ความคิดเห็นที่ 1 มีหลายหัวข้อมากค่ะ ขอแนะนำเรื่อง "อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับแมว" ก่อนเลยละกัน เคยเห็นมีคนเอามาโพสเหมือนกันแต่เราเอามาเพิ่มให้ 1. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์เป็นส่วนผสม จะทำให้เกิดอาการมึนเมา โคม่า หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ 2. กระดูกปลา กระดูกสัตว์ปีก และกระดูกจากเนื้ออื่นๆ จะทำให้เกิดการติดขัดในระบบทางเดินอาหาร 3. ปลาทูน่ากระป๋อง (แบบขายสำหรับให้คนกิน) การบริโภคปริมาณมากจะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร เนื่องจากทูน่ากระป๋องสำหรับคน ไม่มีปริมาณวิตามินและเกลือแร่ที่พอเพียงสำหรับแมว 4. ช๊อกโกแลต กาแฟ ชา และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อาจจะทำให้เกิดภาวะเป็นพิษในแมว มีผลต่อระบบหัวใจและประสาท 5. อาหารสุนัข การให้อาหารสุนัขเป็นประจำ จะทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและมีผลต่อระบบหัวใจ 6. องุ่น และลูกเกต มีสารที่เป็นพิษสำหรับแมว และทำให้เกิดความเสียหายต่อไต 7. วิตามินและอาหารเสริมของคนที่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็ก จะทำให้เกิดความเสียหายในระบบทางเดินอาหาร และอาจจะเป็นพิษต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะ ตับและไต 8. การให้ตับในปริมาณสูง (เว๊บไม่ได้บอกว่าตับอะไร) อาจทำให้เกิดภาวะ วิตามินเอเป็นพิษ ซึ่งมีผลต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูก 9. ถั่วแมคคาเดเมีย (เขียนถูกมั๊ยเนี่ย) มีสารที่เป็นพิษต่อแมว มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ประสาทและกล้ามเนื้อ 10. กัญชา (ใครจะเอาไปให้มันดมนะ ยกเว้นกัญชาแมว อิอิ) มีผลต่อระบบประสาท อาเจียน และ การเต้นของหัวใจผิดปกติ ครึ่งทางละ เดี๋ยวขึ้น คห ใหม่ดีก่า จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 00:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อกันเลย 11. นมและผลิตภัณท์เกี่ยวกับนม แมวบางตัว(ย้ำว่าบางตัว) ไม่มีเอนไซน์แลคเตสสำหรับย่อยแลกโตสในนม จะทำให้เกิดภาวะท้องเสียได้ ผลิตภัณท์นมสำหรับแมวจะเป็นกลุ่ม ปราศจากแลคโตส 12. เห็ด (ไม่ได้ระบุชนิดเห็ดไว้) เห็ดอาจมีสารเป็นพิษสำหรับแมว อาจส่งผลต่อหลายๆระบบในร่างกาย ทำให้เกิดอาการช๊อก และถึงขั้นเสียชีวิตได้ 13. หัวหอมและกระเทียม ( ดิบ  ปรุงแล้ว ผง) อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเม็ดเลือดแดง และเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงต่ำ กระเทียมจะมีภาวะความเป็นพิษต่ำกว่าหัวหอม 14. อาหารเด็กสำเร็จรูป เนื่องจากอาหารเด็กสำเร็จรูปมักจะมีส่วนประกอบของผงหัวหอม ซึ่งเป็นพิษดังกล่าวข้างต้น 15. มันฝรั่ง  ใบมะเขือเทศ ลำต้นมันฝรั่งและมะเขือเทศ มีสารออกซาเลต ซึ่งอาจมีผลต่อระบบย่อยอาหาร ระบบประสาท และระบบปัสสวะ 16. ไข่ดิบ ไข่ดิบมีเอนไซน์เรียกว่า avidin ซึ่งจะทำให้ระดับ วิตามิน B ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาขนและผิวหนัง 17. เกลือ มีแนะนำอีกบางอย่างแต่ดูแล้วคนทั่วไปคงไม่ให้แมวกิน เช่น ยาสูบ อาหารเหลือจากคน ขนมหวาน แป้ง ด้าย  สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมในเว๊บข้างบน จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 01:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากคุณ : วชิรา - [ 16 ก.