ความคิดเห็นที่ 1 หลักการ เบอร์ก็คือความเข้มข้น ดูตรงข้างขวดระบุเปรียบเทียบดู ไม้เนื้อแข็งก็ใช้ความเข้มข้นสูงหน่อย ไม้เนื้ออ่อนก็ใช้ความเข้มข้นต่ำหน่อย หรือใช้เบอร์อะไรก็ได้แช่นานไม่นานเอา ยังไม่ใช่จุดสำคัญนัก จุดสำคัญคือความชื้นกับการคายน้ำ วิธีการที่สำคัญ 1.ตัดกิ่งปุ๊บโคนแช่น้ำยาทันทีให้ฮอร์โมนถูกดูดเข้าไปที่ตรงรอยตัด เพราะรากจะเกิดตรงนี้ 2.อย่าให้กิ่งทีตัดคายน้ำออกจะทำให้กิ่งตาย(เซลล์ตาย) โดยอย่าให้กิ่งยาวมาก ตัดใบออกให้หมด(พืชคายน้ำทางใบ) เหลือยอดไว้ดูเล็กน้อย หรือถ้าตัดเป็นท่อนมีแผลก็รีบเอาถุงพลาสติคหุ้มปลายใช้ยางวงรัด น้ำจะระเหยทางปากแผล หรือรีบปักลงในวัสดุชำแล้วเอารวมกันใส่ไว้ในถุงพลาสติคใบใหญ่รัดปากถุงแทน หรือถ้าทำปริมาณมากก็ทำกระโจมพลาสติค ตั้งไว้ในร่ม อย่าให้ขาดความชื้น 3.รอสองอาทิตย์ หรือดูว่ามีการแตกยอดใหม่แล้วรอจนใบใหม่แก่เสียก่อน จึงค่อยๆแง้มปากถุงหรือกระโจมจากเปิดน้อย-->มาก เตือนให้พืชปรับตัวกับโลกภายนอก เริ่มตอนเย็นหรือกลางคืน สัก2-3วันเริ่มเปิดหมดตอนกลางคืนแล้ววันต่อๆมาอย่าให้ขาดน้ำ และอย่าให้มากจนแช่น้ำรากจะเน่า 4.อีก1อาทิตย์เอาไปปลูกได้เลย จากคุณ : MSK Orange - [ 28 ก.ค. 50 19:42:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ได้ความรู้มากเลยค่ะคุณ MSK Orange แล้วเจ้าฮอร์โมนเร่งรากเนี่ย ซื้อได้ที่ไหนบ้างคะ เมื่อก่อนปักกุหลาบแล้วมันชอบเป็นดำๆ ตรงรอยตัด แก้ยังงัยได้บ้างคะ จากคุณ : น้ำตาลหวาน - [ 28 ก.ค. 50 21:29:13 A:222.123.136.42 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมใช้ยี่ห้อ B1 แต่ยังไม่เคยตอนกุหลาบครับ ต้นอื่นๆที่ตอน ก็ได้ผลค่อนข้างดี ขอบคุณเทคนิควิธีการปักชำของคุณ MSK Orange นะครับ เดี๋ยวจะนำไปปฏิบัติโดยด่วน จากคุณ : SKYonSKY - [ 28 ก.ค. 50 23:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาเก็บความรู้ครับ จากคุณ : rainlilies - [ วันอาสาฬหบูชา 00:58:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มาส่งรูปกุหลาบค่ะ มาแอบฟังได้รับความรู้เพียบ จากคุณ : บัวนลิน - [ วันอาสาฬหบูชา 01:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อีกซักรูป จากคุณ : บัวนลิน - [ วันอาสาฬหบูชา 01:14:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความจริงโดยธรรมชาติของต้นไม้จะมีวิธีเอาตัวรอดด้วยตัวเองอยู่แล้ว ถ้ามีสภาวะเหมาะสม ถ้าเราตัดกิ่งไม้มาปักดินที่มีความชื้นสม่ำเสมอ อย่าให้แดดเผาจนกิ่งคายน้ำจนกิ่งแห้ง (เป็นเหตุผลที่เราต้องเอาไว้ในร่มและเก็บไว้ในกระโจม หรือรัดถุงพลาสติค) พืชจะจัดการตัวเองให้สร้างรากออกเพื่อความอยู่รอด