ย้อนเวลากลับไปเมื่อวัยเยาว์ ฉันยังเด็กมาก ๆ ฉันพบกับตาลครั้งแรกตอนกลับจากบ้านญาติที่กาญจนบุรี ช่วงปิดเทอมสมัยเรียน ป. 4 พ่อแม่หลอกฉันว่ามันคือเจ้านิล สุนัขหลังอานผสมที่ก่อนหน้านี้พ่อให้คนอื่นไป ฉันร้องไห้จะเป็นจะตายเรียกร้องให้มันกลับมา พ่อจึงเอาน้องของเจ้านิลมาปลอบใจฉัน เมื่อฉันกลับมาบ้านมันเหมือนกันมากจนฉันแยกไม่ออก ฉันสังเกตเห็นเท้ามันลีบข้างหนึ่ง พ่อบอกว่ามันโดนโต๊ะหินอ่อนทับ ฉันต่อว่าพ่อใหญ่ว่าทำไมไม่รู้จักดูแลมันดี ๆ (มารู้ทีหลังว่ามันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เอามาแล้ว) เจ้าตาลในคราบของเจ้านิลเห็นฉันครั้งแรก ก็เห่าฉันใหญ่โต มันยืนเด่นบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ขนตั้งชัน แม้จะเห่าฉันเสียงดังลั่น แต่ก็ยังมีใจกระดิกหางให้ ฉันเดินไปลูบหัวมันด้วยความอ่อนโยน แต่กลับถูกมันอ้าปากจะงับมือฉันและเห่ากรรโชกอีก ดีที่ฉันเบี่ยงตัวหนีทัน ฉันไม่โกรธมันนะ แต่แปลกใจที่ทำไมเจ้านิลจึงจำฉันไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เราซี้กันมาก จนสังเกตได้ว่าคนอื่น ๆ ในบ้านเรียกเจ้านิลว่าเจ้าตาล และสุดท้ายแม่ก็บอกความจริงว่าแท้จริงแล้วเจ้านิลตัวนี้คือเจ้าตาลน้องสาวเจ้านิลอีกที พ่อเอามาปลอบใจฉันแทนสุนัขตัวเก่าที่ให้คนอื่นไป แว่บแรกฉันรู้สึกผิดหวังและเสียใจที่มันไม่ใช่เจ้านิลจริง ๆ แต่ความน่ารักของเจ้าตาลทำให้ฉันเปิดใจรับมันได้อย่างรวดเร็ว ทุก ๆ วันที่เลิกเรียนยังไม่มีใครกลับบ้าน ฉันจะมีเวลาเล่นกับเจ้าตาล ตาลเป็นเพื่อนที่น่ารัก สุภาพ และถ่อมตัวเสมอ ทุกครั้งที่ฉันกลับบ้านตาลจะดีใจร้องคลางหูตูบ กระดิกหางจนแทบจะหลุดออกมาจากก้นเสมอ แต่ตาลจะเป็นสุนัขที่ดุและน่ากลัวที่สุดในซอย ทุกคนต่างเข็ดขยาดเจ้าตาลทั้งเสียงและคมเขี้ยวของมัน ทุกครั้งที่มีแขกมาบ้านเราต้องล่ามโซ่ตาลทุกครั้ง แล้วค่อยให้เข้าไปทำความรู้จักกันอีกที คนที่มาที่บ้านจะเดินเหินไปไหนมาไหนก็ได้แต่ห้ามวิ่ง ถ้าจะออกจากบ้านหลังนี้ ห้ามหยิบอะไรติดไม้ติดมือออกไปเป็นเด็ดขาด มีฉะนั้นตาลจะกระโจนเข้ากัดทันที แม้ตัวเองจะถูกตีถูกว่าแรง ๆ กี่ครั้งก็ไม่เคยเข็ด ใครที่ไม่ใช่คนในบ้าน จะหยิบของอะไรออกจากบ้านไม่ได้เด็ดขาด หากไม่มีคนในบ้านเดินคู่ไปด้วย แม้ความดุของตาลเป็นที่กล่าวขานทั่วไปในซอย แต่ทุกครั้งที่ตาลถูกใครในบ้านตีแรง ๆตาลไม่เคยสักครั้งที่จะแว้งกัด ไม่เคยที่จะมีเสียงเห่าเสียขู่ หรือแม้แต่เสียงใด ๆ เล็ดรอดออกมา ตาลยอมปล่อยให้คนในบ้านตีจนสมใจทุกครั้ง จนคนตีเลิก มันจะแค่หูตูบไปข้าง ๆ กระดิกหางน้อย ๆ และเดินจากไปอย่างสงบ ไปอยู่ในที่ของมัน ตาลไม่ใช่หมาขี้ประจบและขี้อ้อน แต่ทุกครั้งที่เรียกมันจะมาหาเสมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งด้วยความซน ฉันเอาหนังยางไปเล่นกับตาลในตอนกลางคืน เล่นผูกไปผูกมาที่ขาหลังของตาล ตาลได้แต่มองและปล่อยให้ฉันเล่นไปตามอำเภอใจ จนลืม สองวันต่อมาแม่บอกเท้าเจ้าตาลเป็นอะไรไม่รู้ดูมันเดินเขย่ง ๆ ฉันสงสัยเลยเดินไปดูปรากฏว่าเท้ามันบวมเป่ง คิดว่ามันคงไปเดินเหยียบอะไรเข้า