ค. 50 01:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นข้อมูลที่ดีและอลังการมั่กๆ ขอบคุณมากนะค๊าฟฟฟฟ จากคุณ : Dr_Hamster - [ 16 ก.ค. 50 01:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 5 หัวข้อที่น่าสนใจต่อมาคือ " อาหารเปียกหรืออาหารแห้งดี"   จากการวิจัยบอกว่า อาหารตามธรรมชาติของสัตว์ประเภทแมวจะมี โปรตีนเป็นส่วนประกอบ 45% และไขมัน 45% และคาร์บอไฮเดรทเพียง 4-5% มาดูข้อดีข้อเสียกันดีกว่าค่ะ ใครจะเลือกแบบไหนก็ขึ้นกับความสะดวก อาหารแห้ง(หรืออาหารเม็ด) โดยทั่วไปจะมีคาร์บอไฮเดรทสูง( 45% หรือมากกว่า) เพื่อใช้ในการขึ้นรูปของอาหารเม็ด  ในขณะที่อาหารเปียกจะมีระดับคาร์บอไฮเดรทเฉลี่ยอยู่ที่ 10% มีคนจำนวนมากเลือกที่จะให้อาหารเม็ดเพราะเชื่อว่าลักษณะของอาหารเม็ดจะช่วยในการขัดฟันเพื่อลดระดับคาบและหินปูนได้ และลดระดับการเกิดของหินปูน แต่ในความเป็นจริงแล้วโดยเฉลี่ย อาหารแห้งไม่ได้ช่วยได้มากในเรื่องการขัดฟัน เพราะเม็ดจะแตกละเอียดก่อนที่จะพอเพียงสำหรับช่วยในการขัดฟัน แต่ก็มีอาหารเม็ดหลายยี่ห้อที่ออกแบบลักษณะเม็ดมาให้สำหรับช่วยในเรื่องของการขัดฟันเช่นกัน ^^ และมีความเชื่อว่าอาหารเปียกจะทำให้เกิดการเกาะของพลักซ์และหินปูนได้เร็วกว่าอาหารแห้ง ซึ่งไม่เป็นความจริงในข้อนี้ ^^ อ่านถึงตรงนี้แล้วอย่าเพิ่งฟันธงว่าอาหารเปียกดีกว่าอาหารเม็ดนะจ๊ะ ต้องดูตอนต่อไป ชักเหมื่อยมือ ขอพักก่อนนะ จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 01:27:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาต่อกันอีกสักหน่อยก่อนจะไปนอนละกัน การที่จะมองว่าอาหารนั้นเหมาะสมหรือไม่ต้องดูตามนี้ค่ะ ว่าอาหารนั้นมีสารอาหารถูกต้องตามมาตรฐาน AAFCO หรือไม่ ซึ่งมาตรฐาน AAFCO จะแนะนำปริมาณที่เหมาะสมของ โปรตีน ไขมัน วิตามินที่ละลายในน้ำมัน วิตามินที่ละลายในน้ำ และเกลือแร่จำเป็น มาตรฐานสารอาหารของ AAFCO จะบอกในหน่วยของ 'Dry Matter'(DM) ในขณะที่สารอาหารที่ปิดข้างฉลากมักจะบอกในหน่วยของ 'As Fed' กันค่ะ มาดูวิธีการแปลงหน่วยนะค่ะ ยกตัวอย่าง ถ้าอาหารเม็ดมี moisture(ความชื้น)  10% ซึ่งอ่านได้จากฉลากข้างถุงค่ะ เราก็จะรู้อัตโนมัตว่าส่วนที่แห้ง คือ 90% จากนั้นเรามาอ่านค่า protein ได้ 20%  ให้ทำดังนี้ เอา โปรตีน 20 % ตั้ง และเอา ส่วนที่แห้ง 90% หาร จะได้ protein 22% in DM ค่ะ มาลองกันอีกหน่อย ไปเอาอาหารกระป๋องมาดูกันนะคะ อาหารกระป๋องอ่านค่า moisture ได้ 78% จะได้ส่วนที่แห้งคือ 22% จากนั้นดูค่าโปรตีนอ่านได้  10 % คำนวนกันเลยคะ เอาโปรตีน 10% ตั้ง หารด้วย ส่วนที่แห้ง 22% ได้ protein 