช่วงแรกๆที่พูดคุยกันคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้บอกว่าไม่มีกล้วยไม้ขายที่ตลาดโต้รุ่งเลย ไม่มีร้าน ไม่มีแผง ซึ่งเย็นวันที่ 4 บุหงาก็ได้ไปพูดคุยกับแม่ค้าหลายเจ้า ที่ขายของทุกวัน เค้าก็บอกว่ามีกล้วยไม้มาขาย อาทิตย์นึงจะมีมาขาย 3-4 ครั้ง พอเราบอกอย่างนี้กับคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้ เขาก็บอกให้บุหงาไปตามหาคนที่ขายไม้ให้บุหงาให้เจอ  โดยอ้างว่าถ้าบุหงาหาไม่เจอ ก็หมายความว่าบุหงาโกหก และความหมายของเค้าก็คือถ้าหากพ่อค้าไม่มีตัวตนจริง บุหงาและพี่ดอกบัวตอง2 ก็คือคนที่ปีนเข้าไปขโมยกล้วยไม้ที่บ้านของเค้า  โดยที่เค้ากล่าวอ้างอย่างมั่นใจ  แต่บุหงายังยืนยันคำเดิมว่าบุหงาไม่ได้ขโมย ไปซื้อมาจริงๆ และคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้เค้าก็ไม่ฟังเราเลย เพราะเค้าฟันธงในใจเรียบร้อยแล้วว่าบุหงาและพี่ดอกบัวตอง2 เป็นขโมย  และบอกให้บุหงาสารภาพ ยอมรับความผิด และให้บอกชื่อคนที่ไปด้วยและเค้าบอกว่าเค้าจะช่วย แต่เจ้าหน้าที่คงจะไม่เลิกรา เพราะเป็นคดีอาญา ซึ่งมันทำให้บุหงารู้สึกว่า ยังไงเค้าก็จะพยายามทำให้บุหงาสารภาพ โดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของบุหงา  และเค้าได้เอาเรื่องการเรียนของบุหงามาอ้าง ว่า หากเค้าไม่ยอมมันอาจจะส่งผลให้บุหงาต้องถูกพักการเรียน ซึ่งมันทำให้แม่ที่นั่งฟังอยู่ แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ด้วยความรู้สึก ถูกบีบบังคับ และทำลายอนาคตลูก และเค้ายังกล่าวอ้างอีกว่า ลูกของเค้าก็เป็นวัยรุ่น เคยทำผิดเหมือนกัน และเค้าพยายามบีบบังคับลูกของเค้าให้สารภาพ และสุดท้ายเค้าบอกว่าลูกเค้าก็ยอมรับสารภาพ ซึ่งเค้าเอามาเป็นบรรทัดฐานและเปรียบเทียบกับบุหงา ที่มีการดำเนินชีวิตต่างกันโดยสิ้นเชิง  และยังพยายามทำให้คล้ายว่ามันเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน  และแม่บุหงาก็พูดว่า ลูกฉันฉันรู้จักและฉันก็เลี้ยงมาจนโตกับมือฉันเอง ฉันก็รู้ว่าลูกฉันเป็นคนนิสัยยังไง  และคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้ได้เกิดความรู้สึกค่อนข้างรุนแรง และกล่าวอ้างถึงรูปคดีว่ามีความผิดเทียบเท่าขับรถชนคนตาย ซึ่งเป็นคดีอาญา แม้เจ้าทุกข์ยอมความได้ แต่ตำรวจคงยอมความไม่ได้  และยังคงกล่าวซ้ำคำเดิมอีกว่าให้สารภาพความจริงมาซะ อยู่หลายครั้งหลายหน โดยที่ไม่สามารถยืนยันวันที่กล้วยไม้ของเค้าหายได้ และไม่สามารถระบุตัวขโมยได้ และเค้าบอกว่าของกลางอยู่บ้านบุหงา ยังไงเสียบุหงาก็ต้องเป็นขโมยและก็ต้องยอมรับสารภาพเพียงอย่างเดียว จนตัวบุหงาและคนที่ไปด้วย ค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่มีการประนีประนอม ถึงแม้คู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้จะใช้ถ้อยคำ กล่าวอ้างอย่างสละสลวย  และทำให้เหมือนตัวบุหงาจะปลอดภัย  แต่จริงๆแล้วในความรู้สึกของบุหงาและคนที่ไปด้วยมันเหมือนกับว่าบุหงาต้องรับผิดชอบโดยการยอมรับผิดเพียงแต่อย่างเดียว  ถึงแม้บุหงาจะได้กล่างอ้างถึงเหตุผลหลายต่อหลายครั้งแล้วในการสนทนา แต่ดูเหมือนว่าเค้าไม่ยอมให้จบแต่เพียงคำพูดของเค้า  