โดยการใช้ฮอร์โมนที่สร้างสะสมไว้ในต้น(ปกติจะมีมากที่ราก)มาเป็นตัวสั่งการ ฮอร์โมนที่เราซื้อมาใช้ก็เป็นตัวช่วยให้มีมากขึ้น และเร็วขึ้น แทนที่จะใช้ที่ที่มีอยู่ ซึ่งอาจจะมีน้อยไม่พอใช้ จากคุณ : MSK Orange - [ วันอาสาฬหบูชา 08:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดังนั้น ในหลักการ จริงๆแล้วพืชจะสร้างรากได้เองอยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องใช้ฮอร์โมน แต่ความเป็นจริงพืชแต่ละชนิดสร้างรากง่ายยากต่างกัน ใช้เวลาต่างกัน สร้างสะสมมากน้อยต่างกัน การใช้ฮอร์โมนช่วยน่าจะหวังผลได้ดีกว่ารอตามธรรมชาติ โดยเฉพาะทำเป็นการค้า ฮอร์โมนสร้างรากในพืช คือIAA และ IBA แล้วแต่ผู้ผลิตขาย ตามกฎหมายต้องระบุแต่บางยี่ห้อที่ไม่ระบุ แสดงว่าเขาเอามาผสมแล้วติดสติกเกอร์ของตัวเอง ความเข้มข้นเราเลยไม่รู้ แล้วแต่เขาจะเอากำไรเท่าไหร่ เรียกว่ารากที่ออกมา ไม่ใช้ก็อาจจะออกเองก็ได้ 5555555555 จากคุณ : MSK Orange - [ วันอาสาฬหบูชา 09:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดังนั้นดูข้างขวดเสมอ ว่าใช่ฮอร์โมนจริงหรือเปล่า ส่วนใหญ่ที่วางขายจะเป็นชนิดน้ำ บางยี่ห้ออาจจะเป็นแบบผง ส่วนB1เป็นวิตามินฺB1ที่พืชเอามาใช้เสริมกับฮอร์โมนดังกล่าวเวลาสร้างราก บริษัทผู้ผลิตอาจจะผสมฮอร์โมนลงไปบ้างเลยได้ผล (ขอกระซิบว่า วิตามินฺB1 เม็ดละ1บาทเอามาละลายน้ำใส่ขวด 60ซีซี ขายขวดละ50 บาทกำไรดีมัก๊มาก) ที่เป็นเช่นนี้เพราะการขออนุญาตขึ้นทะเบียนการค้า ถ้าระบุเป็นฮอร์โมนต้องส่งผลิตภัณฑ์ ให้กรมวิทย์วิเคราะห์ว่าตรงตามที่ระบุหรือเปล่าเป็นระยะ ต้องเสียค่าใช้จ่ายครั้งละหลายสตังค์ และเสียเวลา แต่ถ้าระบุเป็นวิตามิน เป็นอาหารเสริม ไม่ใช่สารเคมี ผลิตขายได้เลยไม่ต้องตรวจ บริษัทเมืองนอกมาตรฐานสูงก็จะทำตรงไปตรงมา เป็นยี่ห้อที่ 1 บริษัทไทยรู้ช่องทางหลบลดต้นทุนเก่ง ก็จะใช้วิธีหลัง เป็นยี่ห้อที่ 2 ส่วนคนไทยที่(โกง)เก่ง ก็จะใช้วิธีเอาฮอร์โมนฝรั่งจากยี่ห้อที่ 1 มาจางน้ำ หรือแอลกอฮอล์ แล้วละลายวิตามินB1 ใส่ลงไป ใส่ขวดติดสติกเกอร์ยี่ห้อตัวเอง เป็นยี่ห้อที่ 3 แล้วเอาไปโม้ขายตามงานเกษตรแฟร์ ได้กำไรดี 555555555555555 ทะลุปุโปร่ง มากเกินไปหรือเปล่า ไหนๆก็ไหนแล้ว จะได้ตามทันพวกยี่ห้อแอ๊บแบ๊ว 5555555555555 ลืมไปขอแก้ระยะเวลาที่รากออก ไม่ตายตัวว่าสองอาทิตย์ จะแล้วแต่พืช โดยเฉลี่ยสองอาทิตย์ถ้าไม่สร้างก็ไม่รอด ให้สังเกตว่ามีแตกยอดชุดใหม่ แสดงว่ารากชุดใหม่เริ่มทำงานแล้ว เมื่อใบชุดใหม่แก่ได้ แสดงว่ารอด แน่ๆ และใบชุดใหม่จะเป็นตัวสร้างอาหารใหม่ส่งไปที่รากให้ขยายตัวเพิ่ม และส่งไปที่ตาที่ลำต้นให้แตกยอดใหม่ซึ่งจะเจริญเติบโตได้ดี