45% in DM ค่า ส่วนของไขมัน เกลือแร่ วิตามิน ก็ใช้สูตรเดียวกันในการคำนวนค่ะ รู้วิธีคำนวนแล้ว เตรียมพบกับตารางได้เลยค่ะ เสร็จแล้วไปหยิบถุงกับกระป๋องอาหารมาคำนวนกันดูนะคะว่า อาหารที่ให้ทุกวันนี้มีสารอาหารเพียงพอหรือไม่ จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 01:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาตรฐานระดับสารอาหารแบ่งออกเป็นสองโปรไฟล์นะคะ คือสำหรับแมวโต และแมวเด็ก (เนื่องจากก๊อบตารางมาแปะไม่ได้ ต้องพิมพ์เอาและขี้เกียจมาก ลงสองตัวพอ) โปรตีน  ไม่น้อยกว่า 30% ในแมวเด็ก และ 26% ในแมวโต ไขมัน  ไม่น้อยกว่า 9% สำหรับทั้งสองแมว ที่เหลือสามารถเปิดดูตารางได้จากเว๊บด้านบนนะจ๊ะ จากการสำรวจคร่าวๆอาหารกระป๋องเกรดทั่วไปเราพบว่า อาหารประป๋องมักจะไม่บอกปริมาณ taurine ซึ่งทำให้เราคาดว่าเค้าไม่ได้ผสมทรอรีนมา ยกเว้นอาหารกระป๋องเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยมมักจะเขียนตัวโตหลามาเลย อ่านฉลากให้ดี และปรุงอาหารให้ถูกกับมาตฐานความต้องการสารอาหารนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของแมวๆที่บ้าน จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 01:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอิ๊กกกก พิมพ์ซะยาวจะมีคนมาอ่านมั๊ยน่อ เปิดมาเจอตัวหนังสือเยอะขนาดนี้ก็ตาลายกันแร๊ว เอารูปเจย์เจย์สุดหล่อ หุ่นนายแบบมาพักเบรคสายตาซะหน่อย จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 01:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นความรู้ที่ดีมากๆเลยค่ะ  ขอบคุณค่ะ นุ้งเจเจ  น่าร้ากกกกกกกมากกกกค่ะ จากคุณ : แมวดื้อมะลิ - [ 16 ก.ค. 50 03:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดี เน้อ..ขอบคุณมากๆ จากคุณ : โก้สาก (ครูอาร์ท) - [ 16 ก.ค. 50 05:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณที่แนะนำเรื่องดีๆค่ะ จากคุณ : appletabo - [ 16 ก.ค. 50 05:58:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โน่กินน้ำมันจากกระเทียม ไม่เป็นไรเนอะ หมัดม่ะมีดั่ว อิอิ .. จากคุณ : Dino เหมียวจอมซ่าส์ - [ 16 ก.ค. 50 06:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านอย่างสนใจเลยแหละ จากคุณ : แม่เสือ (tongcho) - [ 16 ก.ค. 50 06:57:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณที่เอาความรู้ดีๆมากฝากกันค่ะ จากคุณ : ส้มเปรี้ยวจิ๊ด - [ 16 ก.ค. 50 08:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อิอิอิ ดีใจมีคนเข้ามาอ่านแล้ว ไอ่โน่เอ๊ย ในเว๊บมีพูดถึงสมุนไพรสกัด (มีกระเทียมรวมอยู่ด้วย) สำหรับป้องกันเห็บหมัดด้วยนะ ลองไปอ่านดู เนื่องจากด้านบนๆเรากล่าวถึงเรื่องของการลดความอ้วน กับสารอาหารตามธรรมชาติที่มีระดับคาบอไฮเดรทต่ำ แล้วคาบอไฮเดรทมันมีผลดีผลเสียยังไงกับอาหารแมว มาติดตามกันต่อ ว่าด้วยเรื่องของ "คาร์บอไฮเดรท กับ แหล่งของพลังงาน ในอาหารแมว" จากการที่ว่า อาหารตามธรรมชาติของสัตว์ประเภทแมวมีระดับคาร์บอไฮเดรทเพียงแค่ 