บุหงาและคนที่ไปด้วยฟังแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่จึงได้ขอตัวกลับ และในขณะที่ขอตัวกลับนั้นเอง คู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้ได้ใช้น้ำเสียงที่ฟังดูน่ากลัวคล้ายข่มขู่บอกกับแม่บุหงาว่าให้ไปเตรียมหาเงิน ถึงแม้พ่อแม่ของบุหงาจะหาเช้ากินค่ำ แต่ก็ต้องหาเงินมาให้ได้ภายในวันนี้ เพื่อที่จะใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันตัวบุหงา  ซึ่งจะถูกจับกุมภายในวันนี้  และตอนนี้เราก็ต่างรู้ว่าคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้ไม่มีความจริงใจ ในการเจรจา โดยการกล่าวอ้างต่างๆนานา  หรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม คนที่โกหกหนึ่งเรื่องย่อมโกหกเรื่องที่สอง เรื่องที่สาม และต่อไปอีกเรื่อยๆ จนไม่สามารถจะพูดความจริงได้  และตัวบุหงาเองก็รู้ว่าคงหมดหนทางในการพูดคุยกับเค้าเพื่อให้เรื่องจบตามที่ตำรวจแนะนำ จากคุณ : บุหงากะสุต - [ 5 ก.ค. 50 17:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตัวบุหงาเอง ขอกล่าวว่า ตั้งแต่อาทิตย์ก่อน จนถึงวันนี้ บุหงาสามารถหาหลักฐานและพยานที่จะใช้มากล่าวอ้างได้ว่าบุหงาทำอะไรบ้างในช่วงเวลาต่างๆ และหลายคนที่บุหงาขอความร่วมมือ ต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  โดยที่บุหงาไม่คิดมาก่อน บุหงารู้สึกดีใจ ที่เค้ามีน้ำใจช่วยถึงไม่มากก็น้อย ในส่วนต่างๆที่เขาสามารถทำได้ จนบุหงาได้รู้ถึงความมีน้ำใจของคนหลายคน ถึงแม้ไม่ใช่พ่อแม่เดียวกันหรือคนรู้จักมักจี่ ซึ่งต่างกับคนที่บุหงาได้เข้าไปพูดคุยในช่วงเช้าซึ่งนั่นก็คือคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้ซึ่งรู้จักมักจี่กันเป็นอย่างดี  ตอนนี้บุหงามีหลักฐานหลายชิ้น ซึ่งถ้าบุหงาใช้หลักฐานนั้น เพื่อที่จะมาใช้ต่อสู้ในการดำเนินคดี  ผลมันค่อนข้างจะออกมาแน่นอนว่า คู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้มีความผิดหลายอย่าง อันได้แก่ 1.การกระทำการเกินเหตุโดยไม่มีหมายศาลของ คู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้ โดยการพาตำรวจมามากมาย พร้อมทั้งปืนยาว และนักข่าว โดยการยกกล้วยไม้ของบุหงาไปไว้บ้านเค้า โดยที่ไม่มีหมายศาลและหลักฐานมาแสดง อีกทั้งเจ้าตัวซึ่งเป็นเจ้าของไม้คือบุหงาไม่อยู่ ซึ่งเข้าข่ายลักทรัพย์ 2.ทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อหน้าที่การงาน โดยการแพร่ภาพ 3.พยายามข่มขู่บังคับให้ยอมรับสารภาพผิด ตัวบุหงาเองอยากให้ทุกคนลองรู้สึกว่า หากคนที่อ่านเรื่องนี้ เป็นตัวบุหงาเอง จะรู้สึกอย่างไรและควรจะทำอย่างไร  ซึ่งตัวบุหงาเองก็ไม่อยากให้เค้าเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งบุหงาก็รู้ว่าบุหงาควรให้ความเคารพแก่ผู้มีอายุมากกว่าซึ่งก็คือคู่กรณีที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของไม้  ซึ่งไม่ยอมรับเหตุผลและการประนีประนอม คุณคิดว่าควรจะทำเช่นไร กับสิ่งที่คุณรู้แก่ใจดีกว่าใคร!!!!!!!!!!! ช่วยบอกบุหงาหน่อย????????? จากคุณ : บุหงากะสุต - [ 5 ก.