จึงเป็นเหตุผลว่า ให้ตัดต้นสั้นๆ ไม่ต้องเสียดายต้นเก่าเอาไว้ยาวๆ กลัวว่าจะสูงช้า ถ้ายาวกิ่งจะแห้งตายเสียก่อน จากคุณ : MSK Orange - [ วันอาสาฬหบูชา 09:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอตอบคุณน้ำตาลหวาน และให้ความรู้เป็นหลักการ ถ้าเราโดนมีดไม่สะอาดบาดมือ แผลจะอักเสบติดเชื้อ แต่ถ้าเป็นแผลผ่าตัด แผลจะหายเร็ว เพราะไม่ติดเชื้อ ก่อนผ่าตัดเขาจะอบห้องรมยาฆ่าเชื้อโรค แพทย์จะล้างมือฟอกมือ ด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ แล้วยังใส่ถุงมือที่อบฆ่าเชื้อ ผิวหนังตรงที่จะผ่าจะทำความสะอาดด้วยสบู่ฆ่าเชื้อ ก็เลยไม่ค่อยติดเชื้อ มีความชื้นที่ไหนก็มีเชื้อรา โดยส่วนใหญ่ที่ชำแล้วไม่ได้ผล จะเป็นเรื่องความชื้น กับโรคเชื้อราตรงแผลรอยตัด กับในดิน แต่เราคงไม่ต้องทำถึงขนาดเหมือนการผ่าตัด เดี๋ยวจะเว่อร์ไป แต่จำเป็นต้องใช้มาก ถ้าต้องเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เน้นความสะอาดอุปกรณ์ กรรไกรตัดกิ่งควรทำความสะอาดให้ดีก่อน ด้วยสบู่แล้วเช็ดให้แห้ง ซื้อแอลกอฮอล์ล้างแผลมาใช้กับกระบอกฉีดฟ็อกกี้ ก่อนจะตัดกิ่งก็พ่นแอลกอฮอล์ตรงรอยที่จะตัด กับกรรไกรเสียก่อน ตัดแล้วก็พ่นอีกทีตรงรอยตัดเหมือนโดนมีดบาดแล้วรีบใส่ยาที่แผล แล้วใส่กิ่งลงในภาชนะที่สะอาดหน่อย ไม่ใช่ทิ้งวางกับดิน วัสดุเพาะชำบางคนอาจจะคลุกปูนขาวลงไปเพื่อฆ่าเชื้อราในดิน แต่ไม่ใช้ก็ได้ มีสูญเสียบ้าง แต่ส่วนใหญ่ได้ผลแม้ไม่ใส่ ถ้าจะใช้ อย่าใส่มาก ปูนจะทำให้เป็นเบสมากเกิน พืชไม่ชอบ พืชชอบกรดอ่อนๆกับกลางพีเอชประมาณ 6-6.5 แต่ถ้าทำปริมาณมากเป็นการค้า หรือต้องอยู่ในกระโจมมีความชื้นนานเพราะรากออกยาก ก็ควรจะพ่นฉีดยาป้องกัน และกำจัดเชื้อรา เพื่อป้องกันความสูญเสีย พอล่ะ เดี๋ยวจะละเอียดไป สำหรับทำเป็นงานอดิเรก แต่ถ้าจะทำเป็นการค้าก็ต้องรู้ให้ระเอียดจะได้ลดการสูญเสีย ส่วนร้านที่ขาย เห็นร้านไหนขายต้นไม้ อุปกรณ์การเกษตร เดินเข้าไปถามเลยครับ แล้วไปพิจารณาเอาเองว่า จะเอายี่ห้อที1 ยี่ห้อที่2 หรือยี่ห้อที่3 แต่อย่านำไปลองภูมิกับเจ้าของนะครับ เดี๋ยวจะได้น้ำยาใส่แผลมาแทน และไม่ต้องไปร้านขายยาขอซื้อวิตามินB1หนึ่งเม็ด 1 บาท เอามาละลายน้ำใช้นะครับ 55555555555 แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 50 18:20:09 จากคุณ : MSK Orange - [ วันอาสาฬหบูชา 10:27:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ว่างๆจะมาเสริมเทคนิคการตอนให้ครับ ถ้าอยากทราบ จากคุณ : MSK Orange - [ วันอาสาฬหบูชา 10:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามารออ่านเทคนิคการตอนค่ะ จากคุณ : น้ำตาลหวาน - [ วันอาสาฬหบูชา 11:45:25 A:58.147.118.