5% เท่านั้นในขณะที่อาหารเม็ดตามท้องตลาดจะมีระดับของคาร์บอไฮเดรทถึง 30-70% ดังนั้นคงจะเกิดคำถามขึ้นว่า แล้วทำไมเราถึงเลี้ยงแมวตามบ้านด้วยปริมาณคาร์บอไฮเดรทสูงขนาดนั้น สัตว์ประเภทสุนัขและแมวมีความสามารถในการบริโภคโปรตีนจำนวนสูงและเปลี่ยนให้เป็นแหล่งพลังงานและกล้ามเนื้อ ในขณะเดียวกันมันก็สามารถจะเปลี่ยนคาบอไฮเดรทให้เป็นพลังงานชนิดเดียวกับโปรตีนได้เช่นกัน ความสามารถในการดึงโปรตีนและคาบอไฮเดรทมาใช้เป็นแหล่งพลังงานนี้เองที่ตอบคำถามว่าทำไมเราถึงสามารถในคาร์บอไฮเดรทในปริมาณสูงได้ การนำคาร์บอไฮเดรทมาใช้เป็นแหล่งพลังงานผลดีต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคในแง่ที่ว่า แหล่งของคาร์บอไฮเดรทมีราคาถูกกว่าและสามารถดึงไปใช้เป็นพลังงานได้รวดเร็วกว่าโปรตีน  และคาร์บอไฮเดรทยังมีความสำคัญในการใช้สำหรับขึ้นรูปอาหารเม็ด คาร์บอไฮเดรทในกลุ่มของแป้ง เช่น ข้าว ข้าวโพด บาร์เล่ห์ และโอ๊ต ที่พบได้มากในอาหารเม็ดนั้นเป็นคาร์บอไฮเดรทที่ย่อยได้ง่ายและรวดเร็ว ข้อควรจำคือ คาร์บอไฮเดรทประเภทกลุ่มแป้งบางชนิดกไม่สามารถย่อยได้ในแมว เช่น มันฝรั่งดิบและกล้วย อ่านแล้วเห็นประโยชน์ของคาร์บอไฮเดรทกันเยอะนะคะ พักซักหน่อย เดี๋ยวมาต่อเรื่องผลเสียจากคาร์บอไฮเดรทกัน จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 08:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ว่าด้วยเรื่อง "ปัญหาสุขภาพกับคาร์บอไฮเดรท" ในขณะที่คาร์บอไฮเดรทมีความสำคัญทางการค้าของอาหารเม็ด มันก็สามารถจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคในสุนักและแมวได้เช่นกัน รวมถึงการเกิดภาวะผิดปกติในระบบทางเดินอาหารและโรคอ้วน   โรคอ้วนเกิดจากการที่ระดับพลังงานที่ได้รับสูงเกินความจำเป็น และน้ำตาลที่เกิดจากการย่อยคาร์บอไฮเดรทเปลี่ยนรูปเป็นไขมันสะสม ( เหมือนคนเป๊ะเลย)  ลักษณะอาการของภาวะผิดปกติในระบบทางเดินอาหารนั้น อาจจะแสดงอาการเพียงเล็กน้อยจนถึงรุนแรงได้ เช่น มีแก๊สในท้องจนถึงขั้นท้องเสีย เนื่องจากคาร์บอไฮเดรทจะผ่านระบบย่อยอาหารซึ่งประกอบด้วยเอนไซน์เช่น อไมเลส แลคเทรด (ชื่อคุ้นๆมั๊ย) เมาล์เทส ซุกเคส ทำหน้าที่ในการย่อยสะลายคาร์บอไฮเดรท และในสัตว์ที่มีเอนไซน์เหล่านี้ไม่เพียงพอจะทำให้ไม่สามารถย่อยเหล่านี้ได้หมด ทำให้คาร์บอไฮเดรทส่วนที่ไม่สามารถย่อยสลายไปสร้างการเติบโตของแบคทีเรียซึ่งส่งผลในเกิดแก๊สและการผิดปกติมันระบบทางเดินอาหาร การย่อยสลายไม่ได้ของแลกโตส เป็นสิ่งที่พบได้เป็นธรรมดาในความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร  แมวและสุนัขเด็กมักจะมีเอนไซน์แลคเตส ซึ่งใช้ในการย่อยแลกโตสในนม  และเมื่อเติบโตขึ้นพวกนี้มักจะหยุดการผลิตเอนไซน์แลคเตส (ทำไมมันทำงั้นนะ) ทำให้เกิดภาวะผิดปกติของทางเดินอาหารเมื่อบริโภคนมเข้าไป จริงๆแล้วเรื่องคาร์บอไฮเดรทมันยาวมากๆเลย รวมไปถึงการควบคุมน้ำหนักแมวอ้วนด้วย เมื่อยมือแล้ว ใครสนใจอ่านได้ในเว๊บแนะนำเลยนะจ๊ะ จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 08:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ จากคุณ : กุหลาบสีชมพู - [ 16 ก.