ค. 50 17:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มันเกิดขึ้นได้ยังไงน้องหงา หงาบอกว่าคนกันเองไม่ใช่หรอ ค่อยๆ คิดค่อยๆ ตัดสินใจ ทุกอย่างมีทางออก ถ้าเราบริสุทธิ์ไม่ได้ทำ ไม่ต้องกลัวครับ จากคุณ : หมอกฝน - [ 5 ก.ค. 50 17:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม้ไม่กี่ต้น..น่าจะคุยกันก่อน....เป็นเรื่องกันขนาดนี้.....เห็นใจนะน้องหงา... จากคุณ : เสือเจ้าถิ่น - [ 5 ก.ค. 50 18:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ใจเย็นๆครับ เมื่อเราไม่ผิด และมีหลักฐานยืนยัน และถ้ามั่นใจว่าคู่กรณี ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าของกลางเป็นของเขา เขาก็อยู่ในสภาพเสียเปรียบเราเห็นๆ คิดว่า การที่เขาพยายามกดดันเราด้วยวิธีต่างๆ(ซึ่งคิดว่าออกจะโอเวอร์ไปหน่อย) น่าจะเกิดจากความโกรธ ...และกลัว ที่ว่ากลัวก็เพราะว่าเขาไม่มีหลักฐานว่าของกลางนั้นเป็นของเขานั่นเอง ไม่ต้องห่วงครับ ในเมื่อเราไม่ผิดก็คือไม่ผิด อย่าให้ความสำคัญกับการกดดันของเขามากนัก เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : friedericksianum - [ 5 ก.ค. 50 18:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ให้คำแนะนำยังไม่ได้ แต่ให้ชายผ้าเขากวางตั้งสองหัวขนาดเท่าหม้อเป็นของปลอบขวัญ จากคุณ : buaravong - [ 5 ก.ค. 50 18:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอให้ใจเย็นๆนะ เอาใจช่วยค่ะ.... จากคุณ : 180/kg - [ 5 ก.ค. 50 18:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดูหรือว่ากันด้วยหลักฐานเท่านั้น ครับ ทีนี้หงาเคยไปบ้านเขาลองค้นหารูปเจ้าไอยเรศที่เขาว่าเปงของเขามาดู เทียบกับที่เราซื้อมา ส่วนเขาว่ามีหลักฐานก็ให้เอาหลักฐานมายืนยันพิสูจน์กัน ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ก็แล้วแต่จะดำเนินการต่อไปแล้วกัน เรื่องไม้พวกนี้บางทีก็ปวดหัวเนอะ ถ้าใครมาบ้านผมแล้วบอกว่ารองเท้านารีนี่เป็นของเขา ผมจะทำไงอ่ะ... รองเท้ามันเหมือนๆ กันไปหมด ถ้าเป็นไม้ดังๆ อย่าง เจซี ยังพอว่าไปอย่าง ไม้กระจอกที่เขาว่าของเขาน่ะ ถือว่าทำทานไปแล้วกัน หาได้ไม่ยาก... จากคุณ : buaravong - [ 5 ก.ค. 50 19:00:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม้ราคาไม่กี่บาท พวกเราให้กันยังมากกว่านี้เลย ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องไปขโมยใครเลย เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ ไม่ผิด ก็ไม่ต้องกลัวสู้ๆค่ะ จากคุณ : panmai - [ 5 ก.ค. 50 19:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วมีหลักฐานอะไรว่าเป็นไม้ของเขาละ   รูปถ่ายใช้ไม่ได้หรอก  นอกจากมีพยายานเท่านั้น   อะไรมั่วกันน่าดู ข่มขู่อีกต่างหาก  จะเอาไม้ของเขาฟรีๆ  เท่านั้นเอง  แค่เอาเพื่อนๆ ตำรวจมาเดินไปมาก็กลัวกันแล้ว   ถ้าไม่อยากเสียศักดิ์ศรี  แนะนำให้ฟ้องเลย   ข้อหาลักทรัพย์   บุกรุก  หมิ่นประมาท  เจ้าหน้าที่ที่ไปด้วยก็เอาข้อหาผิดวินัยด้วย เรียกค่าเสียหาย  และฟ้องอาญาด้วย   แค่นี้  ก็วิ่งมาขอไกล่เกลี่ยแล้ว  ขนาดของที่ผ่อนมาอยู่ในบ้านเรา  ติดหนี้เขาไว้  ยังมายกเอาไปไม่ได้เลย  ต้องให้เจ้าของอนูญาติก่อน  แม้ว่าจะติดหนี้เขาก็ตาม จากคุณ : ไม่รู้เป็นไร - [ 5 ก.