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อไรว่างล่ะคะ จะได้นำไปปฎิบัติ ตอนมะม่วง 6 กิ่ง ไม่มีรากออกมาเลยค่ะ เสียหมด อุตส่าห์รอตั้ง2 เดือน   ทาบกิ่งติดมา1 กิ่งค่ะ  นี่ก็ตอนใหม่อีกแล้ว เอาน้ำยาบีวันทาตรงรอยปอกเปลือกด้วย ไม่รู้ว่าจะได้ผลไหม ฝนก็ตกได้น้ำสม่ำเสมอค่ะ จากคุณ : Susisiri - [ วันอาสาฬหบูชา 20:14:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีความรู้มั่กมากเลยค่ะ...  ถ้าในคาบเกษตรอาจารย์ให้ปักชำจะนำความรู้นี้ไปใช้นะค่ะ จากคุณ : TWaz09 - [ วันอาสาฬหบูชา 22:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบจริงๆขอบคุณมากค่ะ ว่าจะตอนกิ่งกุหลาบอยู่เหมือนกัน ชำกับตอนอันไหนจะดีกว่านะ จากคุณ : สายเดี่ยว โจงกระเบน - [ วันเข้าพรรษา 06:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เทคนิคการตอนส่วนตัว ตอนที่เราควั่นกิ่งเราจะขูดเยื่อเมือกบางๆที่เคลือบเนื้อไม้ออกให้หมด เพราะเจ้าเยื่อเมือกนี้จะเป็นตัวสร้างเปลือกขึ้นมาใหม่เหมือนผิวหนังเราเป็นแผล ซึ่งจะเจริญได้เร็วกว่าสร้างราก ดังนั้นขูดแรงๆ เอาให้เกลี้ยงเกลาเลยครับ เราต้องรีบเอาฮอร์โมนเร่งรากทาตรงรอยควั่นด้านบน เพื่อให้พืชดูดซึมไปไว้ตรงรอยควั่นเร็วๆ ขืนช้าไปรอยควั่นแห้งท่อน้ำตรงรอยควั่นจะตีบตันไปก่อน ไม่ต้องชโลมตรงรอยขูดมาถึงรอยควั่นด้านล่างสิ้นเปลืองไม่มีประโยชน์เพราะรากจะสร้างตรงรอยควั่นด้านบน ส่วนตัวผมจะใช้สำลีบางๆชุบน้ำยาไม่ต้องชุ่มพันรอบแผลรอยควั่นเลย ประเภทพืชอยากจะใช้เท่าไหร่เมื่อไหร่...จัดให้ เพราะกว่าที่พืชจะเริ่มสร้างรากจริงๆจังประมาณ1อาทิตย์หลังตอน เป็นไปตามหลักการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิต ถ้าไม่สร้างรากเองจะไม่มีอะไรกิน ก่อนหน้านั้นพืชจะใช้อาหารที่สะสมอยู่เดิมใช้ไปก่อนจนจะหมดจึงจะเริ่มสร้างราก เท่าที่สังเกตเอง แบบสำลีหุ้มรากจะงอกเร็ว ปริมาณมาก และรอบกิ่งมากกว่าทา ลองทำสองแบบเปรียบเทียบดูเองนะครับ ได้ผลอย่างไรขยายความรู้ด้วยครับ เพราะทำนอกตำรา ถ้ามีปัญหาเรื่องพืช ปุ๋ยสอบถามมาได้ครับที่ sk1964@yahoo.co.th ขอออกตัวก่อนว่าอาจจะตอบได้ไม่ทั้งหมด ขอให้เป็นเชิงความรู้ประสบการณ์เปรียบเทียบ เพระไม่ได้จบเกษตรมาครับอาศัยอ่านแล้วทำสังเกตุ และพิมพ์ได้ช้ามาก ใช้นิ้วเดียวกับตาหาตัวอักษร แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 50 09:49:12 จากคุณ : MSK Orange - [ วันเข้าพรรษา 09:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาเก็บความรู้ค่ะ กระทู้นี้ดีจัง จากคุณ : radiergummi - [ วันเข้าพรรษา 09:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เพิ่มเติม ทีสำคัญคือความชื้นที่ตำแหน่งตอน อย่าให้แห้ง ดังนั้นวัสดุที่หุ้มควรเป็นวัสดุอุ้มน้ำ บ้านเราดีที่สุดคือขุยมะพร้าว และใช้ถุงพลาสติคพันหุ้มรัดให้มิดชิดไม่ให้น้ำระเหย วัสดุต้องมีรูพรุน ให้รากใหม่ชอนไชเจริญเติบโตได้ดี กิ่งตอนที่ทำมุมกับพื้นโลกรากจะออกเฉพาะด้านล่าง กิ่งตอนที่ตั้งฉากกับพื้นโลก(กิ่งกระโดง)รากจะออกได้รอบกิ่ง การตอนง่ายกว่าการชำกิ่งจะแห้งตายมากกว่าเพราะ การชำมีตัวแปรมากกว่า ความชื้น โรค(เชื้อรา) ตัวช่วยสร้างราก(ใบ)น้อยกว่าเพราะเราเด็ดออกลดการคายน้ำ แต่มีปริมาณรากออกได้มากกว่าและรอบกิ่งกว่า โดยเฉลี่ยใช้เวลานานกว่าการตอนเป็นเดือนกว่าจะเอามาปลูกได้ต้องพิถีพิถันมากว่าถ้าตัดสินใจเปิดถุงเร็วไปตายยกเข่ง ยกเว้นไม้เนื้ออ่อนรากออกเร็วตายยาก จำพวกไม้ประดับง่ายๆ กิ่งตอนกิ่งจะไม่ตาย รากออกเร็ว 2 อาทิตย์บางทีก็เห็นรากได้ชื่นใจแล้ว เพราะตอนที่ใช้อาหารสะสมหมด พวกยอด ใบที่เหลือจะช่วยกันสร้างราก เพราะกลัวอดตาย สังเกตดูได้ว่าหลังจากรากออกมาเต็มถุงแล้ว กิ่งตอนใบจะซีดเพราะได้ดูดแต่น้ำ กับกินขุยมะพร้าวในถุงที่หุ้มอยู่ ไม่ค่อยมีธาตุอาหารอะไรให้กิน จากคุณ : MSK Orange - [ วันเข้าพรรษา 10:17:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ส่วนที่คุณสูสี สิริจะไปตอนมะม่วง(ผมไม่เคยตอน) เท่าที่รู้ไม้ที่มียางจะตอนยาก ตามหลักการพอเราทาน้ำยาลงไป ก็จะไหลออกมาพร้อมยางเลยไม่มีฮอร์โมนจะใช้ สำลีพันน่าจะช่วยได้ โดยทั่วไปไม้ยืนต้น การชำ และตอนจะไม่มีรากแก้ว รากออกไม่ทั่วกิ่ง เมื่อผ่านไปหลายปีต้นใหญ่ขึ้น หน้าฝนดินอ่อน ถ้ามีลมจะโค่นง่ายเหมือนป้ายในกทม. แนะนำควรใช้กิ่งเสียบยอดสำหรับไม้ใหญ่ยืนต้นต้านลม ตอนหรือชำสำหรับไม้ประดับครับ ถ้านึกสนุกอยากเสียบยอดเองจะไม่สนุกตรงที่ต้องรอต้นตอให้ต้นเท่าปากกาใช้เวลาอย่างต่ำ 8 เดือน ไปซื้อมาปลูกดีกว่าครับ จากคุณ : MSK Orange - [ วันเข้าพรรษา 10:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณมากๆๆๆค่ะ แหมจิ้มดีก็ยังใจดีจิ้มตอบให้เสียยาวเลย... ตอนได้ผลอย่างไรจะมาส่งการบ้านค่ะ จากคุณ : สายเดี่ยว โจงกระเบน - [ วันเข้าพรรษา 14:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โห ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เพียบบบบ จากคุณ : ปลาวาฬทรายทะเล - [ วันเข้าพรรษา 22:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เก็บเข้าคลังกระทู้ นี่ขนาดจิ้มดีดนะนี่ ตอบได้ยาวมีความตั้งใจสูงมาก ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 50 10:42:00 จากคุณ : พ่อ@LLถุง - [ 1 ส.ค. 50 10:41:38 ]