อีกสักพักก็คงหายเอง ฉันปล่อยมันไว้อย่างนั้นอีกหลายชั่วโมงกว่าจะฉุกใจคิดได้ว่าทำอะไรกับมันไว้ต้องรีบวิ่งไปดูมันอีกที จึงเห็นว่าที่เท้ามันถูกหนังยางรัดไว้แน่นจนบวม ฉันรีบแกะยางออก ฉันโกรธตัวเองมาก เล่นอะไรไม่เข้าท่าเลย ฉันลูบเนื้อลูบตัวเจ้าตาล พร่ำบอกขอโทษมันไม่รู้จบ มันได้แต่หูตูบ กระดิกหางและเลียมือให้ฉันเป็นการรับรู้ แม้เพียงไม่นานขาของเจ้าตาลจะยุบบวมและกลับมาเดินได้ตามปกติ แต่ฉันไม่อาจให้อภัยตัวเองในการกระทำของตัวเองวันนั้นจนถึงวันนี้ได้เลย
****************************************************************************
ตาลกับฉันผูกพันธ์กันมาก มีช่วงหนึ่งตอนสมัยฉันเรียน ปวช. ตาลแอบขึ้นไปห้องพ่อแล้วดันอึไว้ที่พื้นแต่ฉันไม่รู้ พ่อกลับมาโมโหตาลมาก (สมัยก่อนพ่อไม่ค่อยรักสัตว์ เวลาตีตาลตีแรงมาก บางครั้งตาลถึงกับร้องครางออกมา ทั้ง ๆ ที่มันเป็นหมาที่มีความอดทนมาก ไม่ว่าจะโดนอะไรแรง ๆ มันไม่เคยร้องเลยสักแอ่ะ) พ่อดึงเข็มขัดที่คาดเอวออกมา แล้วเรียกเจ้าตาลมากระหน่ำฟาดไม่ยั้ง ฉันรีบวางมือจากการบ้านวิ่งไปหามันเอาตัวกันมันไว้ทันที ฉันคิดโง่ ๆ ว่าฉันเป็นลูก ลูกแท้ ๆ ของพ่อ พ่อคงไม่ใจร้ายตีลูกในไส้ของตัวเองได้ลงหรอก แต่ผิดถนัด พ่อด่าฉัน ว่าฉันไม่รู้จักดูแลบ้าน ตะหวาดให้ฉันหลบไป แต่เมื่อฉันไม่หลบ พ่อก็กระหน่ำใช้เข็มขัดฟาดมาที่ตามตัวฉัน ฉันพยายามใช้ร่างกายเล็ก ๆ นั้นปกป้องและบังร่างของเจ้าตาลให้ได้มาก ฉันสำนึกได้ในนาทีนั้นเองว่าตาลต้องเจ็บปวดมากมายขนาดไหนในทุก ๆ ครั้งที่ถูกตี มันเจ็บมาก ๆ มาก ๆเลยจริง ๆ ฉันสัญญากับตัวเองในตอนนั้นว่าจะไม่ตีตาลด้วยอารมณ์อีกต่อไป ในระหว่างนั้นพ่อยังคงหวดฉันและตาลไม่ยั้ง ฉันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ปากก็อ้อนวอนขอพ่อทั้งน้ำตา ให้พ่อหยุดตีเดี๋ยวฉันจะรีบขึ้นไปทำความสะอาดให้เดี๋ยวนี้ จังหวะนั้นฉันรีบฉวยโอกาสเปิดประตูให้ตาลหนีออกไปพร้อมกับฉัน ฉันจะไปเอาผ้ามาทำความสะอาดพื้น แต่ตาลไม่ออกมากับฉัน พ่อเดินตามมาปิดประตูหวังที่จะแยกฉันและตาลให้ออกจากกัน แต่ฉันไม่ยอมยื้อยุดกันอยู่ พ่อกระชากประตูปิดใส่หน้าฉัน เป็นผลทำให้หน้าผากฉันกระแทกเข้ากับขอบประตูอย่างแรงมันมึนไปหมดจนแทบจะเป็นลมไปตรงนั้น แต่ฉันก็ยังกัดฟันดึงประตูเข้าไปจนได้ ฉันแผดเสียงก้องด้วยความโมโห ว่าพ่อทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ว่าทุกคนทำไมไม่เข้ามาช่วยกันบ้าง จนในที่สุดแม่ห้ามพ่อบอกว่าให้พอแล้ว ฉันโกรธพ่อที่ตีฉันไม่ยังจนเป็นแผลทั้งตัว โดยเฉพาะที่หัว โกรธแม่ที่ทำไมไม่เข้ามาช่วยกันตั้งแต่ทีแรก ทุกคนกลัวพ่อหมด ฉันก็กลัว แต่ฉันกลัวตาลเจ็บมากกว่า วันนั้นหลังจากทำความสะอาดบ้านเสร็จ ฉันลงมานั่งกอดคอร้องไห้กับตาลอีกจนดึก มันเป็นความผิดของฉันเองที่ ปล่อยตาลเข้าบ้าน เพราะอยากอยู่ใกล้ ๆ กัน ผิดที่ไม่คอยดูว่ามันแอบซุกซนหนีขึ้นไปชั้นบนตั้งแต่เมื่อไหร่ ผิดที่ไม่ทำความสะอาดบ้านให้ดีก่อนพ่อกลับ
.
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
จากคุณ :
No More No Mood!!!
- [
10 ก.ย. 50 17:08:22
]