ค. 50 19:35:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าหลักฐานพร้อมอย่าใจอ่อน เอาให้เข็ด ผิดแล้วไม่ยอมรับผิด การแจ้งความเท็จก็เป็นคดีอาญา การใส่ความให้ผู้อื่นได้รับโทษทาง อาญา เท่ากับเขาจะฆ่าเราในทางการ เรียนทางการทำงาน ไม่ใช้เรื่องเล่นๆ ที่จะยอมความรอมชอมกันได้ ถ้ากลัวเสียเวลา ในการดำเนินคดี กระซิบกับร้อยเวรเจ้าของคดีว่า คดี นี้ ขอให้ตำรวจเป็นคนดำเนินการ เราพร้อมจะไปเป็นพยานในศาลให้ กว่าจะปิดคดีในชั้นตำรวจได้ คงโดนรีด ไปหลายแสน เราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี่เสีย ถ้าตำรวจจะทำอะไร เช่นอาจเปลี่ยน ข้อหาให้เบาลง ทำลืมไม่แจ้งบางข้อหา วิธีนี้ไม่เสียเวลาเรา แต่คนที่จะเอาเรา โดนโทษทางอาญา  เดือดร้อนแน่นอนครับ จากคุณ : ชัดเจนน้องนาง - [ 5 ก.ค. 50 19:39:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สู้ สู้นะหนู อย่าไปยอมมัน มีหลักฐานอะไร ว่าเป็นไม้ของใคร มีตำหนิตรงไหน หรือเขียนชื่อไว้ก้อเปล่า ยกของเขาไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิดเต็มประตู เจ้าหน้าที่มาค้นไม่มีหมายก็ผิดนะ ฟ้องเลยไม่ต้องกลัวมัน สู้สู้ จากคุณ : krutaey (krutaey) - [ 5 ก.ค. 50 19:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ...................................................................................... _____________________บุญ รักษา นะคะ_____________________ จากคุณ : BananaWood. - [ 5 ก.ค. 50 20:07:55 A:151.24.15.119 X: TicketID:108206 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แรงเกินไป ไม่น่ายอม ต้องสู้ จากคุณ : ยุ่น..ดิ - [ 5 ก.ค. 50 20:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นกำลังใจให้ครับ เชื่อมั่นในความบริสุทธิของน้องแต่อยากจะให้ปรึกษากับทนายความเรื่องของคดีด้วยครับ สู้ครับ จากคุณ : ผู้ร่วมทาง (ผู้หลงใหล_2529) - [ 5 ก.ค. 50 20:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ต้องไปกลัวน้องมีพี้อยู่ทั้งคนพี่จะช่วยเท่าที่พี่คนนี้จะมีความสามารถช่วยน้องได้..ต้องสู้ถึงจะชนะ จากคุณ : ดอกบัวตอง2 - [ 5 ก.ค. 50 21:08:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาเป็นกำลังใจให้น้องสาวค่ะ  ความดีต้องเอาชนะอุปสรรคได้ค่ะ จากคุณ : rpoyse - [ 5 ก.ค. 50 21:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ฟังแล้วปวดหัว เป็นกำลังใจให้ครับ  ตำรวจน่าจะสอบสวนให้ดีก่อนนะ ทำหน้าที่ให้ดี  บ้านเมืองจะได้มีความสุข จากคุณ : prakorbs - [ 5 ก.ค. 50 21:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ออกรายการของ TITV (รายการที่มีพิธีกรเป็นทนายง่ะครับ) เลยไหนๆก็ออกเคเบิ้ลของจังหวัดแล้ว เอาให้รู้กันทั่วประเทศว่าอิทธิพลจะอยู่เหนือกฏหมาย ถ้าเราไม่ผิด.........สู้เขานะ (อัดเทปบทสนทนาไว้ก็ดีนะ) จากคุณ : Co..Ltd - [ 5 ก.ค. 50 21:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขนาดออกเคเบิ้ลทีวี หมายก็ไม่มี เราเสียหาย ถ้าไม่ผิดยอมไม่ได้ แบบนี้ จากคุณ : ลุงหนวด (ลุงหนวด๒๕๔๗) - [ 5 ก.