ค. 50 08:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณค้าบ จากคุณ : อรัญมาภา - [ 16 ก.ค. 50 09:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตั้งใจอ่านเลยล่ะค่ะ จากคุณ : Am_Nuchi - [ 16 ก.ค. 50 09:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ......ขอบคุณคับ...สงสัยทาสต้องจัดอาหารให้ผมใหม่ซะแว๊ววว..... จากคุณ : arokya - [ 16 ก.ค. 50 09:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 - - แมวที่บ้าน ขนาดแกะปลาป้อนให้กิน มันยางไม่กินเลยคร๊า จากคุณ : Gemfibrozil - [ 16 ก.ค. 50 09:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุนนะคะที่ให้ความรู้ นะค่ะ....อ่อ มีเรื่องอยากจะถามนี๊สสสสสสสสนิงอะคะ คือคุนลุ้นอะคะ เค้าเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ได้ 2 อาทิตเองคะ ตอนแรกให้เค้ากินอาหารเม็ดอาหารเปียก(ทูน่ากระป๋อง) ตามปกติ แต่มาหลังๆ เค้าเริ่มกินน้องลง ก้อลองเอาปลามานึงให้เค้ากินเค้าก้อกินนะคะ แต่อีกวันนึงเค้าก้อไม่กินแล้ว ลองอะไรหลายๆ อย่างเหมือนเค้าจะไม่ค่อยอยากกินคะ ควรจะต้องทำงัยดีคะ จากคุณ : หมี่มี้ หลงหลง& คุนลุ้น (แมวบนฝาถังขยะ) - [ 16 ก.ค. 50 10:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ความรู้ ๆ เซฟ ๆ จากคุณ : vedas - [ 16 ก.ค. 50 10:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จากคุณ : lamununun - [ 16 ก.ค. 50 10:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้ว 1 รอบ ยังมึนๆ เดี๋ยวมีสติกว่านี้ จะมาอ่านอีกรอบนะคะ จากคุณ : ban_ri - [ 16 ก.ค. 50 10:52:55 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แม่คร๊าบบบ จัดอาหารให้ป๋มใหม่ด่วน จากคุณ : napatra - [ 16 ก.ค. 50 11:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากๆเลยคะ ได้ความรู้อีกแยะเลยย จากคุณ : นายMeO - [ 16 ก.ค. 50 11:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มิน่าล่ะป้าชิง มะคืนให้ยัยอ้วนคนนี้ วิ่งไปดูฉลากข้างป๋องอาหารแมวให้ นี่ๆ ลดความอ้วนตัวเองไม่ได้ เลยหันมาลดให้ลูกเหรอ เราว่า ป้าชิงขยันทำกับข้าว ทำขนมแบบนี้ ไม่มีทางลดแน่ๆ ฮว่าๆๆๆ คิดถูกแล้ว ที่มาจับลูกลดน้ำหนัก ฮว่าๆๆๆ ใครก็ได้ ตั้งกระทู้ลดความอ้วนให้แม่แมวหน่อย จากคุณ : เช้านี้ยังมีเธอ - [ 16 ก.ค. 50 11:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Thanks for new information ka.... จากคุณ : สไปเดอร์แมว - [ 16 ก.