ค. 50 21:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ใจเย็น ๆ ค่อย ๆคิดนะครับ สู้ ๆ ครับ จากคุณ : Pic-s - [ 5 ก.ค. 50 22:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ใจเย็นๆๆน้องหงา เราไม่ผิดไม่ต้องกลัว สู้ๆๆ เป็นกำลังใจให้จ้าาาาา จากคุณ : เอื้องพวงพลอย - [ 6 ก.ค. 50 08:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เสียใจด้วย  แต่หากเจ้าหน้าที่ไม่มีหมายค้น  ไม่สามารถเข้าบ้านเราได้นะครับ  ไม่ทราบว่ามีหมายค้นหรือหมายศาลหรือป่าว  หากไม่มีโดนข้อหาบุกรุ+กรรโชกทรัพย์ได้นะครับ  ทั้งเจ้าหน้าที่และคนที่ไปด้วย  อ้อ+ข้อหาหมิ่นประมาท  ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย  ฟ้องได้ทั้งแพ่งและอาญา  หลักเท่าที่อ่านหลักฐานไม่พร้อมแน่นอน  สู้ๆนะครับ  ต่างจังหวัดมักจะเป็นอย่างนี้แหละที่บ้านก้เหมือนกัน  หากไม่มีเส้นสายก็อยู่ลำบาก  อะไรก็พวกพ้องอะไรก็รู้จักคนใหญ่คนโต  ต้องสู้ครับ จากคุณ : pakkalam - [ 6 ก.ค. 50 08:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คนดีพระคุ้มครองอยู่แล้ว เป็นกำลังใจให้ค่ะ เรื่องร้ายๆ อยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป เข้มแข็งเข้าไว้น่ะ จากคุณ : ยายกวนใจ - [ 6 ก.ค. 50 08:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาเป็นกำลังใจครับ ทำกันเกินกว่าเหตุจริงๆ จากคุณ : พ่อหนุ่มสตางค์ - [ 6 ก.ค. 50 09:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ฟังดูแล้วเรื่องแบบนี้ไม่น่ากลายมาเป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ...เหนื่อยแทนเลย ค่อยๆ คิดนะครับ มาเป็นกำลังให้ด้วยครับ จากคุณ : Drosera - [ 6 ก.ค. 50 10:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ลูกปืน อยู่หนาย ช่วยน้องเขาหน่อยสิ ผมว่า พอหาหลักฐาน สืบทวนพยานกันแล้ว ถ้า หมาต๋า ปูลิส เป็นผู้ทรงความยุติธรรม เรื่องนี้จะจบได้เร็วมาก ยกเว้นฝ่ายเราจะไม่ยอมจบ ฟ้องกลับได้ครับ ทั้ง หมิ่นประมาทซึ่งหน้า ขู่กรรโชกทรัพย์ แจ้งความเท็จ จำได้ว่าตอนเรียน มูลค่าของไม่เกิน 500 บาทเนี่ย เป็นลหุโทษ เรื่องนี้มักไม่ค่อยถึงศาล เพราะเป็นเรื่อง รกศาล ครับ ปูลิศ มักจะไกล่เกลี่ยให้เรื่องจบๆ ไปมากกว่า เพราะเรื่องเล็กน้อยมาก ใจเย็นๆ มีสตินะครับ จากคุณ : เสือจุ่น - [ 6 ก.ค. 50 10:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 บุหงาเกิดอะไรขึ้น สู้ๆเข้านะ อีกไม่นานอาจจะย้ายกลับไปกาฬสินธุ์ละ ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรือ่งแบบนี้ขึ้น ขอให้ผ่านพ้นไปด้วยดีนะ สู้ๆ จากคุณ : สิงโตอ้วน - [ 6 ก.ค. 50 10:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาเป็นกำลังใจให้  ถ้าเราไม่ผิด อย่ายอมนะ แจ้งความกลับไปเลย ข้อหาลักทรัพย์ หมิ่นประมาทซึ่งหน้า หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาก็น่าจะได้ เพราะออกเคเบิลทีวีด้วยนี่ ใครที่รู้เรื่องกฎหมายมาช่วยน้องเขาหน่อยนะคะ จากคุณ : อินถวา - [ 6 ก.ค. 50 13:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่ค่อยรู้เรื่องกฏหมายครับ.... แต่ให้อีกหนึ่งกำลังใจครับผม จากคุณ : abman - [ 6 ก.ค. 50 13:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สู้ๆค่ะ อย่ายอมให้เค้ารังแก จากคุณ : หลอดนีออนสีน้ำเงิน - [ 6 ก.ค. 50 15:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาให้กำลังใจน้องหงาครับ จากคุณ : jeabnun - [ 6 ก.ค. 50 15:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 34 หาเราบริสุทธิ์ใจ มีหลักฐานอย่างที่กล่าวมา สู้ครับน้อง สู้ สู้ จากคุณ : หนุ่มดอยสะเก็ด (polyline) - [ 6 ก.ค. 50 19:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เอาใจช่วยนะค่ะ...เข้มแข็ง...อดทน...ยืนอยู่บนความถูกต้องไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้นจ้ะ จากคุณ : รวงข้าวฟ่าง - [ 6 ก.ค. 50 19:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นกำลังใจให้ครับ  งานนี้ต้องสู้ด้วยหลักฐานหล่ะครับ  ไม่ทราบว่าลืมจุดหรือเปล่าครับ(คงไม่ลืม)  ภาพถ่ายที่เค้าว่ามีเป็นหลักฐานของเขาหน่ะ  ฝ่ายเขาก็ต้องมีหลักฐานยืนยันด้วยเช่นกันว่าเป็นของเขาจริง  จู่ๆ  จะมาว่าของนั้นของนี้เป็นของเขาหน่ะมันเบาเกินไป  และหากมีการเจรจาอะไรกันขอให้มีบุคคลที่สามที่เป็นกลางร่วมรับฟังด้วยก็ดี  แอบติดเครื่องบันทึกเสียงไปด้วยก็ได้  แต่อย่าให้รู้ตัวนะครับ  คนที่ขายให้คนนี้สำคัญไม่รู้เขาจะยอมเป็นพยานหรือเปล่า  เค้าไม่มีส่วนได้เสีย  ดีไม่ดีอาจเป็นขโมยตัวจริงก็ได้  ถ้าเป็นจริงมันจะพลิกไปอีกรูป  ทางที่ดีของไม่ต้องหวังเอาคืนหรอกครับ  ยังหาได้อีกถมถืด  ชื่อเสียง  เกียรติ  ศักดิ์ศรี  หัวใจของผู้เป็นแม่  เราต้องกู้เอาคืนมาให้ได้  พิสูจน์ให้ทุกคนได้รู้ว่าเราหน่ะเป็นผู้บริสุทธิ์  แน้นจุดที่ซื้อที่ว่าเป็นตลาดโต้รุ่งนั้นแหล่ะครับ  ออกไปในแนวมาหาหลักฐานสร้างความสงสัยให้แม่ค้า  จากนั้นก็ค่อยคายข่าวที่เราต้องการกระพือ  ไม่นานลุกพรึ๊บ  เอ๊ะ..............?????...............นี่แนะนำอะไรกัน.......ขอตัวครับ ปล.สู้ๆ  ครับ  (เดิมอยู่แผนกใส่ไฟยังไงก็อย่าไปเชื่อทั้งหมดนะครับ) จากคุณ : บานดึก - [ 6 ก.ค. 50 22:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เราไม่ผิดจะให้ยอมรับผิดได้อย่างไร   สู้ๆครับ  ขอเป็นแรงใจให้สู้เพื่อความถูกต้อง  ใครรู้กฏหมายช่วยน้องหงาด้วยครับ จากคุณ : ช้างเมืองชล - [ 6 ก.ค. 50 23:19:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นกำลังใจช่วยอีกแรงครับ อืม ไม่น่าทำกันขนาดนี้เลย คนรู้จักกันแท้ๆ จากคุณ : บานกู๊ก - [ 6 ก.ค. 50 23:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ใจเย็นๆน้องบุหงา..ทำไมทำกันรุนแรงจัง ถ้าเราไม่ผิด ก็อย่าไปยอม สู้ๆครับ.. จากคุณ : nui-p - [ 6 ก.ค. 50 23:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กล้วยไม้ไม่กี่ต้น แบ่งกันเลี้ยงถมเถไป ทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไปได้ เจ้าหน้าที่ของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าพกอาวุธมาอย่างกะที่น้องเล่านี่ ทำยังกับจะไปจับขุนโจรใหญ่เลย (เกินกว่าเหตุจัง จนท.