ค. 50 11:54:48 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ แหนะ ป้าโอ๋แอบมาแซวเรา ก็บ้านเค้าไม่มีอาหารกระป๋องที่ขายตามซุปเปอร์เมืองไทยนิ อิอิอิ ส่วนเรื่องการลดความอ้วน ทั้งแมวและคนใช้สูตรเดียวกันค่ะป้า เริ่มต้นคือเราต้องสำรวจก่อนว่า "อ้วนจริงหรือไม่" การดูที่น้ำหนักอย่างเดียวจะทำให้เกิดการคาดเคลื่อนได้ ดังนั้นจึงมีการแนะนำใช้ให้ body index เป็นตัวกำหนด body index สำหรับคน ใช้สูตร น้ำหนัก / ความสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง ค่าต้องอยู่ในช่วง 22-24.9 ต่ำหรือสูงกว่านี้แปลกว่า ผอมไปและอ้วนไปค่ะ ส่วน body index สำหรับแมวจะมีชาจรูปมาให้ค่ะ (ที่บ้านไม่มีสแกนเนอร์อ่ะ เอามาโชว์ไม่ได้) จากนั้นเรามาดูว่าปริมาณแคลอรี่ที่จำเป็นในแต่ละวันควรจะเป็นเท่าไร สำหรับคนมีสูตรแนะนำว่าแคลอรี่ที่รับได้ควรจะเป็น ความสูง - น้ำหนักตัวx10 ( แต่ถ้า body index เกินแล้วต้องพิจรณาจากน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็นนะคะ)  จากนั้นเราก็ไปพิจารณาอาหารเทียบกับปริมาณแคลอรี่และดูกิจกรรมในแต่ละวันค่ะ เหอๆๆๆๆๆ ลองดูแล้วละ ยากมากๆ เจอผัดไทยใส่ไข่สองจานก็แคลอรี่เกินความจำเป็นซะแล้ว แล้วของแมวหละ มาดูของแมวกันค่ะ ง่ายกว่าเยอะ วิธีลดความอ้วนแมวมีสองอย่างคือ ลดปริมาณอาหาร หรือ ปรับเปลี่ยนเป็นอาหารเพื่อลดความอ้วน  ซึ่งวิธีหลังจะให้ผลที่ดีกว่า อาหารที่เหมาะสมสำหรับการลดความอ้วน คืออาหารที่มีไขมันต่ำและมีไฟเบอร์สูง  ไขมันจะให้แคลอรี่เป็นสองเท่าของโปรตีนและคาร์บอไฮเดรท  แต่อาหารเหล่านั้นจะต้องมีระดับโปรตีนและคาร์บอไฮเดรทที่เหมาะสมเช่นกัน  ปริมาณคาร์บอไฮเดรทก็มีส่วนทำให้แมวมีไขมันสะสมได้เช่นกันเนื่องจากการเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมัน ดังนั้นหากอยากให้แมวดูหล่อล่ำเหมือนนักเพาะกาย ก็ควระจเลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง ไฟเบอร์สูง ไขมันต่ำ และคาร์บอไฮเดรทต่ำ (แต่ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าระดับของสารอาหารเพียงพอกับมาตรฐาน AAFCO หรือไม่ เพราะแมวก็มีความจำเป็นต้องใช้ไขมันเช่นกัน รวมถึงวิตามินและเกลือแร่จำเป็นด้วย) จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 12:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณมากๆ เรยค่า เป็นข้อมูลที่ดีมากสงสัยต้องงดให้ตับนี่นี่แล้ว อ้วนมากๆ เลย จากคุณ : Cat Slave - [ 16 ก.ค. 50 13:49:06 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โอย ...จะทำได้ไหมเนี่ย ขนาดของตัวเจ้าของแมวเอง ยังหาอาหารกินให้ถูกตามโภชนาการง่าย ๆ ยังทำได้ยากเลยสมัยนี้ แล้วนับประสาอะไรกับแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงกัน เอาเป็นว่า ผมขอแค่ระมัดระวังในเรื่องของอาหารที่เป็นพิษก็พอ นอกนั้นก็คงต้องปล่อย ๆ กันไป ยังไงก็คงดีกว่าปล่อยให้อดตาย เอ่อ ไม่ได้ตั้งใจจะมาตัดพ้อหรือจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่มีประโยชน์นะครับ คุณเจ้าของกระทู้ เรื่องที่นำมาให้อ่านเป็นประโยชน์มากทั้งกับตัวเจ้าของแมวเอง และตัวแมวที่เลี้ยงเองด้วย แต่ผมแค่คิดว่า มันจะทำได้ยากมากเท่านั้นเอง อาหารแมวที่ขายตามท้องตลาด เกรดซุปเปอร์มาเก็ตเองนั้นก็มีหลากยี่ห้อ มีทั้งที่ถูก ๆ แบบยี่ห้อของห้างเอง (เช่น ยีห้อดอกบัว) หรือพวก วิส...หรือ ฟริส...