เมืองนี้) นักข่าวเคเบิลก็บ้าจี้ทำข่าวไปได้ แล้วคุณท่านที่อ้างว่าเจ้าของไม้นี่ ท่าทางจะใหญ่คับร้อยเอ็ด เป็นกำลังใจให้นะครับ อย่าไปยอมแพ้มันไอ้คนประเภทนี้ ถ้าเรามั่นใจว่าไม่ผิดซะอย่าง เรื่องเกิดขนาดนี้ คงต้องหาคำปรึกษาจากทนายความดีกว่า หรือไม่ก็เข้าไปหาผู้บังคับบัญชา จนท.พวกนั้น เพื่อจะมีทางออก โชคเข้าข้าง คุณพระคุ้มครองนะครับ จากคุณ : W.D.E. (W.D.E.) - [ 7 ก.ค. 50 01:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เหอๆ มีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วย มันจะอะไรกันนักหนาฟะ จากคุณ : บอล (Ballnaja) - [ 7 ก.ค. 50 12:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เรื่องแบบนี้เค้าเรียกว่ากรรมเป็นตัวกำหนดค่ะ อาจจะเป็นวิบากกรรม จึงทำให้เรื่องราวกลายเป็นแบบนี้    ขอให้เรื่องผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : เหลืองจันท์ - [ 7 ก.ค. 50 12:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เรือ่งเเบบนี้ ต้องให้ความเป็นธรรมเเก่ 2ฝ่าย นี่เราฐานะคนอ่าน ไม่รุ้ความจิงเป็นไง เอาเป็นว่า ให้เอาพยานหลักฐานมาสู้กันดีกว่าคับ สุดท้ายกฎหมายลงโทษคน ไม่ดี คนทำผิด นั่นแหละคับ จากคุณ : binlaman (binlaman) - [ 7 ก.ค. 50 12:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เพิ่งเข้ามาอ่านวันนี้เอง ไม่มีความรู้เรื่องกฏหมาย  แต่พอแนะนำได้ว่าถ้าไปที่ศาลากลางจังหวัดจะมีทนายอาสามาให้คำแนะนำทางด้านกฏหมายให้กับประชาชนทั่วไปนะครับ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น  ถ้ายังไงลองดูอีกทางหนึ่งนะครับ  และ เป็นกำลังใจให้สู้ ๆๆๆๆ นะ จากคุณ : หนุ่มแม่ริม - [ 8 ก.ค. 50 01:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จากที่ฟังก้ไม่น่าที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตนี่ครับ เรื่องนี้ต้องฟังความสองด้านอาจจะมีอะไรที่เข้าใจผิดกันมากกว่า จขกท.น่าจะคุยกับพี่คนนั้นดู อาจแค่เข้าใจผิด หรืออาจจะเป็นวิบากกรรมแบบที่คุณเหลืองจันท์บอกก็ได้นะครับ เป็นไปได้............. จากคุณ : ahoahoman - [ 8 ก.ค. 50 14:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอไม่ออกความเห็นทางกฎหมายใดๆ ณ ที่นี้นะคะ แต่มาเป็นกำลังใจให้น้องหงา...สู้สู้ กลัวอย่างเดียวจะเป็นกรณีรับของโจรป่ะเนี่ย ต้องไปพิสูจน์กันที่หลักฐานต่อไป จากคุณ : ลูกปืน - [ 8 ก.ค. 50 21:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ค่อยๆ คิดครับ เดี๋ยวก็มีหนทางแก้ไขไปเองครับ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : yellow boy (yellow boy) - [ 9 ก.ค. 50 14:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สู้ๆ จากคุณ : Shermanindra - [ 9 ก.ค. 50 18:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : na_nin - [ 12 ก.ค. 50 09:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 50 บุหงา เพิ่งรู้เรื่อง..ใจเย็นๆนะ เอาใจช่วยน้องเสมอนะ จากคุณ : พี่แจง (anavrin) - [ 17 ก.ค. 50 22:11:45 ]