แต่เราเองก็รับรู้ว่า มันก็คงไม่ได้ดีตามหลักที่ถูกต้องมากนัก แต่เจ้าของแมวก็ต้องเลือกมาใช้ เพราะอาหารเกรดพรีเมี่ยมราคาค่อนข้างสูง (บางทียังคิดเลยว่า แมวกินดีกว่าเจ้าของอีก) แล้วยังขายอยู่แต่เฉพาะในร้านเพ็ทช๊อบอีก   ถ้าบ้านอยู่ใกล้ตลาดสด ก็คงซื้อปลาสดให้กินทุกวันไปแล้วครับ จากคุณ : หมีน้อยร้อยรัก - [ 16 ก.ค. 50 13:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ^^ การเลือกอาหารให้เหมาะกับแมวก็ต้องเหมาะกับเศรษฐกิจในกระเป๋าพ่อแม่แมวด้วยค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆ จากคนเราได้ค่ะว่า ถ้าเราทำงานหาเช้ากินค่ำอาหารที่เหมาะกับเราก็คงเป็นข้าวราดแกงหรืออาหารตามสั่งร้านข้างทางก็มีคุณค่าและอร่อยแล้วค่ะ แต่ถ้าเป็นเจ้าของบริษัทเค้าก็คงพอใจที่จะนั่งตามภัทตาคารหรือเหลาแทนข้าวราดแกงข้างทาง การมีความรู้เรื่องโภชนาการเป็นเรื่องดีค่ะ ทำให้เรารู้ว่าไม่จำเป็นต้องเลือกอาหารหรูหราราคาแพงให้กับแมวเสมอไป   แนะนำว่าควรอ่านฉลาก ดูว่าอาหารที่กินประจำนั้น(อาหารที่ถูกโภชนาการเป๊ะๆ อาจจะไม่ถูกปากแมวและแมวไม่กินก็มีค่ะ) มีอะไรขาดหรือเกินไป แล้วเราก็หาอาหารอื่นๆเสริมได้ค่ะ เช่นแมวเราดูแล้วว่าอ้วนไป เราก็อาจจะลดปริมาณข้าว(บางคนคลุกข้าวให้แมว) และของมันๆลง ตัวไหนดูผอมแกรนขี้โรคก็ต้องบำรุงกันหน่อย เสริมอาหารพวกปลาทะเล อกไก่ เพื่อให้ได้โปรตีนสูงและได้วิตามินเกลือแร่จากแหล่งปลาทะเล อาหารไหนที่เค็มไปก็เสริมน้ำมากๆหน่อย เพื่อช่วยในการขับโซเดียมจากร่างกาย จากคุณ : เหมียวเจย์เจย์ (Rabbit4JJ) - [ 16 ก.ค. 50 14:45:39 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณปี้เจเจมากๆๆ ก๊าบบบบบบบบบบ จากคุณ : soomchon - [ 16 ก.ค. 50 15:55:53 ]

ความคิดเห็นที่ 35 โอ้ววว.. ดีใจจังที่ได้อ่าน อยากรู้มานานแล้ว แต่ข้อแก้เรื่อง BMI นิดนึง ถ้าเป็นคนเอเซียจะไม่ให้เกิน 23 น่ะ จากคุณ : นู๋ริชาร์ด - [ 16 ก.ค. 50 21:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นสาระน่ารู้มากๆเลยค่ะ  ขอบคุณมากๆนะคะเหมียวเจย์เจย์ที่มาให้ความรู้แบบนี้    เพราะว่าบางครั้งเราก็เลี้ยงเค้าโดยที่อาจจะลืมนึกถึงข้อนี้ไปบ้าง  ส่วนตัวกบแล้ว  แต่ก่อนเลี้ยง ข้าวคลุกปลาทู  หรืออาจเป็นตับไก่บ้าง   แต่พอมีโอกาสได้เลี้ยงใหม่  ก็เอาอาหารเม็ดให้เค้า (เพราะจะง่ายในการเลี้ยง) แต่ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่า  ให้เค้าแค่นี้จะเพียงพอมัย  แล้วถ้าเราจะเอาข้าวคลุกปลาทูให้กินเนี้ย  จะดีมัยน๊า......แล้วเค้าจะกินมัยน๊า...........แล้วพอให้อาหารเม็ดต่อ  เค้าจะกินมัยน๊า........ เนี้ยก็กำลังคิดอยู่ค่ะ    ตอนนี้ก็ทำให้ตัดสินใจได้บ้างแล้วหล่ะว่า  เราน่าจะให้เค้าได้กินข้าวคลุกกะตับกะปลาทูบ้างก็คงดี จากคุณ : กบ (dearkob) - [ 16 ก.ค. 50 22:44:18 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณมากเลยค่า ดีมากๆเรยยย จากคุณ : ambrochia - [ 17 ก.ค. 50 01:59:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 โอ้!  อย่างกับเปิด text book อ่านแน่ะ จากคุณ : kittyob - [ 17 ก.ค. 50 08:57:18 ]